ยุคนี้อยู่ลำบาก คนทำมาหากินอยู่ยาก ของแพงทั้งแผ่นดิน ต้องแบกต้นทุนจนเหนื่อย
https://brandinside.asia/expensive-era/
ช่างภาพจาก Brand Inside ลงพื้นที่สำรวจสถานการณ์ของแพงทั้งแผ่นดินจากพ่อค้าแม่ค้าในตลาด ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ยุคนี้ขายของได้น้อย ไม่ค่อยมีคนซื้อ ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะของแพง เศรษฐกิจซบเซา คนก็ไม่มีกำลังซื้อ รายได้ของพ่อค้าแม่ค้าก็ลดลงไปด้วย ไหนจะต้องมาแบกรับต้นทุนที่สูงขึ้นอีก แถมราคาหน้าร้านก็ยังไม่สามารถปรับขึ้นได้
ชรินทร์ เจ้าของร้านขายผักสด
เล่าให้ฟังว่า ของแพงขึ้น ผู้บริโภคก็ลดจำนวนน้อยลงมาก ต่างจากเมื่อก่อนครึ่งต่อครึ่งเลย สาเหตุสำคัญก็มาทั้งจากโควิดและเศรษฐกิจแย่ แถมน้ำมันยังแพงอีก เรียกได้ว่า ผลกระทบจากโควิดระบาดนี่ซัดกันมาเต็มๆ ลูกค้าก็เข้าร้านน้อย ถือว่าลำบากมากเพราะเราไม่สามารถสต็อกของได้เลย เราไม่รู้ว่าจะมีลูกค้าจำนวนเท่าไร ขายได้เท่าไร ถ้าวันไหนผักเหลือ ก็ต้องเททิ้ง
ไม่ใช่แค่เศรษฐกิจแย่และผลกระทบจากโควิดเท่านั้น แต่เพราะค่าขนส่งที่มีต้นทุนสูงกว่าเดิม ทำให้ราคาผักตามหน้าสวนปรับราคาขึ้นหมด เพราะน้ำมันก็แพง แถมค่ายา ค่าปุ๋ยขึ้นตามๆ กันไปหมด ส่งผลกระทบกันทั่ว ที่ขายอยู่นี่ก็ขายได้แต่แบบไม่ชั่งกิโล ขายได้น้อย ร้านยังต้องขายราคาเดิมและยังต้องลดจำนวนการขายลงด้วย
ร้านขายอาหารทะเลสด วารินทร์ แม่ค้าร้านสามชายทะเลสด
เล่าให้ฟังว่า ต้นทุนก็ราคาสูงขึ้น แต่ก็ยังต้องขายราคาเดิม ขึ้นราคาไม่ได้ ถ้าขึ้นราคา ลูกค้าก็จะไม่ซื้อเลย ตอนนี้บรรยากาศค่อนข้างแย่ ไม่ค่อยมีคนเดินตลาด เพราะโควิดระบาดด้วยและก็สภาพเศรษฐที่ซบเซา เป็นอย่างนี้นานๆ สถานการณ์จะยิ่งแย่ เพราะมันไม่ใช่แค่เจ้าของร้านที่แบกต้นทุนอยู่ ไม่ใช่แค่ลูกค้าไม่กล้าเดินจ่ายตลาดเพราะโควิดระบาดหรือเงินไม่ค่อยมี แต่มันจะแย่หนักเมื่อผลกระทบนี้ไปตกที่ลูกจ้าง
ผลกระทบจะไม่ตกที่ลูกจ้างได้ยังไง ในเมื่อรายได้เจ้าของธุรกิจลดลงแต่ต้นทุนยังเท่าเดิม ค่าใช้จ่ายก็เท่าเดิม ทางออกสุดท้ายก็คือต้องคัดลูกจ้างออก แค่นี้ก็ซื้อวัตถุดิบน้อยลงกว่าเดิมมากถึง 70-80% แล้ว นอกจากต้องลดต้นทุนทุกทางก็ต้องควบคุมคุณภาพสินค้าให้ดี สถานการณ์ที่ไม่แน่นอนอย่างนี้ บอกได้คำเดียวว่าสต็อกของได้ยากมาก คาดการณ์ไม่ถูก
ร้านขายหมูสด โดยม่อน แม่ค้าร้านณรงค์หมูสด
ม่อนเล่าว่าราคาหมูหน้าฟาร์มปรับราคาแพงขึ้น 4 บาทต่อกิโลกรัม ถ้าเห็นหมูชิ้นส่วนก็ปรับราคาขึ้นไปอีกถึง 8 บาทต่อกิโลกรัม ทุกอย่างแพงหมด ราคาน้ำมันแพงก็ทำให้หมูแพงขึ้นตามไปด้วย หมูแพงเพราะหมูมันขาดแคลนและหมูที่เกิดใหม่ก็โตไม่ทันกินด้วย หมูจึงมีราคาแพง
ไม่ใช่แค่หมูโตไม่ทัน แต่ค่าอาหารหมูหรือค่าดูแลหมูต่างๆ เหล่านี้ก็มีราคาสูงขึ้น พอราคาเหล่านี้มันปรับตัวขึ้น ราคาหมูหน้าฟาร์มก็ปรับราคาขึ้นตามไปด้วย ยุคนี้เป็นยุคที่ผู้บริโภคลดจำนวนลง ถ้าเขาจำเป็นต้องซื้อหมูไปกิน เขาก็ซื้อน้อยลง บ้างก็หันไปกินเนื้อสัตว์ชนิดอื่นที่มีราคาถูกกว่ามาบริโภคแทน ตั้งแต่โควิดเริ่มระบาดมาก็ทำให้สถานการณ์แย่ลงเรื่อยๆ แม้จะระบาดลดลงแล้วก็ยังไม่ฟื้นตัวขึ้นเลย
ถ้าอยากจะฝากอะไรถึงรัฐบาลได้ ก็ขอให้รัฐบาลช่วยจัดการให้เศรษฐกิจดีขึ้นหน่อย ช่วยควบคุมราคาน้ำมันที่แพงขึ้นหน่อย เพราะมันทำให้กระทบราคาสินค้าชนิดอื่นจนราคาแพงขึ้นตามๆ กัน รัฐบาลช่วยดูแลเห็นใจประชาชนและผู้ค้ารายย่อยบ้าง ที่เป็นอยู่นี้ก็ลำบากมากเหลือเกินแล้ว
กองทุนน้ำมันติดลบ! ยื่นรัฐขอใช้งบกลาง เสริมสภาพคล่องอุ้มดีเซล
https://ch3plus.com/news/economy/ruangden/293166
วิกฤต กองทุนน้ำมันเหลือสภาพคล่อง อุ้มน้ำมันดีเซลอีกเพียง 1 เดือนเท่านั้น เสนอรัฐบาลใช้งบกลางเข้าเสริมสภาพคล่องด่วน หลังการเจรจาเงินกู้กับสถาบันการเงินไม่คืบ
โดยนายวิศักดิ์ วัฒนศัพท์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เปิดเผยว่า กองทุนน้ำมันฯได้เสนอขอให้รัฐบาลใช้งบกลาง เติมสภาพคล่องให้กองทุนน้ำมันฯ เพื่อนำไปอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซล เนื่องจากการเจรจาขอกู้เงินจากสถาบันการเงิน ยังไม่มีข้อยุติ ซึ่งตามมาตรา 6 วงเล็บ 2 ของกองทุนน้ำมันฯ เปิดช่องให้รัฐบาลจัดสรรงบประมาณให้แก่กองทุนได้ในกรณีมีเหตุฉุกเฉิน และจำเป็นได้
ปัจจุบันกองทุนน้ำมันฯ มีเงินไหลเข้าเฉลี่ยเดือนละ 2 พันล้านบาท แต่มีเงินไหลออกเฉลี่ย 7 พันล้านบาท ทำให้ติดลบเดือนละ 5 พันล้านบาท ขณะที่มีกระแสเงินสดที่ฝากไว้ที่กระทรวงการคลังอีก 1.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งสามารถรองรับการอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซลได้อีก 1 เดือนเท่านั้น
เมื่อเทียบกับปริมาณการใช้น้ำมันดีเซลในประเทศ ที่เฉลี่ย 66 ล้านลิตรต่อวัน โดยกองทุนน้ำมัน ต้องใช้เงินอุดหนุนลิตรละ 6.50 บาท ซึ่งคาดว่าราคาน้ำมันดิบในตลาดจะปรับตัวสูงขึ้นอีก หลังจากที่ประเทศจีนคลายล็อกดาวน์ โดยปัจจุบันน้ำมันดิบ ดูไบ อยู่ที่ 107 -108 เหรียญต่อบาร์เรล
ขณะที่สรรพสามิต คาดเก็บภาษีปีนี้จะหลุดเป้าที่ตั้งไว้ โดยชี้ว่า อาจทำได้แค่ 5.2 - 5.3 แสนล้านบาท จากเป้า 5.9 แสนล้านบาท หลังการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลง 2 ครั้ง ส่งผลให้สูญเสียรายได้ รวม 3.7 หมื่นล้านบาท บวกกับภาวะเศรษฐกิจในขณะนี้ ซึ่งจะทำให้เป้าหมายการจัดเก็บภาษีในปีนี้ ที่ตั้งเป้าหมายไว้ 5.9 แสนล้านบาท ไม่เป็นไปตามเป้า ล่าสุด 7 เดือนแรกของปีงบประมาณ เก็บภาษีได้ต่ำกว่าเป้า 2.6 หมื่นล้านบาท
รับชมผ่านยูทูบ :
https://youtu.be/XcsS3bm6UE0
เพื่อไทย-ก้าวไกล จับมือเดินหน้างาน กทม. เคาะ ส.ก.พรรค พท.นั่ง ปธ.สภา
https://www.matichon.co.th/politics/news_3369478
พท.จับมือ ก.ก. เดินหน้างาน กทม. ยันเก้าอี้ ปธ.สภา เป็น ส.ก.เพื่อไทย
เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม ที่โรงแรมแลงคาสเตอร์ แกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) และพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ร่วมแถลงข่าวจับมือร่วมกันขับเคลื่อนงานในสภา กทม. นำโดยนาย
ประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย, นา
ยชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค และนาย
วิโรจน์ ลักขณาอดิศร อดีตผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. พร้อมด้วยสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร ทั้ง 2 พรรค ร่วมหารือกัน โดยการหารือมีข้อตกลงในการทำงานร่วมกันในประเด็นต่างๆ กล่าวคือ ส.ก.จากทั้งสองพรรคจะร่วมกันทำงานยกระดับประสิทธิภาพและความโปร่งใสของสภา กทม. ร่วมกันเห็นชอบลงมติเลือกประธานสภา และรองประธานสภา กทม. ให้การทำงานมีเอกภาพ โดยประธานสภา กทม. จะมาจากเพื่อไทย ในฐานะที่ได้ ส.ก.มากที่สุด ตามมาด้วยตำแหน่งรองประธานจากพรรค ก.ก. และพรรคอื่นๆ ที่ได้จำนวน ส.ก. ลดหลั่นไปตามลำดับ
นอกจากนี้ ส.ก.จากทั้งสองพรรคจะร่วมเห็นชอบให้แก้ไขข้อบังคับการประชุมสภา กทม. เพิ่มคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต และจะร่วมเห็นชอบให้ถ่ายทอดสดการประชุมสภา กทม. เพื่อความโปร่งใส และการมีส่วนร่วมของประชาชน
นาย
ประเสริฐกล่าวว่า หลังจากได้หารือแล้ว ทั้งสองพรรคจะทำงานร่วมกัน เห็นชอบในการลงมติเลือกประธานสภากรุงเทพฯ และรองประธาน โดยทางนาย
วิชาญ มีนชัยนันท์ ประธานภาค กทม.ของเพื่อไทย แจ้งว่าประธานสภากรุงเทพฯนั้น จะเป็นของ ส.ก.เพื่อไทย ส่วนจะเป็นใครก็ต้องพิจารณากันอีกครั้ง
ด้านนาย
ชัยธวัชกล่าวว่า ส.ก.จากทั้งสองพรรคเห็นชอบให้มีการแก้ไขข้อบังคับการประชุมสภา เพื่อให้มีการตั้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน เพื่อทำให้การบริหารของ กทม.เป็นไปด้วยความสุจริต ส.ก.จากทั้งสองพรรคมีความมุ่งหวังที่จะทุ่มเทการทำงานให้กับประชาชนชาว กทม.อย่างเต็มที่ เพื่อให้สภา กทม.เป็นที่พึ่งของชาวกรุงเทพมหานครได้ในอนาคต
ด้าน นาย
วิโรจน์กล่าวว่า เราจะร่วมกันผลักดัน นโยบายที่ทั้งสองพรรคหาเสียงไว้กับประชาชน ผ่านสภา กทม. เพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อประชาชนได้มากที่สุด ซึ่ง ส.ก.พรรค พท. และนาย
ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ว่าที่ผู้ว่าฯกทม.ได้ตอบรับและเห็นด้วยกับนโยบายของพรรค ก.ก.แล้ว จนนำมาสู่การเป็นข้อตกลงทำงานร่วมกันในวันนี้ ส่วนนโยบายที่จะผลักดันในด้านอื่นๆ จะหารือเพื่อผลักดันร่วมกันต่อไปในอนาคต
พท.จวก 'ไพบูลย์' แถปมนโยบาย พปชร. ลั่นเอาเวลาไปทำที่ "ลบโพสต์" ให้สำเร็จ
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7081595
เพื่อไทย จวก ‘ไพบูลย์’ แถปม พปชร.ทำนโยบายไม่ได้ เพราะพรรคไม่ได้ดูแลกระทรวง ลั่นถ้าว่างมาก เอาเวลาไปทำที่ “ลบโพสต์” ให้สำเร็จ
เมื่อวันที่ 27 พ.ค. 2565 นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีนายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) บอกว่าพรรค พท.ไม่ควรโหนนาย
ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เรื่องแลนด์สไลด์ ว่า ประชาชนเบื่อหน่ายกับการเมืองแบบเก่าล้าสมัย ที่พาดพิงพรรคการเมืองอื่นให้เสียหาย สะท้อนนาย
ไพบูลย์ก้าวไม่พ้นการเมืองโบราณ ไม่สร้างสรรค์ ประชาชนไม่ได้ประโยชน์ ขอยืนยันว่าพรรค พท.ไม่ได้โหนนาย
ชัชชาติ เพียงแต่บอกว่า ผลการเลือกตั้งที่ออกมาสะท้อนว่าประชาชนเบื่อหน่ายรัฐบาลสืบทอดอำนาจ และนับถอยหลังเครือข่ายอำนาจ 3 ป. เป็นชัยชนะของพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย
นาย
อนุสรณ์ กล่าวต่อว่า พรรคพท.ได้ ส.ก.มากถึง 20 ที่นั่ง ขณะที่พรรคพปชร.ได้แค่ 2 ที่นั่ง มากกว่ากัน 10 เท่า ไม่สะท้อนอะไรให้นาย
ไพบูลย์เห็นเลยหรือ และการพยายามแถว่านโยบายที่พรรคพปชร.ทำไม่ได้ เพราะพรรคไม่ได้ดูแลกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับนโยบายนั้นๆ ฟังไม่ขึ้น พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา แคนดิเดตนายกฯ ของพรรค พปชร.เป็นหัวหน้ารัฐบาล หน่วยงานที่กำกับนโยบายด้านการเงินการคลัง ก็ไม่ได้อยู่ในมือของพรรคร่วมรัฐบาล จะปฏิเสธยังไงก็เขวี้ยงงูไม่พ้นคอ จะแถกลับอะไรต้องดูบริบทความเป็นจริงด้วย
นายอนุสรณ์ กล่าวอีกว่า ส่วนการวิพากษ์วิจารณ์ว่าเอาคนอายุน้อยมาเป็นหัวหน้าครอบครัวพท.นั้น ยิ่งเป็นการเสียมารยาท น.ส.
แพทองธาร ชินวัตร ประธานที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัฒกรรม หัวหน้าครอบครัวพท.ชวนคนที่ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค มาเป็นครอบครัวเพื่อไทย ใครจะเข้าร่วมหรือไม่ถือเป็นสิทธิ นาย
ไพบูลย์หรือพรรคพปชร.จะเสนอคนอายุใกล้ 70 หรือมากกว่านั้นมาเป็นแคนดิเดตนายกฯ ก็เป็นสิทธิ นาย
ไพบูลย์ ไม่ควรเหยียดอายุ เอาโลกทัศน์ของตนเองไปครอบงำคนอื่น
“ถ้านายไพบูลย์มีเวลาว่างมากก็เอาเวลาไปผลักดันนโยบายที่หายไปจากการลบโพสต์มาทำให้สำเร็จ เพราะนโยบายที่หาเสียงแต่ทำไม่ได้หรือไม่ได้ทำ อาจเข้าข่ายหลอกลวงประชาชน หรือถ้ายังมีเวลาเหลือลองไปหาคำตอบว่า นายไพบูลย์เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับที่เท่าไหร่ของพรรคพปชร.ที่คนสงสัยกันทั้งประเทศจะดีกว่า” นาย
อนุสรณ์ ระบุ
JJNY : 5in1 ยุคนี้อยู่ลำบาก│กองทุนน้ำมันติดลบ!│พท.-กก.จับมือเดินหน้างานกทม.│พท.จวกไพบูลย์แถปมนโยบาย│ชาวบางบัวร้องชัชชาติ
https://brandinside.asia/expensive-era/
ชรินทร์ เจ้าของร้านขายผักสด
เล่าให้ฟังว่า ของแพงขึ้น ผู้บริโภคก็ลดจำนวนน้อยลงมาก ต่างจากเมื่อก่อนครึ่งต่อครึ่งเลย สาเหตุสำคัญก็มาทั้งจากโควิดและเศรษฐกิจแย่ แถมน้ำมันยังแพงอีก เรียกได้ว่า ผลกระทบจากโควิดระบาดนี่ซัดกันมาเต็มๆ ลูกค้าก็เข้าร้านน้อย ถือว่าลำบากมากเพราะเราไม่สามารถสต็อกของได้เลย เราไม่รู้ว่าจะมีลูกค้าจำนวนเท่าไร ขายได้เท่าไร ถ้าวันไหนผักเหลือ ก็ต้องเททิ้ง
ไม่ใช่แค่เศรษฐกิจแย่และผลกระทบจากโควิดเท่านั้น แต่เพราะค่าขนส่งที่มีต้นทุนสูงกว่าเดิม ทำให้ราคาผักตามหน้าสวนปรับราคาขึ้นหมด เพราะน้ำมันก็แพง แถมค่ายา ค่าปุ๋ยขึ้นตามๆ กันไปหมด ส่งผลกระทบกันทั่ว ที่ขายอยู่นี่ก็ขายได้แต่แบบไม่ชั่งกิโล ขายได้น้อย ร้านยังต้องขายราคาเดิมและยังต้องลดจำนวนการขายลงด้วย
ร้านขายอาหารทะเลสด วารินทร์ แม่ค้าร้านสามชายทะเลสด
เล่าให้ฟังว่า ต้นทุนก็ราคาสูงขึ้น แต่ก็ยังต้องขายราคาเดิม ขึ้นราคาไม่ได้ ถ้าขึ้นราคา ลูกค้าก็จะไม่ซื้อเลย ตอนนี้บรรยากาศค่อนข้างแย่ ไม่ค่อยมีคนเดินตลาด เพราะโควิดระบาดด้วยและก็สภาพเศรษฐที่ซบเซา เป็นอย่างนี้นานๆ สถานการณ์จะยิ่งแย่ เพราะมันไม่ใช่แค่เจ้าของร้านที่แบกต้นทุนอยู่ ไม่ใช่แค่ลูกค้าไม่กล้าเดินจ่ายตลาดเพราะโควิดระบาดหรือเงินไม่ค่อยมี แต่มันจะแย่หนักเมื่อผลกระทบนี้ไปตกที่ลูกจ้าง
ผลกระทบจะไม่ตกที่ลูกจ้างได้ยังไง ในเมื่อรายได้เจ้าของธุรกิจลดลงแต่ต้นทุนยังเท่าเดิม ค่าใช้จ่ายก็เท่าเดิม ทางออกสุดท้ายก็คือต้องคัดลูกจ้างออก แค่นี้ก็ซื้อวัตถุดิบน้อยลงกว่าเดิมมากถึง 70-80% แล้ว นอกจากต้องลดต้นทุนทุกทางก็ต้องควบคุมคุณภาพสินค้าให้ดี สถานการณ์ที่ไม่แน่นอนอย่างนี้ บอกได้คำเดียวว่าสต็อกของได้ยากมาก คาดการณ์ไม่ถูก
ร้านขายหมูสด โดยม่อน แม่ค้าร้านณรงค์หมูสด
ม่อนเล่าว่าราคาหมูหน้าฟาร์มปรับราคาแพงขึ้น 4 บาทต่อกิโลกรัม ถ้าเห็นหมูชิ้นส่วนก็ปรับราคาขึ้นไปอีกถึง 8 บาทต่อกิโลกรัม ทุกอย่างแพงหมด ราคาน้ำมันแพงก็ทำให้หมูแพงขึ้นตามไปด้วย หมูแพงเพราะหมูมันขาดแคลนและหมูที่เกิดใหม่ก็โตไม่ทันกินด้วย หมูจึงมีราคาแพง
ไม่ใช่แค่หมูโตไม่ทัน แต่ค่าอาหารหมูหรือค่าดูแลหมูต่างๆ เหล่านี้ก็มีราคาสูงขึ้น พอราคาเหล่านี้มันปรับตัวขึ้น ราคาหมูหน้าฟาร์มก็ปรับราคาขึ้นตามไปด้วย ยุคนี้เป็นยุคที่ผู้บริโภคลดจำนวนลง ถ้าเขาจำเป็นต้องซื้อหมูไปกิน เขาก็ซื้อน้อยลง บ้างก็หันไปกินเนื้อสัตว์ชนิดอื่นที่มีราคาถูกกว่ามาบริโภคแทน ตั้งแต่โควิดเริ่มระบาดมาก็ทำให้สถานการณ์แย่ลงเรื่อยๆ แม้จะระบาดลดลงแล้วก็ยังไม่ฟื้นตัวขึ้นเลย
ถ้าอยากจะฝากอะไรถึงรัฐบาลได้ ก็ขอให้รัฐบาลช่วยจัดการให้เศรษฐกิจดีขึ้นหน่อย ช่วยควบคุมราคาน้ำมันที่แพงขึ้นหน่อย เพราะมันทำให้กระทบราคาสินค้าชนิดอื่นจนราคาแพงขึ้นตามๆ กัน รัฐบาลช่วยดูแลเห็นใจประชาชนและผู้ค้ารายย่อยบ้าง ที่เป็นอยู่นี้ก็ลำบากมากเหลือเกินแล้ว
กองทุนน้ำมันติดลบ! ยื่นรัฐขอใช้งบกลาง เสริมสภาพคล่องอุ้มดีเซล
https://ch3plus.com/news/economy/ruangden/293166
วิกฤต กองทุนน้ำมันเหลือสภาพคล่อง อุ้มน้ำมันดีเซลอีกเพียง 1 เดือนเท่านั้น เสนอรัฐบาลใช้งบกลางเข้าเสริมสภาพคล่องด่วน หลังการเจรจาเงินกู้กับสถาบันการเงินไม่คืบ
โดยนายวิศักดิ์ วัฒนศัพท์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เปิดเผยว่า กองทุนน้ำมันฯได้เสนอขอให้รัฐบาลใช้งบกลาง เติมสภาพคล่องให้กองทุนน้ำมันฯ เพื่อนำไปอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซล เนื่องจากการเจรจาขอกู้เงินจากสถาบันการเงิน ยังไม่มีข้อยุติ ซึ่งตามมาตรา 6 วงเล็บ 2 ของกองทุนน้ำมันฯ เปิดช่องให้รัฐบาลจัดสรรงบประมาณให้แก่กองทุนได้ในกรณีมีเหตุฉุกเฉิน และจำเป็นได้
ปัจจุบันกองทุนน้ำมันฯ มีเงินไหลเข้าเฉลี่ยเดือนละ 2 พันล้านบาท แต่มีเงินไหลออกเฉลี่ย 7 พันล้านบาท ทำให้ติดลบเดือนละ 5 พันล้านบาท ขณะที่มีกระแสเงินสดที่ฝากไว้ที่กระทรวงการคลังอีก 1.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งสามารถรองรับการอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซลได้อีก 1 เดือนเท่านั้น
เมื่อเทียบกับปริมาณการใช้น้ำมันดีเซลในประเทศ ที่เฉลี่ย 66 ล้านลิตรต่อวัน โดยกองทุนน้ำมัน ต้องใช้เงินอุดหนุนลิตรละ 6.50 บาท ซึ่งคาดว่าราคาน้ำมันดิบในตลาดจะปรับตัวสูงขึ้นอีก หลังจากที่ประเทศจีนคลายล็อกดาวน์ โดยปัจจุบันน้ำมันดิบ ดูไบ อยู่ที่ 107 -108 เหรียญต่อบาร์เรล
ขณะที่สรรพสามิต คาดเก็บภาษีปีนี้จะหลุดเป้าที่ตั้งไว้ โดยชี้ว่า อาจทำได้แค่ 5.2 - 5.3 แสนล้านบาท จากเป้า 5.9 แสนล้านบาท หลังการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลง 2 ครั้ง ส่งผลให้สูญเสียรายได้ รวม 3.7 หมื่นล้านบาท บวกกับภาวะเศรษฐกิจในขณะนี้ ซึ่งจะทำให้เป้าหมายการจัดเก็บภาษีในปีนี้ ที่ตั้งเป้าหมายไว้ 5.9 แสนล้านบาท ไม่เป็นไปตามเป้า ล่าสุด 7 เดือนแรกของปีงบประมาณ เก็บภาษีได้ต่ำกว่าเป้า 2.6 หมื่นล้านบาท
รับชมผ่านยูทูบ : https://youtu.be/XcsS3bm6UE0
เพื่อไทย-ก้าวไกล จับมือเดินหน้างาน กทม. เคาะ ส.ก.พรรค พท.นั่ง ปธ.สภา
https://www.matichon.co.th/politics/news_3369478
พท.จับมือ ก.ก. เดินหน้างาน กทม. ยันเก้าอี้ ปธ.สภา เป็น ส.ก.เพื่อไทย
เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม ที่โรงแรมแลงคาสเตอร์ แกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) และพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ร่วมแถลงข่าวจับมือร่วมกันขับเคลื่อนงานในสภา กทม. นำโดยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย, นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค และนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร อดีตผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. พร้อมด้วยสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร ทั้ง 2 พรรค ร่วมหารือกัน โดยการหารือมีข้อตกลงในการทำงานร่วมกันในประเด็นต่างๆ กล่าวคือ ส.ก.จากทั้งสองพรรคจะร่วมกันทำงานยกระดับประสิทธิภาพและความโปร่งใสของสภา กทม. ร่วมกันเห็นชอบลงมติเลือกประธานสภา และรองประธานสภา กทม. ให้การทำงานมีเอกภาพ โดยประธานสภา กทม. จะมาจากเพื่อไทย ในฐานะที่ได้ ส.ก.มากที่สุด ตามมาด้วยตำแหน่งรองประธานจากพรรค ก.ก. และพรรคอื่นๆ ที่ได้จำนวน ส.ก. ลดหลั่นไปตามลำดับ
นอกจากนี้ ส.ก.จากทั้งสองพรรคจะร่วมเห็นชอบให้แก้ไขข้อบังคับการประชุมสภา กทม. เพิ่มคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต และจะร่วมเห็นชอบให้ถ่ายทอดสดการประชุมสภา กทม. เพื่อความโปร่งใส และการมีส่วนร่วมของประชาชน
นายประเสริฐกล่าวว่า หลังจากได้หารือแล้ว ทั้งสองพรรคจะทำงานร่วมกัน เห็นชอบในการลงมติเลือกประธานสภากรุงเทพฯ และรองประธาน โดยทางนายวิชาญ มีนชัยนันท์ ประธานภาค กทม.ของเพื่อไทย แจ้งว่าประธานสภากรุงเทพฯนั้น จะเป็นของ ส.ก.เพื่อไทย ส่วนจะเป็นใครก็ต้องพิจารณากันอีกครั้ง
ด้านนายชัยธวัชกล่าวว่า ส.ก.จากทั้งสองพรรคเห็นชอบให้มีการแก้ไขข้อบังคับการประชุมสภา เพื่อให้มีการตั้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน เพื่อทำให้การบริหารของ กทม.เป็นไปด้วยความสุจริต ส.ก.จากทั้งสองพรรคมีความมุ่งหวังที่จะทุ่มเทการทำงานให้กับประชาชนชาว กทม.อย่างเต็มที่ เพื่อให้สภา กทม.เป็นที่พึ่งของชาวกรุงเทพมหานครได้ในอนาคต
ด้าน นายวิโรจน์กล่าวว่า เราจะร่วมกันผลักดัน นโยบายที่ทั้งสองพรรคหาเสียงไว้กับประชาชน ผ่านสภา กทม. เพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อประชาชนได้มากที่สุด ซึ่ง ส.ก.พรรค พท. และนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ว่าที่ผู้ว่าฯกทม.ได้ตอบรับและเห็นด้วยกับนโยบายของพรรค ก.ก.แล้ว จนนำมาสู่การเป็นข้อตกลงทำงานร่วมกันในวันนี้ ส่วนนโยบายที่จะผลักดันในด้านอื่นๆ จะหารือเพื่อผลักดันร่วมกันต่อไปในอนาคต
พท.จวก 'ไพบูลย์' แถปมนโยบาย พปชร. ลั่นเอาเวลาไปทำที่ "ลบโพสต์" ให้สำเร็จ
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7081595
เพื่อไทย จวก ‘ไพบูลย์’ แถปม พปชร.ทำนโยบายไม่ได้ เพราะพรรคไม่ได้ดูแลกระทรวง ลั่นถ้าว่างมาก เอาเวลาไปทำที่ “ลบโพสต์” ให้สำเร็จ
เมื่อวันที่ 27 พ.ค. 2565 นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีนายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) บอกว่าพรรค พท.ไม่ควรโหนนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เรื่องแลนด์สไลด์ ว่า ประชาชนเบื่อหน่ายกับการเมืองแบบเก่าล้าสมัย ที่พาดพิงพรรคการเมืองอื่นให้เสียหาย สะท้อนนายไพบูลย์ก้าวไม่พ้นการเมืองโบราณ ไม่สร้างสรรค์ ประชาชนไม่ได้ประโยชน์ ขอยืนยันว่าพรรค พท.ไม่ได้โหนนายชัชชาติ เพียงแต่บอกว่า ผลการเลือกตั้งที่ออกมาสะท้อนว่าประชาชนเบื่อหน่ายรัฐบาลสืบทอดอำนาจ และนับถอยหลังเครือข่ายอำนาจ 3 ป. เป็นชัยชนะของพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย
นายอนุสรณ์ กล่าวต่อว่า พรรคพท.ได้ ส.ก.มากถึง 20 ที่นั่ง ขณะที่พรรคพปชร.ได้แค่ 2 ที่นั่ง มากกว่ากัน 10 เท่า ไม่สะท้อนอะไรให้นายไพบูลย์เห็นเลยหรือ และการพยายามแถว่านโยบายที่พรรคพปชร.ทำไม่ได้ เพราะพรรคไม่ได้ดูแลกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับนโยบายนั้นๆ ฟังไม่ขึ้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แคนดิเดตนายกฯ ของพรรค พปชร.เป็นหัวหน้ารัฐบาล หน่วยงานที่กำกับนโยบายด้านการเงินการคลัง ก็ไม่ได้อยู่ในมือของพรรคร่วมรัฐบาล จะปฏิเสธยังไงก็เขวี้ยงงูไม่พ้นคอ จะแถกลับอะไรต้องดูบริบทความเป็นจริงด้วย
นายอนุสรณ์ กล่าวอีกว่า ส่วนการวิพากษ์วิจารณ์ว่าเอาคนอายุน้อยมาเป็นหัวหน้าครอบครัวพท.นั้น ยิ่งเป็นการเสียมารยาท น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัฒกรรม หัวหน้าครอบครัวพท.ชวนคนที่ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค มาเป็นครอบครัวเพื่อไทย ใครจะเข้าร่วมหรือไม่ถือเป็นสิทธิ นายไพบูลย์หรือพรรคพปชร.จะเสนอคนอายุใกล้ 70 หรือมากกว่านั้นมาเป็นแคนดิเดตนายกฯ ก็เป็นสิทธิ นายไพบูลย์ ไม่ควรเหยียดอายุ เอาโลกทัศน์ของตนเองไปครอบงำคนอื่น
“ถ้านายไพบูลย์มีเวลาว่างมากก็เอาเวลาไปผลักดันนโยบายที่หายไปจากการลบโพสต์มาทำให้สำเร็จ เพราะนโยบายที่หาเสียงแต่ทำไม่ได้หรือไม่ได้ทำ อาจเข้าข่ายหลอกลวงประชาชน หรือถ้ายังมีเวลาเหลือลองไปหาคำตอบว่า นายไพบูลย์เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับที่เท่าไหร่ของพรรคพปชร.ที่คนสงสัยกันทั้งประเทศจะดีกว่า” นายอนุสรณ์ ระบุ