เช่นชอบเปรียบเทียบว่า เมืองนี้ตึกสูงเยอะก็เจริญกว่าเมืองนั้นเมืองนี้
แล้วสังคมแบบพอมีพอกิน ผลิตเองใช้เอง อย่างสังคมชาวเบดูอิน ชนเผ่าเร่ร่อนเลี้ยงสัตว์ในมองโกเลียหรือในซินเกียง พวกเอสกิโมในแคนาดา พวกอะบอริจิ้นในออส พวกชาวเขาเผ่าต่างๆ ที่ใช้ชีวิตแบบดั้งเดิม ก่อนที่จะโดนสังคมสมัยใหม่ทำลายวิถีวิชีวิตดั้งเดิม เอาทัศนคติของตัวเองไปคิดแทนพวกเค้าว่าตัวเองดีกว่า
หนูคิดว่าพวกคนในสังคมที่มีวิถีชีวิตแบบดั้งเดิม เค้ามีความสุขมากกว่าคนยุคปัจจุบันอีกเพราะพวกเค้าอยู่กันแบบนั้นมาตั้งแต่เกิด เคยชินกับชีวิตง่ายๆแบบนั้น มีภูมิต้านทานในด้านการใช้ชีวิตและจิตใจ ไม่ต้องไปเทียบอะไรกับใคร ไม่ต้องอิจฉา ไม่ต้องริษยา ไม่ต้องรับรู้เรื่องที่ไม่ต้องรู้ ไม่ต้องห่วงว่าจะไม่มีอะไรกิน เพราะชีวิตที่ต้องสู้มาตั้งแต่เกิดสร้างภูมิโดยธรรมชาติให้คนเหล่านั้น ไม่มีกิเลสมายั่วยุมาครอบงำจิตใจอยากโน่นอยากนี่
ซึ่งต่างจากสังคมที่เน้นความเจริญทางวัตถุในยุคปัจจุบันที่โดนความเจริญแบบโลกาภิวัตน์เข้าครอบงำ ขาดภูมิต้านทานการใช้ชีวิตหลายๆอย่าง ให้คิดว่าความเจริญทางวัตถุ มีตึกสูงคือเจริญ มีสิ่งยั่วยวนกิเลสต่างๆมากมายอยากโน่นอยากนี่ไม่จบสิ้น ได้เห็นสิ่งต่างๆเอาตัวเองไปเทียบกับสังคมที่เจริญทางวัตถุอื่นๆที่เจริญกว่าทำให้เกิดความทุกข์ การเปรียบเทียบ ความซึมเศร้าเป็นปัญหาสังคมตามมามากมาย บางทีหนูก็แอบคิดว่าโลกยุคก่อนโลกาภิวัตน์ ที่ใช้วิถีชีวิตแบบดั้งเดิม อยู่ในสังคมง่ายๆของตัวเอง คนมีความสุขกว่าโลกปัจจุบันอีก โดยเฉลี่ย
บางทีหนูก็คิดว่าการรับรู้สิ่งต่างๆมากเกินความจำเป็นในโลกยุคโลกาภิวัตน์ทำให้มนุษย์เราทุกวันนี้ยุ่งเหยิงกว่าที่ควรจะเป็น
เห็นว่าไงกับเรียงความนี้คะ
ทำไมสังคมยุคปัจจุบันจึงวัดความเจริญที่ความเจริญทางวัตถุ และตึกสูงๆคะ
แล้วสังคมแบบพอมีพอกิน ผลิตเองใช้เอง อย่างสังคมชาวเบดูอิน ชนเผ่าเร่ร่อนเลี้ยงสัตว์ในมองโกเลียหรือในซินเกียง พวกเอสกิโมในแคนาดา พวกอะบอริจิ้นในออส พวกชาวเขาเผ่าต่างๆ ที่ใช้ชีวิตแบบดั้งเดิม ก่อนที่จะโดนสังคมสมัยใหม่ทำลายวิถีวิชีวิตดั้งเดิม เอาทัศนคติของตัวเองไปคิดแทนพวกเค้าว่าตัวเองดีกว่า
หนูคิดว่าพวกคนในสังคมที่มีวิถีชีวิตแบบดั้งเดิม เค้ามีความสุขมากกว่าคนยุคปัจจุบันอีกเพราะพวกเค้าอยู่กันแบบนั้นมาตั้งแต่เกิด เคยชินกับชีวิตง่ายๆแบบนั้น มีภูมิต้านทานในด้านการใช้ชีวิตและจิตใจ ไม่ต้องไปเทียบอะไรกับใคร ไม่ต้องอิจฉา ไม่ต้องริษยา ไม่ต้องรับรู้เรื่องที่ไม่ต้องรู้ ไม่ต้องห่วงว่าจะไม่มีอะไรกิน เพราะชีวิตที่ต้องสู้มาตั้งแต่เกิดสร้างภูมิโดยธรรมชาติให้คนเหล่านั้น ไม่มีกิเลสมายั่วยุมาครอบงำจิตใจอยากโน่นอยากนี่
ซึ่งต่างจากสังคมที่เน้นความเจริญทางวัตถุในยุคปัจจุบันที่โดนความเจริญแบบโลกาภิวัตน์เข้าครอบงำ ขาดภูมิต้านทานการใช้ชีวิตหลายๆอย่าง ให้คิดว่าความเจริญทางวัตถุ มีตึกสูงคือเจริญ มีสิ่งยั่วยวนกิเลสต่างๆมากมายอยากโน่นอยากนี่ไม่จบสิ้น ได้เห็นสิ่งต่างๆเอาตัวเองไปเทียบกับสังคมที่เจริญทางวัตถุอื่นๆที่เจริญกว่าทำให้เกิดความทุกข์ การเปรียบเทียบ ความซึมเศร้าเป็นปัญหาสังคมตามมามากมาย บางทีหนูก็แอบคิดว่าโลกยุคก่อนโลกาภิวัตน์ ที่ใช้วิถีชีวิตแบบดั้งเดิม อยู่ในสังคมง่ายๆของตัวเอง คนมีความสุขกว่าโลกปัจจุบันอีก โดยเฉลี่ย
บางทีหนูก็คิดว่าการรับรู้สิ่งต่างๆมากเกินความจำเป็นในโลกยุคโลกาภิวัตน์ทำให้มนุษย์เราทุกวันนี้ยุ่งเหยิงกว่าที่ควรจะเป็น
เห็นว่าไงกับเรียงความนี้คะ