เริ่มแรกผมเอง เริ่มแรกผมเอง ทำอาชีพนายหน้าค้าที่ดินตั้งแต่อายุ16ปี เริ่มแรกตัวเราเองไม่ได้มีความรู้อะไรเลย เลยจะหาประสบการณ์จากรุ่นพ่อ น้า รุ่นอา ที่เซียนในเรื่องพวกนี้ เลยความรู้จากเขา พอเรามีความรู้ในระดับหนึ่งแล้ว
ประจวบเหมาะกับที่บ้านของผมมีธุรกิจซื้อขายที่ดินด้วย ผมเลยลองขายทรัพย์ที่บ้านก่อนอันดับแรก ทรัพย์แรกที่ผมขายได้เป็นบ้านพักอาศัย ซึ่งคุณแม่ผมได้ซื้อเก็งกำไรไว้ ผมได้ลงประกาศขายในเว็บไซต์ kaidee.com
พอลงประกาศขายได้ 3 วัน มีลูกค้าอินบล็อคสินใจทรัพย์นี้ มีลูกค้าอินบล็อคเข้ามาเยอะพอสมควร ผมเลยปิดการขายบ้านของแม่ผมได้หลังหนึ่ง เป็นจำนวนเงิน 600,000 บาท ผมได้ค่าคอมมิชั่น 3% เป็นจำนวนเงิน 18,000 บาท
ตอนนั้นเด็กอายุ16 อย่างผม หาเงินได้ก้อนแรกรู้สึกดีใจมาก ๆ ผมก็ทำงานเป็นนายหน้าไปเรื่อยๆ สักพักนึงผมก็เข้ามาจับการขายที่ดินเปล่า ซึงเป็นทรัพย์ของที่บ้าน ผมรู้เลยว่า มันไม่ได้ง่ายแบบที่ผมคิดไว้เลย ขายบ้านยังง่ายกว่า
แต่ตัวผมเองผมไม่เคยท้อไม่เคยละทิ้งความพยายาม ผมจะลงขายเรื่อย ๆ จนกว่าจะมีคนมาซื้อ สุดท้ายแล้วก็ไม่มีใครมาซื้อ ผมเลยหาวิธีใหม่เลยไปเข้ากลุ่มอสังหา ในเฟสบุ๊ค กลุ่มในนี้จะมีนายหน้าเยอะมากทีประกาศขายทรัพย์ ผมลงขาย
ซึ่งเป็นนายหน้าที่ทักมาว่า สนใจที่จะขายให้ พอดีทางผมมีนายทุนที่สนใจแปลงนี้ และพี่คนนี้เขาบอกว่า เขาพานายทุนไปดูที่ดินแปลงนี้แล้วนะ อาทิตย์หน้านัดโอนเลยนะ น้องนัทเตรียมบอกที่บ้านไว้ด้วยนะครับ
ผมนี่ดีใจสุดๆ ความคิดความฝันผมเลย นี่ถ้าขายได้ผมจะได้ซื้อรถในฝันผมเลยนะ ตอนนั้นผมนอนฝันหวานอยู่ ฝันว่าอยากที่จะได้รถในฝันของตัวเอง ถ้ามีเงินจะมีกิน มีเที่ยวใช้เงินของตัวเองเลยแหละ
ราคาทรัพย์ที่จะขายตอนนั้น เป็นที่ดิน 28 ไร่ จำนวนไร่ละ 1,500,000 บาท * 28 ไร่ เป็นจำนวนเงิน 42,000,000 ล้านบาท ผมคิดเลยได้ค่านายหน้าแน่ ๆ 3% เป็นเงิน 1,260,000 บาท ยังไงก็ไม่โดนเบี้ยวเพราะเป็นทรัพย์ของที่บ้านผม
ผมนี่ฝันหวานไปหลายคืนเลย พอถึงวันโอน ผมนี่ตื่นแต่เช้าเลย รีบแต่งตัวจะออกไปกรมที่ดิน ผมก็ได้โทรตามนายหน้าคนนั้น โทรไปรอบแรก ไม่รับสาย รอบสองก็ไม่รับ ผมก็รอจนกระทั่งตอนช่วงบ่าย โทรไปอีก 10 สายก็ไม่รับสายผม
ผมก็เลยคิดในแง่ดีว่า อาจจะยังไม่ว่าง รอพรุ่งนี้ก็ได้ พอมาเช้าอีกวัน ผมโทรไป เขาได้บล็อคเบอร์ผมทิ้งแล้ว ผมนี่รู้สึกเฟลมากๆตอนนั้น ฝันของผมมันแตกสลายสุดๆ ผมก็มานั่งนอนคิด บางสิ่งบางอย่างมันก็ไม่ได้ง่ายแบบที่เราคิดนะ
บททดสอบนี้มันทำให้เราคิดว่า ไม่มีอะไรที่จะได้มาง่าย ๆ พอผมมูฟออนจากตรงนี้ได้ ก็ได้เริ่มทำอีก ไม่ท้อแท้สิ่งที่ผ่านมาให้มันเป็นประสบการณ์ไป พอผมทำมันไปได้สักระยะ ก็ยังขายไม่ได้เหมือนเดิม
ผมใช้เวลาเรียนรู้เรื่องเกี่ยวกับอสังหา เกือบปี พอผมอายุ 17 ปี ผมก็เลยมีความคิดที่ว่า ผมลองเอาทรัพย์คนอื่นมาขายดูบ้าง เผื่อทรัพย์ของเราที่ขาย นายทุนอาจจะยังไม่ถูกใจก็เป็นไปได้ ผมก็เลยไปหาใหญ่เลย ว่าใครขายที่ดินบ้าง
ในกลุ่ม ในกลุ่มมักจะมีนายหน้าลงประกาศขายเยอะ น้อยคนที่จะเป็นเจ้าของที่ดินขายเอง ผมก็เลยทักนายหน้าคนนั้นไปว่า ให้ผมช่วยขายที่ดินให้ไหมครับ นายหน้าก็บอกผมยินดีครับ แปลงที่ผมจับมาขายเป็นแปลงใหญ่
จำนวน 1250ไร่ ผมจำได้แม่นเลยตอนนั้น ตอนนั้นไร่ละ70,000 บาท เป็นที่ดินต่างจังหวัด เหมาะกับคนที่ซื้อเก็งกำไร และผมก็นำทรัพย์นี้ไปเสนอขาย ตอนนั้นผมอายุ 17ปี มีคอนเน็คชั่นนายหน้าอสังหาทั้งหมด 1000กว่าคน
ในเพื่อนไลน์ ผมก็เลยเสนอแปลงนี้กับทุกๆคน หลายๆคนก็บอกว่าที่ดินสวยมากเลยนะ พอเสนอไป อาทิตย์นึงถัดมา มีคนหนึ่งทักมาว่า แปลงนี้ได้ขายไปหรือยังครับ พอดีมีนายทุนที่สนใจอยากที่จะซื้อไว้เก็งกำไร
ผมเลยบอก ยังเลยครับ ถ้าพี่สนใจ ผมมีคนพาพี่ไปดูที่ดินได้นะครับ พี่เขาเลยบอกว่า เดี๋ยวยังไงพี่รอนายทุนพี่คอนเฟิร์มอีกทีนะครับ
พอผ่านไปได้สักระยะ พี่แกก็ทักมาหาผมว่า
นายหน้าฝั่งนายทุน : แปลงนี้ยังอยู่ไหมเอ๋ย
ผม : อยู่ครับพี่ เป็นไงครับพี่ทุนตกลงแล้วใช่ไหมครับ
นายหน้าฝั่งนายทุน : ใช่ครับ แต่ต้องขอเช็คก่อนนะครับว่าที่ดินแปลงนี้มีโฉนดครบทุกแปลงมั้ย
ผม : มีครับ ครบทุกแปลงอยู่แล้วพี่
ผมก็เลยส่งเอกสารที่เป็นแปลงโฉนดฉบับหนึ่งถ่ายส่งให้แกไป ซึ่งผมเช็คแล้วว่าครบทุกแปลงตามเอกสาร
นายหน้าฝั่งนายทุน : โอเค น้องติดทางทรัพย์ไหมครับ
พี่แกถาม
ผม : ไม่ครับพี่ พอดีมีพี่คนนึง เขาติดทรัพย์ครับ ผมไปของานนี้เขามาขายครับ
ผม : มีอะไรผ่านผมได้พี่
นายหน้าฝั่งนายทุน : พี่ขอคุยกับทางนายหน้าคนติดเจ้าของที่ได้ไหม พอดีพี่อยากคุยน้องจะได้ไม่ต้องส่งข้อมูลไปมา เดี๋ยวมีไรพี่จะรายงานน้องตลอด
ด้วยที่ตอนนั้นเขาพูดกับผม โน้มน้าวผมให้ส่งเบอร์ให้คุย ผมก็ไปหลงเชื่อคารมเขา ผมก็เลยให้ไป
ผม : ได้ครับ งั้นพี่มีไรก็รายการผมตลอดนะครับ
พอผ่านไปสักระยะนึง พี่ที่เป็นนายหน้าฝั่งติดทุนก็เลยโทรมาบอกผมว่า อีก 3 วันก็นัดโอนที่ที่กรมที่ดินแล้วนะ ผมก็ดีใจ แต่ก็เผื่อใจไว้บ้าง เผื่อจะผิดหวัง
พอถึงเช้าวันโอน ผมก็โทรหาพี่แก เหมือนเดิมตามสเตป โทรไปไม่รับ แถมยังโดนบล็อคเบอร์อีก แล้วผมก็โทรไปทางติดทรัพย์ โทรติด เขารับสายปรกติ ผมก็ถามว่า วันนี้มีโอนที่ใช่ไหมพี่
พี่แกตอบ ไม่มีนะ เขาไม่ซื้อแล้วที่แปลงนี้
ผมก็ไม่เชื่อ วันนั้นผมก็มีสอบที่วิลัยด้วย ผมตัดสินใจไม่ไปสอบที่วิลัย ผมขับรถจากชลบุรีไปที่กรมที่ดินจังหวัดลพบุรี ขับรถไปใช้เวลา 3ชั่วโมงกว่า ออกไปแต่เช้าเลย พอไปถึงจับโป๊ะได้ครับ วันนั้นมีหลายคนมากเลยที่อยู่กรมที่ดิน
มีทั้งนายหน้าฝั่งคนขาย ฝั่งคนซื้อ ทั้งพรรคพวกอีก ตอนนั้นผมโมโหมาก โครตแค้น จะเอาเรื่องก็ไม่ได้ทำสัญญาก็ไม่ได้ทำ ไม่มีลสยลักษณ์อักษรอะไรเลย มีแค่โทรคุยกันเฉยๆ
ผมคิดว่าถ้าเราเข้าไปโวยวาย ถึงอาจจะได้เงินก็จริง เรามาคนเดียวตัวคนเดียว ผมว่ายังไงไม่ปลอดภัยแน่นอน เลยนั่งอยู่บนรถ ตัดสินใจสักพักผมก็เลย คิดว่ากลับบ้านดีกว่าเรา
ผมขับรถกลับบ้าน ขับรถมาร้องให้ ปาดน้ำตาไปกับรถไป ตอนนั้นเสียใจมาก ท้อมาก หมดความหวังสุดๆ ไม่มีแรงที่จะเดินต่อ กลับมาถึงบ้านหัวค่ำ
แม่ถามว่า ทำไมวันนี้กลับมาค่ำ สอบวันนี้เป็นอย่างไรบ้าง
ผม ก็บอก สอบเสร็จ ผมไปบ้านเพื่อนมาเลยกลับค่ำหน่อย ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนมาก ผมเลยเข้าห้องส่วนตัว เข้าไปร้องให้หนักมากกว่าเดิมอีก สอบก็ไม่ได้สอบขับรถก็เหนื่อย
พอผมได้เข้าช่วงอายุ 18 ปี ช่วงนี้ผมมีความคิดที่ว่า ผมจะลองออกไปเป็นนายหน้าให้กับนายทุนดูบ้าง ผมเลยนั่งคิดนอนคิดว่า เอ๊ะ!! ผมจะไปหานายทุนจากไหนดีนะ
เดี๋ยวเอาไว้แค่นี้ก่อนนะครับ ผมจะมาเล่าต่ออีก ปัจจุบัน ผมอายุ22 ปีแล้ว มันมีอะไรที่โหดดว่านี้อีกครับ กว่าผมจะมาถึงปัจจุบันนี้มันท้าทายชีวิตผมสุดๆครับ การเล่าครั้งต่อไปสัญญาว่าจะเล่าให้จบนะครับ ถ้าพิมผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยนะครับ ขอบคุณครับ
ผมทำงานตั้งแต่ อายุ 16 ปี
ประจวบเหมาะกับที่บ้านของผมมีธุรกิจซื้อขายที่ดินด้วย ผมเลยลองขายทรัพย์ที่บ้านก่อนอันดับแรก ทรัพย์แรกที่ผมขายได้เป็นบ้านพักอาศัย ซึ่งคุณแม่ผมได้ซื้อเก็งกำไรไว้ ผมได้ลงประกาศขายในเว็บไซต์ kaidee.com
พอลงประกาศขายได้ 3 วัน มีลูกค้าอินบล็อคสินใจทรัพย์นี้ มีลูกค้าอินบล็อคเข้ามาเยอะพอสมควร ผมเลยปิดการขายบ้านของแม่ผมได้หลังหนึ่ง เป็นจำนวนเงิน 600,000 บาท ผมได้ค่าคอมมิชั่น 3% เป็นจำนวนเงิน 18,000 บาท
ตอนนั้นเด็กอายุ16 อย่างผม หาเงินได้ก้อนแรกรู้สึกดีใจมาก ๆ ผมก็ทำงานเป็นนายหน้าไปเรื่อยๆ สักพักนึงผมก็เข้ามาจับการขายที่ดินเปล่า ซึงเป็นทรัพย์ของที่บ้าน ผมรู้เลยว่า มันไม่ได้ง่ายแบบที่ผมคิดไว้เลย ขายบ้านยังง่ายกว่า
แต่ตัวผมเองผมไม่เคยท้อไม่เคยละทิ้งความพยายาม ผมจะลงขายเรื่อย ๆ จนกว่าจะมีคนมาซื้อ สุดท้ายแล้วก็ไม่มีใครมาซื้อ ผมเลยหาวิธีใหม่เลยไปเข้ากลุ่มอสังหา ในเฟสบุ๊ค กลุ่มในนี้จะมีนายหน้าเยอะมากทีประกาศขายทรัพย์ ผมลงขาย
ซึ่งเป็นนายหน้าที่ทักมาว่า สนใจที่จะขายให้ พอดีทางผมมีนายทุนที่สนใจแปลงนี้ และพี่คนนี้เขาบอกว่า เขาพานายทุนไปดูที่ดินแปลงนี้แล้วนะ อาทิตย์หน้านัดโอนเลยนะ น้องนัทเตรียมบอกที่บ้านไว้ด้วยนะครับ
ผมนี่ดีใจสุดๆ ความคิดความฝันผมเลย นี่ถ้าขายได้ผมจะได้ซื้อรถในฝันผมเลยนะ ตอนนั้นผมนอนฝันหวานอยู่ ฝันว่าอยากที่จะได้รถในฝันของตัวเอง ถ้ามีเงินจะมีกิน มีเที่ยวใช้เงินของตัวเองเลยแหละ
ราคาทรัพย์ที่จะขายตอนนั้น เป็นที่ดิน 28 ไร่ จำนวนไร่ละ 1,500,000 บาท * 28 ไร่ เป็นจำนวนเงิน 42,000,000 ล้านบาท ผมคิดเลยได้ค่านายหน้าแน่ ๆ 3% เป็นเงิน 1,260,000 บาท ยังไงก็ไม่โดนเบี้ยวเพราะเป็นทรัพย์ของที่บ้านผม
ผมนี่ฝันหวานไปหลายคืนเลย พอถึงวันโอน ผมนี่ตื่นแต่เช้าเลย รีบแต่งตัวจะออกไปกรมที่ดิน ผมก็ได้โทรตามนายหน้าคนนั้น โทรไปรอบแรก ไม่รับสาย รอบสองก็ไม่รับ ผมก็รอจนกระทั่งตอนช่วงบ่าย โทรไปอีก 10 สายก็ไม่รับสายผม
ผมก็เลยคิดในแง่ดีว่า อาจจะยังไม่ว่าง รอพรุ่งนี้ก็ได้ พอมาเช้าอีกวัน ผมโทรไป เขาได้บล็อคเบอร์ผมทิ้งแล้ว ผมนี่รู้สึกเฟลมากๆตอนนั้น ฝันของผมมันแตกสลายสุดๆ ผมก็มานั่งนอนคิด บางสิ่งบางอย่างมันก็ไม่ได้ง่ายแบบที่เราคิดนะ
บททดสอบนี้มันทำให้เราคิดว่า ไม่มีอะไรที่จะได้มาง่าย ๆ พอผมมูฟออนจากตรงนี้ได้ ก็ได้เริ่มทำอีก ไม่ท้อแท้สิ่งที่ผ่านมาให้มันเป็นประสบการณ์ไป พอผมทำมันไปได้สักระยะ ก็ยังขายไม่ได้เหมือนเดิม
ผมใช้เวลาเรียนรู้เรื่องเกี่ยวกับอสังหา เกือบปี พอผมอายุ 17 ปี ผมก็เลยมีความคิดที่ว่า ผมลองเอาทรัพย์คนอื่นมาขายดูบ้าง เผื่อทรัพย์ของเราที่ขาย นายทุนอาจจะยังไม่ถูกใจก็เป็นไปได้ ผมก็เลยไปหาใหญ่เลย ว่าใครขายที่ดินบ้าง
ในกลุ่ม ในกลุ่มมักจะมีนายหน้าลงประกาศขายเยอะ น้อยคนที่จะเป็นเจ้าของที่ดินขายเอง ผมก็เลยทักนายหน้าคนนั้นไปว่า ให้ผมช่วยขายที่ดินให้ไหมครับ นายหน้าก็บอกผมยินดีครับ แปลงที่ผมจับมาขายเป็นแปลงใหญ่
จำนวน 1250ไร่ ผมจำได้แม่นเลยตอนนั้น ตอนนั้นไร่ละ70,000 บาท เป็นที่ดินต่างจังหวัด เหมาะกับคนที่ซื้อเก็งกำไร และผมก็นำทรัพย์นี้ไปเสนอขาย ตอนนั้นผมอายุ 17ปี มีคอนเน็คชั่นนายหน้าอสังหาทั้งหมด 1000กว่าคน
ในเพื่อนไลน์ ผมก็เลยเสนอแปลงนี้กับทุกๆคน หลายๆคนก็บอกว่าที่ดินสวยมากเลยนะ พอเสนอไป อาทิตย์นึงถัดมา มีคนหนึ่งทักมาว่า แปลงนี้ได้ขายไปหรือยังครับ พอดีมีนายทุนที่สนใจอยากที่จะซื้อไว้เก็งกำไร
ผมเลยบอก ยังเลยครับ ถ้าพี่สนใจ ผมมีคนพาพี่ไปดูที่ดินได้นะครับ พี่เขาเลยบอกว่า เดี๋ยวยังไงพี่รอนายทุนพี่คอนเฟิร์มอีกทีนะครับ
พอผ่านไปได้สักระยะ พี่แกก็ทักมาหาผมว่า
นายหน้าฝั่งนายทุน : แปลงนี้ยังอยู่ไหมเอ๋ย
ผม : อยู่ครับพี่ เป็นไงครับพี่ทุนตกลงแล้วใช่ไหมครับ
นายหน้าฝั่งนายทุน : ใช่ครับ แต่ต้องขอเช็คก่อนนะครับว่าที่ดินแปลงนี้มีโฉนดครบทุกแปลงมั้ย
ผม : มีครับ ครบทุกแปลงอยู่แล้วพี่
ผมก็เลยส่งเอกสารที่เป็นแปลงโฉนดฉบับหนึ่งถ่ายส่งให้แกไป ซึ่งผมเช็คแล้วว่าครบทุกแปลงตามเอกสาร
นายหน้าฝั่งนายทุน : โอเค น้องติดทางทรัพย์ไหมครับ
พี่แกถาม
ผม : ไม่ครับพี่ พอดีมีพี่คนนึง เขาติดทรัพย์ครับ ผมไปของานนี้เขามาขายครับ
ผม : มีอะไรผ่านผมได้พี่
นายหน้าฝั่งนายทุน : พี่ขอคุยกับทางนายหน้าคนติดเจ้าของที่ได้ไหม พอดีพี่อยากคุยน้องจะได้ไม่ต้องส่งข้อมูลไปมา เดี๋ยวมีไรพี่จะรายงานน้องตลอด
ด้วยที่ตอนนั้นเขาพูดกับผม โน้มน้าวผมให้ส่งเบอร์ให้คุย ผมก็ไปหลงเชื่อคารมเขา ผมก็เลยให้ไป
ผม : ได้ครับ งั้นพี่มีไรก็รายการผมตลอดนะครับ
พอผ่านไปสักระยะนึง พี่ที่เป็นนายหน้าฝั่งติดทุนก็เลยโทรมาบอกผมว่า อีก 3 วันก็นัดโอนที่ที่กรมที่ดินแล้วนะ ผมก็ดีใจ แต่ก็เผื่อใจไว้บ้าง เผื่อจะผิดหวัง
พอถึงเช้าวันโอน ผมก็โทรหาพี่แก เหมือนเดิมตามสเตป โทรไปไม่รับ แถมยังโดนบล็อคเบอร์อีก แล้วผมก็โทรไปทางติดทรัพย์ โทรติด เขารับสายปรกติ ผมก็ถามว่า วันนี้มีโอนที่ใช่ไหมพี่
พี่แกตอบ ไม่มีนะ เขาไม่ซื้อแล้วที่แปลงนี้
ผมก็ไม่เชื่อ วันนั้นผมก็มีสอบที่วิลัยด้วย ผมตัดสินใจไม่ไปสอบที่วิลัย ผมขับรถจากชลบุรีไปที่กรมที่ดินจังหวัดลพบุรี ขับรถไปใช้เวลา 3ชั่วโมงกว่า ออกไปแต่เช้าเลย พอไปถึงจับโป๊ะได้ครับ วันนั้นมีหลายคนมากเลยที่อยู่กรมที่ดิน
มีทั้งนายหน้าฝั่งคนขาย ฝั่งคนซื้อ ทั้งพรรคพวกอีก ตอนนั้นผมโมโหมาก โครตแค้น จะเอาเรื่องก็ไม่ได้ทำสัญญาก็ไม่ได้ทำ ไม่มีลสยลักษณ์อักษรอะไรเลย มีแค่โทรคุยกันเฉยๆ
ผมคิดว่าถ้าเราเข้าไปโวยวาย ถึงอาจจะได้เงินก็จริง เรามาคนเดียวตัวคนเดียว ผมว่ายังไงไม่ปลอดภัยแน่นอน เลยนั่งอยู่บนรถ ตัดสินใจสักพักผมก็เลย คิดว่ากลับบ้านดีกว่าเรา
ผมขับรถกลับบ้าน ขับรถมาร้องให้ ปาดน้ำตาไปกับรถไป ตอนนั้นเสียใจมาก ท้อมาก หมดความหวังสุดๆ ไม่มีแรงที่จะเดินต่อ กลับมาถึงบ้านหัวค่ำ
แม่ถามว่า ทำไมวันนี้กลับมาค่ำ สอบวันนี้เป็นอย่างไรบ้าง
ผม ก็บอก สอบเสร็จ ผมไปบ้านเพื่อนมาเลยกลับค่ำหน่อย ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนมาก ผมเลยเข้าห้องส่วนตัว เข้าไปร้องให้หนักมากกว่าเดิมอีก สอบก็ไม่ได้สอบขับรถก็เหนื่อย
พอผมได้เข้าช่วงอายุ 18 ปี ช่วงนี้ผมมีความคิดที่ว่า ผมจะลองออกไปเป็นนายหน้าให้กับนายทุนดูบ้าง ผมเลยนั่งคิดนอนคิดว่า เอ๊ะ!! ผมจะไปหานายทุนจากไหนดีนะ
เดี๋ยวเอาไว้แค่นี้ก่อนนะครับ ผมจะมาเล่าต่ออีก ปัจจุบัน ผมอายุ22 ปีแล้ว มันมีอะไรที่โหดดว่านี้อีกครับ กว่าผมจะมาถึงปัจจุบันนี้มันท้าทายชีวิตผมสุดๆครับ การเล่าครั้งต่อไปสัญญาว่าจะเล่าให้จบนะครับ ถ้าพิมผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยนะครับ ขอบคุณครับ