เพิ่งเริ่มศึกษากฏหมาย ได้มีโอกาสอ่านหนังสือเกี่ยวกับหลักทั่วไปของกฏหมายอาญาเล่มสีเลือดหมูหนาๆ ประมวลกฏหมายอาญา มาตรา 4 , 4 วรรค 2 , มาตรา 5 , 5 วรรค 2 ได้มีการยกกรณีตัวอย่างหลายกรณี แต่ที่ผมสงสัยคือ ทำไมวางยาพิษที่สนามบินญี่ปุ่น แล้วพอเหยื่อขึ้นเครื่องบินไปตายระหว่างทาง (โดยที่เครื่องยังไม่บินเข้าน่านฟ้าไทย) จะไม่สามารถเอาผิดในศาลไทยได้
ในขณะที่ในอีกกรณีศึกษา ชายญี่ปุ่นที่ซึ่งยืนอยู่บนพื้นสนามบินญี่ปุ่น ได้ยิงชายเกาหลีที่นั่งบนเครื่องบินสัญชาติไทย กระสุนถูกชายเกาหลีจนเสียชีวิต แต่สามารถเอาผิดฐานฆ่าคนตายในศาลไทยได้
ปัญหาที่สงสัยเกี่ยวข้องกับมาตรา 4 วรรค 2 และ มาตรา 5 วรรคแรก ครับ ซึ่งกฏหมายได้บัญญัติเอาไว้ ตามข้อมูลที่ใส่ไว้ในสปอย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ประมวลกฏหมายอาญา มาตรา 4 วรรค 2 ระบุไว้ว่า การกระทำความผิดในเรือไทยหรืออากาศยานไทย ไม่ว่าจะอยู่ ณ ที่ใด ให้ถือว่า
กระทำความผิดในราชอาณาจักร
ประมวลกฏหมายอาญา มาตรา 5 วรรคแรก ระบุไว้ว่า ความผิดใดที่การกระทำแม้แต่ส่วนหนึ่งส่วนใดได้กระทำในราชอาณาจักร ก็ดี ผลแห่งการกระทำเกิดในราชอาณาจักรโดยผู้กระทำประสงค์ให้ผลนั้นเกิดในราชอาณาจักร หรือ โดยลักษณะแห่งการกระทำ ผลที่เกิดขึ้นนั้นควรเกิดในราชอาณาจักรหรือย่อมจะเล็งเห็นได้ว่าผลนั้น จะเกิดในราชอาณาจักรก็ดี ให้ถือว่าความผิดนั้นได้กระทำในราชอาณาจักร
หนังสือเล่มสีเลือดหมูดังกล่าว
ได้ระบุเอาไว้ว่า ไม่สามารถลงโทษคนวางยาพิษได้เลย ทั้งในมาตรา 4 และมาตรา 5 แต่หนังสือก็อธิบายเหตุผลเฉพาะมาตรา 5 วรรคแรกเท่านั้น ตามประมวลกฏหมายอาญามาตรา มาตรา 5 วรรคแรก สาเหตุก็คือ ถึงแม้ว่าผู้กระทำประสงค์จะให้ผลแห่งการกระทำเกิดขึ้นบนอากาศยานไทย แต่ในมาตรา 5 วรรคแรกดังกล่าว ตีความได้ว่า เฉพาะผลแห่งการกระทำที่เกิดในราชอาณาจักรนั้น หมายความว่าเฉพาะส่วนที่เป็นพื้นดิน อากาศเหนือพื้นดิน พื้นน้ำ อากาศเหนือพื้นน้ำ ในอาณาเขตของประเทศไทยเท่านั้น ไม่รวมถึงเรือไทย หรือ อากาศยานไทย เพราะฉะนั้นหากการวางยาพิษไม่ได้กระทำบนอากาศยานของไทย แต่กระทำที่สนามบินญี่ปุ่นแต่ผลเกิดขึ้นคือเหยื่อขึ้นอากาศยานของไทยและเสียชีวิตในภายหลัง ดังนั้นจึงไม่สามารถเอาผิดคนวางยาพิษได้
ในขณะเดียวกันหนังสือเล่มนั้นก็ได้อธิบายในอีกกรณีศึกษา ที่คนญี่ปุ่นยิงปืนใส่คนเกาหลีที่นั่งอยู่บนเครื่องบิน โดยบอกว่าสามารถเอาผิดคนญี่ปุ่นในศาลไทยได้ ตามประมวลกฏหมายอาญา มาตรา 4 วรรค 2 ซึ่งมาตราดังกล่าวตีความได้ว่า การกระทำผิดในเรือหรืออากาศยานสัญชาติไทย แม้เพียงส่วนหนึ่งส่วนใดก็ถือเป็นการกระทำผิดในอากาศยานไทยแล้ว สามารถเอาผิดในศาลไทยได้ ในกรณีที่คนญี่ปุ่นเดินทางมาถูกตำรวจจับในประเทศไทย
สิ่งที่ผมสงสัย คือ การกระทำของคนร้าย ทั้งการวางยาพิษ และการยิงปืน เกิดขึ้นนอกอากาศยานไทย อันเป็นแผ่นดินของญี่ปุ่นทั้ง 2 กรณี ผลที่เกิดขึ้น คือ เหยื่อตายบนอากาศยานของไทยเหมือนกันทั้ง 2 กรณี แต่ทำไมคนที่ยิงปืนต้องรับโทษ คนที่วางยาพิษไม่ต้องรับโทษครับ (ตามกฏหมายไทยนะ)
ทำไมการกระทำของคนที่ยิงปืน ถือว่าเป็นการกระทำที่มีส่วนหนึ่งส่วนใดที่เกิดขึ้นบนอากาศยาน แต่การกระทำของคนที่วางยาพิษถือว่าเกิดขึ้นในแผ่นดินญี่ปุ่นเท่านั้น ทั้งๆที่ผลที่เกิดขึ้น คือ เหยื่อตายบนอากาศยานของไทยทั้ง 2 กรณี
การวางยาพิษนั้นหากกระทำไม่สำเร็จ จะถือว่าเป็นข้อหาพยายามฆ่า แต่เมื่อเหยื่อสิ้นใจแล้ว
ข้อหาพยายามฆ่า จะเปลี่ยนเป็นข้อหา
ฆ่าคนตายโดยเจตนาแทน ซึ่ง "การเปลี่ยนผ่าน" ระหว่างข้อหาพยายามฆ่ากับฆ่าคนตายโดยเจตนา เกิดขึ้นก็ต่อเมื่อเหยื่อได้สิ้นใจบนอากาศยานไทยแล้ว ดังนั้นความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา ได้เป็นความผิดที่สำเร็จ ระหว่างที่เหยื่อนั่งบนอากาศยานของไทย แต่ทำไมถึงไม่นับว่า คนที่วางยาพิษ มีความผิดส่วนหนึ่งส่วนใดอยู่บนอากาศยานไทย และสามารถดำเนินคดีได้เหมือนคนที่ยิงปืนครับ
ถามเพราะสงสัยครับ ผมความรู้น้อยจริงๆ
วางยาพิษที่สนามบิน เหยื่อไปตายบนอากาศยานของไทย (ที่ยังไม่บินเข้าน่านฟ้าไทย) ทำไมไม่ต้องรับโทษตามกฏหมายไทย
ในขณะที่ในอีกกรณีศึกษา ชายญี่ปุ่นที่ซึ่งยืนอยู่บนพื้นสนามบินญี่ปุ่น ได้ยิงชายเกาหลีที่นั่งบนเครื่องบินสัญชาติไทย กระสุนถูกชายเกาหลีจนเสียชีวิต แต่สามารถเอาผิดฐานฆ่าคนตายในศาลไทยได้
ปัญหาที่สงสัยเกี่ยวข้องกับมาตรา 4 วรรค 2 และ มาตรา 5 วรรคแรก ครับ ซึ่งกฏหมายได้บัญญัติเอาไว้ ตามข้อมูลที่ใส่ไว้ในสปอย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หนังสือเล่มสีเลือดหมูดังกล่าว ได้ระบุเอาไว้ว่า ไม่สามารถลงโทษคนวางยาพิษได้เลย ทั้งในมาตรา 4 และมาตรา 5 แต่หนังสือก็อธิบายเหตุผลเฉพาะมาตรา 5 วรรคแรกเท่านั้น ตามประมวลกฏหมายอาญามาตรา มาตรา 5 วรรคแรก สาเหตุก็คือ ถึงแม้ว่าผู้กระทำประสงค์จะให้ผลแห่งการกระทำเกิดขึ้นบนอากาศยานไทย แต่ในมาตรา 5 วรรคแรกดังกล่าว ตีความได้ว่า เฉพาะผลแห่งการกระทำที่เกิดในราชอาณาจักรนั้น หมายความว่าเฉพาะส่วนที่เป็นพื้นดิน อากาศเหนือพื้นดิน พื้นน้ำ อากาศเหนือพื้นน้ำ ในอาณาเขตของประเทศไทยเท่านั้น ไม่รวมถึงเรือไทย หรือ อากาศยานไทย เพราะฉะนั้นหากการวางยาพิษไม่ได้กระทำบนอากาศยานของไทย แต่กระทำที่สนามบินญี่ปุ่นแต่ผลเกิดขึ้นคือเหยื่อขึ้นอากาศยานของไทยและเสียชีวิตในภายหลัง ดังนั้นจึงไม่สามารถเอาผิดคนวางยาพิษได้
ในขณะเดียวกันหนังสือเล่มนั้นก็ได้อธิบายในอีกกรณีศึกษา ที่คนญี่ปุ่นยิงปืนใส่คนเกาหลีที่นั่งอยู่บนเครื่องบิน โดยบอกว่าสามารถเอาผิดคนญี่ปุ่นในศาลไทยได้ ตามประมวลกฏหมายอาญา มาตรา 4 วรรค 2 ซึ่งมาตราดังกล่าวตีความได้ว่า การกระทำผิดในเรือหรืออากาศยานสัญชาติไทย แม้เพียงส่วนหนึ่งส่วนใดก็ถือเป็นการกระทำผิดในอากาศยานไทยแล้ว สามารถเอาผิดในศาลไทยได้ ในกรณีที่คนญี่ปุ่นเดินทางมาถูกตำรวจจับในประเทศไทย
สิ่งที่ผมสงสัย คือ การกระทำของคนร้าย ทั้งการวางยาพิษ และการยิงปืน เกิดขึ้นนอกอากาศยานไทย อันเป็นแผ่นดินของญี่ปุ่นทั้ง 2 กรณี ผลที่เกิดขึ้น คือ เหยื่อตายบนอากาศยานของไทยเหมือนกันทั้ง 2 กรณี แต่ทำไมคนที่ยิงปืนต้องรับโทษ คนที่วางยาพิษไม่ต้องรับโทษครับ (ตามกฏหมายไทยนะ)
ทำไมการกระทำของคนที่ยิงปืน ถือว่าเป็นการกระทำที่มีส่วนหนึ่งส่วนใดที่เกิดขึ้นบนอากาศยาน แต่การกระทำของคนที่วางยาพิษถือว่าเกิดขึ้นในแผ่นดินญี่ปุ่นเท่านั้น ทั้งๆที่ผลที่เกิดขึ้น คือ เหยื่อตายบนอากาศยานของไทยทั้ง 2 กรณี
การวางยาพิษนั้นหากกระทำไม่สำเร็จ จะถือว่าเป็นข้อหาพยายามฆ่า แต่เมื่อเหยื่อสิ้นใจแล้ว ข้อหาพยายามฆ่า จะเปลี่ยนเป็นข้อหา ฆ่าคนตายโดยเจตนาแทน ซึ่ง "การเปลี่ยนผ่าน" ระหว่างข้อหาพยายามฆ่ากับฆ่าคนตายโดยเจตนา เกิดขึ้นก็ต่อเมื่อเหยื่อได้สิ้นใจบนอากาศยานไทยแล้ว ดังนั้นความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา ได้เป็นความผิดที่สำเร็จ ระหว่างที่เหยื่อนั่งบนอากาศยานของไทย แต่ทำไมถึงไม่นับว่า คนที่วางยาพิษ มีความผิดส่วนหนึ่งส่วนใดอยู่บนอากาศยานไทย และสามารถดำเนินคดีได้เหมือนคนที่ยิงปืนครับ
ถามเพราะสงสัยครับ ผมความรู้น้อยจริงๆ