เชียงใหม่-นำชมสถูปบรรจุอัฐิครูบาศรีวิชัย วัดหมื่นสาร ถนนวัวลาย ตำบลหายยา อำเภอเมือง


จากกระทู้ที่แล้ว ได้พามารู้จักกับเรื่องราวของเสือเยน ณ วัดหมื่นสาร ย่านวัวลายนี้ ซึ่งที่ด้านหน้าของเจดีย์
ซึ่งเป็นที่กล่าวไว้ในกระทู้ที่แล้วว่ามีตำนานเสือเยนลงเหลืออยู่ที่นี่ 
แต่ก็นึกได้ว่า ยังมีสิ่งที่น่าสนใจอีกสิ่งหนึ่ง นั่นก็คือ "สถูปบรรจุอัฐิครูบาศรีวิชัย" ว่าทำไมถึงมีอยู่ ณ ที่แห่งนี้ และมีความเป็นมาอย่างไร
จึงขอนำมากล่าวไว้ในกระทู้นี้ครับ

... ครูบาศรีวิชัย (พ.ศ.๒๔๒๑-๒๔๘๑) ถือเป็นพระสัมมาปฏิบัติที่มีชื่อเสียงของล้านนา 
ได้รับการศรัทธายกย่องจากพุทธศาสนิกชนชาวล้านนาอย่างมากทั้งในช่วงที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ และแม้เมื่อท่านมรณภาพไปแล้ว 
ด้วยบุคลิกที่อ่อนน้อมถ่อมตน ไม่หลงในลาภสักการะ เป็นพระนักปฏิบัติ 
ทำให้ท่านเป็นศูนย์รวมจิตใจของพุทธศาสนิกชนทั้งชาวไทยล้านนา พม่า ต่องซู่ มอญ จีน ญวน ลาว 
ตลอดรวมถึงบรรดาชาวเขาที่อาศัยอยู่ในเขตพื้นที่ภาคเหนือและในเขตประเทศเพื่อนบ้าน 
เช่น ขมุ ลัวะ กะเหรี่ยง ม้ง มูเซอ ซึ่งต่างยกย่องท่านเป็น "ตนบุญแห่งล้านนา"

...ในช่วงที่ครูบาศรีวิชัยยังมีชีวิตอยู่ ท่านได้สร้างผลงานที่เป็นสิ่งก่อสร้างถาวรวัตถุในพุทธศาสนาไว้มากมาย
ด้วยแรงศรัทธาของมวลชนที่มีต่อครูบาศรีวิชัย ที่สำคัญได้สร้างถนนขึ้นสู่วัดพระธาตุดอยสุเทพระยะทาง ๑๒ กิโลเมตร
โดยใช้เวลาเพียง ๕ เดือน กับ ๒๒ วัน โดยเริ่มลงจอบวันที่ ๙ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๗๗ เสร็จวันที่ ๓๐ เมษายน พ.ศ.๒๔๗๘
(สมหมาย เปรมจิตต์, ประวัติครูบาศรีวิชัย. เชียงใหม่ : โรงพิมพิ์มิ่งเมือง ๒๕๔๓ หน้า ๔๖-๕๒)
ครูบาศรีวิชัยมรณภาพ เมื่อวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ปลายปี พ.ศ.๒๔๘๑ (ขณะนั้นนับ ๑ เมษายน เป็นปีใหม่)
รวมอายุได้ ๖๐ ปี ๘ เดือน ๑๐ วัน ณ วัดบ้านปาง จังหวัดลำพูน
และมีงานพระราชทานเพลิงศพช่วงหลังสงครามโลกคือเมื่อ ๒๑ มีนาคม พ.ศ.๒๔๘๙ ที่วัดจามเทวี
มีพระพิมลธรรมวัดมหาธาตุ กรุงเทพฯ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ 
พลเอกพระยาพหลพลพยุหเสนาอดีตนายกรัฐมนตรีเป็นประธานฝ่ายฆราวาส

...หลังจากงานพระราชทานเพลิงศพแล้ว คณะกรรมการจัดงานเห็นว่าเมื่อครั้งครูบาศรีวิชัยมีชีวิต
ได้บำเพ็ญกรณียกิจในภาคเหนือหลายจังหวัดจึงมีมติแบ่งอัฐิครูบาศรีวิชัยเป็นส่วนๆ มีอย่างน้อย ๒ ที่มาที่ต่างกัน คือ
(ก) ที่ว่าแบ่งเป็น ๖ ส่วนแบ่งให้
      ๑. จังหวัดลำพูน บรรจุไว้ที่วัดจามเทวี
      ๒. จังหวัดลำปาง บรรจุไว้ที่วัดพระบาทและวัดพระแก้วดอนเต้า
      ๓. จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อบรรจุไว้ที่วัดสวนดอก
      ๔. จังหวัดเชียงราย บรรจุไว้ที่วัดพระเจ้าตนหลวง พะเยา
      ๕. จังหวัดแพร่บรรจุไว้ที่วัดพระธาตุช่อแฮ
      ๖. ให้วัดบ้านปาง อำเภอลี้ ลำพูน ถิ่นกำเนิดของครูบาศรีวิชัย
          (พระครูพุทธิธรรมโสภิต ประวัติวัดพระบาทและประวัติพระครูบาเจ้าศรีวิชัย ลำปาง : วัดพระบาท 
            ต.พระบาท อ.เมืองลำปาง จ.ลำปาง ๒๕๓๐ หน้า ๓๑)
(ข) ที่ว่าแบ่งเป็น ๔ ส่วนแบ่งให้
      ๑. ให้ชาวอำเภอลี้ นำไปบรรจุวัดบ้านปาง
      ๒. บรรจุสถูปที่วัดจามเทวี ลำพูน
      ๓. มอบให้นายอินทร์ วิลเลี่ยม สานุศิษย์นำไปบรรจุที่วัดสวนดอก เชียงใหม่
      ๔. มอบให้ผ้าขาวดวงต๋า สานุศิษย์นำไปไว้ที่ดอยโง้ม สันกำแพง
          (บุรี รัตนา พระประวัติอภินิหารพระเครื่องครูบาศรีวิชัย นักบุญแห่งลานนาไทย กรุงเทพฯ 
            ผ่านฟ้าพาณิชย์ มปป. หน้า ๑๑๗-๑๑๘)
...อย่างไรก็ดีในส่วนของจังหวัดเชียงใหม่ ชาวบ้านในชุมชนวัดหมื่นสาร เล่ากันสืบต่อมาว่าขณะที่มี
การพระราชทานเพลิงศพครูบาศรีวิชัยที่ลำพูนนั้น ครูบาขาวปีหรือครูบาอภิชัย (พ.ศ.๒๔๓๒-๒๕๒๐)
ซึ่งเป็นศิษย์เอกของครูบาศรีวิชัยมา "นั่งหนัก" เพื่อบูรณะวิหารวัดหมื่นสาร 
ร่วมกับครูบาอินตา อินทปฺญโญ อดีตเจ้าอาวาสวัดหมื่นสารและเจ้าคณะตำบลหายยาเมื่อประมาณปี พ.ศ.๒๔๘๙-๒๔๙๒
(นั่งหนัก เป็นภาษาล้านนา หมายความว่า การนั่งรับบริจาคทุนทรัพย์จากผู้มีจิตศรัทธา
      เพื่อใช้ในการบูรณะปฏิสังขรณ์ปูชนียสถาน ณ วัดใดวัดหนึ่ง ในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง)
...เมื่อมีการแบ่งอัฐิครูบาศรีวิชัยนั้น ครูบาขาวปีกับนายอินทร์ ดำรงฤทธิ์ หรือ
นายอินทร์ วิลเลี่ยม (ลูกเลี้ยงของนายวิลเลี่ยม เบน ผู้จัดการบริษัทบอร์เนียวเชียงใหม่) นำขบวนไปรับด้วย "สลุงหามปัน"
นำกลับมาถึงวัดหมื่นสารเวลาค่ำ จึงเก็บอัฐิครูบาศรีวิชัยไว้ที่ปะรำของครูบาขาวปี ระหว่างนั้นนายอินทร์ได้สร้างตลับนาก
โดยจ้างลุงแก้วมโน พ่อของนางบัวเขียว วงศ์เลิศ ทำตลับเพื่อบรรจุอัฐิ 
ต่อมานายป้อม เทพมงคล ให้ทำโกฏิเงินเพื่อบรรจุตลับนากอีกชั้นหนึ่ง โดยจ้างนายอินตา เทพมงคล หลายชายเป็นช่าง
...ต่อมาประมาณปี พ.ศ.๒๔๙๒ ได้มีการอัญเชิญอัฐิครูบาศรีวิชัยจากวัดหมื่นสารเพื่อไปไว้ที่วัดสวนดอกตามวัตถุประสงค์เดิม
โดยในวันนั้นได้มีการจัดขบวนแห่อัญเชิญอัฐิโดยตั้งขบวนจากสถานีรถไฟ เพื่อเคลื่อนไปยังวัดสวนดอก
ส่วนผู้ที่ทำหน้าที่อัญเชิญอัฐิครูบาศรีวิชัย ทางครูบาขาวปี ครูบาอินตา พระสงฆ์และคณะกรรมการวัดหมื่นสาร
ต่างเห็นพ้องกันว่าควรเป็นคนหนุ่มบ้านวัวลาย ซึ่งเป็นผู้ประพฤติตนอยู่ในศีลธรรม
และได้เลือก นายสิงห์คำ กาวิละ ช่างเงินบ้านวัวลาย ขณะอายุ ๑๖ ปี เป็นผู้อัญเชิญผอบบรรจุอัฐิ
ระหว่างทางที่เคลื่อนขบวนไปวัดสวนดอก ได้มีพุทธศาสนิกชนเข้าร่วมขบวนแห่และประพรมน้ำขมิ้นส้มป่อยตลอดสองข้างทาง
...เมื่อขบวนแห่มาถึงวัดสวนดอก จึงได้อัญเชิญอัฐิครูบาศรีวิชัยลงใส่ไว้ในสถูป ซึ่งมีช่องที่สามารถเปิด-ปิดได้
ระหว่างนั้นทางวัดสวนดอกได้จัดงานมหรสพฉลองสมโภชเป็นเวลา ๑๕ วัน ๑๕ คืน
โดยนายอินทร์เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด
...อย่างไรก็ตามในการอัญเชิญอัฐิธาตุครูบาศรีวิชัยในครั้งนั้น เป็นช่วงที่วัดสวนดอกยังไม่มีเจ้าอาวาส
จึงขาดผู้นำที่จะดูแลรักษาอัฐิ กอปรกับเวลานั้นครูบาขาวปี และนายอินทร์ ดำรงฤทธิ์ เจ้าของผอบ
มีเรื่องบาดหมางใจกัน นายอินทร์ ดำรงฤทธิ์ จึงอัญเชิญอัฐิครูบาศรีวิชัยมามอบให้ครูบาอินตา 
เจ้าอาวาสวัดหมื่นสารและเจ้าคณะตำบลหายยาเก็บรักษาไว้ตามเดิม

...ครั้นเวลาล่วงผ่านไป ๗ ปี ไม่มีผู้ใดมาติดตามทวงคืน ทางครูบาอินตาเจ้าอาวาสวัดหมื่นสารและเจ้าคณะตำบลหายยา
เกรงว่าจะไม่ปลอดภัย จึงมอบหมายให้นายน้อยป้อม เทพมงคล ร่วมกับนายอินตา เทพมงคล
สร้างกู่บรรจุอัฐิครูบาศรีวิชัยที่วัดหมื่นสาร คณะศรัทธาวัดหมื่นสาร ได้ร่วมแรงร่วมใจกันบริจาคเงินสำหรับก่อสร้างสถูป
และก่อสร้างจนแล้วเสร็จ ทำพิธีบรรจุเมื่อวันที่ ๒๘ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๙๖

          <<<   ขอเพิ่มเติมภาพอันเกี่ยวกับครูบาศรีวิชัย   >>>

ปราสาทไม้สักบรรจุศพครูบาศรีวิชัย (ภาพจากหนังสือตนบุญล้านนา ประวัติครูบา ฉบับอ่านม่วน ๒)

โกฏิพระราชทาน งานพระราชทานเพลิงศพครูบาศรีวิชัย (ภาพจากหนังสือประวัติครูบาศรีวิชัย)

.....................................................................
<<< บันทึกท้ายกระทู้ >>>
.....................................................................
วัดหมื่นสาร เป็นวัดที่มีเรื่องราวต่างๆ มาอย่างเนิ่นนาน แต่กลับกลายเป็นเรื่องราวที่ถูกลืมเลือนไป
ผมเองจึงอยากหยิบยกเรื่องราวต่างๆ เหล่านี้ เพื่อถ่ายทอดให้ผู้คนรุ่นหลังๆ ทราบว่า แต่เดิมวัดหมื่นสารมีความน่าสนใจในอดีตอย่างไร

สำหรับเรื่องของ "นายวิลเลี่ยม เบน ผู้จัดการบริษัทบอร์เนียวเชียงใหม่" เป็นผู้ที่มีความสำคัญในหลายๆ เรื่องทางด้านประวัติศาสตร์
ของชาวเชียงใหม่ ซึ่งผมได้เคยโพสไว้ในกระทู้เก่าๆ เพราะคนเก่าๆ จะเรียกท่านว่า "คุณตาแจ๊ค"
ท่านเป็นผู้ริเริ่มก่อตั้ง "พิพิธภัณฑ์วัดเกตการาม" นั่นเองครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่