JJNY : ขึ้นราคาทุกอย่าง ผลพวงน้ำมันแพง│ อ.จุฬาฯโต้'อภิสิทธิ์'│ร้านเจ้โอเตรียมขึ้นราคามาม่า│"พรรณิการ์"จี้"อัศวิน"ปมเขต

ขึ้นราคาทุกอย่าง แก๊ส ไฟฟ้า อาหาร ผลพวงน้ำมันแพงพ่นพิษ
https://www.pptvhd36.com/news/เศรษฐกิจ/171240
 
 
เริ่ม 1 พ.ค. 65 ไม่เฉพาะน้ำมันดีเซลที่ขึ้น 2 บาทต่อลิตร แต่ยังรวมถึงราคาแก๊สหุงต้ม ก็ปรับขึ้นอยู่ที่ 348 บาทต่อถัง ค่าไฟฟ้าขยับอยู่ที่หน่วยละ 4 บาท ประชาชนบ่น "แพงทั้งแผ่นดิน"

1 พฤษภาคม 2565 ที่ผ่านมา ไม่ใช่เฉพาะราคาน้ำมันดีเซลที่ขึ้นราคา 2 บาทต่อลิตร ราคาแก๊สหุงต้ม ก็ปรับขึ้นมาอยู่ที่ 348 บาทต่อถัง ค่าไฟฟ้าปรับขึ้นอยู่ที่หน่วยละ 4 บาท ทำให้ประชานชนต่างบ่นกันว่าของแพงทั้งแผ่นดิน ประชาชนบางคนโทรร้องเรียนกระทรวงพาณิชย์ แต่กลับได้รับคำตอบว่าให้ทนไป เพราะราคาเป็นไปตามตลาดโลก

เสียงสะท้อนของประชาชนที่ไปจับจ่ายซื้อของที่ตลาสด บอกว่า ของทุกอย่างแพงมาก ขึ้นเป็นรายวันเลย ขึ้นอย่างละ 1-2 บาท คนบริโภคก็ลดปริมาณลง จากเคยกิน 2 จานก็เหลือจานเดียว เคยซื้อทีละมาก ๆ ก็ต้องลดน้อยลง
 
เพราะเงิน 1,000 บาท แทบซื้ออะไรไม่ได้เลย เงินมันหายากมาก แต่เข้าใจคนขายของ เขาเองก็คงลำบาก เพราะต้นทุนของทุกอย่าง
มันแพงมาก หากขึ้นราคามากเราก็ซื้อไม่ไหวเช่นกัน ซึ่งเคยหวังกับกระทรวงพาณิชย์ให้คุมราคาสินค้า แก้ไขปัญหาของแพง หรือช่วยออกมาตรการอะไรบ้าง เคยแจ้งไปแล้วก็ไม่เคยมีอะไรดีขึ้นเลย
 
ขณะที่พ่อค้า-แม่ขาย ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า สินค้าหลายอย่างปรับขึ้นราคาไปก่อนที่ราคาน้ำมันขึ้น พอรัฐบาลลอยตัวราคาน้ำมันดีเซล ค่าขนส่งประกาศขึ้น ก็ปรับขึ้นอีกรอบ ทำให้ต้นทุนของที่นำมาขายของทุกวันนี้แทบไม่เหลือกำไร ทำได้แค่พอเลี้ยงตัวไปได้วัน ๆ เท่านั้น บางร้านพออยู่ได้เพราะมาขายเอง ไม่มีลูกน้อง เพราะหากต้องแบกค่าแรงลูกจ้างก็คงไม่เหลือ 
 
สำหรับการลงพื้นที่สำรวจราคาสินค้าที่ตลาดห้วยขวาง ของผู้สื่อข่าวพีพีทีวี วันนี้ พบว่า ปรับราคาขึ้นกันยกแผง ไล่เรียงตั้งแต่ ซอสปรุงรส ปรับขึ้นขวดละ 5 บาท น้ำมันหอย ขึ้นขวดละ 5-10 บาท น้ำมันพืชปรับขึ้นมา 2-3 รอบ ซึ่งรอบนี้ขึ้นอีก 2 บาทต่อขวด กระทั่งกะปิ ที่ไม่เคยปรับขึ้นมาก่อน รอบนี้ก็ขึ้นราคาด้วย 3 บาทต่อกระปุก หรืออาหารสดอย่าง ไข่ไก่ ขึ้นแผงละ 3 บาท เนื้อหมูปรับขึ้นอีกแล้วกิโลกรัมละ 2-4 บาท ทำให้ราคาเฉลี่ยอยู่ที่กิโลกรัมละ 190-200 บาท และอาหารแห้งอย่างปลากระป๋อง ตอนนี้ขึ้นราคาแพ็คละ 5-10 บาท
  
ด้านสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) ได้แจ้งเลื่อนการแถลงข่าวเพื่อสร้างความเข้าใจการปรับราคาน้ำมันดีเซล ที่เดิมกำหนดจะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ ออกไปแบบไม่มีกำหนด หลังจากเมื่อวานนี้ ราคาดีเซลปรับขึ้นจาก 30 บาท เป็น 32 บาทต่อลิตร โดยกำหนดเพดานราคาไม่เกิน 35 บาทต่อลิตร โดยจะพิจารณาราคาน้ำมันโลกทุกสัปดาห์ หากราคาน้ำมันตลาดโลกมีการปรับลดลง จะมีการปรับเงินอุดหนุนและปรับเพดานราคาลดลงตาม แต่หากปรับราคาขึ้นจะขยับเป็นขั้นบันไดสัปดาห์ละ 1 บาท ราคามีผลทุกวันจันทร์ของสัปดาห์ เบื้องต้นกำหนดโครงสร้างดังนี้
   
•  1 พฤษภาคม 2565 ราคา 32 บาทต่อลิตร
•  9 พฤษภาคม 2565  ราคา 33 บาทต่อลิตร
• 16 พฤษภาคม 2565 ราคา 34 บาทต่อลิตร 
• 23 พฤษภาคม 2565 ราคา 35 บาทต่อลิตร
 

 
อ.จุฬาฯ โต้ 'อภิสิทธิ์' ปมเงื่อนไขรัฐประหาร ชี้ไม่ใช่ข้ออ้างทำผิดกฎหมาย
https://www.khaosod.co.th/politics/news_7028890
 
อ.จุฬาฯ โต้ ‘อภิสิทธิ์’ ปมเงื่อนไขรัฐประหาร ชี้ไม่ใช่ข้ออ้างทำผิดกฎหมาย ยันถ้าอนุญาตเช่นนั้นย่อมเป็นการอนุญาตให้เข้าทำลายหลักนิติธรรม
 
วันที่ 3 พ.ค.65 ผศ.ดร.พรสันต์ เลี้ยงบุญเลิศชัย อาจารย์คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แสดงความคิดเห็น กรณี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ ตอนหนึ่งถึงพรรคเพื่อไทย ว่าไม่สามารถก้าวพ้นตระกูลชินวัตร ความว่า 
 
เรื่องระหว่างพรรคการเมืองนั้น ผมคงไม่ไปพูดถึง แต่ประเด็นสำคัญที่ทำให้ต้องอธิบายเพื่อให้ประชาชนได้เข้าใจอย่างถูกต้องนั้น คือ ประเด็นที่อดีตนายกฯ คุณอภิสิทธิ์กล่าวถึง “เงื่อนไขในการทำรัฐประหาร” ซึ่งเป็นประเด็นที่สำคัญอย่างมากในทางวิชาการด้านกฎหมายมหาชนและรัฐธรรมนูญ
  
คุณอภิสิทธิ์กล่าวทำนองว่า พฤติกรรมบางอย่างที่ฝืนหลักธรรมาภิบาลบ้าง กฎหมายบ้าง เอื้อประโยชน์พวกพ้องบ้าง จะเป็นเงื่อนไขนำไปสู่การทำรัฐประหารได้ ด้วยความเคารพ คำกล่าวเช่นนี้ขัดแย้งต่อหลักการ ผมไม่อาจเห็นพ้องด้วย
 
จริงอยู่ว่า การกระทำที่คุณอภิสิทธิ์พูดมาทั้งหมดนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องตามหลักการและกฎหมายและผมเองก็ไม่เห็นด้วย แต่ในรัฐเสรีประชาธิปไตยภายใต้การปกครองที่มีรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุด ก็ “ย่อมไม่ใช่ข้ออ้างในการกระทำผิดกฎหมายเสียเอง” ด้วยการกระทำรัฐประหารฉีกรัฐธรรมนูญละเมิดต่อตัวบทกฎหมายต่างๆ
 
หากคุณอภิสิทธิ์สนับสนุนระบอบเสรีประชาธิปไตยและไม่เห็นด้วยกับการทำรัฐประหารจริงอาจต้องเข้าใจและพึงตระหนักอย่างยิ่งว่า ในรัฐเสรีประชาธิปไตยนั้น หลักนิติธรรม (Rule of Law) ถือเป็นหลักการที่คอยประคับประคองค้ำจุนให้ระบอบประชาธิปไตยดำรงคงอยู่ได้ โดย “หัวใจของหลักนิติธรรม” นั้นคือ “การให้ความสำคัญในเป้าหมายและวิธีการที่นำไปสู่เป้าหมายควบคู่กันไป” (The End cannot justify the means)
 
นั่นหมายถึง แม้จะปรากฏการกระทำที่ขัดต่อตัวบทกฎหมาย ไม่ถูกต้องกับหลักการก็ตามที แต่การเข้าไปแก้ไขปัญหาดังกล่าวก็ต้องเป็นวิธีการตามครรลองของกฎหมายและวิถีทางตามระบอบประชาธิปไตยด้วย หาใช่จะใช้วิธีการใดๆ ก็ได้ตามอำเภอใจเพียงแค่อ้างว่าตนเองเจตนาดีดังเช่นผู้ทำรัฐประหารที่กล่าวอ้างเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับตนเองอยู่เสมอในทุกๆ ครั้ง
 
ดังนั้น อาจกล่าวแบบสรุปสั้นๆ ได้ว่า ในรัฐเสรีประชาธิปไตยนั้น “ไม่มีข้ออ้าง หรือเงื่อนไขใดๆ สำหรับการกระทำที่ผิดกฎหมายอย่างการทำรัฐประหารครับ” เพราะหากเราอนุญาตเช่นนั้นย่อมเป็นการอนุญาตให้เข้าทำลายหลักนิติธรรมที่ถือหลักการปกครองด้วยตัวบทกฎหมายให้สูญสิ้นไปเสียเอง อันเป็นการบ่อนทำลายระบอบประชาธิปไตยให้ต้องสูญสลายลงไปพร้อมกันด้วย
 
อนึ่ง เรื่องระบบของการตรวจสอบถ่วงดุลเพื่อการรับผิดชอบทางด้านการเมืองและกฎหมายในประเทศไทย ณ ปัจจุบันที่คุณอภิสิทธิ์กล่าวถึงนั้นก็มีปัญหาอย่างมาก
 
ทั้งนี้มีสาเหตุหลักมาจากระบอบรัฐธรรมนูญปัจจุบัน (และที่ผ่านมา) ที่มีการร่าง หรือออกแบบมาอย่างไม่ถูกต้องตามหลักการที่ควรจะเป็น ซึ่งเรื่องนี้คงต้องอธิบายกันยาวครับ

https://www.facebook.com/pornson.liengboonlertchai/posts/10160290230820979
  

 
เกินรับไหว 'ร้านเจ้โอ' เตรียมขึ้นราคามาม่าโอ้โห เหตุวัตุดิบแพง ปรับราคาในรอบ 7 ปี
https://ch3plus.com/news/economy/ch3onlinenews/289426

เกินรับไหว 'ร้านเจ้โอ' เตรียมขึ้นราคามาม่าโอ้โห 8 พ.ค. นี้ เหตุวัตุดิบแพง ขอบคุณลูกค้า จำเป็นต้องปรับราคาในรอบ 7 ปี
 
สถานการณ์เศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา มีการปรับขึ้นราคาสินค้าหลายรายการ ทำให้ผู้ค้าขายหลายรายจำเป็นต้องปรับราคาเพื่อความอยู่รอด
 
ล่าสุด เพจเฟซบุ๊ก ‘ร้านเจ้โอว’ ร้านอาหารชื่อดังย่านจุฬาฯ โพสเฟซบุ๊ก แจ้งลูกค้าว่า มีการปรับขึ้นราคาเมนูดังประจำร้าน อย่าง เมนูมาม่าโอ้โห โดยระบุข้อความว่า
 
“ต้องขอขอบคุณลูกค้าทุกท่านที่ให้การสนับสนุนเมนูมาม่าโอ้โหมาในระยะเวลา 7 ปีที่ผ่านมาค่ะ
   
ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันราคาวัตถุดิบต่างๆได้มีการปรับราคาขึ้น
ทางร้านจึงขอแจ้งให้ลูกค้าทราบ ในการปรับราคาเมนูมาม่าโอ้โห
 
เริ่มตั้งแต่วันที่ 8 พฤษภาคม 2565
1.มาม่าโอ้โหหมูสับ 150 บาท
2.มาม่าโอ้โหหมูกรอบ 150 บาท
3.มาม่าโอ้โหทะเล.220 บาท
4.มาม่าโอ้โหรวม 300 บาท
5.มาม่าโอ้โหกรรเชียปู 640 บาท
6.มาม่าโอ้โหกรรเชียงปูรวม 850 บาท”
 
ครั้งนี้ ถือเป็นการปรับราคาเมนูอาหารดังกล่าวของทางร้านในรอบ 7 ปี ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ปรับขึ้นราคาเมนูปลาแซลม่อนมาก่อน ผลก็มาจากการที่ราคาวัตถุดิบแพงขึ้น สินค้าต้นทุนปรับขึ้นราคา บวกกับสถานการณ์เงินฝืดที่ไทยกำลังเผชิญ และผลของการปรับขึ้นราคา หนึ่งในนั้นก็เป็นผู้บริโภคที่ต้องรับมือ

https://www.facebook.com/RanCeXow/posts/5035379399851344
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่