วันนี้ วันจันทร์ที่ 9 พฤษภาคม 2565 ณ สมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย มีการแกะห่อหนังสือกวีนิพนธ์ที่ส่งเข้ามาประกวดรางวัลซีไรต์ ประจำปี 2565 ผมมีโอกาสได้ไปสังเกตการณ์จึงขออนุญาตสัมภาษณ์ อาจารย์สกุล บุณยทัต นายกสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย ในฐานะที่เป็นหนึ่งในคณะกรรมการดำเนินงานรางวัลซีไรต์ เพื่อพูดคุยถึงความคืบหน้าของการประกวดรางวัลซีไรต์ กวีนิพนธ์ ในปีนี้
อาจารย์สกุล บุณยทัต นายกสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย
-ปีนี้มีหนังสือกวีนิพนธ์ส่งเข้าประกวด ประมาณ 75 เล่ม (รอดูรายชื่อหนังสือกวีนิพนธ์อย่างเป็นทางการจะประกาศที่เว็บไซต์ซีไรต์) โดยรวมคิดว่าถ้ามีจำนวนหนังสือกวีนิพนธ์ที่ส่งเข้ามาในปีนี้เกินกว่า 65 เล่มก็ถือว่าเยอะมากแล้ว สำหรับสถานการณ์ ณ ปัจจุบันนี้
-หนังสือกวีนิพนธ์ที่ส่งเข้าประกวดรางวัลซีไรต์ในปีนี้ มีทั้งกวีรุ่นใหญ่ กวีรุ่นกลาง และกวีรุ่นใหม่ ที่บอกว่าเป็นกวีรุ่นใหญ่นั้นเป็นกวีมีชื่อเสียงระดับประเทศ (บิ๊กเนมรุ่นใหญ่) และบางท่านก็เพิ่งได้รับรางวัลนราธิปฯ ก็ส่งเข้ามาด้วย ส่วนกวีในรุ่นกลาง (บิ๊กเนมรุ่นกลาง) จะเป็นนักกวีที่เคยผ่านเวทีประกวดระดับต่างๆ จนคุ้นเคยกันอย่างดี รวมทั้งมีกวีที่เคยได้รับรางวัลซีไรต์แล้วจำนวน 2 ท่าน (เท่าที่ผมเห็น) ก็ส่งหนังสือกวีนิพนธ์เข้าร่วมประกวดด้วย ส่วนกวีรุ่นใหม่นั้นมีค่อนข้างเยอะเป็นพิเศษ หลายคนชื่ออาจจะยังไม่เป็นที่รู้จักสักเท่าไหร่ แต่น่าเชื่อว่านักกวีในกลุ่มนี้จะกลายเป็นกวีคลื่นลูกใหม่ในอนาคตอันใกล้นี้
-และที่ไม่พลาดแน่ ๆ คือหนังสือกวีนิพนธ์ที่เพิ่งได้รับรางวัลจากการประกวดหนังสือดีเด่นแห่งชาติ (สพฐ.) ในหมวดกวีนิพนธ์ก็ส่งมาครบทุกเล่ม โดยไม่พลาดที่จะติดตราหนังสือดีเด่นไว้ที่ปกอย่างชัดเจน
-ในวันนี้ถือว่าเป็นจัดเริ่มต้นของการประกวดซีไรต์ 2565 อย่างเป็นทางการ ถือว่าเป็นนิมิตรหมายอันดีที่จะทำให้วงการกวีนิพนธ์ในบ้านเราน่าจะกลับมาคึกคักได้อีกครั้ง เพราะนักเขียนที่สร้างกวีนิพนธ์ที่เป็นคนรุ่นใหม่มักจะเริ่มต้นด้วยการส่งผลงานเข้าประกวดรางวัลซีไรต์ก่อน ทำให้ความเป็นกวีนิพนธ์มันดูศักดิ์สิทธิ์ขึ้นตามไปด้วย
-ในปีนี้เชื่อว่า หนังสือกวีนิพนธ์ที่ส่งเข้ามา จะมีทั้งเนื้อหาสาระ มีรูปรอยของการประพันธ์ ทั้งมีฉันทลักษณ์และไร้ฉันทลักษณ์ ปัจจุบันเราจะไปมองว่ากวีนิพนธ์ไร้ฉันทลักษณ์ไม่ดีไม่ได้ เพราะกวีนิพนธ์ไร้ฉันทลักษณ์ในปัจจุบันเขาสร้างขึ้นมาได้ดีมาก
-ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมา คิดว่าทำให้มีเวทีประกวดวรรณกรรมต่างๆ เพิ่มมากขึ้น ทำให้นักเขียนที่อยากเขียนงานส่งประกวดได้มีโอกาสฝึกฝีมืออยู่ตลอด ได้ลับคมการเขียนอยู่เสมอ ทำให้เขียนได้มากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องกวีนิพนธ์ที่กวีส่วนใหญ่มักจะเขียนงานอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่รอ 3 ปีแล้วค่อยมาเขียนงานเหมือนแบบเดิมแล้ว
-จึงเชื่อว่าในปีนี้กวีนิพนธ์น่าจะคึกคักมากขึ้น อีกทั้งเวทีการประกวดรางวัลซีไรต์จะช่วยสร้างรสชาติทางวรรณกรรมให้เกิดขึ้น จะปล่อยให้รสชาติทางวรรณกรรมหายไปไม่ได้ จะทำให้กร่อย ขาดสีสัน รสชาติไม่มี ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ดี การประกวดซีไรต์จะทำให้มีแนวทางของกวีเกิดขึ้น ทำให้ลมหายใจของกวีเกิดขึ้นและคงอยู่ ทำให้กวีนิพนธ์มีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง
-หลังจากนี้รางวัลซีไรต์จะมีการเปลี่ยนแปลงหลายสิ่งปลายอย่าง โดยจะเป็นการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดี การจัดการจะรัดกุมมากขึ้น การพินิจพิเคราะห์ก็เข้มข้นขึ้น มีสีสัน มีหลักการอะไรต่างๆ มากขึ้น หลังจากวันนี้ไปทางทีมงานฯ จะส่งหนังสือกวีนิพนธ์ให้แก่คณะกรรมการตัดสินรอบแรกทั้ง 16 เล่มได้อ่าน โดยจะมีการเปิดเผยรายชื่อคณะกรรมการในภายหลัง ซึ่งจะใช้เวลาโดยประมาณ 3 เดือนจะประกาศลองลิสต์ (Long List) ได้ไม่เกิน 20 เล่ม โดยจะพยายามประกาศให้ได้ก่อนงานมหกรรมหนังสือแห่งชาติ เดือนตุลาคมจะเริ่มขึ้น เพื่อให้เกิดกระแสการอ่าน โดยให้นักอ่านมีโอกาสได้ไปตามหาซื้อหนังสือจากงานมหกรรมหนังสือฯ มาอ่านควบคู่กันไปได้ หลังจากนั้นจะเป็นการประกาศช็อตลิสต์ (Short List) แล้วประกาศผลรางวัลซีไรต์ว่าหนังสือกวีนิพนธ์เล่มไหนจะชนะเลิศ โดยประกาศในช่วงสิ้นปี ประมาณปลายเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนธันวาคม 2565
-อนึ่ง การประกวดรางวัลซีไรต์ กวีนิพนธ์ ในปี 2565 นี้ สมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ โดยเป็นการทำงานรวมกัน 3 ฝ่ายคือ สมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย สมาคมภาษาและหนังสือแห่งประเทศไทยฯ และโรงแรมโอเรียนเต็ล
-สำหรับการเข้ารับพระราชทานรางวัลฯ รางวัลซีไรต์ ในปีนี้ 2565 เจ้าของหนังสือกวีนิพนธ์ที่ชนะเลิศ จะเข้ารับพระราชทารางวัลฯ ในปีหน้า 2566 และในช่วงปลายปีนี้จะมีพิธีเข้ารับพระราชทานรางวัลฯ ของ ปี 2562 (กวีนิพนธ์) , 2563 (เรื่องสั้น) และ 2564 (นวนิยาย) ที่ได้ประกาศกันไปแล้ว
อาจารย์ ดร.อลงกต ใหม่ด้วง (กัลปพฤกษ์) กรรมการสมาคมภาษาและหนังสือแห่งประเทศไทยฯ
“ในปีนี้ต้องถือว่าคึกคัก จำนวนหนังสือกวีนิพนธ์ที่ส่งเข้ามารวม 75 เล่ม ถือว่าเยอะกว่าที่คาดมาก ส่วนหนังสือกวีนิพนธ์ที่ส่งเข้ามามีหลากหลายมาก มีทั้งนักกวีชื่อเก่าและชื่อใหม่มากมาย ต้องถือว่าในปีนี้เป็นการประกวดที่น่าจะสนุกมาก เชื่อว่าหนังสือกวีนิพนธ์น่าจะกลับมาคึกคักได้อีกครั้งในปีนี้”


แกะห่อซีไรต์ ... พร้อมเข้าสู่จุดสตาร์ท “กวีนิพนธ์ ซีไรต์ประจำปี 2565”
-ปีนี้มีหนังสือกวีนิพนธ์ส่งเข้าประกวด ประมาณ 75 เล่ม (รอดูรายชื่อหนังสือกวีนิพนธ์อย่างเป็นทางการจะประกาศที่เว็บไซต์ซีไรต์) โดยรวมคิดว่าถ้ามีจำนวนหนังสือกวีนิพนธ์ที่ส่งเข้ามาในปีนี้เกินกว่า 65 เล่มก็ถือว่าเยอะมากแล้ว สำหรับสถานการณ์ ณ ปัจจุบันนี้
-หนังสือกวีนิพนธ์ที่ส่งเข้าประกวดรางวัลซีไรต์ในปีนี้ มีทั้งกวีรุ่นใหญ่ กวีรุ่นกลาง และกวีรุ่นใหม่ ที่บอกว่าเป็นกวีรุ่นใหญ่นั้นเป็นกวีมีชื่อเสียงระดับประเทศ (บิ๊กเนมรุ่นใหญ่) และบางท่านก็เพิ่งได้รับรางวัลนราธิปฯ ก็ส่งเข้ามาด้วย ส่วนกวีในรุ่นกลาง (บิ๊กเนมรุ่นกลาง) จะเป็นนักกวีที่เคยผ่านเวทีประกวดระดับต่างๆ จนคุ้นเคยกันอย่างดี รวมทั้งมีกวีที่เคยได้รับรางวัลซีไรต์แล้วจำนวน 2 ท่าน (เท่าที่ผมเห็น) ก็ส่งหนังสือกวีนิพนธ์เข้าร่วมประกวดด้วย ส่วนกวีรุ่นใหม่นั้นมีค่อนข้างเยอะเป็นพิเศษ หลายคนชื่ออาจจะยังไม่เป็นที่รู้จักสักเท่าไหร่ แต่น่าเชื่อว่านักกวีในกลุ่มนี้จะกลายเป็นกวีคลื่นลูกใหม่ในอนาคตอันใกล้นี้
-และที่ไม่พลาดแน่ ๆ คือหนังสือกวีนิพนธ์ที่เพิ่งได้รับรางวัลจากการประกวดหนังสือดีเด่นแห่งชาติ (สพฐ.) ในหมวดกวีนิพนธ์ก็ส่งมาครบทุกเล่ม โดยไม่พลาดที่จะติดตราหนังสือดีเด่นไว้ที่ปกอย่างชัดเจน
-ในวันนี้ถือว่าเป็นจัดเริ่มต้นของการประกวดซีไรต์ 2565 อย่างเป็นทางการ ถือว่าเป็นนิมิตรหมายอันดีที่จะทำให้วงการกวีนิพนธ์ในบ้านเราน่าจะกลับมาคึกคักได้อีกครั้ง เพราะนักเขียนที่สร้างกวีนิพนธ์ที่เป็นคนรุ่นใหม่มักจะเริ่มต้นด้วยการส่งผลงานเข้าประกวดรางวัลซีไรต์ก่อน ทำให้ความเป็นกวีนิพนธ์มันดูศักดิ์สิทธิ์ขึ้นตามไปด้วย
-ในปีนี้เชื่อว่า หนังสือกวีนิพนธ์ที่ส่งเข้ามา จะมีทั้งเนื้อหาสาระ มีรูปรอยของการประพันธ์ ทั้งมีฉันทลักษณ์และไร้ฉันทลักษณ์ ปัจจุบันเราจะไปมองว่ากวีนิพนธ์ไร้ฉันทลักษณ์ไม่ดีไม่ได้ เพราะกวีนิพนธ์ไร้ฉันทลักษณ์ในปัจจุบันเขาสร้างขึ้นมาได้ดีมาก
-ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมา คิดว่าทำให้มีเวทีประกวดวรรณกรรมต่างๆ เพิ่มมากขึ้น ทำให้นักเขียนที่อยากเขียนงานส่งประกวดได้มีโอกาสฝึกฝีมืออยู่ตลอด ได้ลับคมการเขียนอยู่เสมอ ทำให้เขียนได้มากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องกวีนิพนธ์ที่กวีส่วนใหญ่มักจะเขียนงานอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่รอ 3 ปีแล้วค่อยมาเขียนงานเหมือนแบบเดิมแล้ว
-จึงเชื่อว่าในปีนี้กวีนิพนธ์น่าจะคึกคักมากขึ้น อีกทั้งเวทีการประกวดรางวัลซีไรต์จะช่วยสร้างรสชาติทางวรรณกรรมให้เกิดขึ้น จะปล่อยให้รสชาติทางวรรณกรรมหายไปไม่ได้ จะทำให้กร่อย ขาดสีสัน รสชาติไม่มี ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ดี การประกวดซีไรต์จะทำให้มีแนวทางของกวีเกิดขึ้น ทำให้ลมหายใจของกวีเกิดขึ้นและคงอยู่ ทำให้กวีนิพนธ์มีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง
-หลังจากนี้รางวัลซีไรต์จะมีการเปลี่ยนแปลงหลายสิ่งปลายอย่าง โดยจะเป็นการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดี การจัดการจะรัดกุมมากขึ้น การพินิจพิเคราะห์ก็เข้มข้นขึ้น มีสีสัน มีหลักการอะไรต่างๆ มากขึ้น หลังจากวันนี้ไปทางทีมงานฯ จะส่งหนังสือกวีนิพนธ์ให้แก่คณะกรรมการตัดสินรอบแรกทั้ง 16 เล่มได้อ่าน โดยจะมีการเปิดเผยรายชื่อคณะกรรมการในภายหลัง ซึ่งจะใช้เวลาโดยประมาณ 3 เดือนจะประกาศลองลิสต์ (Long List) ได้ไม่เกิน 20 เล่ม โดยจะพยายามประกาศให้ได้ก่อนงานมหกรรมหนังสือแห่งชาติ เดือนตุลาคมจะเริ่มขึ้น เพื่อให้เกิดกระแสการอ่าน โดยให้นักอ่านมีโอกาสได้ไปตามหาซื้อหนังสือจากงานมหกรรมหนังสือฯ มาอ่านควบคู่กันไปได้ หลังจากนั้นจะเป็นการประกาศช็อตลิสต์ (Short List) แล้วประกาศผลรางวัลซีไรต์ว่าหนังสือกวีนิพนธ์เล่มไหนจะชนะเลิศ โดยประกาศในช่วงสิ้นปี ประมาณปลายเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนธันวาคม 2565
-อนึ่ง การประกวดรางวัลซีไรต์ กวีนิพนธ์ ในปี 2565 นี้ สมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ โดยเป็นการทำงานรวมกัน 3 ฝ่ายคือ สมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย สมาคมภาษาและหนังสือแห่งประเทศไทยฯ และโรงแรมโอเรียนเต็ล
-สำหรับการเข้ารับพระราชทานรางวัลฯ รางวัลซีไรต์ ในปีนี้ 2565 เจ้าของหนังสือกวีนิพนธ์ที่ชนะเลิศ จะเข้ารับพระราชทารางวัลฯ ในปีหน้า 2566 และในช่วงปลายปีนี้จะมีพิธีเข้ารับพระราชทานรางวัลฯ ของ ปี 2562 (กวีนิพนธ์) , 2563 (เรื่องสั้น) และ 2564 (นวนิยาย) ที่ได้ประกาศกันไปแล้ว
“ในปีนี้ต้องถือว่าคึกคัก จำนวนหนังสือกวีนิพนธ์ที่ส่งเข้ามารวม 75 เล่ม ถือว่าเยอะกว่าที่คาดมาก ส่วนหนังสือกวีนิพนธ์ที่ส่งเข้ามามีหลากหลายมาก มีทั้งนักกวีชื่อเก่าและชื่อใหม่มากมาย ต้องถือว่าในปีนี้เป็นการประกวดที่น่าจะสนุกมาก เชื่อว่าหนังสือกวีนิพนธ์น่าจะกลับมาคึกคักได้อีกครั้งในปีนี้”