นั่งจ้องกองไฟที่ถูกลมพัดจนเศษไฟเม็ดเล็ก ๆ สีแดง ๆ ฟุ้งกระจายเหมือนกับดอกไม้ไฟ
ในขณะนั้นเอง คุณเอกได้ยินเสียงคล้ายกับร่างคนตกลงมาจากที่สูง ส่งเสียงร้องโหยหวน ก่อนจะกระแทกพื้นดัง "โพละ"
คุณเอกซึ่งกำลังอยู่ในอาการผวา สะดุ้งจนตัวสั่น ใช้ไฟฉายจ้องไปที่ต้นเสียง สิ่งที่อยู่เบื้องหน้าคือกิ่งไม้ขนาดโคนขาได้ ตกอยู่ใต้โคนต้นรัง
ทำเอาคุณเอกถอนหายใจดังแรง นี่ถ้าเกิดไม่ฟังคำเตือนของหลวงลุง คงมีอันเป็นไปแล้ว แต่ในความรู้สึกเวลานี้คล้ายจิตปรุงไปเอง
แม้กำลังหลับตาคือกำลังมองเห็นผีร้ายร่างดำทะมึนมานั่งยองหันข้างให้อยู่ต่อหน้า แสยะยิ้มกับแลบลิ้นยาวพาดอก
สำแดงอาการหลอกหลอนเต็มที่ และมันจะไม่หยุดจนกว่าจะย้ายกลดไปจากที่นี่
ความรู้สึกมันบอกเช่นนั้น คุณเอกตกตะลึงกับมโนภาพไม่อาจสลัดให้หลุดออกไปจากหัวได้เลย
จนเริ่มหายใจหอบแรง ร่างกายมันเกร็งจนรู้สึกเจ็บที่ท้องน้อย ความกลัวแล่นฉิวไปทั่วร่างกาย
พอมองไปทางหลวงลุง ทำให้ระลึกได้ คุณเอกเริ่มใช้อานาปานสติ หรือมีความรู้ตัวในลมหายใจเข้าออก
เป็นเครื่องยึดโยงสติไว้กับตัว นั่งให้มั่นคงตัวตรง ๆ สบาย ๆ อย่าไปบังคับมัน กับใช้คำบริกรรม “พุทโธ”
ไม่นานผีร้ายตนนั้นก็ลุกเดินจากไปมุ่งไปทางหลวงลุง ท่านยังนั่งนิ่ง ไม่ได้มีท่าทีตื่นกลัวต่อสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าแต่อย่างใด
ถึงแม้ว่าตอนนี้ สิ่งนั้นกำลังคลานไปรอบ ๆกลด และพูดด้วยเสียงทุ้ม ๆ ต่ำ ๆ ว่า
"พวกเอ็งจะมาเอาของ ๆ ข้าเหรอ"
สิ่งนั้นคลานวนไปมาสามสี่รอบแล้วก็หายไป พร้อมกับลมพายุเริ่มสงบกลับเป็นปกติ
คุณเอกหันมองไปรอบตัวด้วยความระแวง เมื่อพบว่าสิ่งนั้นไปแล้วจริง ๆ ก็รู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก
ป่ารอบ ๆ ตัวกลับเข้าสู่ภาวะปกติ แต่ก็ต้องสะดุ้งเฮือกจนเกือบผุดลุกขึ้นเผ่นออกไปจากกลด
เพราะอยู่ ๆ ก็เกิดเสียงดัง "โครม!!" จนคุณเอกรีบหันควับไปมอง
ปรากฏว่ากิ่งไม้ใหญ่ ๆของต้นรังหล่นลงมาอีก เฉียดกลดของหลวงลุงแค่เพียงนิดเดียว
อาจารย์บุญยิ่งปล่อยจิตเพลิดเพลินกับความสงบเนิ่นนานเที่ยงคืน
บรรยากาศภายนอกที่สงบก็แปรเปลี่ยนเป็นอึดอัดสายลมปั่นป่วน
แล้วสายลมก็สงบ กลับกลายเป็นมีกลิ่นเหม็นเน่าน่าสะอิดสะเอียนโชยเข้ามาแทนที่
หลวงลุงบุญยิ่งยังตั้งสติมั่น แต่กำหนดรู้อยู่
“อะไรหนอ”
จากนั้นก็กำหนดจิตพุ่งออกไปสู่เบื้องหน้า พลันพลังจิตก็ปะทะเข้ากับอำนาจบีบคั้นอย่างรุนแรง
อำนาจนั้นมาจากอสุรกายร่างมหึมาซึ่งทะมึนร่างลุกโชนเขม็งอยู่ข้างหน้า
จิตของอาจารย์บุญยิ่งสะดุ้งวาบแต่พริบตาก็รวบรวมสู่สมาธิได้ด้วยอำนาจของมหาสติ
“ฮ่าฮ่า ออกไปจากที่นี่ซะเดี๋ยวนี้ บริเวณนี้ข้าเป็นเจ้าของ”
ร่างมหึมาสูงเทียมยอดไม้ แบกตะบองชี้นิ้วลงมาด้วยความโกรธกริ้ว “ถ้าไม่ไปข้าจะฆ่าให้ตาย”
อสุรกายตนนั้นเต็มไปด้วยท่าทีประสงค์ร้ายคุกคามจะไล่หลวงลุงบุญยิ่งให้ถอนกลดไปให้ได้
แต่จิตใจของหลวงลุงหาได้หวั่นไหวไม่ กลับตั้งมั่นอยู่ในองค์สมาธิอันแน่วแน่
“จะให้อาตมาไปไหน ค่ำมืดดึกดื่นออกยังงี้ ขอเป็นพรุ่งนี้เถอะ อาตมาจะถอนกลดตั้งแต่เช้าเลย”
“ไม่ออกไปเรอะ ถ้างั้นข้าจะตีซะให้ตาย”
ธุดงค์...หลอนป่ากินคน
ในขณะนั้นเอง คุณเอกได้ยินเสียงคล้ายกับร่างคนตกลงมาจากที่สูง ส่งเสียงร้องโหยหวน ก่อนจะกระแทกพื้นดัง "โพละ"
คุณเอกซึ่งกำลังอยู่ในอาการผวา สะดุ้งจนตัวสั่น ใช้ไฟฉายจ้องไปที่ต้นเสียง สิ่งที่อยู่เบื้องหน้าคือกิ่งไม้ขนาดโคนขาได้ ตกอยู่ใต้โคนต้นรัง
ทำเอาคุณเอกถอนหายใจดังแรง นี่ถ้าเกิดไม่ฟังคำเตือนของหลวงลุง คงมีอันเป็นไปแล้ว แต่ในความรู้สึกเวลานี้คล้ายจิตปรุงไปเอง
แม้กำลังหลับตาคือกำลังมองเห็นผีร้ายร่างดำทะมึนมานั่งยองหันข้างให้อยู่ต่อหน้า แสยะยิ้มกับแลบลิ้นยาวพาดอก
สำแดงอาการหลอกหลอนเต็มที่ และมันจะไม่หยุดจนกว่าจะย้ายกลดไปจากที่นี่
ความรู้สึกมันบอกเช่นนั้น คุณเอกตกตะลึงกับมโนภาพไม่อาจสลัดให้หลุดออกไปจากหัวได้เลย
จนเริ่มหายใจหอบแรง ร่างกายมันเกร็งจนรู้สึกเจ็บที่ท้องน้อย ความกลัวแล่นฉิวไปทั่วร่างกาย
พอมองไปทางหลวงลุง ทำให้ระลึกได้ คุณเอกเริ่มใช้อานาปานสติ หรือมีความรู้ตัวในลมหายใจเข้าออก
เป็นเครื่องยึดโยงสติไว้กับตัว นั่งให้มั่นคงตัวตรง ๆ สบาย ๆ อย่าไปบังคับมัน กับใช้คำบริกรรม “พุทโธ”
ไม่นานผีร้ายตนนั้นก็ลุกเดินจากไปมุ่งไปทางหลวงลุง ท่านยังนั่งนิ่ง ไม่ได้มีท่าทีตื่นกลัวต่อสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าแต่อย่างใด
ถึงแม้ว่าตอนนี้ สิ่งนั้นกำลังคลานไปรอบ ๆกลด และพูดด้วยเสียงทุ้ม ๆ ต่ำ ๆ ว่า
"พวกเอ็งจะมาเอาของ ๆ ข้าเหรอ"
สิ่งนั้นคลานวนไปมาสามสี่รอบแล้วก็หายไป พร้อมกับลมพายุเริ่มสงบกลับเป็นปกติ
คุณเอกหันมองไปรอบตัวด้วยความระแวง เมื่อพบว่าสิ่งนั้นไปแล้วจริง ๆ ก็รู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก
ป่ารอบ ๆ ตัวกลับเข้าสู่ภาวะปกติ แต่ก็ต้องสะดุ้งเฮือกจนเกือบผุดลุกขึ้นเผ่นออกไปจากกลด
เพราะอยู่ ๆ ก็เกิดเสียงดัง "โครม!!" จนคุณเอกรีบหันควับไปมอง
ปรากฏว่ากิ่งไม้ใหญ่ ๆของต้นรังหล่นลงมาอีก เฉียดกลดของหลวงลุงแค่เพียงนิดเดียว
อาจารย์บุญยิ่งปล่อยจิตเพลิดเพลินกับความสงบเนิ่นนานเที่ยงคืน
บรรยากาศภายนอกที่สงบก็แปรเปลี่ยนเป็นอึดอัดสายลมปั่นป่วน
แล้วสายลมก็สงบ กลับกลายเป็นมีกลิ่นเหม็นเน่าน่าสะอิดสะเอียนโชยเข้ามาแทนที่
หลวงลุงบุญยิ่งยังตั้งสติมั่น แต่กำหนดรู้อยู่
“อะไรหนอ”
จากนั้นก็กำหนดจิตพุ่งออกไปสู่เบื้องหน้า พลันพลังจิตก็ปะทะเข้ากับอำนาจบีบคั้นอย่างรุนแรง
อำนาจนั้นมาจากอสุรกายร่างมหึมาซึ่งทะมึนร่างลุกโชนเขม็งอยู่ข้างหน้า
จิตของอาจารย์บุญยิ่งสะดุ้งวาบแต่พริบตาก็รวบรวมสู่สมาธิได้ด้วยอำนาจของมหาสติ
“ฮ่าฮ่า ออกไปจากที่นี่ซะเดี๋ยวนี้ บริเวณนี้ข้าเป็นเจ้าของ”
ร่างมหึมาสูงเทียมยอดไม้ แบกตะบองชี้นิ้วลงมาด้วยความโกรธกริ้ว “ถ้าไม่ไปข้าจะฆ่าให้ตาย”
อสุรกายตนนั้นเต็มไปด้วยท่าทีประสงค์ร้ายคุกคามจะไล่หลวงลุงบุญยิ่งให้ถอนกลดไปให้ได้
แต่จิตใจของหลวงลุงหาได้หวั่นไหวไม่ กลับตั้งมั่นอยู่ในองค์สมาธิอันแน่วแน่
“จะให้อาตมาไปไหน ค่ำมืดดึกดื่นออกยังงี้ ขอเป็นพรุ่งนี้เถอะ อาตมาจะถอนกลดตั้งแต่เช้าเลย”
“ไม่ออกไปเรอะ ถ้างั้นข้าจะตีซะให้ตาย”