เห็นกระทู้แนะนำว่าต้องประหยัดค่าใช้จ่ายแล้วก็คิดนะ ว่ามันต้องประหยัดเท่าไหร่จึงจะอยู่ได้
หากคุณมีรายได้แค่พอดีเดือนชนเดือนหรือมีเงินเหลือเก็บทุกเดือนน้อยกว่า10%
การคำนวนงบประจำเดือนใหม่เป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อให้ดำเนินชีวิตต่อไปได้โดยปราศจากการก่อหนี้เพิ่ม
ลองคำนวนค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากของจำเป็นในชีวิตประจำวัน
1) ค่าน้ำมันแก็สโซฮอล์ ปี64 เฉลี่ยลิตรละ 30 บาท วันนี้เดือน พ.ค.ปี65 ราคาลิตรละ 42บาท
คิดเป็นราคาที่เพิ่มขึ้น +40%
ดั้งนั้นเงินที่เคยใช้ซื้อน้ำมันเป็นประจำ วันนี้จะซื้อได้ปริมาณเพียง 71.42% จากที่เคยซื้อได้
สมมุติมีค่าใช้จ่ายเป็นค่าน้ำมันเดือน ละ 6000 บาท คุณมี 2 วิธีที่จะต้องทำ
ก) จัดหางบประมาณสำหรับค่าน้ำมัน +40% จาก 6000 เพิ่มเป็น 8400 บาท
ข) เดินทางให้น้อยลงเหลือ 71.42% จากที่เคยเดินทางประจำ
2) เนื้อหมู ก่อนหน้านี้(ไม่คิดราคาช่วงพีคที่เกิดจากโรคระบาด) กิโลกรัมละ 160 บาท วันนี้ราคากิโลกรัมละ 180 บาท
คิดเป็นราคาที่เพิ่มขึ้น +12.5%
ดั้งนั้นเงินที่เคยใช้ซื้อเป็นประจำ วันนี้จะซื้อได้ปริมาณเพียง 89% จากที่เคยซื้อได้
สมมุติมีค่าใช้จ่ายเป็นค่าเนื้อหมูเดือน ละ 1600 บาท คุณมี 2 วิธีที่จะต้องทำ
ก) จัดหางบประมาณเพิ่ม +12.5% จาก 1600 เพิ่มเป็น 1800 บาท
ข) บริโภคให้น้อยลงเหลือ 89% จากที่เคยบริโภคประจำ
3) เนื้อไก่ ก่อนหน้านี้ กิโลกรัมละ 65 บาท วันนี้ราคากิโลกรัมละ 80 บาท
คิดเป็นราคาที่เพิ่มขึ้น 23.08%
ดั้งนั้นเงินที่เคยใช้ซื้อไก่เป็นประจำ วันนี้จะซื้อได้ปริมาณเพียง 81% จากที่เคยซื้อได้
สมมุติมีค่าใช้จ่ายเป็นค่าเนื้อไก่เดือน ละ 1000 บาท คุณมี 2 วิธีที่จะต้องทำ
ก) จัดหางบประมาณเพิ่ม +23.08% จาก 1000 เพิ่มเป็น 1230 บาท
ข) บริโภคให้น้อยลงเหลือ 81% จากที่เคยบริโภคประจำ
4) ไข่ไก่เบอร์0 ก่อนหน้านี้แผง30ฟอง ราคา 105 บาท วันนี้ราคา 130 บาท
คิดเป็นราคาที่เพิ่มขึ้น 23.81%
ดั้งนั้นเงินที่เคยใช้ซื้อไข่เป็นประจำ วันนี้จะซื้อได้ปริมาณเพียง 81% ของที่เคยซื้อได้
สมมุติมีค่าใช้จ่ายเป็นค่าเนื้อไก่เดือน ละ 315 บาท คุณมี 2 วิธีที่จะต้องทำ
ก) จัดหางบประมาณเพิ่ม +23.8% จาก 305 เพิ่มเป็น 378 บาท
ข) บริโภคให้น้อยลงเหลือ 81% จากที่เคยบริโภคประจำ
5) เครื่องใช้อื่นๆ อย่างเช่นสบู่ แชมพู ผงซักฟอก
ราคาต่อเพ็คเหมือนจะคงเดิม แต่เขาลดปริมาตรลงทำให้คุณรับรู้ถึงราคาที่เพิ่มขึ้นได้ช้าลง
สมมติ สบู่เหลวยี่ห้อหนึ่ง เดิมทีปริมาตร 500cc ต่อมาลดปริมาตรเหลือ 450cc แต่ไม่เพิ่มราคา
คำนวนจากราคาต่อหน่วย แล้วจะเห็นว่าราคาเพิ่มขึ้น 11.11%
ดั้งนั้นเงินที่เคยใช้ซื้อไข่เป็นประจำ วันนี้จะซื้อได้ปริมาณเพียง 90% ของที่เคยซื้อได้
สมมุติมีค่าใช้จ่ายเป็นค่าเนื้อไก่เดือน ละ 300 บาท คุณมี 2 วิธีที่จะต้องทำ
ก) จัดหางบประมาณเพิ่ม +11.11% จาก 300 เพิ่มเป็น 333 บาท
ข) ใช้ให้น้อยลงเหลือ 90% จากที่เคยใช้ประจำ
ถ้าทุกอย่างในชีวิตประจำวันปรับราคาสูงขึ้นเฉลี่ย 15% - 20%
หมายความว่าเงินได้หรือเงินเก็บของพวกเราจะซื้อของกินของใช้ได้ เพียง 83.33% - 86.96% จากที่เคยซื้อได้ในปีที่แล้ว
ปกติเคยมีค่าใช้จ่ายค่ากินค่าใข้ต่อเดือนที่ 25,000 บาท ก็จะกลายเป็น 28,750
หาเงินเพิ่ม หรือ ใช้ให้น้อยลง
หรือมีทางเลือกอื่นอีกไหมครับ
สำหรับคนที่มีเงินเหลือเก็บ จะจัดการเงินเก็บอย่างไรให้ชนะเงินเฟ้อครับ
การจัดการงบประมาณค่าใช้จ่ายจำเป็นเนื่องจากราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่พาเหรดกันขึ้นราคา
หากคุณมีรายได้แค่พอดีเดือนชนเดือนหรือมีเงินเหลือเก็บทุกเดือนน้อยกว่า10%
การคำนวนงบประจำเดือนใหม่เป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อให้ดำเนินชีวิตต่อไปได้โดยปราศจากการก่อหนี้เพิ่ม
ลองคำนวนค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากของจำเป็นในชีวิตประจำวัน
1) ค่าน้ำมันแก็สโซฮอล์ ปี64 เฉลี่ยลิตรละ 30 บาท วันนี้เดือน พ.ค.ปี65 ราคาลิตรละ 42บาท
คิดเป็นราคาที่เพิ่มขึ้น +40%
ดั้งนั้นเงินที่เคยใช้ซื้อน้ำมันเป็นประจำ วันนี้จะซื้อได้ปริมาณเพียง 71.42% จากที่เคยซื้อได้
สมมุติมีค่าใช้จ่ายเป็นค่าน้ำมันเดือน ละ 6000 บาท คุณมี 2 วิธีที่จะต้องทำ
ก) จัดหางบประมาณสำหรับค่าน้ำมัน +40% จาก 6000 เพิ่มเป็น 8400 บาท
ข) เดินทางให้น้อยลงเหลือ 71.42% จากที่เคยเดินทางประจำ
2) เนื้อหมู ก่อนหน้านี้(ไม่คิดราคาช่วงพีคที่เกิดจากโรคระบาด) กิโลกรัมละ 160 บาท วันนี้ราคากิโลกรัมละ 180 บาท
คิดเป็นราคาที่เพิ่มขึ้น +12.5%
ดั้งนั้นเงินที่เคยใช้ซื้อเป็นประจำ วันนี้จะซื้อได้ปริมาณเพียง 89% จากที่เคยซื้อได้
สมมุติมีค่าใช้จ่ายเป็นค่าเนื้อหมูเดือน ละ 1600 บาท คุณมี 2 วิธีที่จะต้องทำ
ก) จัดหางบประมาณเพิ่ม +12.5% จาก 1600 เพิ่มเป็น 1800 บาท
ข) บริโภคให้น้อยลงเหลือ 89% จากที่เคยบริโภคประจำ
3) เนื้อไก่ ก่อนหน้านี้ กิโลกรัมละ 65 บาท วันนี้ราคากิโลกรัมละ 80 บาท
คิดเป็นราคาที่เพิ่มขึ้น 23.08%
ดั้งนั้นเงินที่เคยใช้ซื้อไก่เป็นประจำ วันนี้จะซื้อได้ปริมาณเพียง 81% จากที่เคยซื้อได้
สมมุติมีค่าใช้จ่ายเป็นค่าเนื้อไก่เดือน ละ 1000 บาท คุณมี 2 วิธีที่จะต้องทำ
ก) จัดหางบประมาณเพิ่ม +23.08% จาก 1000 เพิ่มเป็น 1230 บาท
ข) บริโภคให้น้อยลงเหลือ 81% จากที่เคยบริโภคประจำ
4) ไข่ไก่เบอร์0 ก่อนหน้านี้แผง30ฟอง ราคา 105 บาท วันนี้ราคา 130 บาท
คิดเป็นราคาที่เพิ่มขึ้น 23.81%
ดั้งนั้นเงินที่เคยใช้ซื้อไข่เป็นประจำ วันนี้จะซื้อได้ปริมาณเพียง 81% ของที่เคยซื้อได้
สมมุติมีค่าใช้จ่ายเป็นค่าเนื้อไก่เดือน ละ 315 บาท คุณมี 2 วิธีที่จะต้องทำ
ก) จัดหางบประมาณเพิ่ม +23.8% จาก 305 เพิ่มเป็น 378 บาท
ข) บริโภคให้น้อยลงเหลือ 81% จากที่เคยบริโภคประจำ
5) เครื่องใช้อื่นๆ อย่างเช่นสบู่ แชมพู ผงซักฟอก
ราคาต่อเพ็คเหมือนจะคงเดิม แต่เขาลดปริมาตรลงทำให้คุณรับรู้ถึงราคาที่เพิ่มขึ้นได้ช้าลง
สมมติ สบู่เหลวยี่ห้อหนึ่ง เดิมทีปริมาตร 500cc ต่อมาลดปริมาตรเหลือ 450cc แต่ไม่เพิ่มราคา
คำนวนจากราคาต่อหน่วย แล้วจะเห็นว่าราคาเพิ่มขึ้น 11.11%
ดั้งนั้นเงินที่เคยใช้ซื้อไข่เป็นประจำ วันนี้จะซื้อได้ปริมาณเพียง 90% ของที่เคยซื้อได้
สมมุติมีค่าใช้จ่ายเป็นค่าเนื้อไก่เดือน ละ 300 บาท คุณมี 2 วิธีที่จะต้องทำ
ก) จัดหางบประมาณเพิ่ม +11.11% จาก 300 เพิ่มเป็น 333 บาท
ข) ใช้ให้น้อยลงเหลือ 90% จากที่เคยใช้ประจำ
ถ้าทุกอย่างในชีวิตประจำวันปรับราคาสูงขึ้นเฉลี่ย 15% - 20%
หมายความว่าเงินได้หรือเงินเก็บของพวกเราจะซื้อของกินของใช้ได้ เพียง 83.33% - 86.96% จากที่เคยซื้อได้ในปีที่แล้ว
ปกติเคยมีค่าใช้จ่ายค่ากินค่าใข้ต่อเดือนที่ 25,000 บาท ก็จะกลายเป็น 28,750
หาเงินเพิ่ม หรือ ใช้ให้น้อยลง
หรือมีทางเลือกอื่นอีกไหมครับ
สำหรับคนที่มีเงินเหลือเก็บ จะจัดการเงินเก็บอย่างไรให้ชนะเงินเฟ้อครับ