สวัสดีครับหากนึกถึง คำว่า "วัยเกษียณ" คุณรู้สึกถึงอะไรบ้างครับ ??
(คิดในใจไม่ต้องบอกผมก็ได้ครับ เอาเป็นว่ารู้กัน)
ตอนแรกผมก็คิดอย่างที่พวกคุณคิดนั้นแหละครับ แต่ หลังจากที่ผมได้ประสบการณ์อะไรมาบางอย่างผมก็รู้สึกที่แตกต่างออกไปครับ เพราะว่า วัยเกษียณ ที่ผมรู้จัก มันหมายถึง "มีบางอย่างกำลังเริ่มต้นใหม่, การปลดล็อคศักยภาพตนเอง, ความทันสมัย"
ก่อนอื่นต้องเกริ่นก่อนว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของคุณแม่ผมเองครับ
คุณแม่ผมแกเกษียณอายุราชการเมื่อปี 2563 ที่ผ่านมา แต่ก่อนแกเกษียณเราก็มาวางแผนกันว่า แกจะทำยังไงดีหลังเกษียณ???
เพราะกลัวว่าหากว่าไม่วางแผนเลย แล้วปล่อยไปเรื่อยๆ กลัวแกจะเป็นโรคความจำเสื่อม หรือ เป็นโรคซึมเศร้าได้ เพราะว่าลูกๆก็ไปทำงานในช่วงเช้า กลับมาอีกที่ก็เย็น - ค่ำเลย พร้อมทั้งแกยังบอกอีกด้วยว่าวัยนี้เป็นวัยที่ต้องพักผ่อนแล้ว มีแต่ถอยหลัง (ได้ยินคำว่าถอยหลัง ผมเองก็รู้สึก งง นะครับว่ามันจะถอยหลังยังไง)
เราก็เลยเริ่มชวนคุณแม่เราคุยว่าจริงๆแล้วคุณแม่เราชอบทำอะไรบ้าง แม่เราก็ไล่ยาวมาเลยนะ ไม่ว่าจะเป็น ออกไปเจอเพื่อ ปลูกต้นไม้ ทำกับข้าว ออกกำลังกาย ฯลฯ จนเบล็ดเสร็จแล้ว เรากับแม่เราเลยสรุปกันว่า เราจะลองทำช่อง Youtube ให้แม่เรา โดยอ้างอิงจากสิ่งที่แกบอกว่าแกชอบทำนั้นแหละ
หลังจากที่เราตกลงกันว่าจะทำช่อง Youtube ให้แม่เราแล้ว
แม่เราก็เริ่มมีคำถามว่า ..........
แม่จะทำได้ไหม ???
แม่จะทำยังไง ???
แม่พูดยังไง ???
แล้วก็คำถามสำคัญเลย แม่ถามว่าใครจะมาดูแม่ ???
เราเองก็ได้แต่ให้กำลังใจแกแล้วก็บอกแกไปว่า ให้แกเป็นตัวของตัวเอง ไม่ต้องไปคิดอะไรมากมาย แล้วเราก็เริ่มทำคลิปแรก กันด้วยการถ่ายอะไรไปเรื่อย โดยการที่เราเองก็เป็นหน่วยที่เอาตัวเองออกกล้อง ไปพร้อมๆกับแก แกจะได้ไม่เขินมากจนเกินไป
เราอยากให้เพื่อนๆ ดูคลิป EP.0 กันก่อนนะครับ
จากวันนั้นที่เราได้ทำ EP.0 ออกผ่านทางช่องทาง Youtube แล้ว คุณแม่ก็เหมือนกับว่า แกยังเขินๆเวลาเห็นตัวเองใน Youtube อยู่ ดูตัวเองก็เขิลไป ยิ้มไป แต่จุดหนึ่งที่เราเห็นว่าคุณแม่เรา น่าจะชอบกิจกรรมแนวนี้คือ แกมีคำถามย้อนกลับมาถามเราว่า
แม่พูดแบบนี้โอเคหรือยัง ???
แม่ทำแบบนี้เหมาะสมไหม ???
ต่อไปเราจะทำเรื่องนี้ดีไหม ???
จากที่เราจะต้องเป็นคนคอยถาม คอย Feedback แก กลับกลายเป็นว่าตอนนี้ดูเหมือนคุณแม่จะมีประกายไฟส่อแวว Youtuber ขึ้นมาแล้วครับ...
เราเองก็ตื่นเต้น และ แอบยินดีกับแกเหมือนกันนะที่ แกออกจากกรอบความกลัวของแก ในวัย 61
จากความกลัวและคำถามแรกที่เริ่มทำ
แม่จะทำได้ไหม ??? กลายเป็น แม่พูดแบบนี้โอเคหรือยัง ???
แม่จะทำยังไง ??? กลายเป็น ต่อไปเราจะทำเรื่องนี้ดีไหม ???
แม่พูดยังไง ??? กลายเป็น แม่ทำแบบนี้เหมาะสมไหม ???
คำถามคล้ายๆกัน แต่ พลังงานในคำถาม มันออกมาในเชิงบวกอย่างเห็นได้ชัดเลยครับ ในเมื่อคุณแม่ของเราเริ่มไฟติดแล้วลูกที่เป็นตัวตั้งตัวตีก็ต้องยิ่งซุ่มไฟให้คนเป็นแม่อย่างต่อเนื่อง โดยการที่ผมได้พาคุณแม่ไปซื้อไมค์ wireless มาติดเพื่อให้ได้ยินเสียงที่ชัดขึ้น และเหมือนเป็นกลอุบายด้วยครับ เพราะคุณแม่ผมแกเป็นคนที่ถ้าจะซื้อของมาต้องใช้ให้คุ้มครับ ผมก็เลยต้องพาแกไปด้วยในตอนซื้อเพื่อให้แก รับรู้ราคาของไมค์ (แต่ผมก็เป็นคนจ่ายตังอยู่ดีนะครับ 555+)
หลังจากที่เราได้ไมค์แล้วแม่ผมก็เริ่มที่จะหาเรื่องออกไปถ่ายทำคลิปอยู่เรื่อยๆ ครับ แต่อีกปัญหาหนึ่งที่ผมว่าน่าจะเป็นกันทุกบ้าน คือ คนสูงอายุกับเทคโนโลยี เป็นเรื่องธรรมดาครับ คราวนี้วุ่นวายกว่าเดิมครับทั้งไมค์ ทั้งต้องอัดคลิป ถ่ายคลิปมาไมค์แบตหมดบ้างทำให้เสียงไม่มี ถ่ายคลิปจากแนวนอนกลายเป็นแนวตั้งบ้าง ถ่ายจนความจำเครื่องเต็มบ้าง เราสองแม่ลูกก็ค่อยๆแก้ไปทีละปัญหาครับ แต่ต้องยอมรับในตัวแม่ผมนะครับว่าแกเป็นคนที่ไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ เหมือนมีปัญหาอะไรที่เกี่ยวกับเทคโนโลยี แกก็จะค่อยๆแก้ปัญหาไป อาจจะไม่ได้เรียนรู้รวดเร็ว แต่แกไม่ยอมที่จะไม่เรียนรู้ครับ จนแล้วจนเล่าก็มีเหตุการณ์ที่ทำให้ผมประทับใจอีกหนึ่งเหตุการณ์ คือ ในช่วงที่ประเทศคลายล็อคดาวน์ เราได้มีโอกาศไปเที่ยวทะเลด้วยกันกับครอบครัวและญาติๆ แม่ผมแกวางแผนถ่ายคลิป ไม่ว่าจะเป็นการวางแผนไปถ่ายคลิปหน้าโรงแรมจะต้องพูดแบบนี้ ตอนลงเรือแม่จะพูดแบบนี้ ตอนเล่นน้ำแม่จะพูดแบบนี้ ผมจากคนที่ต้องคอยบอกบท คอยแนะนำเสริมให้ ตอนนี้กลายมาเป็นตากล้องจำเป็นให้คุณแม่แล้วครับ
อยากให้เพื่อนๆ ดูคลิปนี้ครับจะเห็นความแตกต่างจาก EP. ก่อนๆเลยครับ
หลังจากทำไปเรื่อยๆ ผม และ คนรอบข้าง สังเกตุไปเลยครับว่า คุณแม่ผมดูสดใสขึ้น กล้าพูด กล้าแสดงออกครับ ถึงแม้ว่ายอดติดตามอาจจะไม่ได้มากมาย แต่ การที่เราได้เห็นบุคคลิกของคนใกล้ตัวเราดีขึ้น มีความสุขมากขึ้น และ สามารถแบ่งปันความสุขเหล่านั้นให้กับคนรอบๆข้างได้ผมก็ดีใจมากๆแล้วครับสำหรับตอนนี้ที่แม่ผมเป็น
จากวันแรกที่เริ่มทำช่อง วัยเกษียณ พาเพลิน ทาง Youtube จนถึงวันที่ผมได้มาเขียนรีวิวแม่ตัวเอง ตอนนี้ก็เกือบจะครบ 1 ปีแล้วครับ ผมเลยอยากให้ประสบการณ์ที่ผมแชร์นี้เป็นกำลังให้เพื่อนๆ หรือ คุณแม่วัยเกษียณ ที่ได้อ่าน Post นี้ของผม
สำหรับเพื่อนๆที่ยังวัยรุ่นอยู่ ความต่างระหว่างวัยมันอาจจะมีการขัดแย้งหรือว่าการไม่เข้าใจระหว่างวัยบ้าง เราต้องค่อยๆพูดค่อยๆ นำเสนอให้เขาเห็นภาพแบบเดียวกับที่เราทำนะครับ บางเรื่องใช้เวลาเป็นเดือน บางเรื่องใช้เวลาไม่กี่สัปดาห์ เราต้องค่อยๆปรับจูนเข้าหากันนะครับ
สำหรับแม่ๆวัยเกษียณนะครับ ผมอยากให้คุณไม่จำกัดความสามารถของตนเองทุกสิ่งในตอนนี้อย่ามองว่าเราแก่เกินวัย หรือ หมดยุคแล้วนะครับ ทุกอย่างสามารถเรียนรู้ได้ครับ แม่ของผมตอนแรกก็ปิดกันตนเองเหมือนกัน ดูตอนนี้ซิครับ ต่างกันคนละแบบเลย
และนี้น่าจะเป็น 1 กิจกรรมที่สามารถทำให้แม่ลูกที่ต่างวัยกันมากๆ ได้ใกล้ชิดกันมากขึ้นครับ สำหรับเพื่อนๆหรือแม่ๆท่านใดที่อยากจะติดตามคุณแม่ของผม ก็สามารถติดตามได้ที่ช่อง
วัยเกษียณ พาเพลิน สามารถไปคอมเม้นท์ แซว (อย่างสุภาพ) ได้เลยนะครับ หรือท่านใดที่เจอแม่ผมก็สามารถเข้าไปทักทายได้นะครับ
กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกที่ผมเขียน หากมีข้อผิดพลาดอย่างไร ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย และ ยินดีน้อมรับคำติชม หากเกิดข้อผิดพลาดครับ ขอบคุณครับ
เปลี่ยนคุณแม่วัยเกษียณ เป็น.......
(คิดในใจไม่ต้องบอกผมก็ได้ครับ เอาเป็นว่ารู้กัน)
ตอนแรกผมก็คิดอย่างที่พวกคุณคิดนั้นแหละครับ แต่ หลังจากที่ผมได้ประสบการณ์อะไรมาบางอย่างผมก็รู้สึกที่แตกต่างออกไปครับ เพราะว่า วัยเกษียณ ที่ผมรู้จัก มันหมายถึง "มีบางอย่างกำลังเริ่มต้นใหม่, การปลดล็อคศักยภาพตนเอง, ความทันสมัย"
ก่อนอื่นต้องเกริ่นก่อนว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของคุณแม่ผมเองครับ
คุณแม่ผมแกเกษียณอายุราชการเมื่อปี 2563 ที่ผ่านมา แต่ก่อนแกเกษียณเราก็มาวางแผนกันว่า แกจะทำยังไงดีหลังเกษียณ???
เพราะกลัวว่าหากว่าไม่วางแผนเลย แล้วปล่อยไปเรื่อยๆ กลัวแกจะเป็นโรคความจำเสื่อม หรือ เป็นโรคซึมเศร้าได้ เพราะว่าลูกๆก็ไปทำงานในช่วงเช้า กลับมาอีกที่ก็เย็น - ค่ำเลย พร้อมทั้งแกยังบอกอีกด้วยว่าวัยนี้เป็นวัยที่ต้องพักผ่อนแล้ว มีแต่ถอยหลัง (ได้ยินคำว่าถอยหลัง ผมเองก็รู้สึก งง นะครับว่ามันจะถอยหลังยังไง)
เราก็เลยเริ่มชวนคุณแม่เราคุยว่าจริงๆแล้วคุณแม่เราชอบทำอะไรบ้าง แม่เราก็ไล่ยาวมาเลยนะ ไม่ว่าจะเป็น ออกไปเจอเพื่อ ปลูกต้นไม้ ทำกับข้าว ออกกำลังกาย ฯลฯ จนเบล็ดเสร็จแล้ว เรากับแม่เราเลยสรุปกันว่า เราจะลองทำช่อง Youtube ให้แม่เรา โดยอ้างอิงจากสิ่งที่แกบอกว่าแกชอบทำนั้นแหละ
หลังจากที่เราตกลงกันว่าจะทำช่อง Youtube ให้แม่เราแล้ว
แม่เราก็เริ่มมีคำถามว่า ..........
แม่จะทำได้ไหม ???
แม่จะทำยังไง ???
แม่พูดยังไง ???
แล้วก็คำถามสำคัญเลย แม่ถามว่าใครจะมาดูแม่ ???
เราเองก็ได้แต่ให้กำลังใจแกแล้วก็บอกแกไปว่า ให้แกเป็นตัวของตัวเอง ไม่ต้องไปคิดอะไรมากมาย แล้วเราก็เริ่มทำคลิปแรก กันด้วยการถ่ายอะไรไปเรื่อย โดยการที่เราเองก็เป็นหน่วยที่เอาตัวเองออกกล้อง ไปพร้อมๆกับแก แกจะได้ไม่เขินมากจนเกินไป
แม่จะทำยังไง ??? กลายเป็น ต่อไปเราจะทำเรื่องนี้ดีไหม ???
แม่พูดยังไง ??? กลายเป็น แม่ทำแบบนี้เหมาะสมไหม ???
คำถามคล้ายๆกัน แต่ พลังงานในคำถาม มันออกมาในเชิงบวกอย่างเห็นได้ชัดเลยครับ ในเมื่อคุณแม่ของเราเริ่มไฟติดแล้วลูกที่เป็นตัวตั้งตัวตีก็ต้องยิ่งซุ่มไฟให้คนเป็นแม่อย่างต่อเนื่อง โดยการที่ผมได้พาคุณแม่ไปซื้อไมค์ wireless มาติดเพื่อให้ได้ยินเสียงที่ชัดขึ้น และเหมือนเป็นกลอุบายด้วยครับ เพราะคุณแม่ผมแกเป็นคนที่ถ้าจะซื้อของมาต้องใช้ให้คุ้มครับ ผมก็เลยต้องพาแกไปด้วยในตอนซื้อเพื่อให้แก รับรู้ราคาของไมค์ (แต่ผมก็เป็นคนจ่ายตังอยู่ดีนะครับ 555+)
หลังจากที่เราได้ไมค์แล้วแม่ผมก็เริ่มที่จะหาเรื่องออกไปถ่ายทำคลิปอยู่เรื่อยๆ ครับ แต่อีกปัญหาหนึ่งที่ผมว่าน่าจะเป็นกันทุกบ้าน คือ คนสูงอายุกับเทคโนโลยี เป็นเรื่องธรรมดาครับ คราวนี้วุ่นวายกว่าเดิมครับทั้งไมค์ ทั้งต้องอัดคลิป ถ่ายคลิปมาไมค์แบตหมดบ้างทำให้เสียงไม่มี ถ่ายคลิปจากแนวนอนกลายเป็นแนวตั้งบ้าง ถ่ายจนความจำเครื่องเต็มบ้าง เราสองแม่ลูกก็ค่อยๆแก้ไปทีละปัญหาครับ แต่ต้องยอมรับในตัวแม่ผมนะครับว่าแกเป็นคนที่ไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ เหมือนมีปัญหาอะไรที่เกี่ยวกับเทคโนโลยี แกก็จะค่อยๆแก้ปัญหาไป อาจจะไม่ได้เรียนรู้รวดเร็ว แต่แกไม่ยอมที่จะไม่เรียนรู้ครับ จนแล้วจนเล่าก็มีเหตุการณ์ที่ทำให้ผมประทับใจอีกหนึ่งเหตุการณ์ คือ ในช่วงที่ประเทศคลายล็อคดาวน์ เราได้มีโอกาศไปเที่ยวทะเลด้วยกันกับครอบครัวและญาติๆ แม่ผมแกวางแผนถ่ายคลิป ไม่ว่าจะเป็นการวางแผนไปถ่ายคลิปหน้าโรงแรมจะต้องพูดแบบนี้ ตอนลงเรือแม่จะพูดแบบนี้ ตอนเล่นน้ำแม่จะพูดแบบนี้ ผมจากคนที่ต้องคอยบอกบท คอยแนะนำเสริมให้ ตอนนี้กลายมาเป็นตากล้องจำเป็นให้คุณแม่แล้วครับ