🇹🇭มาลาริน💚13เม.ย.ไทยติดเชื้อใหม่Top10โลก/ป่วย23,015คน หายป่วย27,626 คน ตาย106คน/หลังสงกรานต์ สธ.คาดโควิดพุ่งวันละแสน

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้




















รวมสไลด์แถลงสถานการณ์โควิด-19 จาก ศบค.
วันพุธที่ 13 เมษายน 2565
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/540971817521147


จำนวนการได้รับวัคซีนสะสม (28 ก.พ. 2564 - 12 เม.ย. 2565)
รวม 131,448,508 โดส ใน 77 จังหวัด

ภาพรวมยอดฉีดวัคซีน วันที่ 12 เมษายน 2565
ยอดฉีดทั่วประเทศ 122,962 โดส

เข็มที่ 1 : 25,036 ราย
เข็มที่ 2 : 24,875 ราย
เข็มที่ 3 : 73,051 ราย

จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 1 สะสม : 55,965,161 ราย
จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 2 สะสม : 50,635,127 ราย
จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 3 สะสม : 24,848,220 ราย

แหล่งข้อมูล : MOPH-IC
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/540970824187913


เพราะเชื้อไวรัสโคโรนา ๒o๑๙ (COVID-19) ยังอยู่ในภาวะเสี่ยงต่อการระบาดอยู่ในปัจจุบัน จึงทำให้เทศกาลสงกรานต์ของไทยต้องงดเว้นการเฉลิมฉลองแบบกลุ่มไปชั่วคราว แต่เราก็สามารถร่วมฉลองสงกรานต์ในวิถีใหม่สไตล์ ‘New Normal’ กับครอบครัวที่บ้านได้ เพียงแค่ปฏิบัติตามกฎความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันตัวเราเอง คนในครอบครัว และแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม

ที่มา : กรมส่งเสริมวัฒนธรรม
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/540915664193429


รายละเอียดผู้เสียชีวิตของประเทศไทย
วันพุธที่ 13 เมษายน 2565 จำนวน 106 ราย
แหล่งข้อมูล : กระทรวงสาธารณสุข
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/540977307520598


สธ. เผย !! แนวโน้มผู้ป่วยอาการหนักและเสียชีวิตเพิ่มขึ้น สงกรานต์ต้องเข้มมาตรการเพื่อลดการติดเชื้อ ได้กระจายวัคซีนถึง รพ.สต. เพิ่มความสะดวกรับวัคซีนเข็มกระตุ้น เพื่อลดอาการรุนแรงและเสียชีวิตได้

นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงสถานการณ์โควิดในประเทศไทย พบแนวโน้มผู้ป่วยอาการหนักและเสียชีวิตเพิ่มขึ้น แต่อยู่ในการคาดการณ์ ย้ำสงกรานต์ต้องเข้มมาตรการเพื่อลดการติดเชื้อ พร้อมขอลูกหลานพาผู้สูงอายุมารับวัคซีนเข็มกระตุ้น ลดอาการรุนแรงและเสียชีวิตได้ โดยกระจายวัคซีนไฟเซอร์ 3 ล้านโดส ถึงระดับ รพ.สต. เพิ่มความสะดวกการเข้ารับวัคซีน

ที่มา : กระทรวงสาธารณสุข
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/540978144187181


4 เหตุผล Omicron ไม่แรงแต่ไม่ติดจะดีกว่า เพราะ

1. การปล่อยให้ติดเชื้อ ส่งเสริมให้เชื้อกลายพันธุ์ แพร่กระจายง่ายขึ้น
2. Omicron เป็นสายพันธุ์กลายพันธุ์ใหม่ ทำให้เกิดภาวะ Long COVID ระยะยาวได้
3. ยังมีคนไทยอีกหลายล้านคน ไม่ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 เสี่ยงติดเชื้อและอาจเสียชีวิต
4. ถ้าผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเร็ว อาจทำให้ระบบสาธารณสุขรองรับไม่ทัน

ข้อมูลแถลงฯ 5 มกราคม 2565

ที่มา : พญ.สุมนี วัชรสินธุ์ ผู้ช่วยโฆษก ศบค.
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/541009734184022


ภูมิคุ้มกันที่เกิดจากการติดเชื้อและจากวัคซีนสามารถเสื่อมไปตามกาลเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเราไม่ได้เจอเชื้อโรคเป็นเวลานาน ระยะเวลาที่ภูมิคุ้มกันเริ่มเสื่อมก็ขึ้นอยู่กับแต่ละโรค เช่น วัคซีนโรคหัดจะให้ภูมิคุ้มกันสูงสุดได้นานมาก หรือวัคซีนไข้เหลืองเข็มเดียวสามารถปกป้องเราได้ตลอดชีวิต แต่เนื่องจากโรคโควิดเพิ่งจะระบาดเมื่อปี 2019 เราเลยยังมีข้อมูลไม่มากว่าระบบภูมิคุ้มกันของเราและวัคซีนจะรับมือกับเชื้อนี้ได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งเราจะรู้ได้ก็ต่อเมื่อเรานำวัคซีนที่มีมาใช้และเมื่อมีไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ๆ เกิดขึ้น ทั้งนี้ ก่อนที่จะมีโอมิครอน ข้อมูลที่เรามีระบุว่าวัคซีนต้านโควิด 19 สายพันธุ์ก่อนโอมิครอน จะสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีเป็นเวลาอย่างน้อย 6 เดือน รวมถึงป้องกันการป่วยหนัก การเข้าโรงพยาบาล และการเสียชีวิต

เหตุผลที่สองที่เราต้องรับเข็มกระตุ้นก็เพราะว่าเชื้อไวรัสสามารถกลายพันธุ์ได้เร็ว หากการกลายพันธุ์ทำให้โปรตีนที่เปลือกหุ้มของไวรัสเปลี่ยนไป ภูมิคุ้มกันของเราอาจจะจดจจำเชื้อโรคไม่ได้ เพราะอย่างนี้ เราถึงต้องฉีดไวรัสต้านไข้หวัดใหญ่ทุกปี เพราะเป็นไวรัสที่กลายพันธุ์บ่อยมาก

ข้อมูลที่เรามีชี้ว่าวัคซีนต้านโควิด 19 ที่เรามีป้องกันการติดเชื้อจากโอมิครอนได้ไม่ดีเท่าโควิดสายพันธุ์ก่อนหน้า แต่ถึงอย่างนั้น วัคซีนที่มีอยู่ในปัจจุบันก็ยังปกป้องเราไม่ให้ป่วยหนักจากเชื้อสายพันธุ์โอมิครอนได้ และนั่นคือสิ่งที่สำคัญที่สุด

ผู้เชี่ยวชาญขององค์การอนามัยโลกจึงแนะนำให้ผู้ที่มีความเสี่ยงสูงต่อโควิด 19 รับวัคซีนเข็มกระตุ้นหลังจากที่รับเข็มพื้นฐานไปแล้วประมาณ 4-6 เดือน เหตุผลก็เพราะว่าวัคซีนจะเสื่อมประสิทธิภาพไปตามกาลเวลา และปกป้องเราจากการติดเชื้อแบบไม่มีอาการหรือมีอาการเพียงเล็กน้อยจากโอมิครอนได้น้อยลง

วัคซีนต้านโควิด 19 ยังคงปกป้องเราจากการป่วยรุนแรงได้ ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่คุณจะต้องรับวัคซีนเมื่อถึงคิว
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=296571215955209&id=100068069971811


ขณะนี้ กทม.ได้ปรับหลักเกณฑ์คัดกรองผู้ป่วยกลุ่ม 608 (ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ และกลุ่มเสี่ยง 7 โรคเรื้อรัง) และกลุ่มเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ จะรับเข้ารักษาใน รพ.ทันที เพื่อป้องกันอาการป่วยรุนแรง และเสียชีวิต ตามแนวทางที่ ศบค. หากพบว่าผู้ติดเชื้อเป็นกลุ่ม 608 หรือเด็กเล็กที่มีอายุน้อยกว่า 5 ขวบ ศูนย์บริการสาธารณสุขจะรับดูแลและส่งคำร้องขอเตียงไปยังศูนย์เอราวัณ กรุงเทพมหานคร เพื่อรอเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลสนาม / โรงพยาบาล / Hospitel

โดยระหว่างที่รอการส่งต่อเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ผู้ป่วยจะได้รับการดูแลแบบ Home Isolation จากศูนย์บริการสาธารณสุข เพื่อให้ได้รับยารักษาโดยเร็วที่สุดจนกว่าจะได้รับการจัดสรรเตียงในโรงพยาบาล ทั้งนี้ ผู้ป่วยในกลุ่มดังกล่าว ถือเป็นกลุ่มสีเหลืองที่สามารถใช้สิทธิ UCEP Plus และสามารถเข้ารับการรักษาที่สถานพยาบาลได้ทุกแห่ง

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันสถานการณ์เตียงรองรับผู้ป่วยโควิด-19 ในสังกัดสำนักการแพทย์ (ข้อมูล ณ วันที่ 2 เม.ย.65) มีจำนวนทั้งสิ้น 3,498 เตียง (รพ.หลัก 631 เตียง รพ.สนาม 1,554 เตียง และ Hospitel 1,313 เตียง) มีอัตราครองเตียงรวม 80.07%
https://www.facebook.com/PMOCNEWS/posts/298896859091186


[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้


ความกังวลของประชาชนต่อเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ ส่วนมากกังวลเกี่ยวกับเรื่องอะไรบ้าง?  ผู้สูงอายุยังเป็นกลุ่มที่น่ากังวล มาตรการสาธารณสุขจึงเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันตัวเอง
https://www.facebook.com/Sumnakkaow.PRD/posts/348263064002704


[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้


แนวทางและมาตรการรณรงค์ เพื่อสืบสานคุณค่าทางวัฒนธรรม เนื่องในประเพณีสงกรานต์ พุทธศักราช 2565
“สืบสานวัฒนธรรมไทย สงกรานต์วิถีใหม่ รับผิดชอบต่อครอบครัวและสังคม”
https://www.facebook.com/Sumnakkaow.PRD/posts/348190060676671


กรมควบคุมโรค จัดส่งวัคซีนโควิด-19 ไปยัง สสจ.ทั่วประเทศ พร้อมฉีดผู้สูงอายุที่ต้องการฉีดวัคซีนหรือครบกำหนดการรับวัคซีนเข็มกระตุ้น

นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สถานการณ์โรคโควิด-19 ที่กำลังระบาดในขณะนี้ พบว่าผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุถึงร้อยละ 78 เป็นผู้ที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีน ร้อยละ 53 / ได้รับเข็ม 2 เกิน 3 เดือน ร้อยละ 33 มีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อ มีอาการหนักและเสียชีวิตได้

กรมควบคุมโรค ได้เริ่มจัดส่งวัคซีนไฟเซอร์ฝาสีเทา 3 ล้านโดส ตั้งแต่วันที่ 11 เมษายน 2565 ไปยังทุกจังหวัดทั่วประเทศ แต่ละจังหวัดได้กระจายวัคซีนไปยังทุก รพ.สต. ภายในวันที่ 12 เมษายน 2565 แต่ละ รพ.สต. จะได้รับวัคซีนไฟเซอร์ฝาสีเทา จำนวนแห่งละ 20 ขวด และวัคซีน แอสตร้าเซนเนก้าอีกแห่งละ 20 ขวด โดยข้อดีของวัคซีนไฟเซอร์ฝาสีเทา เป็นวัคซีนพร้อมใช้ไม่ต้องผสมน้ำเกลือก่อนฉีด และสามารถเก็บในอุณหภูมิ 2-8 องศาเซลเซียส ได้นานถึง 10 สัปดาห์ ทำให้ รพ.สต. มีความสะดวกในการบริการฉีดให้กับประชาชน

วัคซีนเข็มกระตุ้นในผู้สูงอายุมีความจำเป็นมาก เนื่องจากวัคซีนสามารถป้องกันผู้สูงอายุเสียชีวิตได้เป็นอย่างดี พบว่าผู้สูงอายุที่ได้รับวัคซีนตั้งแต่ 2 เข็ม มีอัตราเสียชีวิตลดลง 5 เท่า หากได้กระตุ้นเข็มที่ 3 จะมีอัตราเสียชีวิตลดลงถึง 31 เท่า เมื่อเทียบกับผู้ไม่ได้รับวัคซีน โควิดสายพันธุ์โอมิครอนที่ระบาดในขณะนี้แพร่เชื้อได้เร็ว การได้รับวัคซีนเพียง 2 เข็ม เมื่อเวลาผ่านไปภูมิคุ้มกันจะลดลง เมื่อติดเชื้ออาจมีอาการรุนแรง จำเป็นต้องเข้ารับวัคซีนกระตุ้นเข็ม 3 หรือเข็ม 4 ซึ่งมีข้อมูลว่าช่วยลดการป่วยหนักและลดการเสียชีวิตได้ชัดเจน
https://www.facebook.com/Sumnakkaow.PRD/posts/348145697347774