ต้องขอเล่าก่อนนะครับ ผมเรียนจบสูงสุดในวุฒิการศึกษาปริญญาตรี แต่ด้วยสังคมปัจจุบันผู้คนต่างหางานทำยาก ซึ่งปัญหานี้ผมได้ผมเห็นมาตั้งแต่ตัวเองยังเรียนอยู่ชั้น ม.3 ซึ่งก็ยังไม่ได้สนใจโลกภายนอกมากนักสังคมก็มีแค่โรงเรียนกับที่บ้าน วันนึงตัวเองได้นั่งรอผู้ปกครองมารับหน้าโรงเรียนหลังเลิกเรียน มีกลุ่มพี่คนนึง เราก็ดูออกแหละครับว่าเขาก็ทำงานลูกจ้าง ไม่กรรมกรก็รับจ้างใช้แรงงานทั่วไป ทั้งที่เราไม่รู้จักแต่ก็แค่มองๆพวกเขา เขาเห็นผมนั่งคนเดียวคงอยากชวนคุย แต่ตัวผมคุยไม่เก่งไม่ค่อยสังคมเท่าไหร่ ในคำแรกที่พี่เขาพูด "พวกพี่ตกงาน" ไอ้ตัวผมก็ไม่ได้อะไรไมรู้จะพูดอะไรก็ได้แค่ยิมๆ นั่นเป็นเหตุการณ์ที่ตัวผมได้เข้าใจโลกสังคมความเป็นจริงของชีวิตในการหางานทำในปัจุจบัน
ปัจจุบันผมได้เรียนจบในระดับวุฒิ ป ตรี ซึ่งตั้งแต่จบมาก็หาทำงานที่ตรงสายได้ยากมากๆครับ จนตัวเองคิดต้องทำงานจะเลือกงานไม่ได้จึงตัดสินใจทำงานประจำทั่วไป ตามห้างร้าน ซึ่งก็มีทั้งวุฒิตั้งแต่ ม.3 ไปจนถึงป.ตรีที่เขาจะเปิดรับ ซึ่งานตามห้างร้าน ไม่ว่าจะเป็นงานบริการ ขายสินค้า แคชเชียร์ และอื่นๆก็เป็นงานที่ไม่ว่าใครก็ทำได้ไม่ว่าจะวุฒิไหนหากสนใจและเรียนรู้งาน เพราะผมเห็นว่ามันเป็นงานที่เราต้องทำและได้เงิน แต่ด้วยเหตุที่ว่าทำไมไม่ลองหางานอื่นที่เหมาะสมกับวุฒิ? แม้จะทำงานดังที่กล่าวไว้ข้างต้นซึ่งในขณะเดียวกันก็ยังสามารถใช้เวลานั้นรองานที่เหมาะสมได้ แต่ด้วยความคิดว่ามันลงตัวแล้วในขณะช่วงเวลานั้นๆจึงไม่คิดเปลี่ยนงาน
จนมาถึงช่วงหนึ่งผมมีความจำเป็นต้องออกงานด้วยสาเหตุหลายๆอย่างรวมไปถึงโยกย้านที่อยู่ จนได้มาอยู่ที่พักอาศัยแห่งใหม่ ซึ่งแน่นอนครับว่าต้องหางานทำเป็นปัญหาสำคัญหลักๆ ตั้งแต่ย้ายที่อยู่อาศัยใหม่ ผมก็ไม่คุ้นชินกับสังคม สถานที่ แต่ก็ยังหาสมัครงานก็ยังทำงานตามห้างร้านเหมือนเดิม เพราะงานในปัจจุบันหายากมาก ยิ่งในช่วงนั้นเป็นช่วงสถานการณ์มีโรคcovid 19 เข้ามาก็ยิ่งไปใหญ่ งานที่จะเปิดรับและสมัครงานก็ไม่พ้นงานพวกนี้ จนตัวผมเองก็กลับไปคิดแม้จะทำงานประเภทเดิมๆแต่ด้วยเป็นงานที่หนักขึ้น ก่อนหน้านั้นก็มีความคิดริเริ่มจะเข้าเรียนเพิ่มเติมเพื่อหาโอกาสทำงานให้กับตนเองได้มากขึ้น ทำงานอยู่ 3เดือน ซึ่งรอรอบเปิดสมัคกับทางสถาบัน
ต่อจากที่ผมวางแผนลงเรียนิ่มเติมซึ่งผมสนใจงานบริบาล ทางสถาบันแห่งหนึ่งเปิดสอนในหลักสูตรระยะสั้น6 เดือน จบมาได้วุฒิ ปวช พนักงานผู้ช่วยเหลือผู้ป่วย ซึ่งก็ตัดสินใจเรียนจนจบ แต่ตัวผมเองแรกๆก็ยังไม่รู้ถึงระบบการทำงานกับทางแหล่งหน่วยงานการพบาลว่าเป็นอย่างไรบ้าง แต่พอมาอยู่ในช่วงฝึกงานได้รู้ได้เห็นได้เข้าไปสัมผัส ทั้งการบอกเล่า การพบเห็น การได้ไปสัมผัส ทั้งขอดีข้อเสีย ในสังคมและสายงานการพยาบาล แต่ด้วยการที่เราได้เข้าเรียนอบรมจากสถาบันบริบาลได้แค่3เดือนกับเข้าไปฝึกงานอีก3เดือน มันไม่สามารถรับรองถึงความรู้ความสามารถทางการพยาบาลได้อย่างละเอียดลึกซึ้งมากนัก ซึ่งทั้งนี้อาจเป็นสาาเหตุหนึ่งๆ ในฐานะพนักงานผู้ช่วยเหลือคนไข้ หรือ เรียกอีกอย่างว่า nurse aide (NA) แล้วนั้นอาจจะเรียกได้ว่าเป็นตำแหน่งงานที่อยู่ระดับล่างสุดของฝ่ายบริบาล ซึ่งไม่มีการเลื่อนตำแหน่งงานและเงินเดือน จะอยู่ที่มากสุดแค่ 1,500 /เดือน นอกนั้นขึ้นอยู่กับการทำโอที แต่ก็มีคนที่จะสนใจเข้าเรียนกัน แต่เมื่อผมเรียนจบต้องไปหาสมัครงานตามโรงพยาบาล ตามโรงพยาบาลแทบไม่รับ NA จะเน้น ในตำแหน่ง PN มากกว่าเพราะมีสิทธิ์ที่จะทำการพยาบาลได้ดีกว่า
ในอีกประเด็อนหนึ่งนั้น ผมเข้าไปสมัครงานในตำแหน่ง NA ในโรงพยาบาลที่เขาเปิดรับ แต่มาสะดุดตรงที่เมื่อลงกรอกตำแหน่งที่จะสมัครงานแล้วทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุบคลตรวจสอบเอกสารกลับไม่รับวุฒิ ป ตรี ซึ่งทางผมก็มีความแปลกใจมาก แต่จะรับแค่วุฒิ ม.6 เท่านั้น ซึ่งก็แปลกใจอยู่ครับมันด้วยสาเหตุอะไร หากท่านไหนมีความรู้ทางนี้ชี้แนะด้วยนะครับ ส่วนตัวผมคิดว่า หากใช้วุฒิ ป ตรี สมัครไปทางหน่วยงานไม่ต้องการจ่ายเงินเดือนในวุฒิปตรีที่มีอัตราเงินมากกว่าวุฒิ ม.6 รึเปล่า หรือ งานที่ผมสมัครเป็นงานของระดับวุฒิ ม.6เท่านั้นหรือเปล่าครับ หากคนที่มีวุฒิ ป ตรี เข้าสมัครงานนี้จะเกิดผลเสียอะไรมั้ยครับ หากมีงานที่จำกัดสิทธิ์ทางวุฒิทางการศึกษาแบบนี้เหมือนวุฒิ ป ตรี ไม่มีค่าเลย มันน่าหดหู่มากในความรู้สึกผม ผมเคยตรวจสอบข้อมูลสมัครทำงานอื่นๆ ไม่เคยได้เห็นว่าที่ไหนจำกัดวุฒิการศึกษาที่ต่ำ ไม่รับวุฒิที่สูง ซึ่งก็รู้กันดีว่าวุฒิที่สูงยอมมีการศึกษาที่แน่นกว่าการได้เรียนถึงวุฒิ ม.6 เท่าที่เห็นมีแต่จำกัดเอาวุฒิที่สูงเท่านั้นที่จะเข้าทำงาน ผมจึงตัดสินใจสมัครงานตำแหน่งอื่นในโรงพยาบาลที่ใช้วุฒิ ป ตรี ครับ แต่เสียดายวุฒิฝ่ายบริบาลกลับไม่ได้ใช้ประโยชน์ ทางฝ่ายบุคคลคืนเอกสารวุฒิ NA ด้วยเหตุการณ์ที่ได้เจอมามีคำถามผุดขึ้นให้คิดหลายๆแง่มุมครับว่า ในปัจจุบันยังไม่ได้เปิดกว้างทางสังคมการทำงาน ผมเคยคิดว่าการเข้ามาอบรมฝ่ายบริบาล ในวุฒิNA นี้แม้จะไม่ได้ทำงานตำแหน่ง NA พนักงานผู้ช่วยเหลือคนไข้แต่ยังพอเป็นหนทางเบิกทางในการทำงานสายนี้ แต่ดันได้พบได้เห็นในสถานการณ์ ข้อกำหนดต่างๆในการรับสมัครงานกลับกลายเป็นการปิดกั้นหนทางอาชีพการทำงานซึ่งมีการกำหนดขอบเขตอะไรๆอยู่มากจนการทำงานต่างๆในปัจจุบันไม่แปลกใจว่าปัญหาการว่างงานและการหางานของประชากรในประเทศยังคงมีอยู่เรื่อยๆ ไม่ว่าบุคคลในวุฒิการศึกษาใดๆ คำว่า "ไม่เลือกงาน" จึงเกิดขึ้นภายใต้ปัญหาการหางานของคนในสังคม ทุกปีบัณฑิตจบจากมหาวิทยาลัยอยู่เรื่อยๆหากเรียนในสาขาวิชาที่ดีย่อมมีโอกาสทำงานได้ดีหากเรียนในสาขาวิชาที่ไม่ได้เน้าทางอาชีพอย่างชัดเจนย่อมหางานยากและปัจจัยสำคัญอาจเชื่อมโยงไปถึงระบบเศรฐกิจการปกครองของประเทศที่ยังไม่ได้พัฒนาคุณภาพความเป็นอยู่ของประชากรให้เกิดความเป็นอยู่ดีเท่าที่ควร ทั้งนี้ที่กล่าวมาทั้งหมดมาจากความคิดความเข้าใจของผม อันมีทั้งคำถาม ความคิดทัศนคติ มุมมอง ขอความกรุณผู้อ่านพิจรณาให้คำชี้แนะด้วยครับ หากผิดพลาดหรือบกพร่องอย่างไรก็ขออภัยด้วยครับ ขอความกรุณาให้ความคิดเห็นกันอย่างสุภาพร่วมแก้ไขปัญหา ขอบคุณครับ
หางานยากทำมปิดกั้นสิทธิ์วุฒิ ป ตรี สมัครงาน
ปัจจุบันผมได้เรียนจบในระดับวุฒิ ป ตรี ซึ่งตั้งแต่จบมาก็หาทำงานที่ตรงสายได้ยากมากๆครับ จนตัวเองคิดต้องทำงานจะเลือกงานไม่ได้จึงตัดสินใจทำงานประจำทั่วไป ตามห้างร้าน ซึ่งก็มีทั้งวุฒิตั้งแต่ ม.3 ไปจนถึงป.ตรีที่เขาจะเปิดรับ ซึ่งานตามห้างร้าน ไม่ว่าจะเป็นงานบริการ ขายสินค้า แคชเชียร์ และอื่นๆก็เป็นงานที่ไม่ว่าใครก็ทำได้ไม่ว่าจะวุฒิไหนหากสนใจและเรียนรู้งาน เพราะผมเห็นว่ามันเป็นงานที่เราต้องทำและได้เงิน แต่ด้วยเหตุที่ว่าทำไมไม่ลองหางานอื่นที่เหมาะสมกับวุฒิ? แม้จะทำงานดังที่กล่าวไว้ข้างต้นซึ่งในขณะเดียวกันก็ยังสามารถใช้เวลานั้นรองานที่เหมาะสมได้ แต่ด้วยความคิดว่ามันลงตัวแล้วในขณะช่วงเวลานั้นๆจึงไม่คิดเปลี่ยนงาน
จนมาถึงช่วงหนึ่งผมมีความจำเป็นต้องออกงานด้วยสาเหตุหลายๆอย่างรวมไปถึงโยกย้านที่อยู่ จนได้มาอยู่ที่พักอาศัยแห่งใหม่ ซึ่งแน่นอนครับว่าต้องหางานทำเป็นปัญหาสำคัญหลักๆ ตั้งแต่ย้ายที่อยู่อาศัยใหม่ ผมก็ไม่คุ้นชินกับสังคม สถานที่ แต่ก็ยังหาสมัครงานก็ยังทำงานตามห้างร้านเหมือนเดิม เพราะงานในปัจจุบันหายากมาก ยิ่งในช่วงนั้นเป็นช่วงสถานการณ์มีโรคcovid 19 เข้ามาก็ยิ่งไปใหญ่ งานที่จะเปิดรับและสมัครงานก็ไม่พ้นงานพวกนี้ จนตัวผมเองก็กลับไปคิดแม้จะทำงานประเภทเดิมๆแต่ด้วยเป็นงานที่หนักขึ้น ก่อนหน้านั้นก็มีความคิดริเริ่มจะเข้าเรียนเพิ่มเติมเพื่อหาโอกาสทำงานให้กับตนเองได้มากขึ้น ทำงานอยู่ 3เดือน ซึ่งรอรอบเปิดสมัคกับทางสถาบัน
ต่อจากที่ผมวางแผนลงเรียนิ่มเติมซึ่งผมสนใจงานบริบาล ทางสถาบันแห่งหนึ่งเปิดสอนในหลักสูตรระยะสั้น6 เดือน จบมาได้วุฒิ ปวช พนักงานผู้ช่วยเหลือผู้ป่วย ซึ่งก็ตัดสินใจเรียนจนจบ แต่ตัวผมเองแรกๆก็ยังไม่รู้ถึงระบบการทำงานกับทางแหล่งหน่วยงานการพบาลว่าเป็นอย่างไรบ้าง แต่พอมาอยู่ในช่วงฝึกงานได้รู้ได้เห็นได้เข้าไปสัมผัส ทั้งการบอกเล่า การพบเห็น การได้ไปสัมผัส ทั้งขอดีข้อเสีย ในสังคมและสายงานการพยาบาล แต่ด้วยการที่เราได้เข้าเรียนอบรมจากสถาบันบริบาลได้แค่3เดือนกับเข้าไปฝึกงานอีก3เดือน มันไม่สามารถรับรองถึงความรู้ความสามารถทางการพยาบาลได้อย่างละเอียดลึกซึ้งมากนัก ซึ่งทั้งนี้อาจเป็นสาาเหตุหนึ่งๆ ในฐานะพนักงานผู้ช่วยเหลือคนไข้ หรือ เรียกอีกอย่างว่า nurse aide (NA) แล้วนั้นอาจจะเรียกได้ว่าเป็นตำแหน่งงานที่อยู่ระดับล่างสุดของฝ่ายบริบาล ซึ่งไม่มีการเลื่อนตำแหน่งงานและเงินเดือน จะอยู่ที่มากสุดแค่ 1,500 /เดือน นอกนั้นขึ้นอยู่กับการทำโอที แต่ก็มีคนที่จะสนใจเข้าเรียนกัน แต่เมื่อผมเรียนจบต้องไปหาสมัครงานตามโรงพยาบาล ตามโรงพยาบาลแทบไม่รับ NA จะเน้น ในตำแหน่ง PN มากกว่าเพราะมีสิทธิ์ที่จะทำการพยาบาลได้ดีกว่า
ในอีกประเด็อนหนึ่งนั้น ผมเข้าไปสมัครงานในตำแหน่ง NA ในโรงพยาบาลที่เขาเปิดรับ แต่มาสะดุดตรงที่เมื่อลงกรอกตำแหน่งที่จะสมัครงานแล้วทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุบคลตรวจสอบเอกสารกลับไม่รับวุฒิ ป ตรี ซึ่งทางผมก็มีความแปลกใจมาก แต่จะรับแค่วุฒิ ม.6 เท่านั้น ซึ่งก็แปลกใจอยู่ครับมันด้วยสาเหตุอะไร หากท่านไหนมีความรู้ทางนี้ชี้แนะด้วยนะครับ ส่วนตัวผมคิดว่า หากใช้วุฒิ ป ตรี สมัครไปทางหน่วยงานไม่ต้องการจ่ายเงินเดือนในวุฒิปตรีที่มีอัตราเงินมากกว่าวุฒิ ม.6 รึเปล่า หรือ งานที่ผมสมัครเป็นงานของระดับวุฒิ ม.6เท่านั้นหรือเปล่าครับ หากคนที่มีวุฒิ ป ตรี เข้าสมัครงานนี้จะเกิดผลเสียอะไรมั้ยครับ หากมีงานที่จำกัดสิทธิ์ทางวุฒิทางการศึกษาแบบนี้เหมือนวุฒิ ป ตรี ไม่มีค่าเลย มันน่าหดหู่มากในความรู้สึกผม ผมเคยตรวจสอบข้อมูลสมัครทำงานอื่นๆ ไม่เคยได้เห็นว่าที่ไหนจำกัดวุฒิการศึกษาที่ต่ำ ไม่รับวุฒิที่สูง ซึ่งก็รู้กันดีว่าวุฒิที่สูงยอมมีการศึกษาที่แน่นกว่าการได้เรียนถึงวุฒิ ม.6 เท่าที่เห็นมีแต่จำกัดเอาวุฒิที่สูงเท่านั้นที่จะเข้าทำงาน ผมจึงตัดสินใจสมัครงานตำแหน่งอื่นในโรงพยาบาลที่ใช้วุฒิ ป ตรี ครับ แต่เสียดายวุฒิฝ่ายบริบาลกลับไม่ได้ใช้ประโยชน์ ทางฝ่ายบุคคลคืนเอกสารวุฒิ NA ด้วยเหตุการณ์ที่ได้เจอมามีคำถามผุดขึ้นให้คิดหลายๆแง่มุมครับว่า ในปัจจุบันยังไม่ได้เปิดกว้างทางสังคมการทำงาน ผมเคยคิดว่าการเข้ามาอบรมฝ่ายบริบาล ในวุฒิNA นี้แม้จะไม่ได้ทำงานตำแหน่ง NA พนักงานผู้ช่วยเหลือคนไข้แต่ยังพอเป็นหนทางเบิกทางในการทำงานสายนี้ แต่ดันได้พบได้เห็นในสถานการณ์ ข้อกำหนดต่างๆในการรับสมัครงานกลับกลายเป็นการปิดกั้นหนทางอาชีพการทำงานซึ่งมีการกำหนดขอบเขตอะไรๆอยู่มากจนการทำงานต่างๆในปัจจุบันไม่แปลกใจว่าปัญหาการว่างงานและการหางานของประชากรในประเทศยังคงมีอยู่เรื่อยๆ ไม่ว่าบุคคลในวุฒิการศึกษาใดๆ คำว่า "ไม่เลือกงาน" จึงเกิดขึ้นภายใต้ปัญหาการหางานของคนในสังคม ทุกปีบัณฑิตจบจากมหาวิทยาลัยอยู่เรื่อยๆหากเรียนในสาขาวิชาที่ดีย่อมมีโอกาสทำงานได้ดีหากเรียนในสาขาวิชาที่ไม่ได้เน้าทางอาชีพอย่างชัดเจนย่อมหางานยากและปัจจัยสำคัญอาจเชื่อมโยงไปถึงระบบเศรฐกิจการปกครองของประเทศที่ยังไม่ได้พัฒนาคุณภาพความเป็นอยู่ของประชากรให้เกิดความเป็นอยู่ดีเท่าที่ควร ทั้งนี้ที่กล่าวมาทั้งหมดมาจากความคิดความเข้าใจของผม อันมีทั้งคำถาม ความคิดทัศนคติ มุมมอง ขอความกรุณผู้อ่านพิจรณาให้คำชี้แนะด้วยครับ หากผิดพลาดหรือบกพร่องอย่างไรก็ขออภัยด้วยครับ ขอความกรุณาให้ความคิดเห็นกันอย่างสุภาพร่วมแก้ไขปัญหา ขอบคุณครับ