สำหรับสหรัฐ การละเมิดสิทธิมนุษยชนไม่เคยเกิดขึ้นในอิสราเอล ทำไม?

สำหรับสหรัฐ การละเมิดสิทธิมนุษยชนไม่เคยเกิดขึ้นในอิสราเอล
 
โจ ไบเดนมีประวัติสนับสนุนอิสราเอลมาตลอดและเคยประกาศตนชัดเจนว่าตนเป็นไซออนิสต์ (Zionism ผู้สนับสนุนให้ชาวยิวไปตั้งถิ่นฐานในปาเลสไตน์) “ผมเป็นไซออนิสต์ คุณไม่จำเป็นต้องเป็นชาวยิวก็สนับสนุนไซออนิสต์ได้” ไบเดนกล่าวเมื่อเดือนเมษายน ปี 2007 ไม่นานก่อนที่เขาจะได้เป็นรองประธานาธิบดีของบารัค โอบามาในปีถัดมา

Click “ผมเป็นไซออนิสต์ คุณไม่จำเป็นต้องเป็นชาวยิวก็สนับสนุนไซออนิสต์ได้” ไบเดนกล่าวเมื่อเดือนเมษายน ปี 2007 ไม่นานก่อนที่เขาจะได้เป็นรองประธานาธิบดีของบารัค โอบามาในปีถัดมา

ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น?
ก่อนอื่นเรามาสรุปความเป็นไปที่เกิดขึ้นกันก่อน คู่แค้นอย่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสในปาเลสไตน์กลับมาปะทะกันรุนแรงที่สุดอีกครั้งนับตั้งแต่การรบที่ฉนวนกาซาเมื่อปี 2014 โดยชนวนเหตุครั้งนี้มาจากข้อพิพาทที่มีมายาวนานเกี่ยวกับการฟ้องไล่ที่ชาวปาเลสไตน์ที่อาศัยอยู่ในย่านชีค จารราห์ (Sheikh Jarrah) ของเยรูซาเล็มตะวันออก

พื้นที่ย่านชีค จาร์ราห์เป็นพื้นที่ที่ก่อให้เกิดความตึงเครียดระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์หลายครั้ง ฝั่งอิสราเอลมองว่าเยรูซาเล็มทั้งหมดเป็นเมืองหลวงชั่วนิรันดร์และแบ่งแยกไม่ได้ โดยอิสราเอลเข้ายึดพื้นที่เยรูซาเล็มตะวันออก รวมทั้งย่านเมืองเก่า (Old City) เขตเวสต์แบงก์ และฉนวนกาซาในช่วงสงครามอาหรับ-อิสราเอลในปี 1967
ส่วนชาวปาเลสไตน์ต้องการให้พื้นที่เยรูซาเล็มตะวันออกเป็นเมืองหลวงของรัฐในอนาคต แต่การผนวกรวมเยรูซาเล็มตะวันออกของอิสราเอลไม่ได้รับการยอมรับในระดับสากล
 
เมื่ออิสราเอลผนวกรวมเยรูซาเล็มตะวันออกแล้วก็กำหนดนโยบายที่แบ่งแยกชนชาติอย่างชัดเจน โดยชาวยิวที่เกิดในเยรูซาเล็มตะวันออกถือเป็นพลเมืองของอิสราเอล ขณะที่ชาวปาเลสไตน์ได้สิทธิ์เพียงผู้พำนักถาวรซึ่งจะถูกเพิกถอนหากบุคคลดังกล่าวอาศัยอยู่นอกเยรูซาเล็มตะวันออกเกินกำหนด ซึ่งไม่ต่างจากการจำกัดการเดินทางของชาวปาเลสไตน์

แม้ว่าชาวปาเลสไตน์กลุ่มนี้จะขอสิทธิ์เป็นพลเมือง แต่ส่วนใหญ่เลือกไม่ขอดีกว่า เนื่องจากต้องใช้เวลานานและมีขั้นตอนที่ไม่แน่นอน และไม่ต้องการอยู่ภายใต้การปกครองของอิสราเอล

นอกจากนี้ อิสราเอลยังบีบชาวปาเลสไตน์ด้วยการก่อตั้งชุมชนชาวยิวในเยรูซาเล็มตะวันออกสำหรับเป็นที่อาศัยของชาวยิว 220,000 คน ทำให้ชาวปาเลสไตน์ไม่สามารถขยับขยายชุมชนของตัวเอง และต้องอยู่ในพื้นที่นั้นด้วยความแออัด ส่วนบ้านหลายหลังก็ก่อสร้างโดยไม่ได้รับอนุญาตซึ่งเสี่ยงต่อการถูกรื้อถอน

ละเมิดสิทธิมนุษยชน?
การปฏิบัติต่อชาวปาเลสไตน์ในเยรูซาเล็มตะวันออกของอิสราเอลถูกองค์กรสิทธิมนุษยชน Human Rights Watch ประณามว่าเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน แม้แต่ ฟาตู เบนดูซา (Fatou Bensouda) หัวหน้าอัยการของศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ยังกล่าวว่าอาจมีการก่ออาชญากรรมภายใต้นิยามของธรรมนูญกรุงโรมว่าด้วยศาลอาญาระหว่างประเทศ คือ การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์, อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ, อาชญากรรมสงครามและอาชญากรรมการรุกราน
เขาไม่ได้บอกว่าว่าอาชญากรรมที่ว่านั้นคืออะไรและใครทำ แต่จะเป็นอิสราเอลได้หรือไม่ เพราะเมื่อวันที่ 3 มีนาคม หัวหน้าอัยการของ ICC รายนี้เพิ่งเปิดการสอบสวนอาชญากรรมของอิสราเอลต่อชาปาเลสไตน์ในพื้นที่อิสราเอลไปยึดครอง การสอบสวนครั้งนี้ทำให้อิสราเอลโกรธเคืองมาก

อนึ่ง อิสราเอลไม่ได้เป็นภาคีสมาชิกของ ICC แต่รัฐปาเลสไตน์เป็นสมาชิก และสหรัฐก็ไม่ได้เป็นสภาคเช่นกัน 

แต่ถึงอย่างนั้นสหรัฐที่มักจะประณามประเทศอื่นว่าละเมิดสิทธิมนุษยชนกลับยังสนับสนุนอิสราเอลที่มีพฤติกรรมไม่ต่างจากประเทศอื่นที่สหรัฐประณาม
นอกจากจะไม่ประณามอิสราเอลแล้ว สหรัฐยังจัดสรรงบประมาณสนับสนุนให้อิสราเอลมากที่สุดในบรรดาประเทศที่ได้รับความช่วยเหลือนับตั้งแต่ปี 1976-2004 และมีมูลค่ารวมกันมากที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 (หากไม่คำนวณอัตราเงินเฟ้อจะอยู่ที่ 146,000 ล้านเหรียญสหรัฐ) หรืออย่างในปีงบประมาณ 2019 สหรัฐให้ความช่วยเหลือทางการทหารแก่อิสราเอลถึง 3,800 ล้านเหรียญสหรัฐ และยังได้ประโยชน์จากการค้ำประกันเงินกู้โดยสหรัฐอีก 8,000 ล้านเหรียญสหรัฐ

โดยขณะนี้เงินช่วยเหลือจากสหรัฐส่วนใหญ่อยู่ในรูปแบบของความช่วยเหลือทางการทหาร
โดยทั้งหมดนี้ได้อานิสงส์มาจากแรงสนับสนุนอิสราเอลจากสภาคองเกรสที่แข็งแกร่ง ซึ่งทำให้อิสราเอลได้รับประโยชน์ที่หลายๆ ประเทศไม่ได้
แล้วเหตุใดสหรัฐจึงยังให้เงินช่วยเหลือด้านการทหารแก่อิสราเอล และขัดขวางมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติที่จะประณามอิสราเอล ทั้งที่ประเทศนี้ละเมิดทั้งกฎหมายระหว่างประเทศและสิทธิมนุษยชน คำตอบสั้นๆ ก็คือ เพื่อผลประโยชน์ของสหรัฐเอง

ความพัวพันยิว-อเมริกัน
อิสราเอลมีประโยชน์กับผลประโยชน์ของสหรัฐในตะวันออกกลางในหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการช่วยคุมไม่ให้กลุ่มชาตินิยมหัวรุนแรงในเลบานอน จอร์แดน และปาเลสไตน์ผงาดขึ้นมา ช่วยควบคุมซีเรียซึ่งเป็นพันธมิตรของสหภาพโซเวียตคู่แข่งของสหรัฐ อีกทั้งสงครามในอิสราเอลที่เกิดขึ้นเนืองๆ ยังเป็นสนามทดสอบอาวุธยุทธปกรณ์ใหม่ๆ ของสหรัฐได้อย่างดี

นอกจากนี้ สหรัฐยังผูกมิตรกับอิสราเอล เพื่อข้อมูลข่าวกรอง ไมเคิล โคโพล ผู้เชี่ยวชาญด้านตะวันออกกลางจาก Israel Policy Forum เผยกับ Business Insider ว่า ข่าวกรองและข้อมูลวงในเกี่ยวกับความเป็นไปในตะวันออกกลางของอิสราเอล โดยเฉพาะหน่วย 8200 (Unit 8200) อยู่ในระดับที่หาตัวจับยากและเป็นประโยชน์กับสหรัฐในทุกทาง และหน่วยนี้ยังทำงานร่วมกับสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐ (NSA) อย่างใกล้ชิด
 
ยกตัวอย่างเช่น ในปี 2010
สหรัฐกับอิสราเอลจับมือกันสร้างระบบมัลแวร์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่เคยมีมาครั้งหนึ่งของโลกที่ชื่อว่า Stuxnet เพื่อแทรกซึมโครงสร้างพื้นฐานทางไซเบอร์ของอิหร่าน ภารกิจนี้ทำให้โครงการอาวุธนิวเคลียร์ของอิหร่านช้าลงโดยไม่ต้องยิงปืนสักนัด

อุตสาหกรรมผลิตอาวุธของสหรัฐซึ่งทำเงินให้กับแคมเปญเฟ้นหาผู้สมัครรับเลือกตั้งได้มากกว่าที่ได้จากกลุ่มโปรอิสราเอลอื่นๆ ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สหรัฐยังส่งอาวุธไปยังอิสราเอลและพันธมิตรอื่นๆ ในตะวันออกกลาง

เพราะสำหรับคองเกรส การคัดค้านการทำสัญญาขายอาวุธมูลค่า 60 ล้านเหรียญกับอินโดนีเซีย ง่ายกว่าการคัดค้านสัญญามูลค่า 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐกับอิสราเอล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตเลือกตั้งที่มีโรงงานผลิตอาวุธ

นอกจากนี้ ยังเกี่ยวข้องกับการเมืองภายในของสหรัฐเอง การลงมติของสภาคองเกรส ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับอิสราเอล มักจะผ่านฉลุย ด้วยมติเอกฉันท์ และแต่ละปีสภาคองเกรสยังอนุมัติเงินช่วยเหลือทางการทหารและเศรษฐกิจให้อิสราเอลกว่า 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐ

Cr. https://www.posttoday.com/world/652680
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่