
มาเดินเล่นที่นี่จุดเด่นแรกเลยก็เห็นจะเป็น "เฮือนไทเขิน" นี่แหละครับ เหมือนสร้างไว้เป็นเกาะกลางถนนเลยทีเดียว

เมื่อมองจากด้านหน้าทางเข้าเฮือน เป็นอาคารสองชั้นสร้างด้วยไม้ทั้งหลัง แต่โครงสร้างบางส่วนเป็นแบบโครงเหล็ก

จุดเด่นที่ขาดไม่ได้ก็คือ บ่อน้ำ

หากพิจารณาจริงๆ แล้ว เฮือนหลังนี้ เป็นการสร้างที่เปลี่ยนแปลงไปบ้าง ไม่เหมือนของโบราณแต่ดั้งเดิม
นั่นก็คือ ช่องหน้าต่าง ไม่สามารถเลื่อนเปิด-ปิดได้ รวมไปถึง ราวกันตกที่ระเบียงก็เช่นกัน
ซึ่งประเด็นนี้ ผมเองก็ได้คุยกับผู้ที่ดูแลเฮือนหลังนี้ ก็ทราบว่า สร้างขึ้นมาเพื่อดำเนินการให้สอดคล้องกับกาดที่เปิด
คือสร้างแบบด่วนสักหน่อย

ทางเข้าเฮือน จะมีป้ายบอกว่า ที่นี่มีชุดให้เช่า เพื่อให้เหมาะสมกับการเดินเล่นในกาด (พร้อมถ่ายรูป) นั่นเอง

ผมสังเกตบานประตู ซึ่งเป็นบานเลื่อน ใช้รางเลื่อนแบบห้อยเป็นรางอลูมิเนียม ต่างกับเฮือนจาวเขินที่ทุ่งเสี้ยวที่ผมเคยโพสไว้แล้ว
เพราะที่นั่นจะเป็นรางเซาะร่อง เรียกว่า ที่ทุ่งเสี้ยวสร้างเฮือนแบบดั้งเดิมทีเดียวครับ

ด้านในชั้นล่างมีทั้งเสื้อผ้าให้เช่า และขาย ดูแล้วสวยงามมาก ด้วยเป็นงานฝีมือทั้งสิ้นครับ

เสื้อผ้าบางส่วน มีการพัฒนารูปแบบให้ทันสมัยมากตามสมัยนิยมครับ

เราไปชมเฮือนชั้นบนกันบ้างครับ บันไดสร้างด้วยไม้จริง บางส่วนเป็นไม้สัก แต่แหงนมองโครงหลังคา เป็นเหล็กกล่อง และกระเบื้องสมัยใหม่ซะแล้ว

ขึ้นมาก็จะเป็นส่วนชานพัก มีการจัดวางให้ชมดูโปร่งตา

มองจากชานพักชั้นบนของเฮือน ได้เห็นบ้านใกล้ๆ แต่ละหลังดูสะอาดสะอ้านมาก

สองข้างของถนนในชุมชน จะมีการจัดวางสินค้าสำหรับกาดวันอาทิตย์เท่านั้นครับ

เฮือนนี้ หรือที่ผู้แนะนำเล่าว่า เป็นพิพิธภัณฑ์ จะมีห้องจัดแสดงความเป็นอยู่ของจาวเขิน



ลวดลายของผ้าที่จัดแสดงนี้ ดูแล้วไม่เบื่อเลยครับ

ออกจากพิพิธภัณฑ์ ก็ไปเดินเล่นกาดจาวเขินกันเสียที

ผมสังเกตว่าจุดขายสินค้ามีเฉพาะช่วงหน้าทางเข้ากาด

แต่ตลอดทางที่เดินทางเข้ามาในชุมชน ผมสังเกตว่า ทุกๆ บ้านจะมีป้ายระบุว่า บ้านหลังนี้ทำอะไร หรือขายอะไร
และที่สำคัญก็วางสินค้าหรือของขายกันตามหน้าบ้านของตนเองมากกว่าที่จะมารวมกันที่กาด
ซึ่งเรื่องนี้ ประเด็นหนึ่งที่ชาวชุมชนพิจารณาก็คือ ไม่อยากขนย้ายข้าวของ อีกทั้งอากาศร้อน
อยากนั่งเล่นหน้าบ้านของตนเอง อีกทั้งสะดวกเรื่องไฟฟ้า ฯลฯ อีกด้วย (น่าจะเป็นเรื่องห้องน้ำ และการดูแลคนในบ้านด้วยครับ

งานผ้า ยังคงเป็นจุดเด่นของจาวเขิน ไม่ว่าจะไปที่ไหน จะเห็นงานผ้าที่สวยงามจากฝีมือจาวเขินครับ



กาดจาวเขินจริงๆ แล้วเหมือนเข้าไปเดินในบ้านทีเดียวครับ เพราะพื้นที่และตัวงาน อยู่ในพื้นที่เดียวกันนี้ทั้งหมดเลยครับ


เข้ามาก็จะเห็นร้านค้าเริ่มจัดวาง

จุดเด่นของกาดจาวเขินอีกจุดหนึ่งเมื่อเข้ามาก็จะเป็นร้านชานี่แหละครับ

จัดร้านไว้สำหรับนักท่องเที่ยวที่มาถ่ายรูปไว้หลายมุมทีเดียวครับ

ส่วนที่อยู่ด้านนอกอาคารก็จะกางร่มกันทั้งหมดครับ เน้นที่สีแดงด้วย


คนที่มาในงานมักจะแต่งตัวให้เข้ากับงานกาดจาวเขิน


มุมถ่ายรูปมีมากมายครับ



แหละนี่น่าจะเป็นแหล่งผลิตชาไปส่งที่ร้านด้านหน้ากาดครับ

ด้านหลังจะเป็นแปลงออร์กานิค







มีส่วนที่เป็น workshop


ส่วนนี้ดีนะครับที่ไม่มี "แมว" เพราะพื้นที่นี้เป็นงาน "DYE"

มองเห็นท่อน้ำ ยังกังวลว่า บำบัดน้ำอย่างไรจากงาน DYE


และสุดท้าย ผมไปเดินเล่นที่ไหนก็ชอบที่จะไปดูห้องน้ำ เพราะมันคือหัวใจสำคัญอย่างหนึ่ง ซึ่งกาดจาวเขินนี้
ก็จัดไว้อย่างสวยงาม สะอาดสะอ้านมากครับ
<<< บันทึกท้ายกระทู้ >>>
...กาดจาวเขิน...เป็นกาดเล็กๆ ภายในชุมชน อยู่นอกเมืองพอสมควร ทำให้หลายๆ ท่านเดินทางมาไม่สะดวก
ที่สำคัญการสร้างจุดดึงดูดเพื่อแข่งขันหรือเพื่อกระตุ้นให้ชุมชนมีส่วนร่วมมากขึ้นนั้น มันไม่สอดคล้องกับการทำ growth pole สักเท่าไร
เมื่อได้พูดคุยกับผู้ดูแล รวมไปถึงชาวชุมชน ก็ได้ความรู้สึกบางส่วน ดังที่กล่าวมาครับ
...กาดจาวเขินนี้เปิดทุกวันอาทิตย์ ๘.๐๐ - ๑๔.๐๐ น. แต่ความพร้อมจริงๆ น่าจะเป็นช่วงกลางวัน เพราะจะมีดนตรีเพิ่มเติมเข้ามา
เชียงใหม่-เดินเล่นกาดจาวเขินหรือตลาดของชาวไทยเขิน อยู่ในชุมชนวัดสันก้างปลา อำเภอสันกำแพง เชียงใหม่
มาเดินเล่นที่นี่จุดเด่นแรกเลยก็เห็นจะเป็น "เฮือนไทเขิน" นี่แหละครับ เหมือนสร้างไว้เป็นเกาะกลางถนนเลยทีเดียว
เมื่อมองจากด้านหน้าทางเข้าเฮือน เป็นอาคารสองชั้นสร้างด้วยไม้ทั้งหลัง แต่โครงสร้างบางส่วนเป็นแบบโครงเหล็ก
จุดเด่นที่ขาดไม่ได้ก็คือ บ่อน้ำ
หากพิจารณาจริงๆ แล้ว เฮือนหลังนี้ เป็นการสร้างที่เปลี่ยนแปลงไปบ้าง ไม่เหมือนของโบราณแต่ดั้งเดิม
นั่นก็คือ ช่องหน้าต่าง ไม่สามารถเลื่อนเปิด-ปิดได้ รวมไปถึง ราวกันตกที่ระเบียงก็เช่นกัน
ซึ่งประเด็นนี้ ผมเองก็ได้คุยกับผู้ที่ดูแลเฮือนหลังนี้ ก็ทราบว่า สร้างขึ้นมาเพื่อดำเนินการให้สอดคล้องกับกาดที่เปิด
คือสร้างแบบด่วนสักหน่อย
ทางเข้าเฮือน จะมีป้ายบอกว่า ที่นี่มีชุดให้เช่า เพื่อให้เหมาะสมกับการเดินเล่นในกาด (พร้อมถ่ายรูป) นั่นเอง
ผมสังเกตบานประตู ซึ่งเป็นบานเลื่อน ใช้รางเลื่อนแบบห้อยเป็นรางอลูมิเนียม ต่างกับเฮือนจาวเขินที่ทุ่งเสี้ยวที่ผมเคยโพสไว้แล้ว
เพราะที่นั่นจะเป็นรางเซาะร่อง เรียกว่า ที่ทุ่งเสี้ยวสร้างเฮือนแบบดั้งเดิมทีเดียวครับ
ด้านในชั้นล่างมีทั้งเสื้อผ้าให้เช่า และขาย ดูแล้วสวยงามมาก ด้วยเป็นงานฝีมือทั้งสิ้นครับ
เสื้อผ้าบางส่วน มีการพัฒนารูปแบบให้ทันสมัยมากตามสมัยนิยมครับ
เราไปชมเฮือนชั้นบนกันบ้างครับ บันไดสร้างด้วยไม้จริง บางส่วนเป็นไม้สัก แต่แหงนมองโครงหลังคา เป็นเหล็กกล่อง และกระเบื้องสมัยใหม่ซะแล้ว
ขึ้นมาก็จะเป็นส่วนชานพัก มีการจัดวางให้ชมดูโปร่งตา
มองจากชานพักชั้นบนของเฮือน ได้เห็นบ้านใกล้ๆ แต่ละหลังดูสะอาดสะอ้านมาก
สองข้างของถนนในชุมชน จะมีการจัดวางสินค้าสำหรับกาดวันอาทิตย์เท่านั้นครับ
เฮือนนี้ หรือที่ผู้แนะนำเล่าว่า เป็นพิพิธภัณฑ์ จะมีห้องจัดแสดงความเป็นอยู่ของจาวเขิน
ลวดลายของผ้าที่จัดแสดงนี้ ดูแล้วไม่เบื่อเลยครับ
ออกจากพิพิธภัณฑ์ ก็ไปเดินเล่นกาดจาวเขินกันเสียที
ผมสังเกตว่าจุดขายสินค้ามีเฉพาะช่วงหน้าทางเข้ากาด
แต่ตลอดทางที่เดินทางเข้ามาในชุมชน ผมสังเกตว่า ทุกๆ บ้านจะมีป้ายระบุว่า บ้านหลังนี้ทำอะไร หรือขายอะไร
และที่สำคัญก็วางสินค้าหรือของขายกันตามหน้าบ้านของตนเองมากกว่าที่จะมารวมกันที่กาด
ซึ่งเรื่องนี้ ประเด็นหนึ่งที่ชาวชุมชนพิจารณาก็คือ ไม่อยากขนย้ายข้าวของ อีกทั้งอากาศร้อน
อยากนั่งเล่นหน้าบ้านของตนเอง อีกทั้งสะดวกเรื่องไฟฟ้า ฯลฯ อีกด้วย (น่าจะเป็นเรื่องห้องน้ำ และการดูแลคนในบ้านด้วยครับ
งานผ้า ยังคงเป็นจุดเด่นของจาวเขิน ไม่ว่าจะไปที่ไหน จะเห็นงานผ้าที่สวยงามจากฝีมือจาวเขินครับ
กาดจาวเขินจริงๆ แล้วเหมือนเข้าไปเดินในบ้านทีเดียวครับ เพราะพื้นที่และตัวงาน อยู่ในพื้นที่เดียวกันนี้ทั้งหมดเลยครับ
เข้ามาก็จะเห็นร้านค้าเริ่มจัดวาง
จุดเด่นของกาดจาวเขินอีกจุดหนึ่งเมื่อเข้ามาก็จะเป็นร้านชานี่แหละครับ
จัดร้านไว้สำหรับนักท่องเที่ยวที่มาถ่ายรูปไว้หลายมุมทีเดียวครับ
ส่วนที่อยู่ด้านนอกอาคารก็จะกางร่มกันทั้งหมดครับ เน้นที่สีแดงด้วย
คนที่มาในงานมักจะแต่งตัวให้เข้ากับงานกาดจาวเขิน
มุมถ่ายรูปมีมากมายครับ
แหละนี่น่าจะเป็นแหล่งผลิตชาไปส่งที่ร้านด้านหน้ากาดครับ
ด้านหลังจะเป็นแปลงออร์กานิค
มีส่วนที่เป็น workshop
ส่วนนี้ดีนะครับที่ไม่มี "แมว" เพราะพื้นที่นี้เป็นงาน "DYE"
มองเห็นท่อน้ำ ยังกังวลว่า บำบัดน้ำอย่างไรจากงาน DYE
และสุดท้าย ผมไปเดินเล่นที่ไหนก็ชอบที่จะไปดูห้องน้ำ เพราะมันคือหัวใจสำคัญอย่างหนึ่ง ซึ่งกาดจาวเขินนี้
ก็จัดไว้อย่างสวยงาม สะอาดสะอ้านมากครับ
<<< บันทึกท้ายกระทู้ >>>
...กาดจาวเขิน...เป็นกาดเล็กๆ ภายในชุมชน อยู่นอกเมืองพอสมควร ทำให้หลายๆ ท่านเดินทางมาไม่สะดวก
ที่สำคัญการสร้างจุดดึงดูดเพื่อแข่งขันหรือเพื่อกระตุ้นให้ชุมชนมีส่วนร่วมมากขึ้นนั้น มันไม่สอดคล้องกับการทำ growth pole สักเท่าไร
เมื่อได้พูดคุยกับผู้ดูแล รวมไปถึงชาวชุมชน ก็ได้ความรู้สึกบางส่วน ดังที่กล่าวมาครับ
...กาดจาวเขินนี้เปิดทุกวันอาทิตย์ ๘.๐๐ - ๑๔.๐๐ น. แต่ความพร้อมจริงๆ น่าจะเป็นช่วงกลางวัน เพราะจะมีดนตรีเพิ่มเติมเข้ามา