กับใครสักคนที่เพิ่งพบหน้ากันเป็นครั้งแรก พูดจากันไม่กี่ประโยค เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่า เบื้องหลังหน้ายิ้มๆ ตาใสๆ ที่แสดงความเป็นมิตร อาจแอบซ่อนปีศาจร้ายไว้อยู่ภายในก็เป็นได้ อย่าว่าแต่คนที่เพิ่งพบเจอ กับคนที่เราคิดว่ารู้จักดีแล้ว ก็ไม่ได้อยู่ในข้อยกเว้นนั้น
ชาวบ้านเดินถนนอย่างพวกเราอาจไม่รู้ แต่มีคนหนึ่งพยายามจะลากปีศาจร้ายที่ซ่อนตัวออกมาให้ได้ ร้อยตรีซงฮายอง สายสืบเด็กดื้อ แห่งสถานีตำรวจดงบู ฮายองตั้งใจทำงานเต็มที่ คิดถึงผู้เสียหายหรือเหยื่อเป็นที่ตั้งเสมอ พยายามจะจับคนร้ายให้ได้ทุกคดี ไม่เคยมีและไม่มีปัญหากับใคร
แต่ด้วยบุคลิกแสนนิ่ง ไม่แสดงความรู้สึกออกมาให้ใครเห็นหรือเข้าใจ การทำงานและความมุ่งมั่นในแบบของเขาจึงไม่ได้รับการสนับสนุนจากหัวหน้า ไม่ต้องถามเรื่องความเอ็นดู เพื่อนร่วมงานบางทีแอบนินทา ฮายองเหมือนคนทำงานลำพัง ไม่หือไม่อืออะไรกับคนในทีม แต่ไม่มีใครปฏิเสธความจริงที่ว่า ฮายองเป็นสายสืบที่ตั้งใจทำงานที่สุดคนหนึ่ง
มีนาคม ปี 1998, มีหญิงสาวถูกฆาตกรรมในระหว่าง 10 เดือนที่ผ่านมาหลายราย เบาะแสที่เชื่อมโยงทุกคดีเข้าด้วยกันคือ วัตถุพยานและวิธีการลงมือ ที่เชื่อได้ว่าเป็นฆาตกรต่อเนื่องรายเดียวกัน
ด้วยแรงกดดันจากสังคม ตำรวจพยายามจะจับฆาตกรต่อเนื่องให้ได้เพื่อเรียกความเชื่อมั่นคืนจากประชาชน ผู้ต้องหาคดีทางเพศที่เกิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกันสองราย จบลงด้วยหนึ่งในนั้นถูกตัดสินลงโทษในความผิดฐานฆาตกรรม อีกหนึ่งถูกทำให้เชื่อว่าคือฆาตกรต่อเนื่อง มีเพียงฮายองที่ไม่อาจปักใจเชื่อการตัดสินในคดีแรก แต่ก็ไม่สามารถหาหลักฐานมายืนยันความเชื่อของเขา
ข้ามปีไป คดีฆาตกรรมรูปแบบเดิมเกิดขึ้นอีกครั้ง กระตุ้นให้ความพยายามของกุกยองซูในฐานะหัวหน้าทีมพิสูจน์หลักฐานผลักดันให้มีการจัดตั้งทีมวิเคราะห์พฤติกรรมอาชญากร หวังจะช่วยในการสืบสวนที่แตกต่างไปจากรูปแบบเดิมๆ ที่เคยทำกันมา ความใหม่ล้ำในกระบวนการหาตัวคนร้าย อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในวงการตำรวจเกาหลีใต้
กุกยองซูที่ดื้อด้าน พยายามหว่านล้อมโน้มน้าวผู้บังคับบัญชารุ่นพี่ของเขามานับปี ต่อให้ผู้บังคับบัญชาจะอ้างเหตุผลอย่าง . . เบื้องบนเกลียดวิธีการที่ไม่คุ้นเคยมากกว่าวิธีการแย่ๆ . . แต่กุกยองซูไม่เคยท้อแท้ที่จะพยายาม สิ่งที่เรียกว่า โปรไฟล์ลิ่ง (profiling) เพื่อเป้าหมายลดคดีอาชญากรรมลงให้ได้มากที่สุด
การที่ฮายองพบข้อสงสัยบางอย่างแล้วไม่ปล่อยผ่าน กลับไปที่เกิดเหตุซ้ำแล้วซ้ำอีก เขาติดตามไปหานักโทษในเรือนจำเพื่อหาคำตอบในความสงสัยนั้น เทียวไปเทียวกลับอยู่หลายครั้งด้วยความตื๊อ การทำงานที่เป็นเอกเทศของฮายอง ความช่างสังเกตและความละเอียดถี่ถ้วน แม้ไม่ได้รับการร้องขอ แต่เป็นข้อสังเกตที่ทีมสืบสวนอาชญากรรมพิเศษไม่อาจมองข้ามไปได้ ช่วยให้คดีคลี่คลายได้ในที่สุด
ในฐานะคนที่ดื้อด้านยิ่งกว่ากุกยองซู ด้วยคุณสมบัติพิเศษของฮายอง สัญชาตญาณ ความรู้ ทักษะการวิเคราะห์อย่างเป็นเหตุเป็นผล ความอ่อนไหวทางอารมณ์ที่ทำให้รับรู้ความรู้สึกของคนอื่น และจุดแข็งที่สุดของฮายองคือการไม่แสดงความรู้สึกทางสีหน้าให้ใครรู้ เหมือนคนไร้ความรู้สึก ทั้งหมดนี้คือคุณสมบัติของ โปรไฟล์เลอร์ ที่ฮายองบอกหัวหน้ากุกว่าเขาไม่เข้าใจ ไม่รู้จักการทำงานนี้ ทั้งที่ฮายองทำและเป็นโปรไฟล์เลอร์ มาก่อนที่จะมีคำว่าโปรไฟล์เลอร์เกิดขึ้นในวงการสืบสวน ก่อนที่ฮายองจะได้รับตำแหน่งนี้จริงๆ เสียอีก จุดเริ่มต้นของการ โปรไฟล์ลิ่ง ในวงการสืบสวนของเกาหลีได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว เมื่อทีมวิเคราะห์พฤติกรรมอาชญากร เกิดขึ้นด้วยการผลักดันของหัวหน้ากุกยองซู
ท่ามกลางความไม่รู้ ไม่เข้าใจ ไม่ยอมรับของเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนในกรมตำรวจ รวมทั้งนักข่าวที่มีทั้งดีและแย่ กับวิธีและเทคนิคใหม่ของการโปรไฟล์ลิ่ง ทีมวิเคราะห์พฤติกรรมอาชญากรที่ประกอบไปด้วยหัวหน้ากุกยองซู ผู้หมวดซงฮายอง และนักวิเคราะห์สถิติ จองอูจู
พวกเขาต้องเจอกับความยากลำบากในการทำงานทุกรูปแบบ ต้องพยายามพิสูจน์ให้ทุกฝ่ายเห็นถึงความจำเป็นที่ต้องมีการโปรไฟล์ลิ่ง ในการสืบสวน การเข้าใจความคิดและการเข้าถึงจิตใจของอาชญากร เพื่อผลในการไล่ล่าหาตัวอาชญากรอีกมากมายที่ทำร้ายคนอื่นอยู่ข้างนอกนั่น
Through the Darkness สร้างจากอาชญนิยายของ
ควอนอิลยง โปรไฟล์เลอร์ตัวจริง คนแรกของประเทศเกาหลีใต้ ซีรีส์สืบสวนที่ไม่มีฉากแอ็คชั่นฟันแทงยิงกันเลือดสาด ไม่มีฉากขับรถไล่ล่ามันส์หยด ไม่มีฉากรักล่อใจ แม้จะไม่มีทั้งหมดนั้น มีแต่บทที่ยอดเยี่ยม การแสดงที่ทรงพลังและเสน่ห์เฉพาะตัวของนักแสดง mood and tone ที่หมายถึงบรรยากาศโดยรวมทั้งหมด สามารถดึงคนดูเข้าไปอยู่ในอารมณ์เดียวกับตัวละคร ทั้งภาพและเสียง การให้สีให้แสง ดนตรีประกอบที่ทำให้คนดูระทึกใจได้แม้จะเป็นเพียงฉากการนั่งคุยกันธรรมดาที่ไม่ธรรมดาของคนสองคน การไล่ล่าหาตัวผู้ร้ายที่แท้จริง ที่ห่างแค่ช่วงโต๊ะคนละฝั่ง ก็กลับตรึงความรู้สึกของคนดูจนไม่อาจขยับตัวได้เลย ดีงามจนไม่รู้จะสรรหาคำไหนมายกย่องได้มากไปกว่าคำว่า ดีมาก ชอบมาก
คิมนัมกิล เป็น
ผู้หมวดซงฮายอง สายสืบหนุ่ม เจ้าของใบหน้าเรียบเฉย ไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ออกมาให้ใครเห็น ภายในกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ท่วมท้น ทั้งความเศร้า ความเสียใจ ความสงสาร ความอ่อนไหว แต่เพราะเหตุการณ์สะเทือนใจในวัยเด็ก ด้วยความรู้สึกที่ลึกซึ้งนี้ ทำให้ฮายองเข้าใจจิตใจของคนอื่น อ่านใจของคนอื่นได้ เมื่อรู้ว่าตัวเองแตกต่างจากคนอื่นจึงพยายามปกป้องตัวเองด้วยการเก็บซ่อนความรู้สึกเอาไว้
คิมนัมกิล ได้มอบการแสดงที่ดีที่สุดของเขาให้กับผู้ชมอีกครั้ง ในบทซงฮายอง ด้วยบุคลิกและเงื่อนปมของตัวละคร นัมกิลใช้ได้แค่แววตาและภาษาร่างกายอีกเพียงเล็กน้อย เพื่อจะสื่อสารความรู้สึกในทุกอารมณ์ของซงฮายองให้เราได้รับรู้ ไม่ว่าจะเป็นดีใจ โกรธ มีความสุข เศร้าท้อแท้ สะเทือนใจ ครุ่นคิด กลัว หรือความรู้สึกที่ “เป็นต่อ” เหนือคู่สนทนา

เขาไม่สามารถจะสื่อความรู้สึกเหล่านั้นผ่านคำพูด ผ่านน้ำเสียง หรือการแสดงออกของท่าทางอย่างชัดเจนได้ ใน
ความน้อย ที่แสดงออกมา อย่างการหายใจ หลังไหล่ที่ตึงเครียด การกลืนน้ำลาย การขยับคอเสื้อ การเอี้ยวตัว การเม้มริมฝีปาก รอยยิ้มที่แทบจะมองไม่เห็นแต่สัมผัสได้ กับแววตาที่บอกทุกความรู้สึก นัมกิลถ่ายทอดสิ่งเหล่านี้อย่างละเอียดที่สุดและกลายเป็นความชัดเจนที่ผู้ชมรับรู้ได้ถึงความรู้สึกของฮายองในแต่ละฉากแต่ละตอน เล่นน้อยแต่ได้มาก
จินซอนกยู เป็น
หัวหน้ากุกยองซู บุคคลตั้งต้นแห่งการโปรไฟล์ลิ่ง เป็นคนที่เห็นความสามารถ เชื่อมั่น และผลักดันฮายองมาสู่การเป็น โปรไฟล์เลอร์ ในฐานะหัวหน้าทีมของกุกยองซู ที่ไม่ได้ทำหน้าที่แค่หัวหน้า แต่เป็นทั้งพี่ชาย เป็นเพื่อนเล่น เป็นมุขฝืดที่ทำให้ฮายองหัวเราะได้
คิมโซจิน เป็น
ยุนแทกู หัวหน้าทีมอาชญากรรมพิเศษทีมสอง หญิงเดียวในหน่วยสืบสวน ที่คล้ายจะไม่ได้รับการยอมรับเต็มร้อยจากเพื่อนร่วมหน่วยงาน แต่เธอก็ฝ่าฟันและพิสูจน์ด้วยผลงาน กับความไม่เข้าใจระหว่างทีมสืบสวนและทีมวิเคราะห์พฤติกรรมอาชญากร ที่ต้องไฟท์กันครึ่งค่อนทางกว่าจะประสานกันได้อย่างแข็งแกร่ง
รยออุน เป็น
จองอูจู นักวิเคราะห์สถิติ หนุ่มน้อยผู้มาเติมเต็มในความเป็น สามจุด เพราะฉะนั้น แห่งทีมวิเคราะห์พฤติกรรมอาชญากร จากเริ่มต้นที่คิดว่าการมาเข้าร่วมทีมคือความเท่ แต่ฮายองคือคนที่ทำให้อูจูเปลี่ยนความคิดไปได้ด้วยเรื่องเล่าของชายตาบอดกับตะเกียง
นักแสดงสมทบที่คุ้นหน้าอีกหลายคน หนึ่งในนั้นคือ
คิมวอนแฮ เป็น หัวหน้าฮอ แค่เห็นหน้าก็ขำไปก่อน และบรรดานักแสดงทุกรายที่มารับบทอาชญากรตั้งแต่รายแรกจนถึงรายสุดท้าย ทำหน้าที่ของพวกเขาได้อย่างยอดเยี่ยมมากไม่แพ้นักแสดงหลักทุกคน ขอปรบมือให้แรงๆ
ระหว่างการสัมภาษณ์อาชญากร เพื่อเข้าไปให้ถึงก้นบึ้งจิตใจของปีศาจ ฮายองต้องใช้ทักษะทุกอย่าง ใช้ความอดทนอดกลั้น ใช้ความสงบเพื่อข่มความโกรธ ต้องเก็บซ่อนความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเอง บางครั้งต้องยอมให้อาชญากรได้สัมผัสกับความรู้สึกที่อยู่เหนือกว่า บางครั้งต้องหลอกล่อเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ ความเครียด ความโกรธแค้น ความเศร้าเมื่อคิดถึงเหยื่อ ความกดดันทั้งหมดในฐานะโปรไฟล์เลอร์ ฮายองเหมือนใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางความมืดมิด และมืดหม่น
อาจจะดูเหมือนเป็นซีรีส์ที่เคร่งเครียดและหม่นตรม แต่ในความหนักหน่วงตลอดทางนั้น ยังเจือไปด้วยความชวนอมยิ้มในความแน่นแฟ้นของทีมสามหนุ่มสามมุม ยังมีความอบอุ่นในความสัมพันธ์ของฮายองกับแม่ที่หล่อเลี้ยงหัวใจผู้ชมด้วยความอ่อนโยน
ผู้คนใกล้ชิดที่แวดล้อมฮายอง ไม่ว่าจะเป็นแม่, เพื่อนร่วมงาน หรือแม้แต่ครอบครัวของเหยื่อผู้เสียชีวิต พวกเขาคือพลัง คือคนที่คอยประคอง คอยฉุดดึงฮายอง ให้หลุดพ้นความชั่วร้ายของปีศาจในคราบอาชญากรเหล่านั้น และฝ่าความมืดมิด
Through the Darkness ออกมาสู่แสงแห่งความหวังได้
สิ่งที่ผู้ชมจะได้รับจาก
Through the Darkness นอกจากความบันเทิงในแนวทางของซีรีส์ที่แปลกแตกต่างไปจากซีรีส์สืบสวนเรื่องอื่นๆ ที่เคยดูกันมา ก็คือวิวัฒนาการของการสืบสวนในมิติใหม่ สอบปากคำที่ไม่เหมือนสอบปากคำ คุยไปคุยมา คำสารภาพออกมาเอง ด้วยเทคนิคใหม่ ด้วยตรรกะที่เป็นเหตุเป็นผล เพื่อรู้เขารู้เรา เพื่อลดอาชญากรรมที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น แม้แต่อาชญากรเองหากได้รับการช่วยเหลือหรือการรักษาก่อนที่สถานการณ์จะเลวร้ายไปถึงจุดที่สายเกินแก้ ก็ย่อมลดการเกิดอาชญากรรมหรือป้องกันไม่ให้ใครสักคนกลายเป็นปีศาจไปได้
ขอเชิญทุกท่านจุดตะเกียง เดินไปกับโปรไฟล์เลอร์หน้านิ่ง ผู้นิยมน้ำดำไม่แตะต้องน้ำขาว มีความหวานเป็นสรณะ และหัวใจที่ลึกซึ้งอ่อนโยนอย่างที่สุด ได้ ณ บัดนี้
[รีวิวซีรีส์] Through the Darkness ฝ่าความมืดมิด
กับใครสักคนที่เพิ่งพบหน้ากันเป็นครั้งแรก พูดจากันไม่กี่ประโยค เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่า เบื้องหลังหน้ายิ้มๆ ตาใสๆ ที่แสดงความเป็นมิตร อาจแอบซ่อนปีศาจร้ายไว้อยู่ภายในก็เป็นได้ อย่าว่าแต่คนที่เพิ่งพบเจอ กับคนที่เราคิดว่ารู้จักดีแล้ว ก็ไม่ได้อยู่ในข้อยกเว้นนั้น
ชาวบ้านเดินถนนอย่างพวกเราอาจไม่รู้ แต่มีคนหนึ่งพยายามจะลากปีศาจร้ายที่ซ่อนตัวออกมาให้ได้ ร้อยตรีซงฮายอง สายสืบเด็กดื้อ แห่งสถานีตำรวจดงบู ฮายองตั้งใจทำงานเต็มที่ คิดถึงผู้เสียหายหรือเหยื่อเป็นที่ตั้งเสมอ พยายามจะจับคนร้ายให้ได้ทุกคดี ไม่เคยมีและไม่มีปัญหากับใคร
แต่ด้วยบุคลิกแสนนิ่ง ไม่แสดงความรู้สึกออกมาให้ใครเห็นหรือเข้าใจ การทำงานและความมุ่งมั่นในแบบของเขาจึงไม่ได้รับการสนับสนุนจากหัวหน้า ไม่ต้องถามเรื่องความเอ็นดู เพื่อนร่วมงานบางทีแอบนินทา ฮายองเหมือนคนทำงานลำพัง ไม่หือไม่อืออะไรกับคนในทีม แต่ไม่มีใครปฏิเสธความจริงที่ว่า ฮายองเป็นสายสืบที่ตั้งใจทำงานที่สุดคนหนึ่ง
มีนาคม ปี 1998, มีหญิงสาวถูกฆาตกรรมในระหว่าง 10 เดือนที่ผ่านมาหลายราย เบาะแสที่เชื่อมโยงทุกคดีเข้าด้วยกันคือ วัตถุพยานและวิธีการลงมือ ที่เชื่อได้ว่าเป็นฆาตกรต่อเนื่องรายเดียวกัน
ด้วยแรงกดดันจากสังคม ตำรวจพยายามจะจับฆาตกรต่อเนื่องให้ได้เพื่อเรียกความเชื่อมั่นคืนจากประชาชน ผู้ต้องหาคดีทางเพศที่เกิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกันสองราย จบลงด้วยหนึ่งในนั้นถูกตัดสินลงโทษในความผิดฐานฆาตกรรม อีกหนึ่งถูกทำให้เชื่อว่าคือฆาตกรต่อเนื่อง มีเพียงฮายองที่ไม่อาจปักใจเชื่อการตัดสินในคดีแรก แต่ก็ไม่สามารถหาหลักฐานมายืนยันความเชื่อของเขา
ข้ามปีไป คดีฆาตกรรมรูปแบบเดิมเกิดขึ้นอีกครั้ง กระตุ้นให้ความพยายามของกุกยองซูในฐานะหัวหน้าทีมพิสูจน์หลักฐานผลักดันให้มีการจัดตั้งทีมวิเคราะห์พฤติกรรมอาชญากร หวังจะช่วยในการสืบสวนที่แตกต่างไปจากรูปแบบเดิมๆ ที่เคยทำกันมา ความใหม่ล้ำในกระบวนการหาตัวคนร้าย อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในวงการตำรวจเกาหลีใต้
กุกยองซูที่ดื้อด้าน พยายามหว่านล้อมโน้มน้าวผู้บังคับบัญชารุ่นพี่ของเขามานับปี ต่อให้ผู้บังคับบัญชาจะอ้างเหตุผลอย่าง . . เบื้องบนเกลียดวิธีการที่ไม่คุ้นเคยมากกว่าวิธีการแย่ๆ . . แต่กุกยองซูไม่เคยท้อแท้ที่จะพยายาม สิ่งที่เรียกว่า โปรไฟล์ลิ่ง (profiling) เพื่อเป้าหมายลดคดีอาชญากรรมลงให้ได้มากที่สุด
การที่ฮายองพบข้อสงสัยบางอย่างแล้วไม่ปล่อยผ่าน กลับไปที่เกิดเหตุซ้ำแล้วซ้ำอีก เขาติดตามไปหานักโทษในเรือนจำเพื่อหาคำตอบในความสงสัยนั้น เทียวไปเทียวกลับอยู่หลายครั้งด้วยความตื๊อ การทำงานที่เป็นเอกเทศของฮายอง ความช่างสังเกตและความละเอียดถี่ถ้วน แม้ไม่ได้รับการร้องขอ แต่เป็นข้อสังเกตที่ทีมสืบสวนอาชญากรรมพิเศษไม่อาจมองข้ามไปได้ ช่วยให้คดีคลี่คลายได้ในที่สุด
ในฐานะคนที่ดื้อด้านยิ่งกว่ากุกยองซู ด้วยคุณสมบัติพิเศษของฮายอง สัญชาตญาณ ความรู้ ทักษะการวิเคราะห์อย่างเป็นเหตุเป็นผล ความอ่อนไหวทางอารมณ์ที่ทำให้รับรู้ความรู้สึกของคนอื่น และจุดแข็งที่สุดของฮายองคือการไม่แสดงความรู้สึกทางสีหน้าให้ใครรู้ เหมือนคนไร้ความรู้สึก ทั้งหมดนี้คือคุณสมบัติของ โปรไฟล์เลอร์ ที่ฮายองบอกหัวหน้ากุกว่าเขาไม่เข้าใจ ไม่รู้จักการทำงานนี้ ทั้งที่ฮายองทำและเป็นโปรไฟล์เลอร์ มาก่อนที่จะมีคำว่าโปรไฟล์เลอร์เกิดขึ้นในวงการสืบสวน ก่อนที่ฮายองจะได้รับตำแหน่งนี้จริงๆ เสียอีก จุดเริ่มต้นของการ โปรไฟล์ลิ่ง ในวงการสืบสวนของเกาหลีได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว เมื่อทีมวิเคราะห์พฤติกรรมอาชญากร เกิดขึ้นด้วยการผลักดันของหัวหน้ากุกยองซู
ท่ามกลางความไม่รู้ ไม่เข้าใจ ไม่ยอมรับของเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนในกรมตำรวจ รวมทั้งนักข่าวที่มีทั้งดีและแย่ กับวิธีและเทคนิคใหม่ของการโปรไฟล์ลิ่ง ทีมวิเคราะห์พฤติกรรมอาชญากรที่ประกอบไปด้วยหัวหน้ากุกยองซู ผู้หมวดซงฮายอง และนักวิเคราะห์สถิติ จองอูจู
พวกเขาต้องเจอกับความยากลำบากในการทำงานทุกรูปแบบ ต้องพยายามพิสูจน์ให้ทุกฝ่ายเห็นถึงความจำเป็นที่ต้องมีการโปรไฟล์ลิ่ง ในการสืบสวน การเข้าใจความคิดและการเข้าถึงจิตใจของอาชญากร เพื่อผลในการไล่ล่าหาตัวอาชญากรอีกมากมายที่ทำร้ายคนอื่นอยู่ข้างนอกนั่น
Through the Darkness สร้างจากอาชญนิยายของ ควอนอิลยง โปรไฟล์เลอร์ตัวจริง คนแรกของประเทศเกาหลีใต้ ซีรีส์สืบสวนที่ไม่มีฉากแอ็คชั่นฟันแทงยิงกันเลือดสาด ไม่มีฉากขับรถไล่ล่ามันส์หยด ไม่มีฉากรักล่อใจ แม้จะไม่มีทั้งหมดนั้น มีแต่บทที่ยอดเยี่ยม การแสดงที่ทรงพลังและเสน่ห์เฉพาะตัวของนักแสดง mood and tone ที่หมายถึงบรรยากาศโดยรวมทั้งหมด สามารถดึงคนดูเข้าไปอยู่ในอารมณ์เดียวกับตัวละคร ทั้งภาพและเสียง การให้สีให้แสง ดนตรีประกอบที่ทำให้คนดูระทึกใจได้แม้จะเป็นเพียงฉากการนั่งคุยกันธรรมดาที่ไม่ธรรมดาของคนสองคน การไล่ล่าหาตัวผู้ร้ายที่แท้จริง ที่ห่างแค่ช่วงโต๊ะคนละฝั่ง ก็กลับตรึงความรู้สึกของคนดูจนไม่อาจขยับตัวได้เลย ดีงามจนไม่รู้จะสรรหาคำไหนมายกย่องได้มากไปกว่าคำว่า ดีมาก ชอบมาก
คิมนัมกิล เป็น ผู้หมวดซงฮายอง สายสืบหนุ่ม เจ้าของใบหน้าเรียบเฉย ไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ออกมาให้ใครเห็น ภายในกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ท่วมท้น ทั้งความเศร้า ความเสียใจ ความสงสาร ความอ่อนไหว แต่เพราะเหตุการณ์สะเทือนใจในวัยเด็ก ด้วยความรู้สึกที่ลึกซึ้งนี้ ทำให้ฮายองเข้าใจจิตใจของคนอื่น อ่านใจของคนอื่นได้ เมื่อรู้ว่าตัวเองแตกต่างจากคนอื่นจึงพยายามปกป้องตัวเองด้วยการเก็บซ่อนความรู้สึกเอาไว้
คิมนัมกิล ได้มอบการแสดงที่ดีที่สุดของเขาให้กับผู้ชมอีกครั้ง ในบทซงฮายอง ด้วยบุคลิกและเงื่อนปมของตัวละคร นัมกิลใช้ได้แค่แววตาและภาษาร่างกายอีกเพียงเล็กน้อย เพื่อจะสื่อสารความรู้สึกในทุกอารมณ์ของซงฮายองให้เราได้รับรู้ ไม่ว่าจะเป็นดีใจ โกรธ มีความสุข เศร้าท้อแท้ สะเทือนใจ ครุ่นคิด กลัว หรือความรู้สึกที่ “เป็นต่อ” เหนือคู่สนทนา
เขาไม่สามารถจะสื่อความรู้สึกเหล่านั้นผ่านคำพูด ผ่านน้ำเสียง หรือการแสดงออกของท่าทางอย่างชัดเจนได้ ใน ความน้อย ที่แสดงออกมา อย่างการหายใจ หลังไหล่ที่ตึงเครียด การกลืนน้ำลาย การขยับคอเสื้อ การเอี้ยวตัว การเม้มริมฝีปาก รอยยิ้มที่แทบจะมองไม่เห็นแต่สัมผัสได้ กับแววตาที่บอกทุกความรู้สึก นัมกิลถ่ายทอดสิ่งเหล่านี้อย่างละเอียดที่สุดและกลายเป็นความชัดเจนที่ผู้ชมรับรู้ได้ถึงความรู้สึกของฮายองในแต่ละฉากแต่ละตอน เล่นน้อยแต่ได้มาก
จินซอนกยู เป็น หัวหน้ากุกยองซู บุคคลตั้งต้นแห่งการโปรไฟล์ลิ่ง เป็นคนที่เห็นความสามารถ เชื่อมั่น และผลักดันฮายองมาสู่การเป็น โปรไฟล์เลอร์ ในฐานะหัวหน้าทีมของกุกยองซู ที่ไม่ได้ทำหน้าที่แค่หัวหน้า แต่เป็นทั้งพี่ชาย เป็นเพื่อนเล่น เป็นมุขฝืดที่ทำให้ฮายองหัวเราะได้
คิมโซจิน เป็น ยุนแทกู หัวหน้าทีมอาชญากรรมพิเศษทีมสอง หญิงเดียวในหน่วยสืบสวน ที่คล้ายจะไม่ได้รับการยอมรับเต็มร้อยจากเพื่อนร่วมหน่วยงาน แต่เธอก็ฝ่าฟันและพิสูจน์ด้วยผลงาน กับความไม่เข้าใจระหว่างทีมสืบสวนและทีมวิเคราะห์พฤติกรรมอาชญากร ที่ต้องไฟท์กันครึ่งค่อนทางกว่าจะประสานกันได้อย่างแข็งแกร่ง
รยออุน เป็น จองอูจู นักวิเคราะห์สถิติ หนุ่มน้อยผู้มาเติมเต็มในความเป็น สามจุด เพราะฉะนั้น แห่งทีมวิเคราะห์พฤติกรรมอาชญากร จากเริ่มต้นที่คิดว่าการมาเข้าร่วมทีมคือความเท่ แต่ฮายองคือคนที่ทำให้อูจูเปลี่ยนความคิดไปได้ด้วยเรื่องเล่าของชายตาบอดกับตะเกียง
นักแสดงสมทบที่คุ้นหน้าอีกหลายคน หนึ่งในนั้นคือ คิมวอนแฮ เป็น หัวหน้าฮอ แค่เห็นหน้าก็ขำไปก่อน และบรรดานักแสดงทุกรายที่มารับบทอาชญากรตั้งแต่รายแรกจนถึงรายสุดท้าย ทำหน้าที่ของพวกเขาได้อย่างยอดเยี่ยมมากไม่แพ้นักแสดงหลักทุกคน ขอปรบมือให้แรงๆ
ระหว่างการสัมภาษณ์อาชญากร เพื่อเข้าไปให้ถึงก้นบึ้งจิตใจของปีศาจ ฮายองต้องใช้ทักษะทุกอย่าง ใช้ความอดทนอดกลั้น ใช้ความสงบเพื่อข่มความโกรธ ต้องเก็บซ่อนความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเอง บางครั้งต้องยอมให้อาชญากรได้สัมผัสกับความรู้สึกที่อยู่เหนือกว่า บางครั้งต้องหลอกล่อเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ ความเครียด ความโกรธแค้น ความเศร้าเมื่อคิดถึงเหยื่อ ความกดดันทั้งหมดในฐานะโปรไฟล์เลอร์ ฮายองเหมือนใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางความมืดมิด และมืดหม่น
อาจจะดูเหมือนเป็นซีรีส์ที่เคร่งเครียดและหม่นตรม แต่ในความหนักหน่วงตลอดทางนั้น ยังเจือไปด้วยความชวนอมยิ้มในความแน่นแฟ้นของทีมสามหนุ่มสามมุม ยังมีความอบอุ่นในความสัมพันธ์ของฮายองกับแม่ที่หล่อเลี้ยงหัวใจผู้ชมด้วยความอ่อนโยน
ผู้คนใกล้ชิดที่แวดล้อมฮายอง ไม่ว่าจะเป็นแม่, เพื่อนร่วมงาน หรือแม้แต่ครอบครัวของเหยื่อผู้เสียชีวิต พวกเขาคือพลัง คือคนที่คอยประคอง คอยฉุดดึงฮายอง ให้หลุดพ้นความชั่วร้ายของปีศาจในคราบอาชญากรเหล่านั้น และฝ่าความมืดมิด Through the Darkness ออกมาสู่แสงแห่งความหวังได้
สิ่งที่ผู้ชมจะได้รับจาก Through the Darkness นอกจากความบันเทิงในแนวทางของซีรีส์ที่แปลกแตกต่างไปจากซีรีส์สืบสวนเรื่องอื่นๆ ที่เคยดูกันมา ก็คือวิวัฒนาการของการสืบสวนในมิติใหม่ สอบปากคำที่ไม่เหมือนสอบปากคำ คุยไปคุยมา คำสารภาพออกมาเอง ด้วยเทคนิคใหม่ ด้วยตรรกะที่เป็นเหตุเป็นผล เพื่อรู้เขารู้เรา เพื่อลดอาชญากรรมที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น แม้แต่อาชญากรเองหากได้รับการช่วยเหลือหรือการรักษาก่อนที่สถานการณ์จะเลวร้ายไปถึงจุดที่สายเกินแก้ ก็ย่อมลดการเกิดอาชญากรรมหรือป้องกันไม่ให้ใครสักคนกลายเป็นปีศาจไปได้
ขอเชิญทุกท่านจุดตะเกียง เดินไปกับโปรไฟล์เลอร์หน้านิ่ง ผู้นิยมน้ำดำไม่แตะต้องน้ำขาว มีความหวานเป็นสรณะ และหัวใจที่ลึกซึ้งอ่อนโยนอย่างที่สุด ได้ ณ บัดนี้