สืบเนื่องจากกระทู้นี้
https://pantip.com/topic/41412017 ชื่อ คุณรู้ไหมว่า จากข้อมูลหลายๆ แหล่งชี้ชัดว่าน้ำมันรัสเซียจำนวนมากยังคงไหลไปยังญี่ปุ่น เกาหลีใต้ จีน และอินเดีย
---
กระทู้ที่ 2
https://pantip.com/topic/41411097 ชื่อ ด่วน รัสเซีย โดนจีนกับอินเดียเล่นแล้ว จีนลดการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย 14% ส่วนอินเดียกดราคาน้ำมันต่ำกว่า $70 ต่อบาเรล
---
และกระทู้ที่ 3
https://pantip.com/topic/41411018 ชื่อ รัสเซียขายพลังงานก๊าซ น้ำมัน ถ่านหิน ให้ยุโรปได้เพิ่มขึ้น 190% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2564
---
จึงทำให้สงสัยว่า ทำไมสหภาพยุโรปเสียงแตก กรณีคว่ำบาตรพลังงานรัสเซีย?
สหภาพยุโรปมีปัญหาว่าจะช่วยยูเครนทำสงครามกับรัสเซียโดยที่ไม่มีผลกระทบตนเองอย่างไร มือหนึ่งส่งอาวุธให้ยูเครน อีกมือหนึ่งจ่ายเงินซื้อพลังงานรัสเซีย
ประธานาธิบดีเซเลนสกีของยูเครนวิพากษ์ว่า ประเทศยุโรปที่ยังซื้อน้ำมันและก๊าซจากรัสเซียเท่ากับเป็นการส่งเงินไปช่วยมอสโกทำสงครามกับยูเครน
แต่หลายประเทศในสหภาพยุโรปมีเหตุผลที่ยังต้องพึ่งพาน้ำมันและก๊าซจากรัสเซีย
จึงจะเห็นว่าการประชุมครั้งล่าสุดของ EU ก็ยังไม่อาจจะมีความเป็นเอกภาพในการประกาศคว่ำบาตรรัสเซียรอบใหม่ที่มีความแข็งขันด้านไม่นำเข้าพลังงานของรัสเซีย
ฮังการียืนยันยันยังไม่สามารถจะหยุดการซื้อน้ำมันและก๊าซจากรัสเซีย เพราะถ้าทำเช่นนั้นจะมีผลกระทบต่อปากท้องของประชาชนของตนได้ เยอรมนีก็ลังเลไม่น้อย
รัฐมนตรีเศรษฐกิจของเยอรมนีบอกว่าอาจจะสามารถหยุดการซื้อน้ำมันของรัสเซียได้ภายในสิ้นปี 2022
รัฐมนตรีของสหภาพยุโรปเรียกประชุมฉุกเฉินเมื่อต้นสัปดาห์เพื่อหารือถึงวิธีจัดการกับสถานการณ์ ภายใต้แรงกดดันอย่างหนักที่จะตัด “ท่อน้ำเลี้ยง” ที่สนับสนุนการทำสงครามของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ในยูเครน
มีประเด็นท้าทายที่สำคัญ 2 เรื่องคือ วิธีชำระค่าพลังงานของรัสเซียในรูปแบบที่จะไม่ทำให้มาตรการคว่ำบาตรของสหภาพยุโรปต่อรัสเซียกรณีสงครามยูเครนไร้ความหมาย
และวิธีจัดหาและพัฒนาหาแหล่งพลังงานอื่นๆ เพื่อไม่ต้องพึ่งพารัสเซีย หัวหน้านโยบายพลังงานของสหภาพยุโรป Kadri Simson แจ้งว่า การที่รัสเซียหยุดส่งก๊าซไปยังโปแลนด์และบัลแกเรีย ได้ช่วยเสริมเจตจำนงของกลุ่มที่จะเป็นอิสระจากเชื้อเพลิงฟอสซิลของรัสเซีย
แต่ในความเป็นจริงนั้น ประเทศยุโรปทั้งหลายยังนำเข้าพลังงานจากรัสเซียอยู่ แม้จะประกาศปาวๆ ว่าจะแบนน้ำมันและก๊าซจากประเทศนั้น
ตามรายงานของศูนย์วิจัยพลังงานและอากาศบริสุทธิ์ (CREA) สหภาพยุโรปได้นำเข้าเชื้อเพลิงฟอสซิลมูลค่าประมาณ 46,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ นับตั้งแต่ความขัดแย้งเริ่มต้นขึ้น
ใครคือผู้นำเข้ารายใหญ่? หนีไม่พ้นว่าคือเยอรมนี รองลงมาคืออิตาลี

ที่มาภาพ caspiannews.com/news-detail/gazprom-denies-european-parliaments-accusations-of-rigging-gas-prices-2021-9-19-0/
Gazprom บริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่รัสเซียประกาศหยุดส่งออกก๊าซไปยังโปแลนด์และบัลแกเรียเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากที่ประเทศเหล่านั้นปฏิเสธที่จะปฏิบัติตามเงื่อนไขของรัสเซียให้เปลี่ยนไปใช้การชำระเงินเป็นเงินสกุลรูเบิล อีกหลายประเทศในยุโรปก็เตรียมเผชิญกับปัญหาเดียวกันในเดือนนี้
โปแลนด์และบัลแกเรียได้วางแผนที่จะหยุดใช้ก๊าซของรัสเซียในปีนี้ ทั้ง 2 ประเทศบอกว่าสามารถรับมือกับการระงับการส่งน้ำมันจากรัสเซียได้
สหภาพยุโรปโต้รัสเซียว่า การบังคับให้จ่ายน้ำมันเป็นรูเบิล เป็น "การละเมิด" สัญญาที่มีอยู่ ประเทศผู้ซื้อ “ไม่อาจจะยอมรับได้” หนึ่งในมาตรการตั้งรับคือ ประเทศสมาชิกอียูกำลังสร้างคลังเก็บก๊าซก่อนฤดูหนาวจะมาถึงอีกรอบหนึ่ง ชัดเจนว่าการขาดความเป็นเอกภาพในบรรดาประเทศยุโรปตะวันตกเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้มาตรการ “ลงโทษ” รัสเซียในกรณีนี้ล้มเหลวในระดับหนึ่ง
มีความเป็นจริงที่ต้องยอมรับว่า ยุโรปได้รับก๊าซธรรมชาติประมาณ 40% จากรัสเซีย แต่ผลกระทบเมื่อมีการแบนการนำเข้าพลังงานจากรัสเซียนั้นมีความแตกต่างกัน บางประเทศโดนหนัก แต่อีกบางประเทศก็มีทางออกของตน แต่เยอรมนีเป็นตัวอย่างที่น่าสนใจ เพราะได้รับน้ำมันประมาณ 25% และก๊าซ 40% จากรัสเซีย สโลวาเกียและฮังการีได้รับ 96% และ 58% ตามลำดับ
โรเบิร์ต ฮาเบ็ค รัฐมนตรีเศรษฐกิจของเยอรมนีบอกว่า ประเทศของเขาสามารถตั้งรับเรื่องรัสเซียไม่ส่งน้ำมันได้พอสมควร แต่สำหรับเรื่องก๊าซนั้นยังต้องใช้เวลาปรับตัวอีกระยะหนึ่ง เขายอมรับว่าประเทศอื่นๆ อาจต้องใช้เวลามากกว่านี้ ดูเหมือนว่าสมาชิกอียูส่วนใหญ่จะยอมรับว่าต้องให้เวลาสำหรับฮังการีและสโลวาเกียในการปรับตัว นั่นคืออาจจะต้องยอมให้ 2 ประเทศนี้ยังซื้อหาพลังงานจากรัสเซีย ขณะที่ประเทศอื่นที่พร้อมกว่าก็เดินหน้าคว่ำบาตรรัสเซียอย่างเข้มข้นต่อไป
เพราะเป็นที่รู้กันในวงการว่า การหาแหล่งขายน้ำมันใหม่ง่ายกว่าการหาประเทศที่พร้อมจะขายก๊าซให้แทนรัสเซีย
สถาบันวิจัยพลังงาน EWI กล่าวว่า เยอรมนีควรจำกัดการใช้ก๊าซในขณะนี้ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับความเป็นไปได้ที่รัสเซียจะตัดขาดในอนาคต
Uniper หนึ่งในบริษัทพลังงานรายใหญ่ที่สุดของเยอรมนียังเตือนด้วยว่า ถ้าสหภาพยุโรปหยุดซื้อน้ำมันรัสเซีย มอสโกก็อาจจะกดดันด้วยการหยุดส่งก๊าซ
ประเด็นเรื่องรัสเซียให้จ่ายค่าพลังงานเป็นรูเบิลก็มีทางออก เช่น ประเทศที่ซื้อจ่ายเป็นเงินสกุลยูโรแล้วแปลงเป็นรูเบิล เพื่อเป็นทางออกให้กับทั้งรัสเซียและประเทศผู้ซื้อ
มีรายงานว่า บริษัทพลังงานอื่นๆ ในยุโรปกำลังเตรียมทำเช่นเดียวกัน เพราะกลัวว่าน้ำมันและก๊าซจากรัสเซียจะลดน้อยลงหากไม่หาทางออกเพื่อตอบสนองเสียงขู่ของรัสเซีย โดยที่อียูก็ไม่เสียจุดยืนของตน
วันนี้ยุโรปจึงตกอยู่ในที่นั่งลำบาก เพราะด้านหนึ่งต้องกดดันรัสเซียให้ถอยจากยูเครน อีกด้านหนึ่งก็ยังต้องอาศัยพลังงานของรัสเซีย
รัฐมนตรีอียูที่ประชุมฉุกเฉินสัปดาห์ที่ผ่านมาจึงเสนอให้สมาชิกลงมติคว่ำบาตรด้วยการยุติการซื้อน้ำมันรัสเซียภายใน 6-8 เดือน นั่นแปลว่าจะไม่หักด้ามพร้าด้วยหัวเข่า คือไม่ต้องทำทันที ยังให้เวลาปรับตัวสำหรับประเทศที่ไม่พร้อม และยกเว้นเป็นกรณีพิเศษให้กับฮังการีและสโลวาเกีย
ประเด็นเรื่องก๊าซก็มีความสลับซับซ้อนของตัวเอง
เยอรมนีและอิตาลีบอกว่าพร้อมจะจ่ายค่าก๊าซให้รัสเซียเป็นรูเบิล
โปแลนด์บอกว่า ถ้าอย่างนั้นก็ต้องปรับบริษัทเยอรมนีและอิตาลีเหล่านั้น เพราะโปแลนด์ถือว่าตนเสียสละก่อนใครด้วยการยอมให้รัสเซียตัดการส่งก๊าซให้กับตนไปก่อนแล้ว แต่การลงมติเรื่องค่าปรับต้องเป็นเอกฉันท์ ยังไม่รู้ว่าในท้ายที่สุดจะผ่านหรือไม่
ด้านสหรัฐฯ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน บอกว่า อเมริกาจะขาย LNG ให้ยุโรปเพิ่มขึ้นอีก แต่เอกชนบอกว่ามีกำลังผลิตเหลืออย่างจำกัดจำเขี่ย วิกฤตสำหรับโลกจะผ่อนคลายหรือตึงเครียดขึ้นว่าด้วยตลาดต้องดูไตรมาสที่ 3 ที่จะเริ่มในเดือนกรกฎาคมนี้ ผลที่ตามมาก็ยิ่งทำให้อัตราเงินเฟ้อที่วิ่งขึ้นอย่างน่ากลัวทั่วโลกก็อาจจะวิ่งขึ้นต่อไปอีก
นั่นหมายความว่าเศรษฐกิจโลกจะถูกกระแทกอย่างอย่างจังในช่วงครึ่งหลังของปี หนักหนาสาหัสจริงๆ.
ที่มาบทความ
https://www.thaipost.net/columnist-people/135497/
ทำไมสหภาพยุโรปเสียงแตก กรณีคว่ำบาตรพลังงานรัสเซีย
---
กระทู้ที่ 2 https://pantip.com/topic/41411097 ชื่อ ด่วน รัสเซีย โดนจีนกับอินเดียเล่นแล้ว จีนลดการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย 14% ส่วนอินเดียกดราคาน้ำมันต่ำกว่า $70 ต่อบาเรล
---
และกระทู้ที่ 3 https://pantip.com/topic/41411018 ชื่อ รัสเซียขายพลังงานก๊าซ น้ำมัน ถ่านหิน ให้ยุโรปได้เพิ่มขึ้น 190% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2564
---
จึงทำให้สงสัยว่า ทำไมสหภาพยุโรปเสียงแตก กรณีคว่ำบาตรพลังงานรัสเซีย?
สหภาพยุโรปมีปัญหาว่าจะช่วยยูเครนทำสงครามกับรัสเซียโดยที่ไม่มีผลกระทบตนเองอย่างไร มือหนึ่งส่งอาวุธให้ยูเครน อีกมือหนึ่งจ่ายเงินซื้อพลังงานรัสเซีย
ประธานาธิบดีเซเลนสกีของยูเครนวิพากษ์ว่า ประเทศยุโรปที่ยังซื้อน้ำมันและก๊าซจากรัสเซียเท่ากับเป็นการส่งเงินไปช่วยมอสโกทำสงครามกับยูเครน
แต่หลายประเทศในสหภาพยุโรปมีเหตุผลที่ยังต้องพึ่งพาน้ำมันและก๊าซจากรัสเซีย
จึงจะเห็นว่าการประชุมครั้งล่าสุดของ EU ก็ยังไม่อาจจะมีความเป็นเอกภาพในการประกาศคว่ำบาตรรัสเซียรอบใหม่ที่มีความแข็งขันด้านไม่นำเข้าพลังงานของรัสเซีย
ฮังการียืนยันยันยังไม่สามารถจะหยุดการซื้อน้ำมันและก๊าซจากรัสเซีย เพราะถ้าทำเช่นนั้นจะมีผลกระทบต่อปากท้องของประชาชนของตนได้ เยอรมนีก็ลังเลไม่น้อย
รัฐมนตรีเศรษฐกิจของเยอรมนีบอกว่าอาจจะสามารถหยุดการซื้อน้ำมันของรัสเซียได้ภายในสิ้นปี 2022
รัฐมนตรีของสหภาพยุโรปเรียกประชุมฉุกเฉินเมื่อต้นสัปดาห์เพื่อหารือถึงวิธีจัดการกับสถานการณ์ ภายใต้แรงกดดันอย่างหนักที่จะตัด “ท่อน้ำเลี้ยง” ที่สนับสนุนการทำสงครามของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ในยูเครน
มีประเด็นท้าทายที่สำคัญ 2 เรื่องคือ วิธีชำระค่าพลังงานของรัสเซียในรูปแบบที่จะไม่ทำให้มาตรการคว่ำบาตรของสหภาพยุโรปต่อรัสเซียกรณีสงครามยูเครนไร้ความหมาย
และวิธีจัดหาและพัฒนาหาแหล่งพลังงานอื่นๆ เพื่อไม่ต้องพึ่งพารัสเซีย หัวหน้านโยบายพลังงานของสหภาพยุโรป Kadri Simson แจ้งว่า การที่รัสเซียหยุดส่งก๊าซไปยังโปแลนด์และบัลแกเรีย ได้ช่วยเสริมเจตจำนงของกลุ่มที่จะเป็นอิสระจากเชื้อเพลิงฟอสซิลของรัสเซีย
แต่ในความเป็นจริงนั้น ประเทศยุโรปทั้งหลายยังนำเข้าพลังงานจากรัสเซียอยู่ แม้จะประกาศปาวๆ ว่าจะแบนน้ำมันและก๊าซจากประเทศนั้น
ตามรายงานของศูนย์วิจัยพลังงานและอากาศบริสุทธิ์ (CREA) สหภาพยุโรปได้นำเข้าเชื้อเพลิงฟอสซิลมูลค่าประมาณ 46,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ นับตั้งแต่ความขัดแย้งเริ่มต้นขึ้น
ใครคือผู้นำเข้ารายใหญ่? หนีไม่พ้นว่าคือเยอรมนี รองลงมาคืออิตาลี
ที่มาภาพ caspiannews.com/news-detail/gazprom-denies-european-parliaments-accusations-of-rigging-gas-prices-2021-9-19-0/
Gazprom บริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่รัสเซียประกาศหยุดส่งออกก๊าซไปยังโปแลนด์และบัลแกเรียเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากที่ประเทศเหล่านั้นปฏิเสธที่จะปฏิบัติตามเงื่อนไขของรัสเซียให้เปลี่ยนไปใช้การชำระเงินเป็นเงินสกุลรูเบิล อีกหลายประเทศในยุโรปก็เตรียมเผชิญกับปัญหาเดียวกันในเดือนนี้
โปแลนด์และบัลแกเรียได้วางแผนที่จะหยุดใช้ก๊าซของรัสเซียในปีนี้ ทั้ง 2 ประเทศบอกว่าสามารถรับมือกับการระงับการส่งน้ำมันจากรัสเซียได้
สหภาพยุโรปโต้รัสเซียว่า การบังคับให้จ่ายน้ำมันเป็นรูเบิล เป็น "การละเมิด" สัญญาที่มีอยู่ ประเทศผู้ซื้อ “ไม่อาจจะยอมรับได้” หนึ่งในมาตรการตั้งรับคือ ประเทศสมาชิกอียูกำลังสร้างคลังเก็บก๊าซก่อนฤดูหนาวจะมาถึงอีกรอบหนึ่ง ชัดเจนว่าการขาดความเป็นเอกภาพในบรรดาประเทศยุโรปตะวันตกเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้มาตรการ “ลงโทษ” รัสเซียในกรณีนี้ล้มเหลวในระดับหนึ่ง
มีความเป็นจริงที่ต้องยอมรับว่า ยุโรปได้รับก๊าซธรรมชาติประมาณ 40% จากรัสเซีย แต่ผลกระทบเมื่อมีการแบนการนำเข้าพลังงานจากรัสเซียนั้นมีความแตกต่างกัน บางประเทศโดนหนัก แต่อีกบางประเทศก็มีทางออกของตน แต่เยอรมนีเป็นตัวอย่างที่น่าสนใจ เพราะได้รับน้ำมันประมาณ 25% และก๊าซ 40% จากรัสเซีย สโลวาเกียและฮังการีได้รับ 96% และ 58% ตามลำดับ
โรเบิร์ต ฮาเบ็ค รัฐมนตรีเศรษฐกิจของเยอรมนีบอกว่า ประเทศของเขาสามารถตั้งรับเรื่องรัสเซียไม่ส่งน้ำมันได้พอสมควร แต่สำหรับเรื่องก๊าซนั้นยังต้องใช้เวลาปรับตัวอีกระยะหนึ่ง เขายอมรับว่าประเทศอื่นๆ อาจต้องใช้เวลามากกว่านี้ ดูเหมือนว่าสมาชิกอียูส่วนใหญ่จะยอมรับว่าต้องให้เวลาสำหรับฮังการีและสโลวาเกียในการปรับตัว นั่นคืออาจจะต้องยอมให้ 2 ประเทศนี้ยังซื้อหาพลังงานจากรัสเซีย ขณะที่ประเทศอื่นที่พร้อมกว่าก็เดินหน้าคว่ำบาตรรัสเซียอย่างเข้มข้นต่อไป
เพราะเป็นที่รู้กันในวงการว่า การหาแหล่งขายน้ำมันใหม่ง่ายกว่าการหาประเทศที่พร้อมจะขายก๊าซให้แทนรัสเซีย
สถาบันวิจัยพลังงาน EWI กล่าวว่า เยอรมนีควรจำกัดการใช้ก๊าซในขณะนี้ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับความเป็นไปได้ที่รัสเซียจะตัดขาดในอนาคต
Uniper หนึ่งในบริษัทพลังงานรายใหญ่ที่สุดของเยอรมนียังเตือนด้วยว่า ถ้าสหภาพยุโรปหยุดซื้อน้ำมันรัสเซีย มอสโกก็อาจจะกดดันด้วยการหยุดส่งก๊าซ
ประเด็นเรื่องรัสเซียให้จ่ายค่าพลังงานเป็นรูเบิลก็มีทางออก เช่น ประเทศที่ซื้อจ่ายเป็นเงินสกุลยูโรแล้วแปลงเป็นรูเบิล เพื่อเป็นทางออกให้กับทั้งรัสเซียและประเทศผู้ซื้อ
มีรายงานว่า บริษัทพลังงานอื่นๆ ในยุโรปกำลังเตรียมทำเช่นเดียวกัน เพราะกลัวว่าน้ำมันและก๊าซจากรัสเซียจะลดน้อยลงหากไม่หาทางออกเพื่อตอบสนองเสียงขู่ของรัสเซีย โดยที่อียูก็ไม่เสียจุดยืนของตน
วันนี้ยุโรปจึงตกอยู่ในที่นั่งลำบาก เพราะด้านหนึ่งต้องกดดันรัสเซียให้ถอยจากยูเครน อีกด้านหนึ่งก็ยังต้องอาศัยพลังงานของรัสเซีย
รัฐมนตรีอียูที่ประชุมฉุกเฉินสัปดาห์ที่ผ่านมาจึงเสนอให้สมาชิกลงมติคว่ำบาตรด้วยการยุติการซื้อน้ำมันรัสเซียภายใน 6-8 เดือน นั่นแปลว่าจะไม่หักด้ามพร้าด้วยหัวเข่า คือไม่ต้องทำทันที ยังให้เวลาปรับตัวสำหรับประเทศที่ไม่พร้อม และยกเว้นเป็นกรณีพิเศษให้กับฮังการีและสโลวาเกีย
ประเด็นเรื่องก๊าซก็มีความสลับซับซ้อนของตัวเอง
เยอรมนีและอิตาลีบอกว่าพร้อมจะจ่ายค่าก๊าซให้รัสเซียเป็นรูเบิล
โปแลนด์บอกว่า ถ้าอย่างนั้นก็ต้องปรับบริษัทเยอรมนีและอิตาลีเหล่านั้น เพราะโปแลนด์ถือว่าตนเสียสละก่อนใครด้วยการยอมให้รัสเซียตัดการส่งก๊าซให้กับตนไปก่อนแล้ว แต่การลงมติเรื่องค่าปรับต้องเป็นเอกฉันท์ ยังไม่รู้ว่าในท้ายที่สุดจะผ่านหรือไม่
ด้านสหรัฐฯ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน บอกว่า อเมริกาจะขาย LNG ให้ยุโรปเพิ่มขึ้นอีก แต่เอกชนบอกว่ามีกำลังผลิตเหลืออย่างจำกัดจำเขี่ย วิกฤตสำหรับโลกจะผ่อนคลายหรือตึงเครียดขึ้นว่าด้วยตลาดต้องดูไตรมาสที่ 3 ที่จะเริ่มในเดือนกรกฎาคมนี้ ผลที่ตามมาก็ยิ่งทำให้อัตราเงินเฟ้อที่วิ่งขึ้นอย่างน่ากลัวทั่วโลกก็อาจจะวิ่งขึ้นต่อไปอีก
นั่นหมายความว่าเศรษฐกิจโลกจะถูกกระแทกอย่างอย่างจังในช่วงครึ่งหลังของปี หนักหนาสาหัสจริงๆ.
ที่มาบทความ https://www.thaipost.net/columnist-people/135497/