ชาวนาสะอื้น! ต้นทุนปลูกข้าวพุ่ง หันหางานรับจ้างแทน
https://www.one31.net/news/detail/55010
ชาวนา จ. อุดรธานี โอด! ต้นทุนทำนาสูงขึ้น ราคาข้าวเปลือกถูกลง บางรายวางมือทำนา หันหางานใหม่ วอนรัฐบาลช่วย
ชาวนาในหลายพื้นที่ต่างนำรถไถนาออกมาไถนาเพื่อเตรียมแปลงนาปลูกข้าวกัน เพื่อเตรียมหว่านเมล็ดพันธุ์ข้าว และปักดำกล้าข้าว ให้ทันในวันพืชมงคล ซึ่งปีนี้ตรงกับวันที่ 13 พฤษภาคมนี้ โดยเชื่อว่าในวันพืชมงคลจะเป็นวันดีมีความเป็นสิริมงคล หากทำการเพาะปลูกพืชผลการเกษตรก็จะเจริญงอกงามและได้ผลผลิตดี และถือเป็นวันเริ่มต้นการทำนาปีในรอบแรกเพราะวันพืชมงคลหรือวันแรกนาขวัญ มีความสำคัญต่อวิถีชีวิตของชาวไทย ที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน แต่ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันชาวนาหันมาทำนาหว่านเพื่อลดต้นทุน
นาย
สุขี รอดภักดี ชาวบ้าน ระบุว่าตนเองมีพื้นที่ปลูกข้าว จำนวน 13 ไร่ จะปลูกข้าวเหนียว ยอมรับว่าได้ผลกระทบจากน้ำมันแพงขึ้นมาทำให้ต้นทุนในการปลูกข้าวสูง เป็นเงินจำนวน 20,000 บาท โดยจะมีค่าน้ำมัน จำนวน 3,000 บาท หากคิดค่าจ้างไถปัจจุบันไร่ละ 300 บาท ค่าแรงหว่านข้าววันละ 400 บาท และค่าปุ๋ยก็ที่แพงขึ้นมาด้วย ส่วนราคาข้าวเปลือกแต่กลับถูกลง วอนฝากถึงรัฐบาล ช่วยชาวนาด้วยให้ราคาข้าวสูงขึ้น และให้ราคาน้ำมันลดลงมา จะทำให้ต้นทุนในการปลูกจะได้ลดลงมา
นอกจากนี้ยอมรับว่า ชาวนาบางรายก็ยังทำนาเหมือนเดิม แต่บางรายก็เลิกทำนา เนื่องจากต้นทุนสูงมาก ส่วนใหญ่เริ่มหันไปทำงานรับจ้างแทน การปลูกนาข้าว.
รถนักเรียนจ่อปรับราคารับเปิดเทอม หลังน้ำมันแพงขึ้น
https://www.nationtv.tv/news/378872405
รถรับส่งนักเรียนจ่อขึ้นราคา หลังราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง สร้างภาระให้กับผู้ปกครอง ที่จำเป็นต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ในช่วงเปิดเทอม
ผู้ประกอบการรถรับส่งนักเรียน ในจังหวัดพิจิตร เตรียมที่จะขึ้นราคารับส่งนักเรียน หลังราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้นมากจากเดิม ซึ่งทำให้ผู้ประกอบการขาดทุน โดยส่วนใหญ่จะขอเพิ่มราคาค่าโดยสารรับส่งนักเรียนจากเดิมเดือนละ 100-200 ต่อเดือน
นาย
สุริยะ สามสี อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 56/1 หมู่ 9 ตำบลดงกลาง อำเภอเมือง จังหวัดพิจิตร ผู้ประกอบการรถรับส่งนักเรียน ในตำบลดงกลาง อำเภอเมือง จังหวัดพิจิตร เปิดเผยว่า ตนเองรับส่งนักเรียนที่อยู่ในหมู่บ้าน โดยจะตระเวนรับนักเรียนถึงหน้าบ้านและนำไปส่งถึงโรงเรียนที่อยู่ในตัวเมืองพิจิตร พร้อมกลับไปรับมาส่งถึงบ้านในช่วงโรงเรียนเลิก
จากปกติจะคิดค่าใช้จ่ายแบบเหมา รายละ 1,000 บาทต่อเดือน แต่ในช่วงเปิดเทอมในวันที่ 17 พฤษภาคมที่จะถึงนี้ คงต้องดูก่อนว่าจะมีนักเรียนมาขึ้นรถรับส่งจำนวนเท่าไหร่ โดยหากมีนักเรียนในหมู่บ้านขึ้นรถจนเต็มประมาณ 13 คน ก็อาจจะไม่ต้องเรียกค่ารับส่งเพิ่ม รวมถึงต้องดูค่าใช้จ่ายโดยเฉพาะค่าน้ำมันก่อนว่าจะพอเพียงหรือไม่ หากไม่พอก็อาจจะเรียกเก็บค่ารับส่งนักเรียนเพิ่มขึ้น 100-200 บาทต่อคนต่อเดือน ก็จะกลายเป็นเดือนละ 1,200 ต่อคนต่อเดือน ซึ่งในขณะนี้ก็ได้พูดคุยกับผู้ปกครองไปบ้างแล้ว
สำหรับรถรับส่งนักเรียน ปกติจะรับนักเรียนในเขตหมู่บ้านที่รถรับส่งอยู่เพื่อนำไปส่งตามโรงเรียนต่างๆ ในตัวเมืองพิจิตร โดยจะรับนักเรียนได้ต่อเที่ยวจำนวน 10-13 คน ต่อหนึ่งคันรถ หากมีนักเรียนเต็มคันรถก็จะคุ้มกับค่าใช้จ่ายต่อรถรับนักเรียนแต่ละคัน ที่ผ่านมาหลังเกิดโรคระบาดมีการปิดเรียนทำให้รถรับส่งนักเรียนนำรถไปหารายได้อื่นแทน เช่น ขายของตามตลาดนัด แต่หลังจากนี้ รถรับส่งนักเรียนก็จะทำการปรับปรุงให้เหมาะกับการรับส่งนักเรียนอีกครั้ง
เพื่อไทยซัด 'ประยุทธ์' อย่ามาปาหี่ ปล่อยคลังตั้งผู้ตรวจฯสอบ 'สันติ' ปมอีอีซี
https://www.khaosod.co.th/politics/news_7040183
เพื่อไทยซัด ‘ประยุทธ์’ อย่ามาปาหี่ ปล่อยคลังตั้งผู้ตรวจฯสอบ ‘สันติ’ ปมอีอีซี จี้ “บิ๊กบี้” สอบซื้อรถหัวลาก EV ส่อล็อกสเปก
เมื่อวันที่ 9 พ.ค.65 ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นาย
ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรค พท. แถลงว่า กองทัพบกได้รับงบประมาณไป 300 ล้านบาท เพื่อไปซื้อรถหัวลากสำหรับบรรทุกอาวุธยุทโธปกรณ์ โดยหน่วยงานที่จัดซื้อคือกรมสรรพาวุธทหารบก ซึ่งพล.อ.
ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. มีนโยบายจะให้ใช้รถหัวลากเป็นรถไฟฟ้า EV ซึ่งจะเป็นไปได้อย่างไร ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ 1.น้ำหนักของรถจะเพิ่มขึ้น 2.สมรรถนะก็จะลดลง ระยะในการชาร์จไฟ 1 ครั้งจะวิ่งได้ไม่เกิน 200 กิโลเมตร 3.ใช้เวลาในการชาร์จนาน 4.จุดชาร์จยังไม่ครอบคลุมทั้งประเทศ และ 5.ไม่มีประเทศไหนที่ใช้รถหัวลากเช่นนี้ เมื่อถูกทักท้วงก็ล็อกสเปกกัน
นายยุทธพงศ์ กล่าวว่า รถหัวลากเช่นนี้ไม่ได้ใช้งานหรือมีขายปกติ เนื่องจากเป็นรถหัวลากขนาด 60 ตัน เป็นรถขับเคลื่อน 3 เพาแบบ 6 คูณ 6 ซึ่งต้องสร้างขึ้นมาเป็นพิเศษ เพื่อใช้ในราชการทหาร ดังนั้นจึงขอเรียกร้องไปยังพล.อ.
ณรงค์พันธ์ ให้ตรวจสอบโดยด่วน ว่าลูกน้องท่านกำลังจะทำไม่ดี ไม่เช่นนั้นเรื่องจะบานปลายเหมือนเรือดำน้ำไม่มีเครื่องยนต์
นาย
ยุทธพงศ์ กล่าวกรณีที่มีการร้องเรียนให้ตรวจสอบท่อส่งน้ำอีอีซีว่า เมื่อวันที่ 3 พ.ค.ที่ผ่านมา พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ สั่งเบรกไม่ให้เซ็นสัญญา และกระทรวงการคลังตั้งนาย
วิจักษณ์ อภิรักษ์นันท์ชัย เป็นประธานสอบประมูลท่อส่งน้ำภาคตะวันออก ซึ่งตนมองว่ากระทรวงการคลังกำลังเล่นละครตบตาประชาชน ปาหี่ เป็นมวยล้มต้มคนดู เนื่องจากนา
ยวิจักษณ์เป็นแค่ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง เรื่องนี้รู้อยู่แล้วว่าประธานราชพัสดุคือนาย
สันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง นาย
วิจักษณ์จะกล้าไปตรวจสอบนาย
สันติหรือ เรื่องนี้ตนต้องฟ้องประชาชนและนายกฯ ให้มาดูว่าเขากำลังเล่นละครตบตาท่านหรือไม่
“ท่อส่งน้ำอีอีซีมูลค่า 25,000 ล้านบาท ให้ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลังมาสอบรัฐมนตรีช่วยฯ ใครจะกล้าสอบ นายกฯ จะมาเล่นละครตบตาประชาชนหรือ อย่างไรนายกฯ ก็หนีไม่พ้น นายสันติก็เจอกาหัวไว้เลย พวกผมอภิปรายแน่นอน ไม่ได้โม้ พวกผมเป็นส.ส.สอบได้ เข้าสภาฯ อภิปรายพวกคุณได้แน่นอน เห็นบางคนออกมาพูด ออกมาไล่รัฐบาลกันหลายฝ่าย แต่พวกหนึ่งต้องเข้าใจว่าเป็น ส.ส.สอบตก เข้าสภาฯ ไม่ได้ จึงไม่สามารถไล่นายกฯ และนายสันติได้” นาย
ยุทธพงศ์ กล่าว
เสรีพิศุทธ์ เตรียมสอบปมท่อส่งน้ำอีอีซี ชี้มีพิรุธหลายอย่าง
https://www.matichon.co.th/politics/news_3333554
‘เสรีพิศุทธ์’ เตรียมตรวจสอบการประมูลโครงการท่อส่งน้ำอีอีซี หลังพบปมพิรุธหลายอย่าง แซะ ‘ประยุทธ์’ ชอบอ้างว่าตัวเองไร้ทุจริต แต่พอคนใกล้ชิดถูกแฉเรื่องคลิปลับกลับไม่กล้าสอบสวน
เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม พล.ต.อ.
เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย พร้อมด้วย นาง
ณัฐทนันต์ นิธิภณยางสง่า ผู้สมัคร ส.ส.เบอร์ 1 พรรคเสรีรวมไทย ยังคงลงพื้นที่หาเสียงเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 3 จ.ราชบุรีอย่างต่อเนื่อง โดยเช้าวันนี้ได้เดินทางไปที่สวนกล้วยไม้ ต.บางโตนด อ.โพธาราม จ.ราชบุรี และตลาดในพื้นที่ ซึ่งก็มีชาวบ้านมาสะท้อนถึงความยากลำบากในการดำรงชีวิตจากนโยบายที่ผิดพลาดของรัฐบาลเหมือนเช่นเคย โดย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ได้ให้กำลังใจเเละรับที่จะนำปัญหาไปผลักดันให้เกิดการแก้ไขต่อไป
พล.ต.อ.
เสรีพิศุทธ์กล่าวขอบคุณประชาชนที่มาให้กำลังใจพร้อมทั้งขอเเรงใจจากชาวราชบุรีเขต 3 ให้ช่วยเลือกผู้สมัครของพรรคไปช่วยกันหยุดคอรัปชั่นที่เกิดขึ้นมากในรัฐบาลชุดนี้ ซึ่งหากปล่อยไว้อีกหนึ่งปึ บ้านเมืองคงจะเละไปกว่านี้แน่เพราะดูเหมือนว่า พล.อ.ประยุทธ์ คิดแต่จะหาหนทางในการรักษาอำนาจของตัวเองเท่านั้น ไม่ได้ดูดำดูดีกับประชาชนที่กำลังอยู่ในช่วงยากลำบากทางเศรษฐกิจเลย
“รัฐบาลนี้คงจะอยู่ได้ด้วยการเเจกกล้วย ผมไม่ได้พูดเอง อดีตคนของพรรคพลังประชารัฐเป็นคนพูดเเละตอนนี้ใกล้อภิปรายไม่ไว้วางใจก็มีกระเเสข่าวว่าอาจจะมีการใช้กล้วยแลกกับการลงคะเเนนไว้วางใจผู้นำรัฐบาล เเม้คนในรัฐบาลจะปฏิเสธ เเต่ของเเบบนี้ถ้าไม่มีมูลสื่อมวลชนจะเขียนข่าวได้เหรอ หัวหน้ารัฐบาลชอบอ้างว่าตัวเองไม่มีเเผลทุจริต แต่พอคนใกล้ชิดถูกแฉคลิปลับ ก็ไม่มีการตั้งกรรมการสอบสวน แค่กดดันให้พ้นจากตำแหน่งไปเฉย ๆ อย่างนี้นะหรือความโปร่งใส ไร้ทุจริตแบบลุงตู่” พล.ต.อ.
เสรีพิศุทธ์กล่าว
ส่วนประเด็นที่ พล.อ.
ประยุทธ์สั่งให้ตรวจสอบกรณีที่กรมธนารักษ์เตรียมเซ็นสัญญาสัมปทาน 30 ปี กับบริษัทวงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด ในฐานะผู้ชนะการประกวดราคาโครงการท่อน้ำอีอีซีมูลค่า 2.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งมีการร้องเรียนว่าการประมูลอาจไม่โปร่งใสนั้น พล.ต.อ.
เสรีพิศุทธ์กล่าวว่า เรื่องนี้จะต้องมีการตรวจสอบอย่างเเน่นอน ตนในฐานะ ส.ส.เเละประธาน กมธ.ปปช.จะไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปเเน่ เพราะดูเหมือนว่าจะมีความไม่ชอบมาพากลในหลาย ๆ ด้าน
“เรื่องอีอีซีถือเป็นตัวอย่างล่าสุดถึงการมีพิรุธของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์น่าจะพอทราบว่าเรื่องนี้คงจะมีอะไรตุๆ ไม่เช่นนั้นจะสั่งให้ตรวจสอบหรือ และรัฐมนตรีที่ดูเเลกรมนี้ก็เป็นคนของพรรคที่หนุนพล.อ.ประยุทธ์ จึงไม่รู้ว่ามันจะเกี่ยวกับการเตรียมซื้อกล้วยไว้เเจกใครในวันข้างหน้าหรือไม่ หรืออาจเตรียมไว้ทำอะไรในวันข้างหน้าก็ได้ เพราะพฤติกรรมคนเเวดล้อม พล.ประยุทธ์ในวันก่อนเกี่ยวกับการเเจกกล้วยคือสิ่งบ่งชี้ได้ดี จึงอยากถามพี่น้องชาวราชบุรีว่า เเบบนี้จะไว้ใจลุงตู่ได้กา” หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทยกล่าว
หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทยขอให้ชาวราชบุรีเขตสามเลือกผู้สมัครของพรรคไปช่วยงานในสภา แม้วันนี้จะเป็นฝ่ายค้าน แต่ก็ช่วยชาติเรื่องการใช้อำนาจในทางมิชอบของรัฐบาลได้ หลายเรื่องที่ตรวจสอบพบพิรุธ บางเรื่องได้ข้อยุติ คนผิดก็ต้องไปพิสูจน์ตัวเอง บางคนชนะคดี บางคนเเพ้เเละรับกรรมไป ฉะนั้นวันนี้จึงขอเสียงจากคนราชบุรีในการสนับสนุนให้พรรคเสรีรวมไทยมี ส.ส.เขตเป็นคนแรก ซึ่งนางณัฐทนันต์เป็นนักกฎหมาย หากได้รับเลือกเป็น ส.ส.จะสามารถช่วยงานพรรคและช่วยชาวบ้านได้มากกว่านี้อย่างแน่นอน
vJJNY : 5in1 ต้นทุนปลูกข้าวพุ่ง│รถนร.จ่อปรับราคา│พท.ซัดอย่าปาหี่│เสรีพิศุทธ์เตรียมสอบท่อส่งน้ำ│ก้าวไกลแนะเลิกอุ้มนายทุน
https://www.one31.net/news/detail/55010
ชาวนา จ. อุดรธานี โอด! ต้นทุนทำนาสูงขึ้น ราคาข้าวเปลือกถูกลง บางรายวางมือทำนา หันหางานใหม่ วอนรัฐบาลช่วย
ชาวนาในหลายพื้นที่ต่างนำรถไถนาออกมาไถนาเพื่อเตรียมแปลงนาปลูกข้าวกัน เพื่อเตรียมหว่านเมล็ดพันธุ์ข้าว และปักดำกล้าข้าว ให้ทันในวันพืชมงคล ซึ่งปีนี้ตรงกับวันที่ 13 พฤษภาคมนี้ โดยเชื่อว่าในวันพืชมงคลจะเป็นวันดีมีความเป็นสิริมงคล หากทำการเพาะปลูกพืชผลการเกษตรก็จะเจริญงอกงามและได้ผลผลิตดี และถือเป็นวันเริ่มต้นการทำนาปีในรอบแรกเพราะวันพืชมงคลหรือวันแรกนาขวัญ มีความสำคัญต่อวิถีชีวิตของชาวไทย ที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน แต่ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันชาวนาหันมาทำนาหว่านเพื่อลดต้นทุน
นายสุขี รอดภักดี ชาวบ้าน ระบุว่าตนเองมีพื้นที่ปลูกข้าว จำนวน 13 ไร่ จะปลูกข้าวเหนียว ยอมรับว่าได้ผลกระทบจากน้ำมันแพงขึ้นมาทำให้ต้นทุนในการปลูกข้าวสูง เป็นเงินจำนวน 20,000 บาท โดยจะมีค่าน้ำมัน จำนวน 3,000 บาท หากคิดค่าจ้างไถปัจจุบันไร่ละ 300 บาท ค่าแรงหว่านข้าววันละ 400 บาท และค่าปุ๋ยก็ที่แพงขึ้นมาด้วย ส่วนราคาข้าวเปลือกแต่กลับถูกลง วอนฝากถึงรัฐบาล ช่วยชาวนาด้วยให้ราคาข้าวสูงขึ้น และให้ราคาน้ำมันลดลงมา จะทำให้ต้นทุนในการปลูกจะได้ลดลงมา
นอกจากนี้ยอมรับว่า ชาวนาบางรายก็ยังทำนาเหมือนเดิม แต่บางรายก็เลิกทำนา เนื่องจากต้นทุนสูงมาก ส่วนใหญ่เริ่มหันไปทำงานรับจ้างแทน การปลูกนาข้าว.
รถนักเรียนจ่อปรับราคารับเปิดเทอม หลังน้ำมันแพงขึ้น
https://www.nationtv.tv/news/378872405
รถรับส่งนักเรียนจ่อขึ้นราคา หลังราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง สร้างภาระให้กับผู้ปกครอง ที่จำเป็นต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ในช่วงเปิดเทอม
ผู้ประกอบการรถรับส่งนักเรียน ในจังหวัดพิจิตร เตรียมที่จะขึ้นราคารับส่งนักเรียน หลังราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้นมากจากเดิม ซึ่งทำให้ผู้ประกอบการขาดทุน โดยส่วนใหญ่จะขอเพิ่มราคาค่าโดยสารรับส่งนักเรียนจากเดิมเดือนละ 100-200 ต่อเดือน
นายสุริยะ สามสี อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 56/1 หมู่ 9 ตำบลดงกลาง อำเภอเมือง จังหวัดพิจิตร ผู้ประกอบการรถรับส่งนักเรียน ในตำบลดงกลาง อำเภอเมือง จังหวัดพิจิตร เปิดเผยว่า ตนเองรับส่งนักเรียนที่อยู่ในหมู่บ้าน โดยจะตระเวนรับนักเรียนถึงหน้าบ้านและนำไปส่งถึงโรงเรียนที่อยู่ในตัวเมืองพิจิตร พร้อมกลับไปรับมาส่งถึงบ้านในช่วงโรงเรียนเลิก
จากปกติจะคิดค่าใช้จ่ายแบบเหมา รายละ 1,000 บาทต่อเดือน แต่ในช่วงเปิดเทอมในวันที่ 17 พฤษภาคมที่จะถึงนี้ คงต้องดูก่อนว่าจะมีนักเรียนมาขึ้นรถรับส่งจำนวนเท่าไหร่ โดยหากมีนักเรียนในหมู่บ้านขึ้นรถจนเต็มประมาณ 13 คน ก็อาจจะไม่ต้องเรียกค่ารับส่งเพิ่ม รวมถึงต้องดูค่าใช้จ่ายโดยเฉพาะค่าน้ำมันก่อนว่าจะพอเพียงหรือไม่ หากไม่พอก็อาจจะเรียกเก็บค่ารับส่งนักเรียนเพิ่มขึ้น 100-200 บาทต่อคนต่อเดือน ก็จะกลายเป็นเดือนละ 1,200 ต่อคนต่อเดือน ซึ่งในขณะนี้ก็ได้พูดคุยกับผู้ปกครองไปบ้างแล้ว
สำหรับรถรับส่งนักเรียน ปกติจะรับนักเรียนในเขตหมู่บ้านที่รถรับส่งอยู่เพื่อนำไปส่งตามโรงเรียนต่างๆ ในตัวเมืองพิจิตร โดยจะรับนักเรียนได้ต่อเที่ยวจำนวน 10-13 คน ต่อหนึ่งคันรถ หากมีนักเรียนเต็มคันรถก็จะคุ้มกับค่าใช้จ่ายต่อรถรับนักเรียนแต่ละคัน ที่ผ่านมาหลังเกิดโรคระบาดมีการปิดเรียนทำให้รถรับส่งนักเรียนนำรถไปหารายได้อื่นแทน เช่น ขายของตามตลาดนัด แต่หลังจากนี้ รถรับส่งนักเรียนก็จะทำการปรับปรุงให้เหมาะกับการรับส่งนักเรียนอีกครั้ง
เพื่อไทยซัด 'ประยุทธ์' อย่ามาปาหี่ ปล่อยคลังตั้งผู้ตรวจฯสอบ 'สันติ' ปมอีอีซี
https://www.khaosod.co.th/politics/news_7040183
เพื่อไทยซัด ‘ประยุทธ์’ อย่ามาปาหี่ ปล่อยคลังตั้งผู้ตรวจฯสอบ ‘สันติ’ ปมอีอีซี จี้ “บิ๊กบี้” สอบซื้อรถหัวลาก EV ส่อล็อกสเปก
เมื่อวันที่ 9 พ.ค.65 ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรค พท. แถลงว่า กองทัพบกได้รับงบประมาณไป 300 ล้านบาท เพื่อไปซื้อรถหัวลากสำหรับบรรทุกอาวุธยุทโธปกรณ์ โดยหน่วยงานที่จัดซื้อคือกรมสรรพาวุธทหารบก ซึ่งพล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. มีนโยบายจะให้ใช้รถหัวลากเป็นรถไฟฟ้า EV ซึ่งจะเป็นไปได้อย่างไร ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ 1.น้ำหนักของรถจะเพิ่มขึ้น 2.สมรรถนะก็จะลดลง ระยะในการชาร์จไฟ 1 ครั้งจะวิ่งได้ไม่เกิน 200 กิโลเมตร 3.ใช้เวลาในการชาร์จนาน 4.จุดชาร์จยังไม่ครอบคลุมทั้งประเทศ และ 5.ไม่มีประเทศไหนที่ใช้รถหัวลากเช่นนี้ เมื่อถูกทักท้วงก็ล็อกสเปกกัน
นายยุทธพงศ์ กล่าวว่า รถหัวลากเช่นนี้ไม่ได้ใช้งานหรือมีขายปกติ เนื่องจากเป็นรถหัวลากขนาด 60 ตัน เป็นรถขับเคลื่อน 3 เพาแบบ 6 คูณ 6 ซึ่งต้องสร้างขึ้นมาเป็นพิเศษ เพื่อใช้ในราชการทหาร ดังนั้นจึงขอเรียกร้องไปยังพล.อ.ณรงค์พันธ์ ให้ตรวจสอบโดยด่วน ว่าลูกน้องท่านกำลังจะทำไม่ดี ไม่เช่นนั้นเรื่องจะบานปลายเหมือนเรือดำน้ำไม่มีเครื่องยนต์
นายยุทธพงศ์ กล่าวกรณีที่มีการร้องเรียนให้ตรวจสอบท่อส่งน้ำอีอีซีว่า เมื่อวันที่ 3 พ.ค.ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ สั่งเบรกไม่ให้เซ็นสัญญา และกระทรวงการคลังตั้งนายวิจักษณ์ อภิรักษ์นันท์ชัย เป็นประธานสอบประมูลท่อส่งน้ำภาคตะวันออก ซึ่งตนมองว่ากระทรวงการคลังกำลังเล่นละครตบตาประชาชน ปาหี่ เป็นมวยล้มต้มคนดู เนื่องจากนายวิจักษณ์เป็นแค่ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง เรื่องนี้รู้อยู่แล้วว่าประธานราชพัสดุคือนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง นายวิจักษณ์จะกล้าไปตรวจสอบนายสันติหรือ เรื่องนี้ตนต้องฟ้องประชาชนและนายกฯ ให้มาดูว่าเขากำลังเล่นละครตบตาท่านหรือไม่
“ท่อส่งน้ำอีอีซีมูลค่า 25,000 ล้านบาท ให้ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลังมาสอบรัฐมนตรีช่วยฯ ใครจะกล้าสอบ นายกฯ จะมาเล่นละครตบตาประชาชนหรือ อย่างไรนายกฯ ก็หนีไม่พ้น นายสันติก็เจอกาหัวไว้เลย พวกผมอภิปรายแน่นอน ไม่ได้โม้ พวกผมเป็นส.ส.สอบได้ เข้าสภาฯ อภิปรายพวกคุณได้แน่นอน เห็นบางคนออกมาพูด ออกมาไล่รัฐบาลกันหลายฝ่าย แต่พวกหนึ่งต้องเข้าใจว่าเป็น ส.ส.สอบตก เข้าสภาฯ ไม่ได้ จึงไม่สามารถไล่นายกฯ และนายสันติได้” นายยุทธพงศ์ กล่าว
เสรีพิศุทธ์ เตรียมสอบปมท่อส่งน้ำอีอีซี ชี้มีพิรุธหลายอย่าง
https://www.matichon.co.th/politics/news_3333554
‘เสรีพิศุทธ์’ เตรียมตรวจสอบการประมูลโครงการท่อส่งน้ำอีอีซี หลังพบปมพิรุธหลายอย่าง แซะ ‘ประยุทธ์’ ชอบอ้างว่าตัวเองไร้ทุจริต แต่พอคนใกล้ชิดถูกแฉเรื่องคลิปลับกลับไม่กล้าสอบสวน
เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย พร้อมด้วย นางณัฐทนันต์ นิธิภณยางสง่า ผู้สมัคร ส.ส.เบอร์ 1 พรรคเสรีรวมไทย ยังคงลงพื้นที่หาเสียงเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 3 จ.ราชบุรีอย่างต่อเนื่อง โดยเช้าวันนี้ได้เดินทางไปที่สวนกล้วยไม้ ต.บางโตนด อ.โพธาราม จ.ราชบุรี และตลาดในพื้นที่ ซึ่งก็มีชาวบ้านมาสะท้อนถึงความยากลำบากในการดำรงชีวิตจากนโยบายที่ผิดพลาดของรัฐบาลเหมือนเช่นเคย โดย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ได้ให้กำลังใจเเละรับที่จะนำปัญหาไปผลักดันให้เกิดการแก้ไขต่อไป
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวขอบคุณประชาชนที่มาให้กำลังใจพร้อมทั้งขอเเรงใจจากชาวราชบุรีเขต 3 ให้ช่วยเลือกผู้สมัครของพรรคไปช่วยกันหยุดคอรัปชั่นที่เกิดขึ้นมากในรัฐบาลชุดนี้ ซึ่งหากปล่อยไว้อีกหนึ่งปึ บ้านเมืองคงจะเละไปกว่านี้แน่เพราะดูเหมือนว่า พล.อ.ประยุทธ์ คิดแต่จะหาหนทางในการรักษาอำนาจของตัวเองเท่านั้น ไม่ได้ดูดำดูดีกับประชาชนที่กำลังอยู่ในช่วงยากลำบากทางเศรษฐกิจเลย
“รัฐบาลนี้คงจะอยู่ได้ด้วยการเเจกกล้วย ผมไม่ได้พูดเอง อดีตคนของพรรคพลังประชารัฐเป็นคนพูดเเละตอนนี้ใกล้อภิปรายไม่ไว้วางใจก็มีกระเเสข่าวว่าอาจจะมีการใช้กล้วยแลกกับการลงคะเเนนไว้วางใจผู้นำรัฐบาล เเม้คนในรัฐบาลจะปฏิเสธ เเต่ของเเบบนี้ถ้าไม่มีมูลสื่อมวลชนจะเขียนข่าวได้เหรอ หัวหน้ารัฐบาลชอบอ้างว่าตัวเองไม่มีเเผลทุจริต แต่พอคนใกล้ชิดถูกแฉคลิปลับ ก็ไม่มีการตั้งกรรมการสอบสวน แค่กดดันให้พ้นจากตำแหน่งไปเฉย ๆ อย่างนี้นะหรือความโปร่งใส ไร้ทุจริตแบบลุงตู่” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าว
ส่วนประเด็นที่ พล.อ.ประยุทธ์สั่งให้ตรวจสอบกรณีที่กรมธนารักษ์เตรียมเซ็นสัญญาสัมปทาน 30 ปี กับบริษัทวงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด ในฐานะผู้ชนะการประกวดราคาโครงการท่อน้ำอีอีซีมูลค่า 2.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งมีการร้องเรียนว่าการประมูลอาจไม่โปร่งใสนั้น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวว่า เรื่องนี้จะต้องมีการตรวจสอบอย่างเเน่นอน ตนในฐานะ ส.ส.เเละประธาน กมธ.ปปช.จะไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปเเน่ เพราะดูเหมือนว่าจะมีความไม่ชอบมาพากลในหลาย ๆ ด้าน
“เรื่องอีอีซีถือเป็นตัวอย่างล่าสุดถึงการมีพิรุธของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์น่าจะพอทราบว่าเรื่องนี้คงจะมีอะไรตุๆ ไม่เช่นนั้นจะสั่งให้ตรวจสอบหรือ และรัฐมนตรีที่ดูเเลกรมนี้ก็เป็นคนของพรรคที่หนุนพล.อ.ประยุทธ์ จึงไม่รู้ว่ามันจะเกี่ยวกับการเตรียมซื้อกล้วยไว้เเจกใครในวันข้างหน้าหรือไม่ หรืออาจเตรียมไว้ทำอะไรในวันข้างหน้าก็ได้ เพราะพฤติกรรมคนเเวดล้อม พล.ประยุทธ์ในวันก่อนเกี่ยวกับการเเจกกล้วยคือสิ่งบ่งชี้ได้ดี จึงอยากถามพี่น้องชาวราชบุรีว่า เเบบนี้จะไว้ใจลุงตู่ได้กา” หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทยกล่าว
หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทยขอให้ชาวราชบุรีเขตสามเลือกผู้สมัครของพรรคไปช่วยงานในสภา แม้วันนี้จะเป็นฝ่ายค้าน แต่ก็ช่วยชาติเรื่องการใช้อำนาจในทางมิชอบของรัฐบาลได้ หลายเรื่องที่ตรวจสอบพบพิรุธ บางเรื่องได้ข้อยุติ คนผิดก็ต้องไปพิสูจน์ตัวเอง บางคนชนะคดี บางคนเเพ้เเละรับกรรมไป ฉะนั้นวันนี้จึงขอเสียงจากคนราชบุรีในการสนับสนุนให้พรรคเสรีรวมไทยมี ส.ส.เขตเป็นคนแรก ซึ่งนางณัฐทนันต์เป็นนักกฎหมาย หากได้รับเลือกเป็น ส.ส.จะสามารถช่วยงานพรรคและช่วยชาวบ้านได้มากกว่านี้อย่างแน่นอน