JJNY : เพื่อไทยซัดคนละครึ่งส่อพัง!│แพงก็ต้องเติม ชาวบ้านแห่เติมน้ำมัน│3ส.อสังหาตื๊อลดภาษีที่ดิน│กก.ตั้งรองเลขาฯ 4 ด้าน

เพื่อไทยซัด คนละครึ่งส่อพัง! ปมถูกขูดภาษีไม่เป็นธรรม
https://www.posttoday.com/politic/news/681857
 
 
รองโฆษกเพื่อไทย"ชนินทร์" ชี้"คนละครึ่ง"ส่อพังไม่เป็นท่า หลังผู้ค้าแห่ถอนตัว โดนขูดรีดภาษีไม่เป็นธรรม
 
นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสในโซเชียลมีเดียที่ร้านค้าจำนวนไม่น้อยแห่กันงดรับการจ่ายเงินผ่านโครงการคนละครึ่ง ตลอดจนระบบการจ่ายเงินผ่าน e-wallet หรือกระเป๋าตังค์ของรัฐ เหตุเพราะโดนเรียกเก็บภาษีรายได้บุคคลธรรมดาย้อนหลังจำนวนมากว่า กรณีนี้สะท้อนให้เห็นว่าพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ไม่เข้าใจปัญหาความขัดสนของประชาชนอย่างแท้จริง ภายใต้บรรยากาศเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ ค่าครองชีพพุ่งสูง ประชาชนจำนวนมากรายได้ตกต่ำ ตกงานและยังว่างงานระยะยาวอยู่จำนวนไม่น้อย พลเอกประยุทธ์ควรคิดผ่อนคลายมาตรการทางภาษี เพื่อส่งเสริมการทำธุรกิจ สร้างอาชีพ ไม่ใช่คิดรีดเลือดกับปู หวังกอบโกยรายได้ภาษีน้อยนิดจากพ่อค้าแม่ค้าที่หมดทางทำมาหากินต้องพึ่งพาการกระตุ้นกำลังซื้อผ่านมาตรการคนละครึ่งของรัฐ เสมือนรัฐบาลที่ถังแตกอับจนหนทาง คิดสร้างเศรษฐกิจใหม่ไม่เป็น จนต้องขูดรีดจากประชาชนที่แร้นแค้น
 
นายชนินทร์ กล่าวว่า การที่รัฐบาลมีความพยายามนำผู้ประกอบธุรกิจในระดับต่างๆเข้าสู่ระบบ เพื่อให้เสียภาษีรายได้อย่างถูกต้อง เป็นเรื่องที่ควรทำ แต่ต้องเลือกเวลาที่เหมาะสมกับสถานการณ์เศรษฐกิจและภาวะสังคมในขณะนี้ด้วย รวมทั้งให้ความรู้ประชาชนควบคู่กันไป
 
ทั้งนี้ปัจจุบันมีผู้ลงทะเบียนในระบบจำนวนไม่น้อยที่ต้องเสียภาษีบนฐานคิดรายได้ของบุคคลธรรมดา ซึ่งแตกต่างจากการคิดแบบนิติบุคคลที่เสียภาษีจากฐานกำไร ทำให้เกิดการเรียกจ่ายภาษีที่สูงเกินกว่าผู้ประกอบการจะรับไหว อีกทั้งแม่ค้าบางรายที่ไม่เคยเสียภาษีมาก่อน ก็ไม่เคยมีความรู้เรื่องภาษีจึงไม่ได้มีการปรับราคารองรับภาระภาษีที่ต้องจ่ายภายหลัง จึงอยากให้พลเอกประยุทธ์เร่งเข้ามาทำความเข้าใจสถานการณ์ และหาทางบรรเทาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เช่น งดเว้นการเก็บภาษีรายได้จากธุรกรรมผ่านมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อไปก่อน หรือผ่อนคลายภาษีให้ผู้เข้าระบบใหม่ในช่วงแรกเพื่อให้เข้าใจโครงสร้างการเสียภาษีเพิ่มขึ้น เป็นต้น เพื่อประคองสถานการณ์ให้ผู้ซื้อและผู้ขายยังพอได้ประโยชน์จากโครงการของรัฐผ่านมาตรการเหล่านั้นบ้าง เพราะหากผู้ประกอบการยุติการจ่ายผ่านมาตรการของรัฐทั้งหมด เงินเยียวยากระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐเติมเข้ามือถือประชาชนก็จะเท่ากับกระดาษเปล่าไร้ราคา.
 
“สถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศไทย เข้าขั้นวิกฤติหนัก สิ้นเดือนเหมือนสิ้นใจ ประชาชนมีเงินไม่พอใช้ ประสบปัญหาค่าครองชีพสูง สินค้าแพงทุกหย่อมหญ้า หากพลเอกประยุทธ์ไม่เร่งแก้ไขปัญหาความสบายใจต่อการใช้จ่ายผ่านโครงการของรัฐ โครงการคนละครึ่งที่เป็นนโยบายที่เคยกู้หน้าได้โครงการเดียว คงพังไม่เป็นท่าในเฟสหน้า” นายชนินทร์กล่าว



แพงก็ต้องเติม ชาวบ้าน แห่นำรถไปเติมน้ำมัน ก่อนพรุ่งนี้ดีเซลปรับขึ้น 32 บาทต่อลิตร
https://www.matichon.co.th/economy/news_3317413

แพงก็ต้องเติม ชาวบ้าน แห่นำรถไปเติมน้ำมัน ก่อนพรุ่งนี้ดีเซลปรับขึ้น 32 บาทต่อลิตร
 
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 30 เมษายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศตามปั้มน้ำมันต่างๆในจังหวัดบึงกาฬ ยังมีประชาชนทยอยนำรถยนต์มาเติมน้ำมันตามปกติ หลังมีข่าวว่าจะมีการปรับราคาน้ำมันขึ้นอีก โดยเฉพาะน้ำมันดีเซล ที่จะขึ้นวันพรุ่งนี้ 32 บาท/ลิตร หลังจากนั้นทาง กบน. จะพิจารณาปรับราคาเป็นขั้นบันได เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดกับประชาชนต่อไป รวมถึงเพื่อให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเรื่องมาตรการลดค่าครองชีพประชาชนในส่วนที่เกี่ยวกับการตรึงราคาน้ำมันดีเซล

โดยภายในปั้มน้ำมันที่อยู่ในเขตเทศบาลเมืองบึงกาฬ ได้มีประชาชนทยอยนำรถยนต์ รถจักรยานยนต์ ออกมาเติมน้ำมันอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน และมีพ่อค้าแม่ค้าน้ำมันรายย่อย ตามหมู่บ้านต่างๆ นำถังน้ำมันใส่ท้ายรถมาเติมน้ำมัน เพื่อนำไปจำหน่ายต่อในหมู่บ้าน ทั้งน้ำมันดีเซล น้ำมันเบนซิน
 
โดยพ่อค้าน้ำมันรายย่อย รายหนึ่งกล่าวว่า ถึงแม้ราคาน้ำมันจะขึ้น แต่ก็ต้องเติมเพราะมันเป็นสิ่งที่จำเป็น แพงก็ต้องเติม มีรถไม่มีน้ำมัน จะใช้อะไร ไปไหนมาไหนก็ไม่ได้ มีผลกระทบก็ต้องได้ใช้เหมือนเดิม มันเป็นสินค้าที่จำเป็น

ขณะที่เจ้าของปั้ม บอกว่า ทางปั้มไม่มีการกักตุนน้ำมันแน่นอน เติมให้ลูกค้าทุกราย หากไม่ใช่ลูกค้าประจำ หรือซื้อน้ำมันมากจนเกินไป ก็จะไม่ขายให้ต้องดูเจตนาลูกค้า หากขายใส่ถังก็จะไม่เกินรายละ 1-2 ถัง(200ลิตร)หวั่นนำไปกักตุน



3สมาคมอสังหา ตื๊อ ”คลัง” ลดภาษีที่ดิน90% อีกครั้ง ผู้ประกอบการเลิกตุนแลนด์แบงก์ลดภาระ
https://www.matichon.co.th/economy/news_3316798

3สมาคมอสังหา ตื๊อ ”คลัง” ลดภาษีที่ดิน90% อีกครั้ง ผู้ประกอบการเลิกตุนแลนด์แบงก์ลดภาระ
 
นายมีศักดิ์  ชุนหรักษ์โชติ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย เปิดเผยว่า ในเดือนพฤษภาคมนี้สมาคมจะประชุมสมาชิกและภาคีในภูมิภาค 15 จังหวัด เพื่อรวบรวมผลกระทบการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างอัตรา100% เสนอให้กระทรวงการคลังและนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานพิจารณาขยายเวลาลด 90% หรือเก็บแบบขั้นบันไดอีกครั้ง เพราะยังมีบางธุรกิจที่ไม่ใช่เฉพาะอสังหาริมทรัพย์ยังได้รับผลกระทบจากโควิด วิกฤตเศรษฐกิจและสงครามรัสเซียกับยูเครนที่ยืดเยื้อ
 
“หากต้องจ่ายภาษีที่ดิน100% จะมีภาระเพิ่ม อยากให้รัฐพิจารณาเก็บบางธุรกิจที่ไม่ได้รับผลกระทบ เช่น อุตสาหกรรมที่ธุรกิจยังไปได้ดี และลดหย่อนให้บางธุรกิจ เมื่อได้ข้อมูลครบถ้วนแล้วเราจะยื่นพร้อมกับสมาคมอาคารชุดและสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร“นายมีศักดิ์กล่าว
 
นายมีศักดิ์กล่าวว่า ส่วนลกระทบภาษีที่ดินต่ออสังหาริมทรัพย์ คือ บ้านและคอนโดมิเนียมที่ค้างสต๊อกขายไม่หมด 3 ปี กับที่ดินเปล่ายังไม่พัฒนา ทำให้ผู้ประกอบการมีภาระด้านภาษีเพิ่มจากปัจจุบันต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ 3.3% ภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%  และค่าธรรมเนียมโอนกรรมสิทธิ์และนิติกรรม 2% และค่าจดจำนอง 1% โดยรัฐลดเหลือ 0.01%ถึง 31 ธันวาคม 2565 ซึ่งสินค้าค้างสต๊อกเกิน 3-10 ปี มีจำนวนมาก ตามกฎมายภาษีที่ดินใหม่จะเก็บตามมูลค่า จึงยังไม่ควรนำมาเป็นภาระช่วงที่ตลาดยังมีปัญหาการขาย
 
นายพีระพงศ์ จรูญเอก  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) และในฐานะนายกสมาคมอาคารชุดไทย กล่าวว่า สมาคมจะร่วมยื่นข้อเสนอให้รัฐขยายเวลาลดภาษีที่ดิน90% ออกไปอีก ทั้งนี้ในส่วนของออริจิ้นมีภาระภาษีที่ดินต้องจ่ายปีนี้ 4 ล้านบาท จากสต๊อกคอนโดมิเนียมยังเหลือขาย 2 พันยูนิตหรือ 8 พันล้านบาท ส่วนที่ดินเปล่าเมื่อซื้อแล้วจะนำมาพัฒนาขายใน 4-6 เดือน
  
นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า รัฐเก็บภาษีที่ดิน100% อาจกระทบต่อกำลังซื้อชะงักชั่วคราว เพราะอัตราภาษีที่เพิ่มทำให้ลูกค้าไม่กล้าซื้อที่อยู่อาศัย ส่วนซื้อเพื่อเก็งกำไร 2-3 ปีนี้เริ่มลดความร้อนแรง เพราะตลาดคอนโดมิเนียมยังไม่ฟื้นตัวดี จะมีตลาดเช่าที่กระทบบ้าง จากเดิมไม่เคยเสียภาษีต้องเสียภาษีอัตราที่อยู่อาศัย ทำให้มีภาระค่าใช้จ่ายเพิ่ม หากเจ้าของไม่รับภาระเอง อาจจะผลักภาระให้กับผู้เช่าต่อ ขณะที่ตลาดเช่าก็ไม่ค่อยดี เพราะต่างชาติยังไม่กลับมา ด้านผู้ประกอบการคงไม่ลดการซื้อที่ดิน แต่เปลี่ยนซื้อแล้วพัฒนาทันที ไม่ซื้อเก็บไว้ 2-3 ปีเป็นแลนด์แบงก์รอพัฒนา ส่วนเจ้าของที่ดินเริ่มนำมาออกมาขายมากขึ้น ทำให้ราคาไม่สูงเหมือน 5-6 ปีก่อน
 
นายวรสิทธิ์ โภคาชัยพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด(มหาชน)หรือMK  กล่าวว่า ปีนี้บริษัทมีภาระจ่ายภาษีที่ดิน 100% ประมาณ 2-5% จากที่ดินสนามกอล์ฟ 400 ไร่ และแลนด์แบงก์ 1,000 ไร่ มูลค่ากว่า 500 ล้านบาท โดยภาระที่เพิ่มไม่มีนัยสำคัญมาก ทั้งนี้มีแผนจะที่ดินยังไม่พัฒนาใน 2-3 ปีนี้ออกมาขาย ให้เกิดรายได้และลดภาระ เพราะทิศทางบริษัทจะลดความเสี่ยงการลงทุนธุรกิจอสังหาอยู่แล้ว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่