สวัสดีค่ะ เราเป็นนักศึกษาปี4 ของคณะอุตสาหกรรมอาหาร ถึงแม้อีกไม่กี่เดือนจะเป็นบัณฑิตแล้ว แต่ก็ตั้งใจว่าก่อนที่จะเรียนจบ อยากเล่า อยากแนะนำสาขาเทคโนโลยีการหมักในอุตสาหกรรมอาหารให้น้องๆเฟรชชี่ได้รู้จักกันว่า “เด็กหมัก เรียนอะไรบ้าง” สาขาหมักฯเกี่ยวกับอาหารอย่างไร วิชาเหล่านั้นสำคัญอย่างไร สามารถนำไปต่อยอดในอนาคตได้อย่างไร เชื่อว่าคำถามเหล่านี้คงติดอยู่ในใจของน้องๆหลายคนใช่มั้ยล่ะ ^_^ งั้นเราจะเล่าให้ฟังเอง มาเริ่มกันเลย

สาขาของเราจะมุ่งเน้นการนำจุลินทรีย์มาใช้ประโยชน์ ปรับปรุงผลิตภัณฑ์อาหารที่มีอยู่เดิมให้มีมูลค่ามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กิมจิ โยเกิร์ต ชีสต์ หรืออาหารหมักอื่นๆอีกมากมายเลย และยังมุ่นเน้นสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์อาหารใหม่ๆด้วยนะ อีกทั้งทางคณะให้ความสำคัญต่อเรื่องความปลอดภัยของผู้บริโภคเสมอ มีการศึกษาด้านควบคุมคุณภาพ ตั้งแต่กระบวนการผลิตจนได้ผลิตภัณฑ์ออกมา รวมทั้งพวกเราจะได้ฝึกการคิดค้น อาศัยนวัตกรรมทางจุลินทรีย์ เพื่อนำไปประยุกต์ใช้/พัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารให้ตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคยุคปัจจุบัน
ช่วงปี1-2 เราก็จะเรียนพื้นฐานกับวิชาเฉพาะเบื้องต้น ส่วนมากจะเป็นวิชาที่คุ้นหูคุ้นตา ล้วนเคยเรียนมาแล้วในช่วงม.ปลาย เช่น ชีววิทยา เคมีอินทรีย์ ฟิสิกส์ แคลคูลัส แต่จะลงรายละเอียดกว่าตอนเรียนม.ปลาย เพื่อเตรียมความพร้อมสู่วิชาเฉพาะในสาขา ต่อมาช่วงปี3-4จะเข้มข้นมากขึ้น ยิ่งปี3เทอม1เราเริ่มเรียนวิชาของสาขา เรียนทฤษฎีเสร็จต่อด้วยภาคปฏิบัติทันที เป็นอย่างนี้ไปทีละบท เพื่อเพิ่มความเข้าใจในวิชานั้นๆ ซึ่งสาขาเรามีหลายวิชาเลยที่น่าสนใจ แต่ในวันนี้จะยกตัวอย่างวิชามาเล่าคร่าวๆให้ฟังนะ เริ่มที่วิชาแรก
วิชาจุลชีววิทยาทางอาหาร
“Food Micro โอ้โหโลกจุลินทรีย์ เรียนวิธีตรวจหาเชื้อในอาหาร
หายีสต์ราแบคทีเรียให้ชำนาญ คือพื้นฐานของเด็กหมักพึงใส่ใจ
วิเคราะห์เหตุปนเปื้อนเป็นประจักษ์ เนื้อนมผักเก็บอย่างไรจึงปลอดภัย
ฤๅบางเชื้อใช้ถนอมอาหารไว้ ควบคุมให้มีปริมาณที่พอควร”
นับว่าเป็นวิชานึงที่ไม่พูดถึงไม่ได้ จุดเด่นคือ ชื่อจุลินทรีย์ระยิบระยับเต็มหนังสือไปหมด แต่เด็กหมักอย่างเรามันนักสู้อยู่แล้ว!(555+) วิชานี้เน้นจุลินทรีย์ที่ทำให้อาหารเสื่อมเสีย จุดนี้สำคัญต่อเด็กหมักอย่างเรามากเลยนะวิชานี้จะติดตัวไปถึงตอนทำงานเลย ได้เรียนรู้ชนิดและปริมาณจุลินทรีย์ที่มีอยู่ในอาหารว่าตัวใดที่ทำให้เน่าเสีย และควรมีปริมาณเท่าใดจึงไม่ก่อให้เกิดอันตราย บ่งบอกถึงคุณภาพของอาหารอีกด้วย ตลอดจนสภาวะทางกายภาพและทางเคมีว่าส่งผลต่อการเติบโตของเชื้อ ทำให้รู้ว่าเราควรจะเก็บอาหารในสภาวะนี้นะ เพื่อป้องกันจุลินทรีย์โตนั่นเอง วิชานี้มีปฏิบัติการควบคู่ เมื่อเข้าแลปแต่ละครั้งอาจารย์จะให้เตรียมตัวอย่างอาหารมากลุ่มละ1อย่างแบบ(ไม่ซ้ำกัน)แล้วนำมาทดสอบบนอาหารเลี้ยงเชื้อ บางปฏิบัติการได้มีโอกาสStreak plateดูลักษณะเชื้อจุลินทรีย์ด้วย ทำให้รู้ว่าในตัวอย่างอาหารนั้นจะมีจุลินทรีย์ที่อันตรายปนเปื้อนมั้ยนะ
เมื่อทำแลปเสร็จก็แลกเปลี่ยนผลการทดลองกับเพื่อนที่มีตัวอย่างอาหารที่ไม่ซ้ำกันเนี่ย มาพูดคุยกัน หลังจากเรียนวิชานี้ไปก็อินกับการเลือกซื้ออาหารมากๆเลย
วิชา เทคโนโลยีการหมัก
“การหมักหมักอย่างไรให้เกิดผล มานะตนเล่าเรียนวิชานี้
เปลี่ยนสภาวะกระตุ้นจุลินทรีย์ มุ่งไปที่กระบวนการสู่ Product”
วิชานี้ชื่อตามสาขาวิชาเลย เหมือนกับประตูที่ปูทางไปสู่วิชาหลักอื่นๆของสาขากระบวนการหมักวัตถุดิบ เพื่อผลิตผลิตภัณฑ์ต่างๆบทบาทของน้องจุลินทรีย์ที่ทำงานอย่างขยันขันแข็ง ทำให้เกิดผลิตภัณฑ์แต่ละชนิด ได้เห็นภาพรวมของปฏิกิริยาทางเคมี อย่างเช่นวุ้นเซลลูโลส หรือที่เรียกกันติดปากว่า วุ้นสวรรค์ นั่นเอง ซึ่งเราได้ลงมือทำปฏิบัติการในเรื่องนี้ด้วยนะ ก่อนหน้านั้นก็จะเรียนเกี่ยวกับโครงสร้างของBacterial celluloseการสังเคราะห์ การผลิต คุณสมบัติ ตลอดจนการนำไปใช้ และเมื่อเราได้วุ้นเซลลูโลสมาแล้ว อาจารย์ก็จะให้ทุกกลุ่มสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ แล้วกลุ่มเราก็นำมาทำ “วุ้นสวรรค์แมงลักน้ำหวาน” จ้า
ไม่ได้เรียนแต่เรื่องอาหารเพียงอย่างเดียว ทฤษฎีเรายังได้เรียนเรื่องอื่นๆ เช่น แก๊สชีวภาพ ซึ่งก็เกี่ยวกับจุลินทรีย์ในกระบวนการหมักทั้งสิ้น ซึ่งหากมองภาพรวมสิ่งเหล่านี้ก็เกี่ยวพันเชื่อมโยงกับในอุตสาหกรรมอาหารเช่นกัน สิ่งที่เรียนมานำไปต่อยอดในอนาคตได้หมดเลย

ส่วนเรื่องถังหมักแบบละเอี๊ยดละเอียด จะได้เรียนต่อในวิชาวิศวกรรมชีวเคมี มีโอกาสไปศึกษาลักษณะถังหมักของจริง ดูส่วนประกอบต่างๆ สังเกตการทำงาน ศึกษาปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการหมัก และคำนวณค่าพารามิเตอร์ต่างๆให้เหมาะสมกับวัตถุประสงค์ของการหมัก เรียกได้ว่ารวบรวมศาสตร์ของวิศวกรรม ชีววิทยา และเคมีมารวมกันครบจบในที่เดียว
วิชาเคมีวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์อาหาร
“สี กลิ่น รส ความเป็นกรดและเบส การไทเทรต และตรวจวัดหลายวิธี
ผลิตภัณฑ์วิเคราะห์ทางเคมี เสริมชีวีให้เชี่ยวชาญประเมินผล”
อาหารไม่ได้อยู่ในแค่วงการของชีววิทยาเท่านั้น ยังประกอบไปด้วยสารเคมีต่างๆ ได้แก่ น้ำ คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน และอื่นๆ นับว่าเป็นงานสำคัญของอุตสาหกรรมอาหาร การวิเคราะห์องค์ประกอบทางเคมีต่างๆว่ามีปริมาณเพียงพอหรือไม่ เช่น หลักการและวิธีการวิเคราะห์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อย่างการวิเคราะห์น้ำตาลในไวน์ โดยผลไม้แต่ละชนิดมีปริมาณไม่เท่ากัน จึงต้องทำการตรวจเพื่อให้มีปริมาณไม่เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด เป็นต้น
จุลินทรีย์บางประเภทเขาสามารถสร้างสารได้ด้วย บางอย่างก็ส่งเสริมประโยชน์ แต่ต้องระวัง! สารเคมีบางตัวอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้บริโภคได้หรือแม้กระทั่งมีปฏิกิริยาที่อาจก่อให้เกิดความเน่าเสียของอาหาร ซึ่งเป็นหน้าที่ของเราจะต้องวิเคราะห์สารเหล่านั้น วิชานี้มีปฏิบัติการควบคู่เช่นเคย เราจะได้นำผลิตภัณฑ์จริงมาทำการทดลองโดยอาศัยเทคนิคการตรวจวัดหลายรูปแบบ และได้ใช้อุปกรณ์แปลกใหม่แตกต่างจากปี1-2 ที่ผ่านมา
วิชาเรียนร่วมกับเพื่อนในสาขาอื่นๆ
นอกจากวิชาเฉพาะในสาขาเราแล้ว เด็กหมักก็ไม่สันโดษโดดเดี่ยวนะ เราจะได้เรียนวิชาอื่นๆร่วมกับเพื่อนต่างสาขาทั้ง Food science, วิศวกรรมแปรรูปอาหาร (Food Processing) เช่น
การควบคุมคุณภาพอาหาร หรือ Quality Control (QC) แค่ชื่อวิชาก็บ่งบอกว่าเป็นอาชีพในฝันของใครหลายๆคนเลยใช่มั้ย (รวมถึงเค้าด้วย ^_^) วิชานี้เราจะได้เรียนการควบคุมคุณภาพทางกายภาพ เคมี และจุลินทรีย์ ตั้งแต่เลือกวัตถุดิบ กระบวนการผลิต และผลิตภัณฑ์เลย ฝึกประเมินความเสี่ยงและการแก้ไขปัญหา ได้ศึกษาการใช้เครื่องมือ เครื่องจักรสำคัญๆที่นำมาใช้ตรวจสอบ และที่เราชอบมากเลยก็คือในบท การประเมินคุณภาพทางประสาทสัมผัส ทำให้เราได้ฝึกวิเคราะห์ระหว่างการชิมอาหารดูสี กลิ่น รส เนื้อสัมผัส พิจารณาถึงคุณภาพของอาหารที่ชิมด้วย ซึ่งทุกโรงงานการที่จะนำสินค้าออกสู่ตลาดได้ จำเป็นต้องควบคุมปัจจัยต่างๆให้เป็นไปตามเกณฑ์ เพื่อความปลอดภัยและคุณภาพที่ดีของอาหาร ฉะนั้นวิชานี้สำคัญต่อพวกเราเด็ก Food science เด็กหมัก เด็กแปรรูปทั้งสามสาขาเลย
และยังมีวิชาการประกันคุณภาพผลิตภัณฑ์อาหาร หรือ Quality Assurance (QA) เริ่มแรกจะอาจารย์จะปูพื้นฐานให้รู้จักมาตรฐานอาหาร ระบบคุณภาพ กฎหมายที่เกี่ยวข้องและอื่นๆ ศึกษาถึงหน้าที่/ความสำคัญของแผนก QA ตลอดจนการวางแผนสุ่มตัวอย่างอาหารมาตรวจสอบในหลายวิธี ซึ่งวิชานี้ก็สัมพันธ์กับวิชา QC ก่อนหน้านี้ด้วยนะ โดยการประกันคุณภาพจะเน้นที่กระบวนการ กับการป้องกันปัญหา แต่QC จะเน้นที่ผลิตภัณฑ์ กับการแก้ไขปัญหานั่นเอง
ปีที่4
วิชานวัตกรรมผลิตภัณฑ์จุลินทรีย์
“โลกไม่หยุดหมุนฉันใด นวัตกรรมอาหารก็ไม่หยุดพัฒนาฉันนั้น”
หากจะอาศัยความสามารถของจุลินทรีย์มาใช้ในการผลิตอาหารเชิงอุตสาหกรรม จะต้องใช้ปริมาณมาก ซึ่งถ้าใช้วิธีตามธรรมชาติอาจข้อจำกัดเรื่องต้นทุน ระยะเวลา จึงต้องมีการปรับปรุงให้เอื้ออำนวยต่อระดับอุตสาหกรรม อีกทั้งพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตรงความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น วิชานี้จะได้ศึกษาการปรับปรุงสายพันธุ์จุลินทรีย์หลากหลายวิธี รวมถึงนำจุลินทรีย์มาประยุกต์ใช้ในงานอื่นๆ
วิชาเลือก
วิชาเลือกของสาขา สามารถเลือกได้ตามความถนัดของตนเอง หรือว่าใครที่วางแผนไว้ว่าจะนำเนื้อหาในวิชาไหนจะไปประยุกต์ใช้ในอาชีพบนอนาคตของตนเองก็เลือกได้เลย โดยแต่ละปีการศึกษาวิชาที่เปิดสอนอาจมีความแตกต่างกันเล็กน้อยนะคะ ซึ่งในกระทู้เราจะยกตัวอย่าง 2 วิชาเลือก มาเล่าให้ฟังกัน
• วิชาอาหารหมักพื้นบ้าน
วิชาเพิ่มSkill ความเป็นแม่ศรีเรือน จากคนที่ทำอาหารไม่เป็น T_T ก็ได้ลงมือทำโยเกิร์ต ชีส ปลาส้ม และผลิตภัณฑ์หมักอื่นๆด้วยตัวเอง (ภูมิใจสุดๆ) ซึ่งปฏิบัติการของวิชานี้การเตรียมอุปกรณ์ก็สมชื่อกับคำว่าพื้นบ้านจริงๆ สามารถใช้อุปกรณ์ภายในบ้าน (หลังจากเรียนวิชานี้จบไปเราก็มาฝึกฝีมือต่อ ทำอาหารหมักอีกหลายตั้งครั้งแหน่ะ อิอิ สนุกมากๆ) ไม่เพียงเท่านั้น…ด้วยความที่เราไม่ใช่เชฟ แต่ “เราเป็นเด็กหมัก” ก่อนจะทำผลิตภัณฑ์ออกมาได้นั้น เราจะต้องศึกษาความเป็นมา ทำความเข้าใจในทฤษฎีเหล่านั้น ทราบถึงการทำงานของจุลินทรีย์ องค์ประกอบทางเคมี ปัจจัยที่มีผลต่อคุณภาพ ตลอดจนแนวทางการวิจัยและพัฒนา เรียกได้ว่าทุกคนต้องผ่านการศึกษาถึงแก่นแท้ ก่อนลงมือทำนั่นเอง
เมื่อคนทั่วไปทำอาหาร “ทำ=> กิน=> อิ่ม”
แต่เด็กหมักทำอาหารเพื่อ “ศึกษา=> ทำ=> สังเกต=> กิน=> วิเคราะห์=> บันทึกผล=> อภิปรายผล=> นำไปพัฒนาต่อ”


• วิชา Food safety
การทำงานในอุตสาหกรรม ความปลอดภัยถือว่าเป็นสิ่งสำคัญมาก ยิ่งอุตสาหกรรมอาหารความสะอาด ความปลอดภัยจะส่งต่อผู้บริโภคโดยตรง ผู้ปฏิบัติงานจะต้องมีจิตสำนึก สุขนิสัยส่วนบุคคล ซึ่งเนื้อหาก็จะเกี่ยวข้องกับมาตรการควบคุมการปนเปื้อนตั้งแต่กายภาพ ชีวภาพ ตลอดจนทางเคมี ระบบควบคุมการปลอดภัย ข้อกำหนดบนเอกสารต่างๆมีกิจกรรมเป็นงานกลุ่มให้วิเคราะห์ อภิปรายร่วมกันภายในห้องเรียน
เป็นยังไงกันบ้างคะ? ทั้งหมดนี้ก็เป็นการเล่าเรื่องผ่านวิชาให้น้องๆรู้จักสาขาเทคโนโลยีการหมักในอุตสาหกรรมอาหาร คณะอุตสาหกรรมอาหาร สจล.มากขึ้น ซึ่งน้องๆเฟรชชี่ทุกคนไม่ต้องกังวลเลย เพราะสังคมในคณะเราอบอุ่นยิ่งกว่าไมโครเวฟ ตอนแรกที่เราเข้ามาเรียน ยอมรับว่าเป็นคนที่ไม่เก่งเท่าไหร่ ขาดทักษะการทำLabมากๆ แต่ก็พัฒนาตัวเองมาโดยตลอด เพียงเราพยายามสังเกตหาทางแก้ไขข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น ถ้ามีข้อสงสัยตรงไหนต้องถามคำถามและหาคำตอบ โดยมีอาจารย์ทุกท่านและนักวิทยาศาสตร์พร้อมชี้แนะแนวทาง มีรุ่นพี่และเพื่อนๆให้คำปรึกษาเคียงข้าง อีกทั้งเนื้อหาทางทฤษฎีกับภาคปฏิบัติจะมีความเกี่ยวข้องกันเสมอ การเรียนควบคู่ไปเช่นนี้จะเสริมความเข้าใจผลลัพธ์มากขึ้นนำไปใช้ในอนาคตได้แน่นอน
เด็กหมักเรียนอะไรบ้าง?มารู้จักสาขาเทคโนโลยีการหมักในอุตสาหกรรมอาหารกันเถอะ(คณะอุตสาหกรรมอาหาร พระจอมเกล้าฯลาดกระบัง)
สาขาของเราจะมุ่งเน้นการนำจุลินทรีย์มาใช้ประโยชน์ ปรับปรุงผลิตภัณฑ์อาหารที่มีอยู่เดิมให้มีมูลค่ามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กิมจิ โยเกิร์ต ชีสต์ หรืออาหารหมักอื่นๆอีกมากมายเลย และยังมุ่นเน้นสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์อาหารใหม่ๆด้วยนะ อีกทั้งทางคณะให้ความสำคัญต่อเรื่องความปลอดภัยของผู้บริโภคเสมอ มีการศึกษาด้านควบคุมคุณภาพ ตั้งแต่กระบวนการผลิตจนได้ผลิตภัณฑ์ออกมา รวมทั้งพวกเราจะได้ฝึกการคิดค้น อาศัยนวัตกรรมทางจุลินทรีย์ เพื่อนำไปประยุกต์ใช้/พัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารให้ตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคยุคปัจจุบัน
ช่วงปี1-2 เราก็จะเรียนพื้นฐานกับวิชาเฉพาะเบื้องต้น ส่วนมากจะเป็นวิชาที่คุ้นหูคุ้นตา ล้วนเคยเรียนมาแล้วในช่วงม.ปลาย เช่น ชีววิทยา เคมีอินทรีย์ ฟิสิกส์ แคลคูลัส แต่จะลงรายละเอียดกว่าตอนเรียนม.ปลาย เพื่อเตรียมความพร้อมสู่วิชาเฉพาะในสาขา ต่อมาช่วงปี3-4จะเข้มข้นมากขึ้น ยิ่งปี3เทอม1เราเริ่มเรียนวิชาของสาขา เรียนทฤษฎีเสร็จต่อด้วยภาคปฏิบัติทันที เป็นอย่างนี้ไปทีละบท เพื่อเพิ่มความเข้าใจในวิชานั้นๆ ซึ่งสาขาเรามีหลายวิชาเลยที่น่าสนใจ แต่ในวันนี้จะยกตัวอย่างวิชามาเล่าคร่าวๆให้ฟังนะ เริ่มที่วิชาแรก
ไม่ได้เรียนแต่เรื่องอาหารเพียงอย่างเดียว ทฤษฎีเรายังได้เรียนเรื่องอื่นๆ เช่น แก๊สชีวภาพ ซึ่งก็เกี่ยวกับจุลินทรีย์ในกระบวนการหมักทั้งสิ้น ซึ่งหากมองภาพรวมสิ่งเหล่านี้ก็เกี่ยวพันเชื่อมโยงกับในอุตสาหกรรมอาหารเช่นกัน สิ่งที่เรียนมานำไปต่อยอดในอนาคตได้หมดเลย
ส่วนเรื่องถังหมักแบบละเอี๊ยดละเอียด จะได้เรียนต่อในวิชาวิศวกรรมชีวเคมี มีโอกาสไปศึกษาลักษณะถังหมักของจริง ดูส่วนประกอบต่างๆ สังเกตการทำงาน ศึกษาปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการหมัก และคำนวณค่าพารามิเตอร์ต่างๆให้เหมาะสมกับวัตถุประสงค์ของการหมัก เรียกได้ว่ารวบรวมศาสตร์ของวิศวกรรม ชีววิทยา และเคมีมารวมกันครบจบในที่เดียว
นอกจากวิชาเฉพาะในสาขาเราแล้ว เด็กหมักก็ไม่สันโดษโดดเดี่ยวนะ เราจะได้เรียนวิชาอื่นๆร่วมกับเพื่อนต่างสาขาทั้ง Food science, วิศวกรรมแปรรูปอาหาร (Food Processing) เช่น
การควบคุมคุณภาพอาหาร หรือ Quality Control (QC) แค่ชื่อวิชาก็บ่งบอกว่าเป็นอาชีพในฝันของใครหลายๆคนเลยใช่มั้ย (รวมถึงเค้าด้วย ^_^) วิชานี้เราจะได้เรียนการควบคุมคุณภาพทางกายภาพ เคมี และจุลินทรีย์ ตั้งแต่เลือกวัตถุดิบ กระบวนการผลิต และผลิตภัณฑ์เลย ฝึกประเมินความเสี่ยงและการแก้ไขปัญหา ได้ศึกษาการใช้เครื่องมือ เครื่องจักรสำคัญๆที่นำมาใช้ตรวจสอบ และที่เราชอบมากเลยก็คือในบท การประเมินคุณภาพทางประสาทสัมผัส ทำให้เราได้ฝึกวิเคราะห์ระหว่างการชิมอาหารดูสี กลิ่น รส เนื้อสัมผัส พิจารณาถึงคุณภาพของอาหารที่ชิมด้วย ซึ่งทุกโรงงานการที่จะนำสินค้าออกสู่ตลาดได้ จำเป็นต้องควบคุมปัจจัยต่างๆให้เป็นไปตามเกณฑ์ เพื่อความปลอดภัยและคุณภาพที่ดีของอาหาร ฉะนั้นวิชานี้สำคัญต่อพวกเราเด็ก Food science เด็กหมัก เด็กแปรรูปทั้งสามสาขาเลย
และยังมีวิชาการประกันคุณภาพผลิตภัณฑ์อาหาร หรือ Quality Assurance (QA) เริ่มแรกจะอาจารย์จะปูพื้นฐานให้รู้จักมาตรฐานอาหาร ระบบคุณภาพ กฎหมายที่เกี่ยวข้องและอื่นๆ ศึกษาถึงหน้าที่/ความสำคัญของแผนก QA ตลอดจนการวางแผนสุ่มตัวอย่างอาหารมาตรวจสอบในหลายวิธี ซึ่งวิชานี้ก็สัมพันธ์กับวิชา QC ก่อนหน้านี้ด้วยนะ โดยการประกันคุณภาพจะเน้นที่กระบวนการ กับการป้องกันปัญหา แต่QC จะเน้นที่ผลิตภัณฑ์ กับการแก้ไขปัญหานั่นเอง
วิชาเลือกของสาขา สามารถเลือกได้ตามความถนัดของตนเอง หรือว่าใครที่วางแผนไว้ว่าจะนำเนื้อหาในวิชาไหนจะไปประยุกต์ใช้ในอาชีพบนอนาคตของตนเองก็เลือกได้เลย โดยแต่ละปีการศึกษาวิชาที่เปิดสอนอาจมีความแตกต่างกันเล็กน้อยนะคะ ซึ่งในกระทู้เราจะยกตัวอย่าง 2 วิชาเลือก มาเล่าให้ฟังกัน
• วิชาอาหารหมักพื้นบ้าน
วิชาเพิ่มSkill ความเป็นแม่ศรีเรือน จากคนที่ทำอาหารไม่เป็น T_T ก็ได้ลงมือทำโยเกิร์ต ชีส ปลาส้ม และผลิตภัณฑ์หมักอื่นๆด้วยตัวเอง (ภูมิใจสุดๆ) ซึ่งปฏิบัติการของวิชานี้การเตรียมอุปกรณ์ก็สมชื่อกับคำว่าพื้นบ้านจริงๆ สามารถใช้อุปกรณ์ภายในบ้าน (หลังจากเรียนวิชานี้จบไปเราก็มาฝึกฝีมือต่อ ทำอาหารหมักอีกหลายตั้งครั้งแหน่ะ อิอิ สนุกมากๆ) ไม่เพียงเท่านั้น…ด้วยความที่เราไม่ใช่เชฟ แต่ “เราเป็นเด็กหมัก” ก่อนจะทำผลิตภัณฑ์ออกมาได้นั้น เราจะต้องศึกษาความเป็นมา ทำความเข้าใจในทฤษฎีเหล่านั้น ทราบถึงการทำงานของจุลินทรีย์ องค์ประกอบทางเคมี ปัจจัยที่มีผลต่อคุณภาพ ตลอดจนแนวทางการวิจัยและพัฒนา เรียกได้ว่าทุกคนต้องผ่านการศึกษาถึงแก่นแท้ ก่อนลงมือทำนั่นเอง
เมื่อคนทั่วไปทำอาหาร “ทำ=> กิน=> อิ่ม”
แต่เด็กหมักทำอาหารเพื่อ “ศึกษา=> ทำ=> สังเกต=> กิน=> วิเคราะห์=> บันทึกผล=> อภิปรายผล=> นำไปพัฒนาต่อ”
• วิชา Food safety
การทำงานในอุตสาหกรรม ความปลอดภัยถือว่าเป็นสิ่งสำคัญมาก ยิ่งอุตสาหกรรมอาหารความสะอาด ความปลอดภัยจะส่งต่อผู้บริโภคโดยตรง ผู้ปฏิบัติงานจะต้องมีจิตสำนึก สุขนิสัยส่วนบุคคล ซึ่งเนื้อหาก็จะเกี่ยวข้องกับมาตรการควบคุมการปนเปื้อนตั้งแต่กายภาพ ชีวภาพ ตลอดจนทางเคมี ระบบควบคุมการปลอดภัย ข้อกำหนดบนเอกสารต่างๆมีกิจกรรมเป็นงานกลุ่มให้วิเคราะห์ อภิปรายร่วมกันภายในห้องเรียน
เป็นยังไงกันบ้างคะ? ทั้งหมดนี้ก็เป็นการเล่าเรื่องผ่านวิชาให้น้องๆรู้จักสาขาเทคโนโลยีการหมักในอุตสาหกรรมอาหาร คณะอุตสาหกรรมอาหาร สจล.มากขึ้น ซึ่งน้องๆเฟรชชี่ทุกคนไม่ต้องกังวลเลย เพราะสังคมในคณะเราอบอุ่นยิ่งกว่าไมโครเวฟ ตอนแรกที่เราเข้ามาเรียน ยอมรับว่าเป็นคนที่ไม่เก่งเท่าไหร่ ขาดทักษะการทำLabมากๆ แต่ก็พัฒนาตัวเองมาโดยตลอด เพียงเราพยายามสังเกตหาทางแก้ไขข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น ถ้ามีข้อสงสัยตรงไหนต้องถามคำถามและหาคำตอบ โดยมีอาจารย์ทุกท่านและนักวิทยาศาสตร์พร้อมชี้แนะแนวทาง มีรุ่นพี่และเพื่อนๆให้คำปรึกษาเคียงข้าง อีกทั้งเนื้อหาทางทฤษฎีกับภาคปฏิบัติจะมีความเกี่ยวข้องกันเสมอ การเรียนควบคู่ไปเช่นนี้จะเสริมความเข้าใจผลลัพธ์มากขึ้นนำไปใช้ในอนาคตได้แน่นอน