ช่วยแนะนำทีค่ะ ทุกข์ใจมากๆ เรื่องยืมชื่อคนอื่นออกรถแล้วคนออกให้เสียชีวิต

อย่างแรกลองมองแบบไม่มีประเด็นซับซ้อนนะคะ รถคันนี้ซื้อและทำสินเชื่อในชื่อผู้เสียชีวิต มีรายการผ่อนปกติ ต่อมาเจ้าของรถเสียชีวิตโดยยังมียอดค้างชำระอยู่ ประกันชีวิตที่ทำแบบประกันสินเชื่อจึงจ่ายสินไหมทดแทนเพื่อปิดสินเชื่อที่เหลือทั้งหมด กรรมสิทธิ์รถคันนี้ก็จะเป็นของกองมรดกรวมกับทรัพย์สินและหนี้สินอื่นๆ ที่เป็นมรดกของผู้เสียชีวิต  ซึ่งก็ต้องไปดูกันอีกทีว่าใครจะมีสิทธิรับมรดก ผู้เสียชีวิตทำพินัยกรรมไว้หรือไม่ หากไม่ก็เป็นของทายาทโดยธรรม

ทีนี้มาดูกรณีของคุณ
"ผ่อนไปได้สักระยะ คนที่เรายืมชื่อเสียชีวิต"
ระยะที่ว่าหากยิ่งสั้น คุณลงเงินผ่อนไปเองน้อย แล้วได้เงินสินไหมมาปิดหนี้มากเท่าไหร่ ยิ่งเหมือนคุณได้ประโยชน์

สมมุติ รถราคา 800,000 ดาว์นไป 200,000 เหลือผ่อน 600,000 ถ้าดอกเบี้ย 2 % ผ่อน 5 ปี ดอกเบี้ย 72,000 แปลว่าหนี้ที่คุณต้องผ่อนทั้งหมดคือ 672,0000  สมมุติตอนนี้คุณผ่อนไปแล้ว 100,000 บาท เหลือหนี้อีก 572,000 บาท แล้วประกันจ่ายสินไหมทดแทนจากการเสียชีวิตแทนคุณ 572,000 บาท เท่ากับคุณเสียเงินเพื่อให้ได้รถคันนี้มาเท่ากับ เงินดาว์น 200,000 เงินผ่อน 100,000 ค่าเบี้ยประกันชีวิตที่จ่ายไป สมมุติ 50,000 คือรวมจ่ายไปแค่ 350,000 บาท และได้รถราคา 800,000 มาเป็นกรรมสิทธิ์
ลองเอาตัวเลขจริงใส่ไปนะคะ แล้วมองจากฝั่งทายาทคุณอาจจะพอเข้าใจว่าทำไมเค้าไม่ยอม

"เราเลยไปดำเนินเรื่องกับทางประกัน ทางประกันตรวจสอบแล้ว ...
ปิดค่างวดให้เราทั้งหมด แต่....!!ประเด็นอยู่ที่ว่า ทางญาติเค้า (ลูก ภรรยา) จะมาชุบมือเปิบ จะขอยื่นเรื่องที่จะเอารถไว้เอง (ซึ่งก่อนหน้านี้ ไม่มีใครทราบด้วยซ้ำว่า เค้ามาออกรถให้กับเรา คิดว่าแค่มาค้ำเฉยๆด้วยซ้ำ ) คนออกให้เรายังไม่เคยได้เห็นรถเลยด้วย"
จากรายละเอียดข้างบน คุณพอจะเข้าใจได้ใช่มั้ยคะว่าญาติเค้าไม่น่าจะเข้าข่ายชุบมือเปิบ

จริงๅ ตอนนี้ถือว่าคุณเสียเปรียบด้วยซ้ำเพราะ รถเป็นกรรมสิทธิ์ของกองมรดก หากเค้าแจ้งให้คุณส่งมอบรถคืนแล้วคุณไม่ส่งมอบคุณอาจมีความเสี่ยงเรื่องยักยอกทรัพย์ได้

ส่วนเรื่องที่มีหลักฐานว่าคุณเป็นคนผ่อนหรือออกเงินใดๆ ก็ตาม คงเป็นเรื่องที่คุณคงต้องฟ้องร้องเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริง จึงเป็นที่มาของแนวทางของทนายความที่ให้คุณไปเจรจาดีๆ กับทายาท

ลองพิจารณาดูค่ะ