เจอความเห็นของท่านหนึ่ง เขียนได้ถูกใจเจ้และสะท้อนความจริงได้ดี ลองอ่านกันดูนะคะ
>> ในฐานะที่ผมก็เป็นคนกรุงเทพคนหนึ่ง อายุเข้าหลักสี่ อยู่กรุงเทพมาตั้งแต่เกิด ผมทันตั้งแต่ยุคลุงจำลองเป็นผู้ว่าหลายสมัย ทัน ดร.พิจิตต์ฯ ใส่บู๊ทลุยน้ำท่วม ทัน สุขุมพันธ์ฯ ผู้ว่าพรรคประชาธิปัตย์ ที่พูดน้อย พอๆกับผลงานที่น้อยเช่นเดียวกัน
เรื่อยมาจนถึงยุคอัศวิน ที่ไม่ได้ใส่บู๊ทลุยน้ำท่วม ทำการตลาดแบบสมัยก่อน แต่ชูเรื่องการระบายน้ำ อุโมงค์ยักษ์ ทำทางระบายน้ำแทน
ก็ต้องยอมรับว่า จากอดีตของกรุงเทพ มีการเปลี่ยนแปลงมาเรื่อยๆ แต่ก็ไม่ได้ดีมาก...จนเพียงพอ ที่จะทำให้คนเมืองพอใจมากนัก
นั่นอาจเป็นเพราะว่า โจทย์การแก้ปัญหาเมืองกรุง ค่อนข้างยาก
สาเหตุมาจากปัจจัยหลายอย่าง
ทั้งภูมิประเทศ สภาพเศรษฐกิจ สภาพสังคม การถูกแทรกแซงทางการเมือง
หรือแม้แต่ “นิสัย” คนไทยเอง “ที่อยากได้ อยากให้เป็น” แต่ไม่ได้ช่วยกันดูแล หรือ ช่วยกันพัฒนา เพราะคิดว่า เป็นหน้าที่ ผู้ว่า เจ้าหน้าที่ ข้าราชการ มิใช่หน้าที่ของตนเอง
และถ้าลองมาดู “ตัวเลือก” ผู้สมัครผู้ว่า ณ เวลานี้ ก็ต้องยอมรับว่า “ชัชชาติ” เป็นที่พูดถึงมาก อาจจะเป็นเพราะ ด้วยความโชคดีที่เค้ามี “มีม”
เป็นที่ถูกอกถูกใจ เด็กวัยรุ่น ที่คิดว่าแค่ดู “เก๋” ก็อาจจะ “ทำงานดี” หรือ เป็น “คนเก่ง”
จริงๆแล้ว “ชัชชาติ” เคยได้รับบทบาททางการเมืองที่สำคัญมาก
เป็นบทบาทที่มีอำนาจกว่า “ผู้ว่า กทม.” ด้วยซ้ำ
โดยเมื่อปี 55-57 ชัชชาติเป็นถึง “รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคม” ของรัฐบาล นายกยิ่งลักษณ์ พรรคเพื่อไทย แต่กลับ “ไม่ปรากฎผลงาน” ที่จับต้องได้เลย
เพียงเพราะเขาไม่มีประสบการณ์การทำงานจริง แต่ทำงานด้านวิชาการมาโดยตลอด ถูกชักชวนมาเป็นที่ปรึกษา การเมืองสมัย “นายกทักษิณ” เป็นนักวิชาการ เก่งวางวิสัยทัศน์ แต่ปฏิบัติ “ยังไม่ถึง” จับพลัดจับผลู ได้เป็น “รัฐมนตรี” แบบไม่ทันตั้งตัว
ถ้าเก่งจริง สมัยเป็น รมต.คมนาคม มีโอกาสทำงาน แต่ทำไมรถไฟไทยที่บอกกันว่าใช้มาตั้งแต่สมัย ร.5 ก็ยังใช้อยู่มาถึงทุกวันนี้
รถเมล์เก่าๆ หลายสิบปี ขนส่งสำคัญของประชาชน ก็ยังเก่ามาถึงทุกวันนี้
รถติดในกรุงเทพ อันดับต้นๆ ของโลก ก็ยังติดมาถึงทุกวันนี้ การโดยสารทางเรือ คลองน้ำเน่า ก็ยังเป็นปัญหามาให้แก้ถึงวันนี้
การคมนาคมของคนไทย “ไม่ได้ดีขึ้นเลย” ทั้งๆ ที่ปัญหาเหล่านี้ ควรจะหมดไปตั้งแต่ สมัย “รมต.คมนาคม ชัชชาติ” ที่ถูกขนานนามว่าเป็น “รัฐมนตรีที่แกร่งที่สุดในปฐพี”
ถ้าเขา “เก่งจริง” เขาคงไม่ต้องมีนโยบาย 200 ข้อ เพื่อกลับมาแก้ปัญหาเหล่านี้อีก ในฐานะ “ผู้ว่า กทม.” หรอกครับ
#น่าคิด
#สติค่ะลูกกกก
@@@ ชัชชาติ ทำงานจริงหรือเปล่า @@@
>> ในฐานะที่ผมก็เป็นคนกรุงเทพคนหนึ่ง อายุเข้าหลักสี่ อยู่กรุงเทพมาตั้งแต่เกิด ผมทันตั้งแต่ยุคลุงจำลองเป็นผู้ว่าหลายสมัย ทัน ดร.พิจิตต์ฯ ใส่บู๊ทลุยน้ำท่วม ทัน สุขุมพันธ์ฯ ผู้ว่าพรรคประชาธิปัตย์ ที่พูดน้อย พอๆกับผลงานที่น้อยเช่นเดียวกัน
เรื่อยมาจนถึงยุคอัศวิน ที่ไม่ได้ใส่บู๊ทลุยน้ำท่วม ทำการตลาดแบบสมัยก่อน แต่ชูเรื่องการระบายน้ำ อุโมงค์ยักษ์ ทำทางระบายน้ำแทน
ก็ต้องยอมรับว่า จากอดีตของกรุงเทพ มีการเปลี่ยนแปลงมาเรื่อยๆ แต่ก็ไม่ได้ดีมาก...จนเพียงพอ ที่จะทำให้คนเมืองพอใจมากนัก
นั่นอาจเป็นเพราะว่า โจทย์การแก้ปัญหาเมืองกรุง ค่อนข้างยาก
สาเหตุมาจากปัจจัยหลายอย่าง
ทั้งภูมิประเทศ สภาพเศรษฐกิจ สภาพสังคม การถูกแทรกแซงทางการเมือง
หรือแม้แต่ “นิสัย” คนไทยเอง “ที่อยากได้ อยากให้เป็น” แต่ไม่ได้ช่วยกันดูแล หรือ ช่วยกันพัฒนา เพราะคิดว่า เป็นหน้าที่ ผู้ว่า เจ้าหน้าที่ ข้าราชการ มิใช่หน้าที่ของตนเอง
และถ้าลองมาดู “ตัวเลือก” ผู้สมัครผู้ว่า ณ เวลานี้ ก็ต้องยอมรับว่า “ชัชชาติ” เป็นที่พูดถึงมาก อาจจะเป็นเพราะ ด้วยความโชคดีที่เค้ามี “มีม”
เป็นที่ถูกอกถูกใจ เด็กวัยรุ่น ที่คิดว่าแค่ดู “เก๋” ก็อาจจะ “ทำงานดี” หรือ เป็น “คนเก่ง”
จริงๆแล้ว “ชัชชาติ” เคยได้รับบทบาททางการเมืองที่สำคัญมาก
เป็นบทบาทที่มีอำนาจกว่า “ผู้ว่า กทม.” ด้วยซ้ำ
โดยเมื่อปี 55-57 ชัชชาติเป็นถึง “รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคม” ของรัฐบาล นายกยิ่งลักษณ์ พรรคเพื่อไทย แต่กลับ “ไม่ปรากฎผลงาน” ที่จับต้องได้เลย
เพียงเพราะเขาไม่มีประสบการณ์การทำงานจริง แต่ทำงานด้านวิชาการมาโดยตลอด ถูกชักชวนมาเป็นที่ปรึกษา การเมืองสมัย “นายกทักษิณ” เป็นนักวิชาการ เก่งวางวิสัยทัศน์ แต่ปฏิบัติ “ยังไม่ถึง” จับพลัดจับผลู ได้เป็น “รัฐมนตรี” แบบไม่ทันตั้งตัว
ถ้าเก่งจริง สมัยเป็น รมต.คมนาคม มีโอกาสทำงาน แต่ทำไมรถไฟไทยที่บอกกันว่าใช้มาตั้งแต่สมัย ร.5 ก็ยังใช้อยู่มาถึงทุกวันนี้
รถเมล์เก่าๆ หลายสิบปี ขนส่งสำคัญของประชาชน ก็ยังเก่ามาถึงทุกวันนี้
รถติดในกรุงเทพ อันดับต้นๆ ของโลก ก็ยังติดมาถึงทุกวันนี้ การโดยสารทางเรือ คลองน้ำเน่า ก็ยังเป็นปัญหามาให้แก้ถึงวันนี้
การคมนาคมของคนไทย “ไม่ได้ดีขึ้นเลย” ทั้งๆ ที่ปัญหาเหล่านี้ ควรจะหมดไปตั้งแต่ สมัย “รมต.คมนาคม ชัชชาติ” ที่ถูกขนานนามว่าเป็น “รัฐมนตรีที่แกร่งที่สุดในปฐพี”
ถ้าเขา “เก่งจริง” เขาคงไม่ต้องมีนโยบาย 200 ข้อ เพื่อกลับมาแก้ปัญหาเหล่านี้อีก ในฐานะ “ผู้ว่า กทม.” หรอกครับ
#น่าคิด
#สติค่ะลูกกกก