

https://www.bangkokbiznews.com/social/1006714




https://www.naewna.com/local/656354

สธ.งัด‘วัคซีนฝีดาษ’เก็บแช่แข็ง 43 ปีตรวจคุณภาพ พบยังเพาะเชื้อได้
วันศุกร์ ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2565, 16.05 น.

สธ.งัด‘วัคซีนฝีดาษ’เก็บแช่แข็ง 43 ปีตรวจคุณภาพ พบยังเพาะเชื้อได้
27 พฤษภาคม 2565 ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงการเฝ้าระวังโรคฝีดาษวานร หรือ ฝีดาษลิง (Monkeypox) ในประเทศไทย ว่า เมื่อวานนี้ (26 พฤษภาคม 2565) ตนเดินทางกลับมาจากการประชุมร่วมกับองค์การอนามัยโลก(WHO) เมื่อเข้ามาถึงด่านควบคุมโรคระหว่างประเทศ นพ.โรม บัวทอง นายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญกองระบาดวิทยาและกองด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ กรมควบคุมโรค ได้พาเดินดูมาตรการเฝ้าระวังที่สนามบิน ขอย้ำว่าผู้ที่เดินทางเข้าไทยยังต้องกรอกข้อมูล Thailand pass อยู่ หากผู้ที่สงสัยป่วยเป็นโรคฝีดาษลิง ทางกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์มี DNA Code เพื่อตรวจหาเชื้อจากสารคัดหลั่งได้
เมื่อมีผู้ที่เข้าข่ายสงสัย จะเชิญมารับการตรวจที่สถาบันบำราศนราดูร เก็บตัวอย่างเชื้อไปตรวจ ซึ่งพบว่าเป็นการติดเชื้ออื่น คือ เชื้อเริม อย่างไรก็ตามจะต้องมีการระวังเรื่องการสัมผัสกับผู้อื่น ฉะนั้นการสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ และเว้นระยะห่าง จะช่วยให้ห่างไกลความเสี่ยงติดเชื้อฝีดาษลิงได้” นายอนุทิน กล่าว
เมื่อถามว่าขณะนี้มีการตรวจเชื้อผู้ที่สงสัยอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า ตรวจตามที่เราได้รับแจ้งว่ามีผู้สงสัยว่าจะป่วย พร้อมดูว่ามีการสัมผัส (Contract) ใครต่อ แต่เท่าที่ทราบข้อมูลพบว่ามีการสัมผัสใกล้ชิดอยู่จำนวนหนึ่ง เราขอให้มาแสดงตนเพื่อพบแพทย์ เพราะยังมีโรคอื่นๆที่อาจเกิดได้ เช่น เริม อีสุกอีใส
เมื่อถามว่าจะมีการกักตัวผู้ที่สงสัยว่าจะป่วยเป็นโรคฝีดาษลิงอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า หากเข้าข่ายจะมีกฎหมายควบคุมโรคติดเชื้อที่อนุญาตให้กักตัวได้ อย่างน้อยก็ในช่วงที่รอการตรวจหาเชื้อ
เมื่อถามข้อมูลเบื้องต้นของผู้ที่สงสัยว่าติดเชื้อที่ได้รับการกักตัว นายอนุทิน กล่าวว่า มาจากประเทศทางตะวันตก แอฟริกา โดยเราได้เฝ้าระวังทั้งหมด กรมควบคุมโรคได้ตั้งศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉิน (EOC) กรณีโรคฝีดาษลิงขึ้นมาแล้ว เพื่อเตรียมพร้อมเฝ้าระวัง
เมื่อถามถึงการหารือกับองค์การอนามัยโลกเรื่องวัคซีนฝีดาษลิง นายอนุทิน กล่าวว่า ทางองค์การฯ ระบุว่าหากมีความจำเป็นก็จะให้การสนับสนุนตามสถานการณ์ของแต่ละประเทศ อย่างไรก็ตามเราได้นำวัคซีนที่เกี่ยวข้องกับโรคฝีดาษ โรคไข้ทรพิษ ที่มีการแช่แข็งไว้เก็บรักษาโดยองค์การเภสัชกรรม ส่งไปยังกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เพื่อตรวจสอบว่าการเพาะเชื้อต่อโรคเป็นอย่างไร เพื่อนำมาวิเคราะห์ ใช้องค์ความรู้นำมาทำเป็นยารักษาโรค หากเป็นโรคติดต่อร้ายแรงก็สามารถประกาศเป็นภาวะฉุกเฉินเพื่อดูแลสถานการณ์ต่างๆได้ ซึ่งการตระหนักรู้และป้องกันตัวเองเป็นสิ่งที่สำคัญและดีที่สุด
“เราแช่แข็งไว้อยู่ แต่เก็บมากว่า 40 ปีต้องนำมาตรวจดูว่าเชื้อยังใช้ประโยชน์ได้หรือไม่ แม้กระทั่งองค์การอนามัยโลกยังไม่ได้บอกว่าวัคซีนนี้ตรงกับสายพันธุ์ของโรคฝีดาษลิงในปัจจุบัน เราจึงต้องพึ่งพาตัวเองในทรัพยากรที่มีอยู่ ไม่ได้อยู่เฉย” นายอนุทิน กล่าว
ด้าน นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวสาธารณสุข กล่าวว่า วัคซีนฝีดาษที่สามารถป้องกันฝีดาษลิงได้นั้น องค์การเภสัชกรรม (อภ.) มีการเก็บแช่แข็งไว้กว่า 40 ปี เมื่อส่งให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์นำไปเพาะเชื้อแล้ว เบื้องต้นพบว่าสามารถเพาะเชื้อได้ แปลว่าวัคซีนน่าจะยังมีประสิทธิภาพ
ขณะที่ นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า วัคซีนฝีดาษที่ อภ.เก็บรักษาไว้ 43 ปีในลักษณะผง (Dry freeze) มีประมาณหมื่นโดส โดยปกติจะเก็บไว้เป็นตัวอย่างหรือการอ้างอิง เราจึงนำมาตรวจดู ซึ่งต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งเพื่อให้ทราบว่าวัคซีนยังมีคุณภาพหรือไม่ คือมีความปลอดภัย มีเชื้อปนเปื้อน สารเคมีเปลี่ยนไปหรือไม่ และยังมีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคหรือไม่ เพราะข้อมูลการปลูกฝีดาษคน (Smallpox) ที่หยุดปลูกไปเมื่อปี 2523 ที่ระบุว่าป้องกันได้ 85% เป็นข้อมูลเก่า แต่ฝีดาษตัวปัจจุบันยังไม่มีข้อมูล ถ้าเราเจอคนไข้ในประเทศไทยจะเอาเชื้อฝีดาษลิงปัจจุบันมาเพาะ และเอาผู้ที่เคยรับวัคซีนนำเลือดมาตรวจว่าภูมิคุ้มกันสู้กับเชื้อฝีดาษลิงได้หรือไม่ ส่วนที่มีการตรวจผู้สงสัยยังไม่พบฝีดาษลิง เป็นโรคอื่น
“สำหรับวัคซีนฝีดาษที่นำมาตรวจ เป็นวัคซีนเชื้อเป็นอ่อนฤทธิ์ที่มาทำให้น็อกหมดฤทธิ์ เมื่อนำมาตรวจดูพบว่าเชื้อโตเร็วมากหรือเชื้อยังแอคทีฟอยู่ทั้งที่ผ่านมา 43 ปี แต่กระบวนการยังอีกยาว โดยวันนี้ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดูว่าเราต้องตรวจอะไรอีกบ้าง หากจะใช้จริง ต้องทำอย่างไรบ้าง หากมีเชื้อฝีดาษลิงมาก็จะมาตรวจกับคนที่ภูมิจากวัคซีนหรือตรวจกับวัคซีนว่าเป็นอย่างไร” นพ.ศุภกิจ กล่าว
https://www.naewna.com/local/656449

.....ติดตามข่าวโควิดวันนี้ค่ะ
แม้สถานการณ์จะดีขึ้นต่อเนื่อง แต่ก็ต้องระวังด้วยนะคะ เพื่อจะได้ลดผู้ติดเชื้อให้น้อยลงกว่านี้
🇹🇭มาลาริน💙27พ.ค.ไทยไม่ติดTop10โลก/ป่วยใหม่4,837คน หายป่วย5,198คน ตาย29คน รักษาอยู่46,205คน/วัคซีนฝีดาษ43ปี ยังใช้ได้
https://www.bangkokbiznews.com/social/1006714
https://www.naewna.com/local/656354
วันศุกร์ ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2565, 16.05 น.
สธ.งัด‘วัคซีนฝีดาษ’เก็บแช่แข็ง 43 ปีตรวจคุณภาพ พบยังเพาะเชื้อได้
27 พฤษภาคม 2565 ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงการเฝ้าระวังโรคฝีดาษวานร หรือ ฝีดาษลิง (Monkeypox) ในประเทศไทย ว่า เมื่อวานนี้ (26 พฤษภาคม 2565) ตนเดินทางกลับมาจากการประชุมร่วมกับองค์การอนามัยโลก(WHO) เมื่อเข้ามาถึงด่านควบคุมโรคระหว่างประเทศ นพ.โรม บัวทอง นายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญกองระบาดวิทยาและกองด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ กรมควบคุมโรค ได้พาเดินดูมาตรการเฝ้าระวังที่สนามบิน ขอย้ำว่าผู้ที่เดินทางเข้าไทยยังต้องกรอกข้อมูล Thailand pass อยู่ หากผู้ที่สงสัยป่วยเป็นโรคฝีดาษลิง ทางกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์มี DNA Code เพื่อตรวจหาเชื้อจากสารคัดหลั่งได้
เมื่อมีผู้ที่เข้าข่ายสงสัย จะเชิญมารับการตรวจที่สถาบันบำราศนราดูร เก็บตัวอย่างเชื้อไปตรวจ ซึ่งพบว่าเป็นการติดเชื้ออื่น คือ เชื้อเริม อย่างไรก็ตามจะต้องมีการระวังเรื่องการสัมผัสกับผู้อื่น ฉะนั้นการสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ และเว้นระยะห่าง จะช่วยให้ห่างไกลความเสี่ยงติดเชื้อฝีดาษลิงได้” นายอนุทิน กล่าว
เมื่อถามว่าขณะนี้มีการตรวจเชื้อผู้ที่สงสัยอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า ตรวจตามที่เราได้รับแจ้งว่ามีผู้สงสัยว่าจะป่วย พร้อมดูว่ามีการสัมผัส (Contract) ใครต่อ แต่เท่าที่ทราบข้อมูลพบว่ามีการสัมผัสใกล้ชิดอยู่จำนวนหนึ่ง เราขอให้มาแสดงตนเพื่อพบแพทย์ เพราะยังมีโรคอื่นๆที่อาจเกิดได้ เช่น เริม อีสุกอีใส
เมื่อถามว่าจะมีการกักตัวผู้ที่สงสัยว่าจะป่วยเป็นโรคฝีดาษลิงอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า หากเข้าข่ายจะมีกฎหมายควบคุมโรคติดเชื้อที่อนุญาตให้กักตัวได้ อย่างน้อยก็ในช่วงที่รอการตรวจหาเชื้อ
เมื่อถามข้อมูลเบื้องต้นของผู้ที่สงสัยว่าติดเชื้อที่ได้รับการกักตัว นายอนุทิน กล่าวว่า มาจากประเทศทางตะวันตก แอฟริกา โดยเราได้เฝ้าระวังทั้งหมด กรมควบคุมโรคได้ตั้งศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉิน (EOC) กรณีโรคฝีดาษลิงขึ้นมาแล้ว เพื่อเตรียมพร้อมเฝ้าระวัง
เมื่อถามถึงการหารือกับองค์การอนามัยโลกเรื่องวัคซีนฝีดาษลิง นายอนุทิน กล่าวว่า ทางองค์การฯ ระบุว่าหากมีความจำเป็นก็จะให้การสนับสนุนตามสถานการณ์ของแต่ละประเทศ อย่างไรก็ตามเราได้นำวัคซีนที่เกี่ยวข้องกับโรคฝีดาษ โรคไข้ทรพิษ ที่มีการแช่แข็งไว้เก็บรักษาโดยองค์การเภสัชกรรม ส่งไปยังกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เพื่อตรวจสอบว่าการเพาะเชื้อต่อโรคเป็นอย่างไร เพื่อนำมาวิเคราะห์ ใช้องค์ความรู้นำมาทำเป็นยารักษาโรค หากเป็นโรคติดต่อร้ายแรงก็สามารถประกาศเป็นภาวะฉุกเฉินเพื่อดูแลสถานการณ์ต่างๆได้ ซึ่งการตระหนักรู้และป้องกันตัวเองเป็นสิ่งที่สำคัญและดีที่สุด
“เราแช่แข็งไว้อยู่ แต่เก็บมากว่า 40 ปีต้องนำมาตรวจดูว่าเชื้อยังใช้ประโยชน์ได้หรือไม่ แม้กระทั่งองค์การอนามัยโลกยังไม่ได้บอกว่าวัคซีนนี้ตรงกับสายพันธุ์ของโรคฝีดาษลิงในปัจจุบัน เราจึงต้องพึ่งพาตัวเองในทรัพยากรที่มีอยู่ ไม่ได้อยู่เฉย” นายอนุทิน กล่าว
ด้าน นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวสาธารณสุข กล่าวว่า วัคซีนฝีดาษที่สามารถป้องกันฝีดาษลิงได้นั้น องค์การเภสัชกรรม (อภ.) มีการเก็บแช่แข็งไว้กว่า 40 ปี เมื่อส่งให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์นำไปเพาะเชื้อแล้ว เบื้องต้นพบว่าสามารถเพาะเชื้อได้ แปลว่าวัคซีนน่าจะยังมีประสิทธิภาพ
ขณะที่ นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า วัคซีนฝีดาษที่ อภ.เก็บรักษาไว้ 43 ปีในลักษณะผง (Dry freeze) มีประมาณหมื่นโดส โดยปกติจะเก็บไว้เป็นตัวอย่างหรือการอ้างอิง เราจึงนำมาตรวจดู ซึ่งต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งเพื่อให้ทราบว่าวัคซีนยังมีคุณภาพหรือไม่ คือมีความปลอดภัย มีเชื้อปนเปื้อน สารเคมีเปลี่ยนไปหรือไม่ และยังมีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคหรือไม่ เพราะข้อมูลการปลูกฝีดาษคน (Smallpox) ที่หยุดปลูกไปเมื่อปี 2523 ที่ระบุว่าป้องกันได้ 85% เป็นข้อมูลเก่า แต่ฝีดาษตัวปัจจุบันยังไม่มีข้อมูล ถ้าเราเจอคนไข้ในประเทศไทยจะเอาเชื้อฝีดาษลิงปัจจุบันมาเพาะ และเอาผู้ที่เคยรับวัคซีนนำเลือดมาตรวจว่าภูมิคุ้มกันสู้กับเชื้อฝีดาษลิงได้หรือไม่ ส่วนที่มีการตรวจผู้สงสัยยังไม่พบฝีดาษลิง เป็นโรคอื่น
“สำหรับวัคซีนฝีดาษที่นำมาตรวจ เป็นวัคซีนเชื้อเป็นอ่อนฤทธิ์ที่มาทำให้น็อกหมดฤทธิ์ เมื่อนำมาตรวจดูพบว่าเชื้อโตเร็วมากหรือเชื้อยังแอคทีฟอยู่ทั้งที่ผ่านมา 43 ปี แต่กระบวนการยังอีกยาว โดยวันนี้ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดูว่าเราต้องตรวจอะไรอีกบ้าง หากจะใช้จริง ต้องทำอย่างไรบ้าง หากมีเชื้อฝีดาษลิงมาก็จะมาตรวจกับคนที่ภูมิจากวัคซีนหรือตรวจกับวัคซีนว่าเป็นอย่างไร” นพ.ศุภกิจ กล่าว
https://www.naewna.com/local/656449
แม้สถานการณ์จะดีขึ้นต่อเนื่อง แต่ก็ต้องระวังด้วยนะคะ เพื่อจะได้ลดผู้ติดเชื้อให้น้อยลงกว่านี้