JJNY : นิด้าโพลเผยผลสำรวจเลือกผู้ว่าฯ│ชี้คดีอนาจารขืนใจมักเคลียร์ลับหลัง│ส.อ.ท.ห่วงค่าไฟโหด│เตือนรัสเซียอาจใช้นิวเคลียร์

นิด้าโพล เผยผลสำรวจ พบสถานการณ์การเมืองระดับชาติ มีผลอย่างมากต่อการตัดสินใจเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.
https://ch3plus.com/news/political/morning/287118
 
 
ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง “ปัจจัยในการชนะการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.” ทำการสำรวจจากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,325 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับปัจจัยในการชนะการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.

เมื่อถามประชาชนถึงสถานการณ์การเมืองระดับชาติกับการส่งผลต่อการตัดสินใจเลือกผู้ว่าฯ กทม.พบว่า

- ร้อยละ 31.25 ระบุว่า ส่งผลต่อการตัดสินใจอย่างมาก
- รองลงมา ร้อยละ 30.41 ระบุว่า ไม่ส่งผลต่อการตัดสินใจเลย
- ร้อยละ 24.38 ระบุว่า ค่อนข้างส่งผลต่อการตัดสินใจ
-  และร้อยละ 13.96 ระบุว่า ไม่ค่อยส่งผลต่อการตัดสินใจ

เมื่อถามถึงปัจจัยสำคัญที่สุดที่ทำให้ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งผู้ว่า กทม. พบว่า
- ร้อยละ 44.75 ระบุว่า นโยบายของผู้สมัคร
- รองลงมา ร้อยละ 28.91 ระบุว่า คุณสมบัติ/ชื่อเสียงส่วนตัวของผู้สมัคร
- ร้อยละ 9.36 ระบุว่า ฐานเสียงจัดตั้งของผู้สมัคร
- ร้อยละ 6.19 ระบุว่า อิทธิพลของบุคคล/กลุ่มบุคคลที่สนับสนุนผู้สมัคร
- ร้อยละ 6.04 ระบุว่า กลยุทธ์/แนวทางการหาเสียงของผู้สมัคร
- ร้อยละ 4.00 ระบุว่า การสนับสนุนของสื่อมวลชนที่มีต่อผู้สมัคร
- และร้อยละ 0.75 ระบุว่า งบประมาณในการหาเสียงของผู้สมัคร



"ทนายเดชา" ชี้คดี "อนาจารขืนใจ" มักเคลียร์ลับหลัง กองเชียร์ระวังเป็นหมา
https://www.nationtv.tv/news/378870266

เตือนใจโซเชียล! "ทนายเดชา" แสดงความเห็นคดี "อดีตรองหัวหน้าพรรค" ถูกกล่าวหาอนาจาร-ขืนใจเหยื่อ ระบุส่วนใหญ่คดีประเภทนี้ มักเคลียร์กันลับหลัง เตือนผู้เกี่ยวข้อง และกองเชียร์ระวังเป็นหมา

จากกรณีตำรวจ สน.ลุมพินี แจ้งข้อหาเอาผิดนายปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ที่ถูกกล่าวหาว่าลวนลาม และข่มขืนเหยื่อสาว ภายหลังนายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความชื่อดัง นำเรื่องราวมาเผยแพร่ จนตกเป็นข่าวโด่งดังช่วง 2-3 วันที่ผ่านมานั้น

ล่าสุดนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความชื่อดัง โพสต์คลิปแสดงความเห็นผ่านเพจเฟซบุ๊ก “ทนายคลายทุกข์” ภายหลังมีกระแสข่าวอดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จ่ายเงินให้เหยื่อหวังจบคดีนั้นว่า ตรงนี้อยากจะเรียนคดีอนาจาร หรือคดีข่มขืน เท่าที่ตนเองเคยมีประสบการณ์มา เป็นคดีส่วนตัว ถ้าไม่ได้ทำต่อหน้าธารกำนัล ส่วนใหญ่ถ้าเคลียร์กันเรื่องก็จบ

“คนอื่นที่กำลังเชียร์กันอยู่นั้น ทำไปทำมาจะกลายเป็นหมา หอนกันไป โฮ่งๆ กันไปหมด อาหารเม็ดเยอะแยะมากมาย เดี๋ยวหลายๆ คนจะได้กินอาหารเม็ด เพราะคดีพวกนี้ เป็นคดีที่เกิดในที่ลับ เป็นเรื่องของคนสองคนนะครับ ส่วนผู้เสียหายต่างๆ เหตุเกิดมานานแล้ว 5 ปี 10 ปี หรือ 3-4 ปี ที่ทำในที่ลับทั้งหลาย มันขาดอายุความหมดแล้ว การจะมาแจ้งความ หรือให้สัมภาษณ์สื่อต้องระวัง เพราะถ้าผู้ต้องหาเอาเรื่องขึ้นมา ก็อาจโดนข้อหาแจ้งความเท็จ หรือหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา”

ขอย้ำว่า คดีพวกนี้ เป็นคดีที่ละเอียดอ่อน จึงอยากฝากไว้เป็นข้อคิด แต่ส่วนตัวเห็นใจเหยื่อทุกคน แต่ว่าคดีประเภทนี้ ส่วนใหญ่แล้วก็มักจะเคลียร์กันลับหลัง แล้วคนอื่นจะกลายเป็นหมา


 
ส.อ.ท.ห่วงค่าไฟโหดหน้าร้อน ลดค่าเอฟที 22 สต.ไม่เพียงพอ วอนเยียวยาเพิ่ม
https://www.matichon.co.th/economy/news_3292112

ส.อ.ท.ห่วงค่าไฟโหดหน้าร้อน ลดค่าเอฟที 22 สต.ไม่เพียงพอ วอนเยียวยาเพิ่ม ชี้หมดโปรดีเซลขนส่งพุ่ง15-20% รบ.ต้องเร่งแก้ปัญหา

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงสถานการณ์ค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้นจากค่าไฟฟ้าช่วงฤดูร้อน ว่า ขณะนี้ต้นทุนค่าครองชีพของประชาชนเพิ่มขึ้นทุกด้าน รวมทั้งต้นทุนการผลิตของผู้ประกอบการก็เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทั้งจากสถานการณ์ราคาน้ำมัน วัตถุดิบต่างๆขึ้นราคา ส่งผลให้ราคาสินค้าขึ้นตาม ตัวเลขเงินเฟ้อเดือนมีนาคม 2565 จึงเพิ่มเป็น 5.73% สูงสุดในรอบกว่า 10 ปี
 
ล่าสุดยังเตรียมได้รับผลกระทบจากต้นทุนค่าไฟฟ้าช่วงฤดูร้อนนี้ ซึ่งรัฐบาลเพิ่งประกาศปรับขึ้นค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ(เอฟที)เดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2565 อีก 23.38 สตางค์ต่อหน่วย ขณะที่เดือนเมษายนของทุกปีจะมีสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าวที่สุด เป็นเดือนที่มีโอกาสเกิดปริมาณการใช้ไฟฟ้าสูงสุดของปี(พีก) จากความต้องการใช้ไฟฟ้าเพื่อทำความเย็นในด้านต่างๆ โดยเฉพาะการเปิดเครื่องปรับอากาศ หรือ แอร์ เพื่อสร้างความเย็น เมื่อทุกภาคส่วนใช้ไฟฟ้าปริมาณมากจะกระทบรายจ่ายของประชาชนและผู้ผลิตให้สูงตามไปด้วย ดังนั้นอยากให้ภาครัฐออกมาตรการเยียวยารายจ่ายของประชาชนที่เพิ่มขึ้นด้วย
 
นายเกรียงไกร กล่าวว่า เดือนเมษายนเป็นเดือนที่ร้อนสุดของปี จึงมีโอกาสเกิดพีก ระดับ 3 หมื่นเมกะวัตต์ขึ้นไป จากปริมาณไฟฟ้าสำรองของไทยประมาณ 5 หมื่นเมกะวัตต์ ส่วนช่วงเวลาอื่นปริมาณการใช้ไฟฟ้าของไทยจะอยู่ระดับ 2 หมื่นเมกะวัตต์ จะเห็นว่าการใช้ไฟสูงมาก รายจ่ายก็สูงมากเช่นกัน ล่าสุดแม้รัฐบาลจะมีมาตรการเยียวยาค่าไฟ เป็น 1 ใน 10 มาตรการบรรเทาผลกระทบประชาชน คือ การลดภาระค่าไฟฟ้าที่จะเพิ่มขึ้นสำหรับผู้ที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน โดยลดค่าเอฟที ลง 22 สตางค์ต่อหน่วย รวม 4 เดือน ในช่วงเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2565 แต่จำนวนหน่วยไฟฟ้าดังกล่าวหากเปิดแอร์ช่วงหน้าร้อนต่อเนื่องรวมเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นประชาชนส่วนใหญ่จะใช้ไฟฟ้ามากกว่า 300 หน่วยแน่นอน

“จากการประเมินมาตรการรัฐไม่เพียงพอแน่นอน จึงอยากให้พิจารณาเพิ่มเติม ดูแลประชาชนให้พ้นฤดูร้อนไปก่อน เพราะปลายเดือนพฤษภาคม จะเข้าฤดูฝนแล้ว” นายเกรียงไกรกล่าว
 
อย่างไรก็ตามนอกจากมาตรการเยียวยาประชาชน ผู้ใช้ไฟฟ้าทุกกลุ่ม อีกด้านหนึ่งคือมาตรการรณรงค์ให้ประหยัดพลังงานก็เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมากเช่นกัน โดยควรมีแคมเปญกระตุ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนตระหนักถึงสถานการณ์ต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ การเป็นประเทศผู้นำเข้าพลังงานเป็นหลัก และผลดีจากการประหยัดพลังงาน ซึ่งมาตรการเยียวยาประชาชนและมาตรการประหยัดพลังงานต้องเดินหน้าควบคู่กัน
 
นอกจากนี้ผลกระทบด้านค่าไฟฟ้า อีกผลกระทบที่สำคัญคือ ราคาน้ำมัน โดยตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคมนี้ รัฐบาลจะเลิกตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร และจะเข้าไปช่วยเหลือส่วนที่ราคาน้ำมันดีเซลปรับเพิ่มขึ้นครึ่งหนึ่ง ทำให้กลุ่มผู้ประกอบการขนส่งออกมาประกาศว่าจะปรับราคาค่าขนส่งขึ้นอีก 15-20% แน่นอนว่าหากปรับขึ้นจริง จะกระทบราคาสินค้าที่ทุกวันนี้ขยับขึ้นแล้วให้เพิ่มขึ้นไปอีก รัฐบาลต้องเตรียมรับมือเรื่องนี้โดยด่วน สถานการณ์ขณะนี้จึงน่ากังวล แต่ก็เป็นความท้าทายของรัฐบาลในการแก้ปัญหา โดยเฉพาะปัญหาค่าครองชีพของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากต้นทุนด้านพลังงานทั้งค่าไฟและน้ำมัน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่