หญิงทำงานบ้านในซาอุที่ทำงานใหม่เพียง 1-4 ปีจะมีเงินเดือนรวมโบนัสคิดเป็นเงินไทยเฉลี่ยราว 7,900 บาทต่อเดือน (11,000 ริยัล/ปี) ถ้ามีประสบการณ์มากขึ้น ทำงานไปถึง 5-9 ปี ก็อาจจะได้เงินเดือนสูงสุดราว 17,500 บาท ซึ่งเงินเดือนระดับนี้ ก็ถือว่ามากสำหรับประเทศส่งออกแรงงานแม่บ้านในรายชื่อที่กล่าวมาข้างต้น
สิ่งที่ทำให้ซาอุหาแรงงานประเภทนี้ยากก็เพราะว่า มีการ กักขัง หน่วงเหนี่ยว ใช้แรงงานเยี่ยงทาส ไม่มีเวลาพักผ่อน และวันหยุด ไม่จ่ายค่าจ้าง หรือจ่ายต่ำกว่าที่ได้ตกลง รวมไปถึงการทำทารุณกรรม ทั้งร่างกายและจิตใจ จะด้วยวาจาหรือลงไม้ลงมือจากนายจ้างเอง ข่มขืนล่วงละเมิดทางเพศ ไปถึงขั้นทำร้ายลูกจ้างจนเสียชีวิต หรือ ลูกจ้างทนถูกทารุณกรรมไม่ไหวต้องฆ่าตัวตายเอง
โดยที่ลูกจ้างไม่มีสิทธิจะต่อสู้อะไรได้เลยเพราะเสียเปรียบทุกอย่าง เมื่อเดินทางเข้าถึงประเทศซาอุแล้ว จากเงื่อนไขสัญญาจ้างที่นายจ้างไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง ลูกจ้างถูกยึดพาสปอร์ต ไม่ให้มีโทรศัพท์ให้ใช้เพื่อที่จะได้สามารถติดต่อคนช่วยเหลือได้ ลูกจ้างไม่สามารถเดินทางเข้าหรือออกจากประเทศซาอุดิอาระเบียได้ถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากนายจ้าง ไม่สามารถเปลี่ยนนายจ้างได้
ลูกจ้างต่างชาติถ้าจำเป็นต้องขึ้นศาลซาอุ แทบทั้งหมดจะแพ้คดี เพราะไม่รู้ภาษาอาหรับ ไม่รู้กฎหมาย ไม่ได้รับอนุญาตให้หาล่ามหรือที่ปรึกษาทางกฎหมาย และก็ไม่มีใครช่วย กว่าเรื่องจะรู้ถึงรัฐบาลของตนเองก็ใกล้ถูกประหารชีวิต หรือถูกประหารชีวิตไปแล้ว และรัฐบาลก็ช่วยอะไรไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่เป็นผู้เสียหาย หรือถูกใส่ความ และเท่าที่เคยเห็นมาก็ไม่เคยมีรัฐบาลของประเทศไหนสามารถช่วยคนงานของประเทศตนเอง ให้รอดพ้นจากโทษประหารของซาอุได้
ส่วนรัฐบาลซาอุก็เข้าข้างนายจ้างคนของประเทศตนเองและไม่สนใจทำตามสัญญานั้นด้วย ที่อ้างว่าได้มีการปฏิรูปกฎหมายแรงงานเกี่ยวกับระบบสปอนเซอร์ หรือ kafala ใหม่ เมื่อปลายปี 2020 แล้วนั้น ก็มีผลแค่ในกระดาษ แต่ไม่มีผลในทางปฏิบัติจริง เนื่องจากระบบแบบเก่านั้นนายจ้างซาอุได้ประโยชน์จากการเอาเปรียบผู้ใช้แรงงงานต่างชาติ สามารถกดค่าแรงไว้ที่ต่ำ ๆ ได้
อีกทั้งการปฏิรูปกฎหมายเกี่ยวกับระบบสปอนเซอร์ครั้งนี้ ก็ไม่มีผลบังคับใช้กับแรงงานที่ทำงานบ้าน ถ้าแรงงานชาติไหนมีปัญหาดื้อไม่ยอมให้กดขี่ข่มเหงทำทารุณกรรม ซาอุก็ไปหาแรงงานจากชาติอื่นที่ไม่ประสีประสารายใหม่ ๆ มาทำงานทดแทนต่อไปเรื่อย ๆ แต่ไม่ยอมแก้ปัญหาที่ต้นตอพฤติกรรมของนายจ้างชาวซาอุเอง
อันนี้เป็นข่าวตัวอย่างปัญหาที่เกิดขึ้นกับหญิงทำงานบ้านในซาอุจากบางประเทศ ซึ่งข่าวทำนองนี้ก็ดังกระฉ่อนในต่างประเทศ มีมากมายนับไม่ถ้วน แต่ว่าแทบจะไม่เคยปรากฏบนสื่อไทยเลย หรือถึงมี ก็คงไม่มีใครสนใจอ่านหรือฟัง เพราะคนไทยไม่ได้มีความรู้สึกเดือดร้อนร่วมกับเรื่องพวกนี้ในตอนนั้นที่เป็นเรื่องไกลตัว
Uganda bans maids from working in Saudi Arabia
https://www.rfi.fr/en/africa/20160127-uganda-bans-maids-working-saudi-arabia
"I wanted to die": The 'hell' of kafala jobs in the Middle East - BBC Africa Eye documentary
https://www.youtube.com/watch?v=6CPCZAU47YQ
Bangladeshi domestic workers face physical and sexual abuse in Saudi Arabia
https://www.dw.com/en/bangladeshi-domestic-workers-face-physical-and-sexual-abuse-in-saudi-arabia/a-45401227
ประเทศที่ส่งออกแรงงานหญิงทำงานบ้านไปที่ซาอุนั้น เจอปัญหาอย่างนี้ทุกประเทศ รัฐบาลและประชาชนของพวกเขาก็รู้ดีอยู่ อย่างไรก็ตามแม้ว่าคนในประเทศเหล่านั้นจะรู้สึกขยาดและหวั่นเกรง แต่ชีวิตของพวกเขาก็มีทางเลือกอะไรไม่มากนัก แทบจะไม่แตกต่างอะไรจากแรงงานต่างด้าวเพื่อนบ้านของไทยที่ดิ้นรนมาทำงานในไทย ก็ต้องเสี่ยงดวงกันไป
https://m.pantip.com/topic/41340891
คิดให้ดีก่อนไปทำงานซาอุ แม่บ้านอันตราย รายได้น้อย
สิ่งที่ทำให้ซาอุหาแรงงานประเภทนี้ยากก็เพราะว่า มีการ กักขัง หน่วงเหนี่ยว ใช้แรงงานเยี่ยงทาส ไม่มีเวลาพักผ่อน และวันหยุด ไม่จ่ายค่าจ้าง หรือจ่ายต่ำกว่าที่ได้ตกลง รวมไปถึงการทำทารุณกรรม ทั้งร่างกายและจิตใจ จะด้วยวาจาหรือลงไม้ลงมือจากนายจ้างเอง ข่มขืนล่วงละเมิดทางเพศ ไปถึงขั้นทำร้ายลูกจ้างจนเสียชีวิต หรือ ลูกจ้างทนถูกทารุณกรรมไม่ไหวต้องฆ่าตัวตายเอง
โดยที่ลูกจ้างไม่มีสิทธิจะต่อสู้อะไรได้เลยเพราะเสียเปรียบทุกอย่าง เมื่อเดินทางเข้าถึงประเทศซาอุแล้ว จากเงื่อนไขสัญญาจ้างที่นายจ้างไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง ลูกจ้างถูกยึดพาสปอร์ต ไม่ให้มีโทรศัพท์ให้ใช้เพื่อที่จะได้สามารถติดต่อคนช่วยเหลือได้ ลูกจ้างไม่สามารถเดินทางเข้าหรือออกจากประเทศซาอุดิอาระเบียได้ถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากนายจ้าง ไม่สามารถเปลี่ยนนายจ้างได้
ลูกจ้างต่างชาติถ้าจำเป็นต้องขึ้นศาลซาอุ แทบทั้งหมดจะแพ้คดี เพราะไม่รู้ภาษาอาหรับ ไม่รู้กฎหมาย ไม่ได้รับอนุญาตให้หาล่ามหรือที่ปรึกษาทางกฎหมาย และก็ไม่มีใครช่วย กว่าเรื่องจะรู้ถึงรัฐบาลของตนเองก็ใกล้ถูกประหารชีวิต หรือถูกประหารชีวิตไปแล้ว และรัฐบาลก็ช่วยอะไรไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่เป็นผู้เสียหาย หรือถูกใส่ความ และเท่าที่เคยเห็นมาก็ไม่เคยมีรัฐบาลของประเทศไหนสามารถช่วยคนงานของประเทศตนเอง ให้รอดพ้นจากโทษประหารของซาอุได้
ส่วนรัฐบาลซาอุก็เข้าข้างนายจ้างคนของประเทศตนเองและไม่สนใจทำตามสัญญานั้นด้วย ที่อ้างว่าได้มีการปฏิรูปกฎหมายแรงงานเกี่ยวกับระบบสปอนเซอร์ หรือ kafala ใหม่ เมื่อปลายปี 2020 แล้วนั้น ก็มีผลแค่ในกระดาษ แต่ไม่มีผลในทางปฏิบัติจริง เนื่องจากระบบแบบเก่านั้นนายจ้างซาอุได้ประโยชน์จากการเอาเปรียบผู้ใช้แรงงงานต่างชาติ สามารถกดค่าแรงไว้ที่ต่ำ ๆ ได้
อีกทั้งการปฏิรูปกฎหมายเกี่ยวกับระบบสปอนเซอร์ครั้งนี้ ก็ไม่มีผลบังคับใช้กับแรงงานที่ทำงานบ้าน ถ้าแรงงานชาติไหนมีปัญหาดื้อไม่ยอมให้กดขี่ข่มเหงทำทารุณกรรม ซาอุก็ไปหาแรงงานจากชาติอื่นที่ไม่ประสีประสารายใหม่ ๆ มาทำงานทดแทนต่อไปเรื่อย ๆ แต่ไม่ยอมแก้ปัญหาที่ต้นตอพฤติกรรมของนายจ้างชาวซาอุเอง
อันนี้เป็นข่าวตัวอย่างปัญหาที่เกิดขึ้นกับหญิงทำงานบ้านในซาอุจากบางประเทศ ซึ่งข่าวทำนองนี้ก็ดังกระฉ่อนในต่างประเทศ มีมากมายนับไม่ถ้วน แต่ว่าแทบจะไม่เคยปรากฏบนสื่อไทยเลย หรือถึงมี ก็คงไม่มีใครสนใจอ่านหรือฟัง เพราะคนไทยไม่ได้มีความรู้สึกเดือดร้อนร่วมกับเรื่องพวกนี้ในตอนนั้นที่เป็นเรื่องไกลตัว
Uganda bans maids from working in Saudi Arabia
https://www.rfi.fr/en/africa/20160127-uganda-bans-maids-working-saudi-arabia
"I wanted to die": The 'hell' of kafala jobs in the Middle East - BBC Africa Eye documentary
https://www.youtube.com/watch?v=6CPCZAU47YQ
Bangladeshi domestic workers face physical and sexual abuse in Saudi Arabia
https://www.dw.com/en/bangladeshi-domestic-workers-face-physical-and-sexual-abuse-in-saudi-arabia/a-45401227
ประเทศที่ส่งออกแรงงานหญิงทำงานบ้านไปที่ซาอุนั้น เจอปัญหาอย่างนี้ทุกประเทศ รัฐบาลและประชาชนของพวกเขาก็รู้ดีอยู่ อย่างไรก็ตามแม้ว่าคนในประเทศเหล่านั้นจะรู้สึกขยาดและหวั่นเกรง แต่ชีวิตของพวกเขาก็มีทางเลือกอะไรไม่มากนัก แทบจะไม่แตกต่างอะไรจากแรงงานต่างด้าวเพื่อนบ้านของไทยที่ดิ้นรนมาทำงานในไทย ก็ต้องเสี่ยงดวงกันไป
https://m.pantip.com/topic/41340891