เราเป็นลูกชาวบ้านจนๆ แทบไม่มีตังค์เรียนหนังสือ บ้านไม่เคยมีรถแม้แต่มอไซ ลำบากสุด สอบติดมหาลัยในกทม. ย้ายมาอยู่หอ ทำงานไปด้วย
พอจบมามีโซเชียล เราก็ขยันเอาทุกทาง จนรายได้เป็นแสน ซื้อบ้านซื้อรถ (ไม่ต้องถามว่าทำอะไรนะ เราไม่ได้มาเนียนขายของ เราทำทุกอย่าง ขายของข้างถนนก็ทำมาแล้ว)
okชีวิตเหมือนจะสบาย ใช่ก็สบายตัวนะ แต่ไม่สบายใจ ในขณะทีเราเหนื่อย เราส่งเงินกลับไปให้คนที่บ้านหลักหมื่นทุกเดือน แต่เขาก็ไม่เคยพอใช้ เพราะเขาแทบไม่หาตังค์ ป่วยมาก็ไม่มีตังค์เราต้องออก เข้ารพ ทีเป็นแสน ประกันัชีวิตไม่รับทำเพราะเขาป่วยโรคแรงๆมานานละ
แล้วปัญหามันก็ซ้ำซาก เช่น ตับแข็ง แต่ก็ยังกินเหล้า
ขาหักแทบที่จะพักขา ก็เดินมันทั้งเฝือกทั้งวัน เดินเล่นไปเรื่อย จนกระดูกไม่เชื่อม มีปัญหา
รู้ตัวว่าเป็นมะเร็ง แต่ไปรับการรักษาไม่ครบ เชื่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้าง เป็นหนักๆ ถึงไป รพ.
เป็นเบาหวาน แต่กินน้ำแข็งใสทุกมื้อหลังอาหาร
คนที่บ้านออกจากบ้านไม่เป็นเลย คือถ้าไม่มีรถญาติมารับเขาก็ออกไปไหนไม่ได้อยู่ได้ในซอยนั้น
เราบินกลับไปบ้านแบบ หลังคาผุ แอร์เหม็นเน่า พัดลมฝุ่นจับจนแทบไม่มีลม ทั้งที่เราพึ่งติดให้ตอนปีใหม่ พี่น้องเราแต่ละคนที่อยู่ด้วยก็เหมือนกัน เขาก็อยู่แบบนั้น เต็มที่ก็ขี่จักรยานเป็น เป็นแรงงานรับทำงานแถวนั้น
เวลาพร้อมหน้าพร้อมตาอย่างกินอะไรขึ้นมาเราก็ต้องเป็นคนออก เงินในบัญชีของแต่ละคนมีไม่เคยเกิน3000 บาท พอคนรู้เรารายได้ดี ก็มาขอเราทุกเดือน อยากได้คอม อยากได้มือถือ เอาไว้ทำงาน เอาไว้เรียน เหมือนเป็นตู้ATM
เราเคยคิดว่าจะย้ายพวกเขามา กทม. ให้เห็นชีวิตดีๆบ้าง แต่เคยให้เขามาเที่ยวบ้านเรา คือพังเหมือนเขาก็ยังเป็นชาวบ้านเดิมๆ พื้นลามิเนตไม่รู้จัก SMART TV ไม่รู้จัก เครื่องซักผ้าฝาหน้ายังไม่รู้จัก มา2วัน ของพังไปรัวๆ รถเราเบาะหนังสีขาว ขึ้นมารอบเดียวคือสีกางเกงติด เสื้อสีตกใส่ พังไปหมด
เราเหนื่อยมากเลย ลึกๆเราก็คิดถึงเขานะ พวกเขาคือครอบครัว แต่เหมือนเขาเข้ากับเราไม่ได้เลย เงินก็ขอทุกเดือน ให้เดือนเป็นหมื่น หรือว่าจะหลับหูหลับตาให้เขาต่อไป แล้วคิดซะว่าเราตัวคนเดียว ไม่ต้องกลับไม่ต้องติดต่อกับเขาอีก
ชีวิตประสบความสำเร็จ รายได้เป็น100000 แต่ครอบครัวเป็นตัวถ่วงมากก จะทิ้งเขาไว้ที่เดิม แล้วเอาตัวรอดดีไหม
พอจบมามีโซเชียล เราก็ขยันเอาทุกทาง จนรายได้เป็นแสน ซื้อบ้านซื้อรถ (ไม่ต้องถามว่าทำอะไรนะ เราไม่ได้มาเนียนขายของ เราทำทุกอย่าง ขายของข้างถนนก็ทำมาแล้ว)
okชีวิตเหมือนจะสบาย ใช่ก็สบายตัวนะ แต่ไม่สบายใจ ในขณะทีเราเหนื่อย เราส่งเงินกลับไปให้คนที่บ้านหลักหมื่นทุกเดือน แต่เขาก็ไม่เคยพอใช้ เพราะเขาแทบไม่หาตังค์ ป่วยมาก็ไม่มีตังค์เราต้องออก เข้ารพ ทีเป็นแสน ประกันัชีวิตไม่รับทำเพราะเขาป่วยโรคแรงๆมานานละ
แล้วปัญหามันก็ซ้ำซาก เช่น ตับแข็ง แต่ก็ยังกินเหล้า
ขาหักแทบที่จะพักขา ก็เดินมันทั้งเฝือกทั้งวัน เดินเล่นไปเรื่อย จนกระดูกไม่เชื่อม มีปัญหา
รู้ตัวว่าเป็นมะเร็ง แต่ไปรับการรักษาไม่ครบ เชื่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้าง เป็นหนักๆ ถึงไป รพ.
เป็นเบาหวาน แต่กินน้ำแข็งใสทุกมื้อหลังอาหาร
คนที่บ้านออกจากบ้านไม่เป็นเลย คือถ้าไม่มีรถญาติมารับเขาก็ออกไปไหนไม่ได้อยู่ได้ในซอยนั้น
เราบินกลับไปบ้านแบบ หลังคาผุ แอร์เหม็นเน่า พัดลมฝุ่นจับจนแทบไม่มีลม ทั้งที่เราพึ่งติดให้ตอนปีใหม่ พี่น้องเราแต่ละคนที่อยู่ด้วยก็เหมือนกัน เขาก็อยู่แบบนั้น เต็มที่ก็ขี่จักรยานเป็น เป็นแรงงานรับทำงานแถวนั้น
เวลาพร้อมหน้าพร้อมตาอย่างกินอะไรขึ้นมาเราก็ต้องเป็นคนออก เงินในบัญชีของแต่ละคนมีไม่เคยเกิน3000 บาท พอคนรู้เรารายได้ดี ก็มาขอเราทุกเดือน อยากได้คอม อยากได้มือถือ เอาไว้ทำงาน เอาไว้เรียน เหมือนเป็นตู้ATM
เราเคยคิดว่าจะย้ายพวกเขามา กทม. ให้เห็นชีวิตดีๆบ้าง แต่เคยให้เขามาเที่ยวบ้านเรา คือพังเหมือนเขาก็ยังเป็นชาวบ้านเดิมๆ พื้นลามิเนตไม่รู้จัก SMART TV ไม่รู้จัก เครื่องซักผ้าฝาหน้ายังไม่รู้จัก มา2วัน ของพังไปรัวๆ รถเราเบาะหนังสีขาว ขึ้นมารอบเดียวคือสีกางเกงติด เสื้อสีตกใส่ พังไปหมด
เราเหนื่อยมากเลย ลึกๆเราก็คิดถึงเขานะ พวกเขาคือครอบครัว แต่เหมือนเขาเข้ากับเราไม่ได้เลย เงินก็ขอทุกเดือน ให้เดือนเป็นหมื่น หรือว่าจะหลับหูหลับตาให้เขาต่อไป แล้วคิดซะว่าเราตัวคนเดียว ไม่ต้องกลับไม่ต้องติดต่อกับเขาอีก