ยิ่งชีพ ปูด มีคำสั่งให้หน่วยงานรัฐ ค้นหาแหล่งทุน iLaw – ส่งสรรพากรมาสืบ
https://www.matichon.co.th/politics/news_3343267
ผู้จัดการโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน ( iLaw) ปูด มีคำสั่งให้หน่วยงานรัฐ ค้นหาแหล่งทุน iLaw ส่งสรรพากรมาสืบ
เมื่อวันที่ 14 พ.ค. นาย
ยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ผู้จัดการโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน ( iLaw) หรือ ไอลอว์ โพสต์ข้อความแสดงความเห็น ระบุว่า มีการสั่งจับตาจากหน่วยงานรัฐ พยายามเข้ามาค้นหาแหล่งทุนของไอลอว์ โดย ระบุว่า
มีสายมาเล่าให้ฟังว่า หน่วยงานสำคัญในรัฐบาลสั่งจับตาและให้ค้นหาที่มาของแหล่งทุนของ iLaw ซึ่งเราเปิดเผยบนเว็บไซต์เอาไว้อยู่แล้ว และเปิดเผยมาตั้งนานแล้วตั้งแต่ก่อตั้งองค์กรเมื่อสิบกว่าปีก่อน จนวันนี้พอได้แหล่งทุนเพิ่มผมก็ไปอัพเดทข้อมูลบนเว็บไซต์ด้วยมือของผมเอง
แต่เมื่อหน่วยงานดังกล่าวมาอ่านเว็บไซต์แล้ว ก็ยังไม่เชื่อว่าเรามีแหล่งทุนเท่าที่เปิดเผยไว้ จึงสั่งคนไปตรวจสอบเพิ่มอีก ผมก็สงสัยมากว่า งานที่เราทำมันออกมาดี มีคุณภาพ และมีอิมแพคต่อสังคมมากขนาดนั้นเลยหรือไง โอเคว่า ในความเป็นจริงเราก็มีคนเก่งๆ มีใจเต็มร้อยมาทำงานกับเราพอสมควรโดยได้รับเงินเดือนน้อยนิดเดียว เราเลยมีผลงานออกมาไม่น้อยเทียบกับงบประมาณที่ใช้ไปในแต่ละปี โดยเฉพาะถ้าเทียบเม็ดเงินที่เราใช้ กับที่ส.ว. หรือบางหน่วยงานราชการใช้ก็อาจจะเห็นความแตกต่างกันอยู่บ้าง แต่มันมีแค่นั้นแหละครับ
ทั้งที่เราก็ยื่นเอกสารทางภาษีถูกต้องตามกฎหมายทุกปี ตัวผมเองก็ยื่นภาษีแสดงรายรับทั้งหมดอยู่ตลอด แต่หลายเดือนก่อนหน้านี้ เขาอยากรู้มากก็เลยส่งสรรพากรมาตรวจสอบ แต่เจ้าหน้าที่สรรพากรมีอำนาจหน้าที่แค่เรื่องภาษี ผมก็เตรียมศึกษากฎหมายภาษีไว้พูดคุยและเตรียมเอกสารรายรับรายจ่ายทั้งหมดเป็นแฟ้มๆ วางรอให้มาตรวจสอบ พร้อมเตรียมถ่ายวิดีโอบทสนทนาเพื่อรับประกันว่าจะเป็นการใช้อำนาจไปตามกรอบของกฎหมาย แต่ปรากฏเจ้าหน้าที่สรรพากรกลัวกล้อง เลยกลับไปหมด ไม่ยอมตรวจ
ข้อสรุปจากเหตุการณ์นั้นก็คือ คนที่อยากรู้ตอนนี้ ไม่มีอำนาจตรวจ ก็เลยสั่งคนที่มีอำนาจแต่ไม่อยากรู้และตรวจไม่เป็นให้มารับหน้า มันก็ไม่ได้ผล
จริงๆ ถ้าคนที่อยากรู้โทรศัพท์มา หรือเดินมาคุยดีดี ขอดู ก็จะให้ดูนะ แม้ไม่ได้มีอำนาจตามกฎหมายที่จะบังคับให้เราเปิดเผย แต่เราก็พร้อมจะให้ตรวจสอบได้อยู่ตลอดเวลา เราทำบัญชี ยื่นภาษี มีผู้สอบบัญชี มีรายงานทุกปี องค์กรที่ให้ทุนก็ตรวจสอบและออดิทกับเราอยู่ตลอด ไม่มีปัญหาอะไรเลย ถ้าอยากรู้มากนักก็มาขอกันดีดีก็ได้ ไม่ต้องไปใช้อำนาจทางอ้อม ไม่ต้องให้เจ้าหน้าที่เปลืองเวลาทำเรื่องไร้สาระ หรือใช้อำนาจในทางที่ผิด พอให้ดูแล้วก็จะรู้แหละว่า เรามีแค่นั้นที่บอกไปแล้วจริงๆ หรืออาจจะเซอร์ไพรซ์นิดหน่อยว่า มีเงินแค่นี้ทำไมทำงานมาได้นานขนาดนี้
ซึ่งก็จะตอบตรงๆ ได้เลยว่า ถ้าพวก-ึงไม่เ-วขนาดนี้ -ูก็ไม่ต้องเหนื่อยทุ่มเททุกอย่างเพื่อตรวจสอบพวก-ึงขนาดนี้หรอก
มาสิ มาสักที อยากรู้อะไรก็มาถามจะบอกให้รู้ ตรงไปตรงมา
แล้วก็จะได้เห็นว่า ไม่เคยเอาเงินไปให้ม็อบ ไม่เคยรับเงินทักษิณ ไม่เคยรับเงินธนาธร มันชัดเจนเคลียร์มาตลอด กิจกรรมของเราส่วนใหญ่ก็ไม่แพง ใช้เท่าที่จำเป็น ต่อเท่าที่ต่อได้ อะไรเอาของที่บ้านมาใช้ได้ก็เอามา อะไรขอเพื่อนมาช่วยได้ก็ขอกัน ก็อยู่กันแบบนี้มาสิบกว่าปีแล้วแหละ
จะได้ไม่ต้องไปเสียเวลาออกกฎหมายใหม่เพิ่มอำนาจตรวจสอบข้อมูลการเงิน จะได้ไม่ต้องเดือดร้อนกันไปทั้งหมดทุกหย่อมหญ้า
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มว่า ทั้งนี้ ไอลอว์ (iLaw) ก่อตั้งเมื่อปี 2552 เป็นองค์กรพัฒนาเอกชนด้านสิทธิมนุษยชนซึ่งทำงานกับภาคประชาสังคมและคนทั่วไปในสังคม
https://www.facebook.com/pow.ilaw/posts/5312945398736076
ปธ.หอการค้าห่วงร้านค้าถอนตัวคนละครึ่ง
https://www.innnews.co.th/news/economy/news_338846/
“สนั่น” สั่งหอการค้าจังหวัด ทำความเข้าใจร้านค้าจ่ายภาษีคนละครึ่ง ห่วงถอนตัวกระทบโครงการภาพรวม มั่นใจเป็นประโยชน์มากกว่าภาระ
นาย
สนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยสำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น.ว่า หอการค้าไทยมีความเป็นห่วงร้านค้าที่มีการถอนตัวออกจากการเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งเนื่องจากมีความกังวลต่อการเรียกเก็บภาษี จึงได้ประสานหารือกับหอการค้าทั่วประเทศ เร่งทำความเข้าใจกับสมาชิกและผู้ประกอบการในแต่ละพื้นที่ ให้เกิดความเข้าใจในเรื่องของการเรียกเก็บภาษีที่ถูกต้องว่าหากรายได้ไม่อยู่ในระดับที่ต้องเสียภาษี ผู้ประกอบการจะไม่ถูกเรียกเก็บย้อนหลัง
โดยการเข้าร่วมโครงการจะทำให้ผู้ประกอบการที่เคยอยู่นอกระบบเข้ามาอยู่ในระบบการจัดเก็บภาษีนิติบุคคลอย่างถูกต้อง เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อการประกอบธุรกิจในอนาคตกรณีที่ต้องมีการพิจารณาในเรื่องของ สภาพคล่องต่างๆ โดยการถอนตัวของร้านค้า หากเกิดขึ้นเป็นจำนวนมากอาจส่งผลกระทบกับภาพรวมของโครงการได้ จึงต้องการให้รัฐบาลเร่งทำความเข้าใจและชี้แจงให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกัน ซึ่งเอกชนก็พร้อมที่จะสนับสนุนอย่างเต็มที่
อย่างไรก็ตาม หอการค้าไทย มองว่า โครงการคนละครึ่งเฟส 5 ยังคงมีความจำเป็น เพื่อที่จะช่วยรักษาระดับการเติบโตของเศรษฐกิจให้ยังประคองตัวอยู่ได้ ก่อนที่เศรษฐกิจจะฟื้นตัวในช่วงปลายปี เพราะจะมีเม็ดเงินจากการท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้น
หมอธีระ เผยยุโรปยกระดับ "โอมิครอน" BA.4 และ BA.5 เป็นสายพันธุ์น่ากังวล
https://www.nationtv.tv/news/378872969
หมอธีระ ระบุโควิด "โอมิครอน" สายพันธุ์ย่อย BA.4 และ BA.5 ถูกยกระดับเป็นสายพันธุ์น่ากังวลของยุโรป พบอัตราการขยายตัวในแอฟริกาใต้สูงกว่าสายพันธุ์ย่อย BA.2 ที่ครองการระบาดทั่วโลกขณะนี้ถึง 12%
14 พฤษภาคม 2565 รศ.นพ.
ธีระ วรธนารัตน์ หรือ “
หมอธีระ” คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ผ่านเพจเฟซบุ๊ก “
Thira Woratanarat” เปิดข้อมูลการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน โดยพบว่า สายพันธุ์ย่อย BA.4 และ BA.5 ถูกยกระดับเป็นโควิดสายพันธุ์ที่น่ากังวลในยุโรป มีรายละเอียดดังนี้
14 พฤษภาคม 2565 ทะลุ 520 ล้านคนไปแล้ว
เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 533,585 คน ตายเพิ่ม 1,635 คน รวมแล้วติดไปรวม 520,268,579 คน เสียชีวิตรวม 6,286,453 คน โดย 5 อันดับแรกที่ติดเชื้อสูงสุดคือ สหรัฐอเมริกา เยอรมัน ไต้หวัน ออสเตรเลีย และญี่ปุ่น
เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่มีประเทศจากยุโรปและเอเชียครอง 7 ใน 10 อันดับแรก และ 12 ใน 20 อันดับแรกของโลก จำนวนติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันของทั่วโลกตอนนี้ มาจากทวีปเอเชียและยุโรป รวมกันคิดเป็นร้อยละ 65.14 ของทั้งโลก ในขณะที่จำนวนการเสียชีวิตคิดเป็นร้อยละ 58.65 การติดเชื้อใหม่ในทวีปเอเชียนั้นคิดเป็นร้อยละ 30.7 ของทั้งโลก ส่วนจำนวนเสียชีวิตเพิ่มคิดเป็นร้อยละ 14.25
สถานการณ์ระบาดของไทย
จากข้อมูล Worldometer เช้านี้พบว่า เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่ รวม ATK สูงเป็นอันดับ 11 ของโลก และอันดับ 4 ของเอเชีย ในขณะที่จำนวนเสียชีวิตเมื่อวาน สูงเป็นอันดับ 9 ของโลก ถึงแม้ไทยจะปรับระบบรายงานตั้งแต่ 1 พ.ค.เป็นต้นมาจนทำให้จำนวนเสียชีวิตที่รายงานนั้นลดลงก็ตาม
ทั้งนี้จำนวนเสียชีวิตของไทยเมื่อวานนั้นคิดเป็น 24.03% ของการเสียชีวิตทั้งหมดที่รายงานของทวีปเอเชีย
Omicron BA.4 และ BA.5 ถูกยกระดับเป็นสายพันธุ์น่ากังวลของยุโรป
ล่าสุด ทาง European Center for Disease Prevention and Control (ECDC) ได้ประกาศให้สายพันธุ์ BA.4 และ BA.5 เป็นสายพันธุ์ที่น่ากังวล หรือ Variants of Concern (VOC) แล้ว เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2565
ทั้งนี้ ทั้งสองสายพันธุ์นั้นจัดเป็นสายพันธุ์ย่อยของ Omicron โดยเริ่มพบเมื่อมกราคม (BA.4) และกุมภาพันธ์ (BA.5) 2565 ที่ผ่านมา
จากนั้นมีการกระจายไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก แม้จะยังมีจำนวนไม่มาก แต่ข้อมูลการระบาดในประเทศแอฟริกาใต้พบว่า อัตราการขยายตัวในแต่ละวันของ BA.4 และ BA.5 นั้นสูงกว่าสายพันธุ์ BA.2 ที่ครองการระบาดทั่วโลกขณะนี้ถึง 12%
นอกจากนี้ในประเทศโปรตุเกส ซึ่งพบการระบาดของสายพันธุ์ BA.5 มากขึ้นอย่างรวดเร็ว พบว่าอัตราการขยายตัวในแต่ละวันสูงกว่า BA.2 ถึง 13% ซึ่งสอดคล้องกับที่พบในแอฟริกาใต้
ทั้งนี้ ณ 8 พฤษภาคม 2565 ประเทศโปรตุเกสตรวจพบสายพันธุ์ BA.5 38% จึงคาดว่าสายพันธุ์นี้จะกลายเป็นสายพันธุ์หลักในโปรตุเกสภายใน 22 พฤษภาคม 2565 หรือภายในระยะเวลาเพียง 2 สัปดาห์
ข้อมูลปัจจุบันยืนยันว่า สายพันธุ์ BA.4 และ BA.5 แพร่ระบาดได้ไวกว่าเดิม โดยน่าจะมาจากความสามารถในการหลบหลีกภูมิคุ้มกันได้มากขึ้น
ทั้งนี้ผลจากการศึกษาทางห้องปฏิบัติการพบว่า คนที่ไม่ได้รับวัคซีนมาก่อน แม้จะเคยติดเชื้อ Omicron สายพันธุ์ BA.1 มาก่อนก็ตาม ภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นหลังการติดเชื้อ ก็ไม่สามารถป้องกันสายพันธุ์ BA.4 และ BA.5 ได้
ดังนั้นการฉีดวัคซีน และการป้องกันตัวอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นเรื่องจำเป็น ส่วนเรื่องความรุนแรงของโรคนั้น ข้อมูลปัจจุบันยังมีจำกัด แต่คาดว่าไม่น่าจะต่างจากสายพันธุ์เดิม
สำหรับไทยเรา การระบาดยังเป็นไปอย่างต่อเนื่อง
เปิดประเทศ มีการเดินทางระหว่างประเทศมากขึ้น และไม่ได้มีการตรวจคัดกรองโรคที่เข้มข้นแล้ว จึงมีโอกาสสูงที่สายพันธุ์ BA.4, BA.5 หรือแม้แต่ BA.2.12.1 จะเข้ามาทำให้การระบาดในประเทศสูงขึ้นไปกว่าเดิมได้
นอกจากนี้สัปดาห์หน้าจะมีการเปิดเรียนด้วย จึงควรรู้เท่าทันสถานการณ์ ทราบถึงความเสี่ยงที่จะเพิ่มขึ้นระหว่างการใช้ชีวิตประจำวัน ทำมาค้าขาย ศึกษาเล่าเรียน และอื่นๆ
ใช้ชีวิตด้วยความระมัดระวัง การใส่หน้ากากเสมอ ใส่อย่างถูกต้อง เป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยลดความเสี่ยง และประคับประคองให้อยู่รอดท่ามกลางสถานการณ์เช่นนี้
โควิด...ไม่จบแค่หายหรือตาย แต่จะเสี่ยงเป็น Long COVID ในระยะยาวได้
https://www.facebook.com/thiraw/posts/10224324652896428
JJNY : ยิ่งชีพปูดคำสั่งหน่วยงานรัฐ│ปธ.หอค้าห่วงร้านถอนตัวคนละครึ่ง│ยุโรปยกระดับBA.4และBA.5│ปูตินขู่ตอบโต้ฟินแลนด์-สวีเดน
https://www.matichon.co.th/politics/news_3343267
ผู้จัดการโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน ( iLaw) ปูด มีคำสั่งให้หน่วยงานรัฐ ค้นหาแหล่งทุน iLaw ส่งสรรพากรมาสืบ
เมื่อวันที่ 14 พ.ค. นายยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ผู้จัดการโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน ( iLaw) หรือ ไอลอว์ โพสต์ข้อความแสดงความเห็น ระบุว่า มีการสั่งจับตาจากหน่วยงานรัฐ พยายามเข้ามาค้นหาแหล่งทุนของไอลอว์ โดย ระบุว่า
มีสายมาเล่าให้ฟังว่า หน่วยงานสำคัญในรัฐบาลสั่งจับตาและให้ค้นหาที่มาของแหล่งทุนของ iLaw ซึ่งเราเปิดเผยบนเว็บไซต์เอาไว้อยู่แล้ว และเปิดเผยมาตั้งนานแล้วตั้งแต่ก่อตั้งองค์กรเมื่อสิบกว่าปีก่อน จนวันนี้พอได้แหล่งทุนเพิ่มผมก็ไปอัพเดทข้อมูลบนเว็บไซต์ด้วยมือของผมเอง
แต่เมื่อหน่วยงานดังกล่าวมาอ่านเว็บไซต์แล้ว ก็ยังไม่เชื่อว่าเรามีแหล่งทุนเท่าที่เปิดเผยไว้ จึงสั่งคนไปตรวจสอบเพิ่มอีก ผมก็สงสัยมากว่า งานที่เราทำมันออกมาดี มีคุณภาพ และมีอิมแพคต่อสังคมมากขนาดนั้นเลยหรือไง โอเคว่า ในความเป็นจริงเราก็มีคนเก่งๆ มีใจเต็มร้อยมาทำงานกับเราพอสมควรโดยได้รับเงินเดือนน้อยนิดเดียว เราเลยมีผลงานออกมาไม่น้อยเทียบกับงบประมาณที่ใช้ไปในแต่ละปี โดยเฉพาะถ้าเทียบเม็ดเงินที่เราใช้ กับที่ส.ว. หรือบางหน่วยงานราชการใช้ก็อาจจะเห็นความแตกต่างกันอยู่บ้าง แต่มันมีแค่นั้นแหละครับ
ทั้งที่เราก็ยื่นเอกสารทางภาษีถูกต้องตามกฎหมายทุกปี ตัวผมเองก็ยื่นภาษีแสดงรายรับทั้งหมดอยู่ตลอด แต่หลายเดือนก่อนหน้านี้ เขาอยากรู้มากก็เลยส่งสรรพากรมาตรวจสอบ แต่เจ้าหน้าที่สรรพากรมีอำนาจหน้าที่แค่เรื่องภาษี ผมก็เตรียมศึกษากฎหมายภาษีไว้พูดคุยและเตรียมเอกสารรายรับรายจ่ายทั้งหมดเป็นแฟ้มๆ วางรอให้มาตรวจสอบ พร้อมเตรียมถ่ายวิดีโอบทสนทนาเพื่อรับประกันว่าจะเป็นการใช้อำนาจไปตามกรอบของกฎหมาย แต่ปรากฏเจ้าหน้าที่สรรพากรกลัวกล้อง เลยกลับไปหมด ไม่ยอมตรวจ
ข้อสรุปจากเหตุการณ์นั้นก็คือ คนที่อยากรู้ตอนนี้ ไม่มีอำนาจตรวจ ก็เลยสั่งคนที่มีอำนาจแต่ไม่อยากรู้และตรวจไม่เป็นให้มารับหน้า มันก็ไม่ได้ผล
จริงๆ ถ้าคนที่อยากรู้โทรศัพท์มา หรือเดินมาคุยดีดี ขอดู ก็จะให้ดูนะ แม้ไม่ได้มีอำนาจตามกฎหมายที่จะบังคับให้เราเปิดเผย แต่เราก็พร้อมจะให้ตรวจสอบได้อยู่ตลอดเวลา เราทำบัญชี ยื่นภาษี มีผู้สอบบัญชี มีรายงานทุกปี องค์กรที่ให้ทุนก็ตรวจสอบและออดิทกับเราอยู่ตลอด ไม่มีปัญหาอะไรเลย ถ้าอยากรู้มากนักก็มาขอกันดีดีก็ได้ ไม่ต้องไปใช้อำนาจทางอ้อม ไม่ต้องให้เจ้าหน้าที่เปลืองเวลาทำเรื่องไร้สาระ หรือใช้อำนาจในทางที่ผิด พอให้ดูแล้วก็จะรู้แหละว่า เรามีแค่นั้นที่บอกไปแล้วจริงๆ หรืออาจจะเซอร์ไพรซ์นิดหน่อยว่า มีเงินแค่นี้ทำไมทำงานมาได้นานขนาดนี้
ซึ่งก็จะตอบตรงๆ ได้เลยว่า ถ้าพวก-ึงไม่เ-วขนาดนี้ -ูก็ไม่ต้องเหนื่อยทุ่มเททุกอย่างเพื่อตรวจสอบพวก-ึงขนาดนี้หรอก
มาสิ มาสักที อยากรู้อะไรก็มาถามจะบอกให้รู้ ตรงไปตรงมา
แล้วก็จะได้เห็นว่า ไม่เคยเอาเงินไปให้ม็อบ ไม่เคยรับเงินทักษิณ ไม่เคยรับเงินธนาธร มันชัดเจนเคลียร์มาตลอด กิจกรรมของเราส่วนใหญ่ก็ไม่แพง ใช้เท่าที่จำเป็น ต่อเท่าที่ต่อได้ อะไรเอาของที่บ้านมาใช้ได้ก็เอามา อะไรขอเพื่อนมาช่วยได้ก็ขอกัน ก็อยู่กันแบบนี้มาสิบกว่าปีแล้วแหละ
จะได้ไม่ต้องไปเสียเวลาออกกฎหมายใหม่เพิ่มอำนาจตรวจสอบข้อมูลการเงิน จะได้ไม่ต้องเดือดร้อนกันไปทั้งหมดทุกหย่อมหญ้า
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มว่า ทั้งนี้ ไอลอว์ (iLaw) ก่อตั้งเมื่อปี 2552 เป็นองค์กรพัฒนาเอกชนด้านสิทธิมนุษยชนซึ่งทำงานกับภาคประชาสังคมและคนทั่วไปในสังคม
https://www.facebook.com/pow.ilaw/posts/5312945398736076
ปธ.หอการค้าห่วงร้านค้าถอนตัวคนละครึ่ง
https://www.innnews.co.th/news/economy/news_338846/
“สนั่น” สั่งหอการค้าจังหวัด ทำความเข้าใจร้านค้าจ่ายภาษีคนละครึ่ง ห่วงถอนตัวกระทบโครงการภาพรวม มั่นใจเป็นประโยชน์มากกว่าภาระ
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยสำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น.ว่า หอการค้าไทยมีความเป็นห่วงร้านค้าที่มีการถอนตัวออกจากการเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งเนื่องจากมีความกังวลต่อการเรียกเก็บภาษี จึงได้ประสานหารือกับหอการค้าทั่วประเทศ เร่งทำความเข้าใจกับสมาชิกและผู้ประกอบการในแต่ละพื้นที่ ให้เกิดความเข้าใจในเรื่องของการเรียกเก็บภาษีที่ถูกต้องว่าหากรายได้ไม่อยู่ในระดับที่ต้องเสียภาษี ผู้ประกอบการจะไม่ถูกเรียกเก็บย้อนหลัง
โดยการเข้าร่วมโครงการจะทำให้ผู้ประกอบการที่เคยอยู่นอกระบบเข้ามาอยู่ในระบบการจัดเก็บภาษีนิติบุคคลอย่างถูกต้อง เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อการประกอบธุรกิจในอนาคตกรณีที่ต้องมีการพิจารณาในเรื่องของ สภาพคล่องต่างๆ โดยการถอนตัวของร้านค้า หากเกิดขึ้นเป็นจำนวนมากอาจส่งผลกระทบกับภาพรวมของโครงการได้ จึงต้องการให้รัฐบาลเร่งทำความเข้าใจและชี้แจงให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกัน ซึ่งเอกชนก็พร้อมที่จะสนับสนุนอย่างเต็มที่
อย่างไรก็ตาม หอการค้าไทย มองว่า โครงการคนละครึ่งเฟส 5 ยังคงมีความจำเป็น เพื่อที่จะช่วยรักษาระดับการเติบโตของเศรษฐกิจให้ยังประคองตัวอยู่ได้ ก่อนที่เศรษฐกิจจะฟื้นตัวในช่วงปลายปี เพราะจะมีเม็ดเงินจากการท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้น
หมอธีระ เผยยุโรปยกระดับ "โอมิครอน" BA.4 และ BA.5 เป็นสายพันธุ์น่ากังวล
https://www.nationtv.tv/news/378872969
หมอธีระ ระบุโควิด "โอมิครอน" สายพันธุ์ย่อย BA.4 และ BA.5 ถูกยกระดับเป็นสายพันธุ์น่ากังวลของยุโรป พบอัตราการขยายตัวในแอฟริกาใต้สูงกว่าสายพันธุ์ย่อย BA.2 ที่ครองการระบาดทั่วโลกขณะนี้ถึง 12%
14 พฤษภาคม 2565 รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ หรือ “หมอธีระ” คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ผ่านเพจเฟซบุ๊ก “Thira Woratanarat” เปิดข้อมูลการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน โดยพบว่า สายพันธุ์ย่อย BA.4 และ BA.5 ถูกยกระดับเป็นโควิดสายพันธุ์ที่น่ากังวลในยุโรป มีรายละเอียดดังนี้
14 พฤษภาคม 2565 ทะลุ 520 ล้านคนไปแล้ว
เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 533,585 คน ตายเพิ่ม 1,635 คน รวมแล้วติดไปรวม 520,268,579 คน เสียชีวิตรวม 6,286,453 คน โดย 5 อันดับแรกที่ติดเชื้อสูงสุดคือ สหรัฐอเมริกา เยอรมัน ไต้หวัน ออสเตรเลีย และญี่ปุ่น
เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่มีประเทศจากยุโรปและเอเชียครอง 7 ใน 10 อันดับแรก และ 12 ใน 20 อันดับแรกของโลก จำนวนติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันของทั่วโลกตอนนี้ มาจากทวีปเอเชียและยุโรป รวมกันคิดเป็นร้อยละ 65.14 ของทั้งโลก ในขณะที่จำนวนการเสียชีวิตคิดเป็นร้อยละ 58.65 การติดเชื้อใหม่ในทวีปเอเชียนั้นคิดเป็นร้อยละ 30.7 ของทั้งโลก ส่วนจำนวนเสียชีวิตเพิ่มคิดเป็นร้อยละ 14.25
สถานการณ์ระบาดของไทย
จากข้อมูล Worldometer เช้านี้พบว่า เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่ รวม ATK สูงเป็นอันดับ 11 ของโลก และอันดับ 4 ของเอเชีย ในขณะที่จำนวนเสียชีวิตเมื่อวาน สูงเป็นอันดับ 9 ของโลก ถึงแม้ไทยจะปรับระบบรายงานตั้งแต่ 1 พ.ค.เป็นต้นมาจนทำให้จำนวนเสียชีวิตที่รายงานนั้นลดลงก็ตาม
ทั้งนี้จำนวนเสียชีวิตของไทยเมื่อวานนั้นคิดเป็น 24.03% ของการเสียชีวิตทั้งหมดที่รายงานของทวีปเอเชีย
Omicron BA.4 และ BA.5 ถูกยกระดับเป็นสายพันธุ์น่ากังวลของยุโรป
ล่าสุด ทาง European Center for Disease Prevention and Control (ECDC) ได้ประกาศให้สายพันธุ์ BA.4 และ BA.5 เป็นสายพันธุ์ที่น่ากังวล หรือ Variants of Concern (VOC) แล้ว เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2565
ทั้งนี้ ทั้งสองสายพันธุ์นั้นจัดเป็นสายพันธุ์ย่อยของ Omicron โดยเริ่มพบเมื่อมกราคม (BA.4) และกุมภาพันธ์ (BA.5) 2565 ที่ผ่านมา
จากนั้นมีการกระจายไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก แม้จะยังมีจำนวนไม่มาก แต่ข้อมูลการระบาดในประเทศแอฟริกาใต้พบว่า อัตราการขยายตัวในแต่ละวันของ BA.4 และ BA.5 นั้นสูงกว่าสายพันธุ์ BA.2 ที่ครองการระบาดทั่วโลกขณะนี้ถึง 12%
นอกจากนี้ในประเทศโปรตุเกส ซึ่งพบการระบาดของสายพันธุ์ BA.5 มากขึ้นอย่างรวดเร็ว พบว่าอัตราการขยายตัวในแต่ละวันสูงกว่า BA.2 ถึง 13% ซึ่งสอดคล้องกับที่พบในแอฟริกาใต้
ทั้งนี้ ณ 8 พฤษภาคม 2565 ประเทศโปรตุเกสตรวจพบสายพันธุ์ BA.5 38% จึงคาดว่าสายพันธุ์นี้จะกลายเป็นสายพันธุ์หลักในโปรตุเกสภายใน 22 พฤษภาคม 2565 หรือภายในระยะเวลาเพียง 2 สัปดาห์
ข้อมูลปัจจุบันยืนยันว่า สายพันธุ์ BA.4 และ BA.5 แพร่ระบาดได้ไวกว่าเดิม โดยน่าจะมาจากความสามารถในการหลบหลีกภูมิคุ้มกันได้มากขึ้น
ทั้งนี้ผลจากการศึกษาทางห้องปฏิบัติการพบว่า คนที่ไม่ได้รับวัคซีนมาก่อน แม้จะเคยติดเชื้อ Omicron สายพันธุ์ BA.1 มาก่อนก็ตาม ภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นหลังการติดเชื้อ ก็ไม่สามารถป้องกันสายพันธุ์ BA.4 และ BA.5 ได้
ดังนั้นการฉีดวัคซีน และการป้องกันตัวอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นเรื่องจำเป็น ส่วนเรื่องความรุนแรงของโรคนั้น ข้อมูลปัจจุบันยังมีจำกัด แต่คาดว่าไม่น่าจะต่างจากสายพันธุ์เดิม
สำหรับไทยเรา การระบาดยังเป็นไปอย่างต่อเนื่อง
เปิดประเทศ มีการเดินทางระหว่างประเทศมากขึ้น และไม่ได้มีการตรวจคัดกรองโรคที่เข้มข้นแล้ว จึงมีโอกาสสูงที่สายพันธุ์ BA.4, BA.5 หรือแม้แต่ BA.2.12.1 จะเข้ามาทำให้การระบาดในประเทศสูงขึ้นไปกว่าเดิมได้
นอกจากนี้สัปดาห์หน้าจะมีการเปิดเรียนด้วย จึงควรรู้เท่าทันสถานการณ์ ทราบถึงความเสี่ยงที่จะเพิ่มขึ้นระหว่างการใช้ชีวิตประจำวัน ทำมาค้าขาย ศึกษาเล่าเรียน และอื่นๆ
ใช้ชีวิตด้วยความระมัดระวัง การใส่หน้ากากเสมอ ใส่อย่างถูกต้อง เป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยลดความเสี่ยง และประคับประคองให้อยู่รอดท่ามกลางสถานการณ์เช่นนี้
โควิด...ไม่จบแค่หายหรือตาย แต่จะเสี่ยงเป็น Long COVID ในระยะยาวได้
https://www.facebook.com/thiraw/posts/10224324652896428