อาการเหมือนชีพจรเต้น ตุ๊บๆๆๆๆ ที่หว่างคิ้ว
อาการนี้เกิดขึ้นครั้งแรกตอนบวชอยู่กับพระอาจารย์โสภา สมโน เมื่อปี 2553 เมื่อภาวนาพุทโธๆๆ ไม่กี่คำจะเกิดอาการ มีชีพจรเต้น ตุ๊บๆๆๆๆ ที่หว่างคิ้ว เต้นแรงมาก จนพระ (เพื่อน) เห็น แล้วจะรวมแน่นเป็นแก้วใสสว่างไสวที่หว่างคิ้ว อาการนี้เป็นทุกครั้งที่นั่งสมาธิอยู่ 7 ปี จนมาบวชกับหลวงปู่จันทร์เรียน ปี 2559
ขณะบวชผมกับหลวงปู่จันทร์เรียนปฏิบัติภาวนาเองที่กุฏิ โดยภาวนาสลับเดินจงกรมทุกวัน วันละ 8-10 ชั่วโมง ยิ่งภาวนาพุทโธ จะเกิดอาการเหมือนชีพจรเต้นที่หว่างคิ้ว ตุ๊บๆๆๆ แล้วรวมแน่นเป็นดวงแก้วใส เมื่อเอาจิตไปวางที่หว่างคิ้ว ความรู้สึกปวดเมื่อยก็จะหายไปทันที
ผมจึงรู้สึกลังเลว่า เราจะเอาจิตจดจ่อที่คำภาวนาพุทโธหรือที่หว่างคิ้วดี จึงตัดสินใจไปเรียนถามหลวงปู่จันทร์เรียน หลวงปู่กำลังขึ้นกุฏิ ผมก้มลงกราบ ยังไม่ทันเงยหน้าขึ้น หลวงปู่กล่าวว่า “จะถามทำไม ภาวนาพุทโธ นั่นแหละ หัดปล่อย หัดวางบ้าง อย่าถือให้มันมาก แล้วหนังสือที่เอามาอย่าอ่าน เดี๋ยวก็บ้าเหมือนคนเขียนหรอก” หลวงปู่ตวาดมาที่ผม ผมคิดขึ้นได้ก่อนบวชผมนำหนังสือวิธีการนั่งสมาธิ ของพระอริยคุณเส็ง พกติดตัวมาอ่านด้วย ตั้งใจมาอ่านระหว่างบวช ไม่เคยเอาออกนอกกุฎิ ไม่เคยเล่าให้ใครฟัง ผมจึงไปถามพระที่ชอบอ่านหนังสือที่วัดว่า “ครูบารย์รู้จักพระอริยคุณเส็งไหม” อ๋อรู้จักสิท่านเป็นเป็นศิษย์เอกหลวงปู่มั่น และเป็นอาจารย์ของหลวงพ่อพุทธ ฐานิโย ท่านปฏิบัติจนได้สมาธิขั้นสูงแต่ไม่เอามาตัดกิเลส สุดท้ายอวิชชาครอบงำทำให้ท่านเป็นบ้าไป ผมขนลุกเลย
เย็นวันนั้นผมจึงเชื่อหลวงปู่จันทร์เรียนจะภาวนา พุทโธ อย่างเดียว ขณะเดินจงกรม ผมก็ภาวนาพุทโธ ยิ่งหว่างคิ้วยิ่งเต้น ตุ๊บๆๆๆๆแล้วรวมแน่นเป็นดวงแก้วใสก็เกิดขึ้นที่หว่างคิ้ว รวมแน่นขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งภาวนายิ่งแน่นผมพยายามไม่สนใจกลับมา พุทโธๆๆ มันก็แน่นที่หว่างคิ้ว ในนิมิตผมได้ยินเสียงดัง เป้ง แล้วดวงแก้วก็แตกออกแล้วหายไปไม่มีอีกเลย ไม่มีตุ๊บๆๆ ที่หว่างคิ้วอีกต่อไป
ผมจึงเข้านอน จำความฝันได้ดี นิมิตว่า เอารถไปเติมยางรถ เติมสามล้อแรกปกติดี พอเติมล้อที่สี่มันไม่เต็มสักที จึงไปเพิ่มความดัน ยางมันก็ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ผมจะวิ่งไปหยุดแต่หยุดไม่ทัน ยางแตกใส่หน้าผม เลือดออกเต็มหน้าผมเอามือจับหน้า เห็นฟันหน้าซีกใหญ่ 2 ซีกหลุดอยู่ที่มือ ขาว สวยมาก ผมตกใจตื่นจำความฝันได้ดี เช้ามาภาวนาพุทโธก็ไม่เกิดตุ๊บๆๆ ที่หว่างคิ้วอีกเลย
อาการเหมือนชีพจรเต้น ตุ๊บๆๆๆๆ ที่หว่างคิ้ว
อาการนี้เกิดขึ้นครั้งแรกตอนบวชอยู่กับพระอาจารย์โสภา สมโน เมื่อปี 2553 เมื่อภาวนาพุทโธๆๆ ไม่กี่คำจะเกิดอาการ มีชีพจรเต้น ตุ๊บๆๆๆๆ ที่หว่างคิ้ว เต้นแรงมาก จนพระ (เพื่อน) เห็น แล้วจะรวมแน่นเป็นแก้วใสสว่างไสวที่หว่างคิ้ว อาการนี้เป็นทุกครั้งที่นั่งสมาธิอยู่ 7 ปี จนมาบวชกับหลวงปู่จันทร์เรียน ปี 2559
ขณะบวชผมกับหลวงปู่จันทร์เรียนปฏิบัติภาวนาเองที่กุฏิ โดยภาวนาสลับเดินจงกรมทุกวัน วันละ 8-10 ชั่วโมง ยิ่งภาวนาพุทโธ จะเกิดอาการเหมือนชีพจรเต้นที่หว่างคิ้ว ตุ๊บๆๆๆ แล้วรวมแน่นเป็นดวงแก้วใส เมื่อเอาจิตไปวางที่หว่างคิ้ว ความรู้สึกปวดเมื่อยก็จะหายไปทันที
ผมจึงรู้สึกลังเลว่า เราจะเอาจิตจดจ่อที่คำภาวนาพุทโธหรือที่หว่างคิ้วดี จึงตัดสินใจไปเรียนถามหลวงปู่จันทร์เรียน หลวงปู่กำลังขึ้นกุฏิ ผมก้มลงกราบ ยังไม่ทันเงยหน้าขึ้น หลวงปู่กล่าวว่า “จะถามทำไม ภาวนาพุทโธ นั่นแหละ หัดปล่อย หัดวางบ้าง อย่าถือให้มันมาก แล้วหนังสือที่เอามาอย่าอ่าน เดี๋ยวก็บ้าเหมือนคนเขียนหรอก” หลวงปู่ตวาดมาที่ผม ผมคิดขึ้นได้ก่อนบวชผมนำหนังสือวิธีการนั่งสมาธิ ของพระอริยคุณเส็ง พกติดตัวมาอ่านด้วย ตั้งใจมาอ่านระหว่างบวช ไม่เคยเอาออกนอกกุฎิ ไม่เคยเล่าให้ใครฟัง ผมจึงไปถามพระที่ชอบอ่านหนังสือที่วัดว่า “ครูบารย์รู้จักพระอริยคุณเส็งไหม” อ๋อรู้จักสิท่านเป็นเป็นศิษย์เอกหลวงปู่มั่น และเป็นอาจารย์ของหลวงพ่อพุทธ ฐานิโย ท่านปฏิบัติจนได้สมาธิขั้นสูงแต่ไม่เอามาตัดกิเลส สุดท้ายอวิชชาครอบงำทำให้ท่านเป็นบ้าไป ผมขนลุกเลย
เย็นวันนั้นผมจึงเชื่อหลวงปู่จันทร์เรียนจะภาวนา พุทโธ อย่างเดียว ขณะเดินจงกรม ผมก็ภาวนาพุทโธ ยิ่งหว่างคิ้วยิ่งเต้น ตุ๊บๆๆๆๆแล้วรวมแน่นเป็นดวงแก้วใสก็เกิดขึ้นที่หว่างคิ้ว รวมแน่นขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งภาวนายิ่งแน่นผมพยายามไม่สนใจกลับมา พุทโธๆๆ มันก็แน่นที่หว่างคิ้ว ในนิมิตผมได้ยินเสียงดัง เป้ง แล้วดวงแก้วก็แตกออกแล้วหายไปไม่มีอีกเลย ไม่มีตุ๊บๆๆ ที่หว่างคิ้วอีกต่อไป
ผมจึงเข้านอน จำความฝันได้ดี นิมิตว่า เอารถไปเติมยางรถ เติมสามล้อแรกปกติดี พอเติมล้อที่สี่มันไม่เต็มสักที จึงไปเพิ่มความดัน ยางมันก็ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ผมจะวิ่งไปหยุดแต่หยุดไม่ทัน ยางแตกใส่หน้าผม เลือดออกเต็มหน้าผมเอามือจับหน้า เห็นฟันหน้าซีกใหญ่ 2 ซีกหลุดอยู่ที่มือ ขาว สวยมาก ผมตกใจตื่นจำความฝันได้ดี เช้ามาภาวนาพุทโธก็ไม่เกิดตุ๊บๆๆ ที่หว่างคิ้วอีกเลย