คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 5
- "ชาวสลาฟ" (Slavs) คือกลุ่มชาติพันธุ์ที่พูดภาษาในกลุ่มสลาฟ(Slavic languages) สาขาภาษาบอลต์-สลาฟ(Balto-Slavic languages) ตระกูลอินโด-ยูโรเปียน(Indo-European languages) ซึ่งภาษาส่วนใหญ่ในยุโรปถูกจัดอยู่ในตระกูลดังกล่าว ภาษาราชการที่จัดอยู่ในกลุ่มสลาฟ เช่น รัสเซีย, ยูเครน, เบลารุส, โปแลนด์, เช็ก, สโลวัก, สโลวีเนีย, โครเอเชีย, บอสเนีย, มอนเตเนโกร, เซอร์เบีย, มาซิโดเนีย และบัลแกเรีย เป็นต้น
ชาวสลาฟเริ่มปรากฏขึ้นในพื้นที่ระหว่างตอนกลางถึงตะวันออกของยุโรป หลังกลุ่มชนเจอร์แมนิก(Germanic peoples)เคลื่อนย้ายจากตอนกลางไปทางตะวันตกในสมัยการย้ายถิ่น(Migration Period) จากนั้นชาวสลาฟจึงเคลื่อนย้ายกระจัดกระจายไปทางตอนกลาง, ตะวันออก และคาบสมุทรบอลข่านในช่วงระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 5-10 ต่อมาชาวสลาฟทางตะวันออกของเทือกเขาแอลป์ได้สร้าง Princedom ที่ชื่อว่า "Carantania" เมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 7 นับเป็นรัฐแห่งแรกของชาวสลาฟ ปัจจุบันประชากรของ Carantania เป็นบรรพบุรุษของชาวสโลวีเนีย ขณะที่ชาวสลาฟบริเวณยุโรปตะวันออกที่ไปเข้าร่วมกลุ่มกับชาวนอร์ส(เจอร์แมนิกในแถบสแกนดิเนเวีย), บอลต์ และฟินน์ กลายเป็นชาวรุส(Rus' people) และมีการก่อตั้งสหพันธรัฐของพวกตนภายใต้ชื่อ " Kievan Rus' " ซึ่งปกครองโดยชาวนอร์สในปี ค.ศ. 879 ก่อนที่สหพันธรัฐดังกล่าวจะล่มสลายเพราะการรุกรานของจักรวรรดิมองโกลแล้วเกิดอาณาจักรใหม่ๆของชาวสลาฟขึ้นในภายหลัง ชาวสลาฟตะวันออกที่นิยามตนเองว่าเป็นชาวรุส ก็คือบรรพบุรุษของชาวรัสเซีย, ยูเครน, เบลารุส และรูซึนในปัจจุบัน ส่วนชาวสลาฟบริเวณคาบสมุทรบอลข่านมีจักรวรรดิของตนเองคือ "Bulgarian Empire" ที่เริ่มสถาปนาขึ้นในปี ค.ศ. 681
- "ความรู้สึกต่อต้านสลาฟ" (Anti-Slavic sentiment/Slavophobia) เป็นการเหยียดเชื้อชาติหรือความเกลียดกลัวต่างชาติ(Xenophobia)ที่มาจากทัศนคติด้านลบอันหลากหลายต่อชาวสลาฟ ยกตัวอย่างเช่น
๐ กลุ่มนักบวชคาทอลิกฟรันซิสกัน(Franciscan)ชาวแอลเบเนียที่เคยไปรับการศึกษาในจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี(Austro-Hungarian Empire) เริ่มเผยแพร่ Slavophobia ในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 หลังกองทัพเซอร์เบีย, มอนเตเนโกร และขบวนการเชทนิกส์สังหารหมู่และการขับไล่ชาวแอลแบเนียบริเวณพื้นที่ต่างๆในสงครามบอลข่านครั้งที่ 1 (First Balkan Wars) ระหว่าง ค.ศ. 1912-13 เพื่อยึดครองดินแดนก่อนการประชุมกำหนดเส้นเขตแดนใหม่ อีกทั้งกลุ่มนักบวชดังกล่าวยังมีมุมมองว่า "ชาวแอลเบเนียเป็นชนชาติดั้งเดิมแห่งบอลข่าน ส่วนชาวสลาฟเป็นผู้รุกรานจากเอเชียที่เข้ามายึดครองภายหลัง" แต่ประวัติศาสตร์นิพนธ์ของสหภาพโซเวียตอธิบายว่า Slavophobia ดังกล่าวมีศาสนจักรคาทอลิกอยู่เบื้องหลังโดยเป็นส่วนหนึ่งของแผนการรุกรานแอลเบเนียของราชอาณาจักรอิตาลี(Kingdom of Italy)ในปี ค.ศ. 1939 ส่วนกลุ่มประเทศสลาฟเห็นแย้งว่าเป็นแผนการขยายอิทธิพลของจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี
๐ มโนทัศน์เชื้อชาตินิยม(racism)ของระบอบนาซีที่มองว่า "ประชากรในประเทศที่พูดภาษาสลาฟเป็นหลักโดยเฉพาะโปแลนด์, สหภาพโซเวียต และยูโกสลาเวีย เป็นส่วนหนึ่งของพวกอุนแทร์เมนเชน(Untermenschen)หรือกลุ่มคนจากทางตะวันออกที่ต่ำต้อยกว่าชาวอารยัน" เพื่อสนับสนุนนโยบายล่าอาณานิคมบริเวณยุโรปตะวันออกที่เรียกว่า "เลเบินส์เราม์" (Lebensraum) ขณะที่ในช่วงคริสต์ทศวรรษที่ 1920 พรรคชาตินิยมฟาสซิสต์แห่งอิตาลีก็มองว่า "ชาวเซอร์เบียเป็นพวกป่าเถื่อนล้าหลังและราชอาณาจักรยูโกสลาเวียกำลังสมคบคิดกับองค์กรฟรีเมสัน" เนื่องจากอิตาลีต้องการครอบครองดินแดนแดลเมเชีย
๐ เดิมทีชาวกรีกจำนวนหนึ่งมีความเห็นว่า "ชาวสลาฟเคยเข้าไปทำลายความรุ่งโรจน์ของนครรัฐกรีกโบราณในช่วงทศวรรษที่ 580" แต่ความเกลียดชังก็เริ่มบานปลายขึ้นหลังกรีกขยายอำนาจเข้าไปในบริเวณมาซิโดเนีย(ทางใต้ของประเทศมาซิโดเนียเหนือปัจจุบัน)และเธรซตะวันตก(Western Thrace)ซึ่งมีชาวสลาฟอาศัยอยู่ แล้วเปลี่ยนภูมินามทั้งหมดให้เป็นแบบกรีกในช่วง First Balkan Wars พอเกิดสงครามกลางเมืองกรีซ(Greek Civil War)ระหว่าง ค.ศ. 1943-49 ได้มีชาวสลาฟมาซิโดเนียไปเข้าร่วมกับกองกำลังคอมมิวนิสต์ Democratic Army of Greece จึงถูกฝ่ายสนับสนุน Monarchy สร้างความเกลียดชังและใช้ความรุนแรงในรูปแบบต่างๆ แม้กรีกฝ่ายซ้ายจะช่วยเหลือในเรื่องการลี้ภัยแต่ก็ไม่ได้ให้ความเป็นมิตรมากนัก ปัจจุบันชนกลุ่มน้อยที่เป็นสลาฟมาซิโดเนียยังไม่ถูกรองรับสถานะกลุ่มชาติพันธุ์จากรัฐบาลกรีซ
๐ ตั้งแต่ช่วงต้นคริสต์ทศวรรษที่ 1900 จนถึงสิ้นสุดสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ผู้อพยพยูเครน, รัสเซีย และโปแลนด์ในรัฐซัสแคตเชวัน(Saskatchewan)กับแอลเบอร์ตา(Alberta)ของแคนาดา กลายเป็นเป้าโจมตีของกลุ่มคูคลักซ์แคลน(Ku Klux Klan)ซึ่งเป็นลัทธิยกย่องคนผิวขาวเหนือคนกลุ่มอื่น ทั้งในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ชาวแคนาดาเชื้อสายยูเครนและที่เป็นผู้อพยพหลายพันคนถูกเรียกรวมเข้าค่ายควบคุมเพราะต้องสงสัยว่าอาจเป็นผู้ก่อการร้ายในภาวะสงคราม
เป็นต้นครับ
ชาวสลาฟเริ่มปรากฏขึ้นในพื้นที่ระหว่างตอนกลางถึงตะวันออกของยุโรป หลังกลุ่มชนเจอร์แมนิก(Germanic peoples)เคลื่อนย้ายจากตอนกลางไปทางตะวันตกในสมัยการย้ายถิ่น(Migration Period) จากนั้นชาวสลาฟจึงเคลื่อนย้ายกระจัดกระจายไปทางตอนกลาง, ตะวันออก และคาบสมุทรบอลข่านในช่วงระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 5-10 ต่อมาชาวสลาฟทางตะวันออกของเทือกเขาแอลป์ได้สร้าง Princedom ที่ชื่อว่า "Carantania" เมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 7 นับเป็นรัฐแห่งแรกของชาวสลาฟ ปัจจุบันประชากรของ Carantania เป็นบรรพบุรุษของชาวสโลวีเนีย ขณะที่ชาวสลาฟบริเวณยุโรปตะวันออกที่ไปเข้าร่วมกลุ่มกับชาวนอร์ส(เจอร์แมนิกในแถบสแกนดิเนเวีย), บอลต์ และฟินน์ กลายเป็นชาวรุส(Rus' people) และมีการก่อตั้งสหพันธรัฐของพวกตนภายใต้ชื่อ " Kievan Rus' " ซึ่งปกครองโดยชาวนอร์สในปี ค.ศ. 879 ก่อนที่สหพันธรัฐดังกล่าวจะล่มสลายเพราะการรุกรานของจักรวรรดิมองโกลแล้วเกิดอาณาจักรใหม่ๆของชาวสลาฟขึ้นในภายหลัง ชาวสลาฟตะวันออกที่นิยามตนเองว่าเป็นชาวรุส ก็คือบรรพบุรุษของชาวรัสเซีย, ยูเครน, เบลารุส และรูซึนในปัจจุบัน ส่วนชาวสลาฟบริเวณคาบสมุทรบอลข่านมีจักรวรรดิของตนเองคือ "Bulgarian Empire" ที่เริ่มสถาปนาขึ้นในปี ค.ศ. 681
- "ความรู้สึกต่อต้านสลาฟ" (Anti-Slavic sentiment/Slavophobia) เป็นการเหยียดเชื้อชาติหรือความเกลียดกลัวต่างชาติ(Xenophobia)ที่มาจากทัศนคติด้านลบอันหลากหลายต่อชาวสลาฟ ยกตัวอย่างเช่น
๐ กลุ่มนักบวชคาทอลิกฟรันซิสกัน(Franciscan)ชาวแอลเบเนียที่เคยไปรับการศึกษาในจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี(Austro-Hungarian Empire) เริ่มเผยแพร่ Slavophobia ในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 หลังกองทัพเซอร์เบีย, มอนเตเนโกร และขบวนการเชทนิกส์สังหารหมู่และการขับไล่ชาวแอลแบเนียบริเวณพื้นที่ต่างๆในสงครามบอลข่านครั้งที่ 1 (First Balkan Wars) ระหว่าง ค.ศ. 1912-13 เพื่อยึดครองดินแดนก่อนการประชุมกำหนดเส้นเขตแดนใหม่ อีกทั้งกลุ่มนักบวชดังกล่าวยังมีมุมมองว่า "ชาวแอลเบเนียเป็นชนชาติดั้งเดิมแห่งบอลข่าน ส่วนชาวสลาฟเป็นผู้รุกรานจากเอเชียที่เข้ามายึดครองภายหลัง" แต่ประวัติศาสตร์นิพนธ์ของสหภาพโซเวียตอธิบายว่า Slavophobia ดังกล่าวมีศาสนจักรคาทอลิกอยู่เบื้องหลังโดยเป็นส่วนหนึ่งของแผนการรุกรานแอลเบเนียของราชอาณาจักรอิตาลี(Kingdom of Italy)ในปี ค.ศ. 1939 ส่วนกลุ่มประเทศสลาฟเห็นแย้งว่าเป็นแผนการขยายอิทธิพลของจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี
๐ มโนทัศน์เชื้อชาตินิยม(racism)ของระบอบนาซีที่มองว่า "ประชากรในประเทศที่พูดภาษาสลาฟเป็นหลักโดยเฉพาะโปแลนด์, สหภาพโซเวียต และยูโกสลาเวีย เป็นส่วนหนึ่งของพวกอุนแทร์เมนเชน(Untermenschen)หรือกลุ่มคนจากทางตะวันออกที่ต่ำต้อยกว่าชาวอารยัน" เพื่อสนับสนุนนโยบายล่าอาณานิคมบริเวณยุโรปตะวันออกที่เรียกว่า "เลเบินส์เราม์" (Lebensraum) ขณะที่ในช่วงคริสต์ทศวรรษที่ 1920 พรรคชาตินิยมฟาสซิสต์แห่งอิตาลีก็มองว่า "ชาวเซอร์เบียเป็นพวกป่าเถื่อนล้าหลังและราชอาณาจักรยูโกสลาเวียกำลังสมคบคิดกับองค์กรฟรีเมสัน" เนื่องจากอิตาลีต้องการครอบครองดินแดนแดลเมเชีย
๐ เดิมทีชาวกรีกจำนวนหนึ่งมีความเห็นว่า "ชาวสลาฟเคยเข้าไปทำลายความรุ่งโรจน์ของนครรัฐกรีกโบราณในช่วงทศวรรษที่ 580" แต่ความเกลียดชังก็เริ่มบานปลายขึ้นหลังกรีกขยายอำนาจเข้าไปในบริเวณมาซิโดเนีย(ทางใต้ของประเทศมาซิโดเนียเหนือปัจจุบัน)และเธรซตะวันตก(Western Thrace)ซึ่งมีชาวสลาฟอาศัยอยู่ แล้วเปลี่ยนภูมินามทั้งหมดให้เป็นแบบกรีกในช่วง First Balkan Wars พอเกิดสงครามกลางเมืองกรีซ(Greek Civil War)ระหว่าง ค.ศ. 1943-49 ได้มีชาวสลาฟมาซิโดเนียไปเข้าร่วมกับกองกำลังคอมมิวนิสต์ Democratic Army of Greece จึงถูกฝ่ายสนับสนุน Monarchy สร้างความเกลียดชังและใช้ความรุนแรงในรูปแบบต่างๆ แม้กรีกฝ่ายซ้ายจะช่วยเหลือในเรื่องการลี้ภัยแต่ก็ไม่ได้ให้ความเป็นมิตรมากนัก ปัจจุบันชนกลุ่มน้อยที่เป็นสลาฟมาซิโดเนียยังไม่ถูกรองรับสถานะกลุ่มชาติพันธุ์จากรัฐบาลกรีซ
๐ ตั้งแต่ช่วงต้นคริสต์ทศวรรษที่ 1900 จนถึงสิ้นสุดสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ผู้อพยพยูเครน, รัสเซีย และโปแลนด์ในรัฐซัสแคตเชวัน(Saskatchewan)กับแอลเบอร์ตา(Alberta)ของแคนาดา กลายเป็นเป้าโจมตีของกลุ่มคูคลักซ์แคลน(Ku Klux Klan)ซึ่งเป็นลัทธิยกย่องคนผิวขาวเหนือคนกลุ่มอื่น ทั้งในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ชาวแคนาดาเชื้อสายยูเครนและที่เป็นผู้อพยพหลายพันคนถูกเรียกรวมเข้าค่ายควบคุมเพราะต้องสงสัยว่าอาจเป็นผู้ก่อการร้ายในภาวะสงคราม
เป็นต้นครับ
แสดงความคิดเห็น
พวกสลาฟส์เป็นใครมาจากไหน ทำไมวัฒนธรรมของพวกเขาจึงโดนยุโรปเหยียดคะ
แต่ความสลาฟซ์ ความเคียฟ ความมอสโกว์ ความรุส