ทหารยูเครนในเมืองมาริอูโปล เริ่มอพยพประชาชนออกจากโรงงานเหล็ก ซึ่งเป็นที่มั่นสุดท้ายในเมืองแห่งนี้ที่ยังไม่ถูกรัสเซียยึดครองแล้ว หลังเจรจาหยุดยิงเพื่อเปิดทางอพยพสำเร็จ
สำนักข่าว ซีเอ็นเอ็น รายงานว่า ร้อยเอก สเวียโตสลาฟ ปาลามาร์ รองผู้บัญชาการกองกำลังอะซอฟ ในเมืองมาริอูโปล ยืนยันว่า พวกเขาเริ่มอพยพประชาชนจำนวนหนึ่งออกจากโรงงานเหล็ก ‘อะซอฟสตาล’ ซึ่งเป็นที่มั่นสุดท้ายในเมืองแห่งนี้ที่ยังไม่ถูกรัสเซียยึดครองแล้ว หลังจากทั้งสองฝ่ายเริ่มการหยุดยิงที่ล่าช้ากว่ากำหนดหลายชั่วโมง
ร้อยเอกปาลามาร์กล่าวว่า การหยุดยิงซึ่งควรจะเริ่มตั้งแต่เวลา 06.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น กลับเพิ่งเริ่มขึ้นในเวลา 11.00 น. “จนถึงตอนนี้ มันเป็นความจริง ทั้งสองฝ่ายทำตามข้อตกลงหยุดยิง” “เรารอขบวนรถอพยพมาตั้งแต่ 06.00 น. แต่รถเพิ่งมาถึงเมื่อ 18.25 น.”
“เราพาพลเรือน 20 คนที่เราช่วยออกมาจากซากปรักหักพังได้ไปยังจุดนัดพบ พวกเขาเป็นผู้หญิงและเด็ก เราหวังว่าคนกลุ่มนี้จะไปถึงจุดหมายที่ตกลงกันไว้ ซึ่งก็คือเมือง ซาโปริชเชีย ดินแดนที่ยังถูกควบคุมโดยยูเครน” ร้อยเอกปาลามาร์กล่าว เขายังหวังด้วยว่า กระบวนการนี้จะถูกขยายออกไปอีก เพื่ออพยพประชาชนที่เหลือ
“ในส่วนของผู้บาดเจ็บซึ่งต้องการการรักษาทางการแพทย์อย่างเร่งด่วนนั้น เรายังไม่แน่ใจว่าทำไมพวกเขาจึงไม่ได้รับการอพยพ และไม่มีการหารือเรื่องการอพยพพวกเขาไปยังดินแดนที่ยูเครนควบคุม” ร้อยเองปาลามาร์กล่าว “ผมขอเน้นย้ำว่าเราร้องขอให้รับประกันการอพยพไม่เพียงสำหรับประชาชน แต่รวมถึงทหารของเราที่บาดเจ็บและต้องการการรักษาด้วย”
ทั้งนี้ เชื่อกันว่ามีผู้คนจำนวนหลายร้อยหรืออาจจะถึงพันคน หลบอยู่ในโรงงานเหล็ก อะซอฟสตาล รวมถึงผู้บาดเจ็บจากการทิ้งระเบิดของรัสเซียในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยภาพถ่ายดาวเทียมล่าสุดแสดงให้เห็นว่า อาคารจำนวนมากของโรงงานแห่งนี้ถูกทำลายกลายเป็นซากแล้ว
https://www.thairath.co.th/news/foreign/2381597 
ยูเครนเริ่มอพยพ ปชช.จากโรงงานเหล็ก ที่มั่นสุดท้ายในมาริอูโปล
สำนักข่าว ซีเอ็นเอ็น รายงานว่า ร้อยเอก สเวียโตสลาฟ ปาลามาร์ รองผู้บัญชาการกองกำลังอะซอฟ ในเมืองมาริอูโปล ยืนยันว่า พวกเขาเริ่มอพยพประชาชนจำนวนหนึ่งออกจากโรงงานเหล็ก ‘อะซอฟสตาล’ ซึ่งเป็นที่มั่นสุดท้ายในเมืองแห่งนี้ที่ยังไม่ถูกรัสเซียยึดครองแล้ว หลังจากทั้งสองฝ่ายเริ่มการหยุดยิงที่ล่าช้ากว่ากำหนดหลายชั่วโมง
ร้อยเอกปาลามาร์กล่าวว่า การหยุดยิงซึ่งควรจะเริ่มตั้งแต่เวลา 06.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น กลับเพิ่งเริ่มขึ้นในเวลา 11.00 น. “จนถึงตอนนี้ มันเป็นความจริง ทั้งสองฝ่ายทำตามข้อตกลงหยุดยิง” “เรารอขบวนรถอพยพมาตั้งแต่ 06.00 น. แต่รถเพิ่งมาถึงเมื่อ 18.25 น.”
“เราพาพลเรือน 20 คนที่เราช่วยออกมาจากซากปรักหักพังได้ไปยังจุดนัดพบ พวกเขาเป็นผู้หญิงและเด็ก เราหวังว่าคนกลุ่มนี้จะไปถึงจุดหมายที่ตกลงกันไว้ ซึ่งก็คือเมือง ซาโปริชเชีย ดินแดนที่ยังถูกควบคุมโดยยูเครน” ร้อยเอกปาลามาร์กล่าว เขายังหวังด้วยว่า กระบวนการนี้จะถูกขยายออกไปอีก เพื่ออพยพประชาชนที่เหลือ
“ในส่วนของผู้บาดเจ็บซึ่งต้องการการรักษาทางการแพทย์อย่างเร่งด่วนนั้น เรายังไม่แน่ใจว่าทำไมพวกเขาจึงไม่ได้รับการอพยพ และไม่มีการหารือเรื่องการอพยพพวกเขาไปยังดินแดนที่ยูเครนควบคุม” ร้อยเองปาลามาร์กล่าว “ผมขอเน้นย้ำว่าเราร้องขอให้รับประกันการอพยพไม่เพียงสำหรับประชาชน แต่รวมถึงทหารของเราที่บาดเจ็บและต้องการการรักษาด้วย”
ทั้งนี้ เชื่อกันว่ามีผู้คนจำนวนหลายร้อยหรืออาจจะถึงพันคน หลบอยู่ในโรงงานเหล็ก อะซอฟสตาล รวมถึงผู้บาดเจ็บจากการทิ้งระเบิดของรัสเซียในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยภาพถ่ายดาวเทียมล่าสุดแสดงให้เห็นว่า อาคารจำนวนมากของโรงงานแห่งนี้ถูกทำลายกลายเป็นซากแล้ว
https://www.thairath.co.th/news/foreign/2381597