สงครามข้อมูลข่าวสารระหว่างสื่อกระแสหลักตะวันตก ยุโรป อเมริกา ยูเครน รัสเซีย จีน อิหร่าน

สงครามข่าวสารรัสเซีย-ยูเครน เกิดขึ้นมาแล้ว สิ่งที่เข้มข้นในเรื่องของรัสเซีย-ยูเครน ไม่ใช่ยุทธวิธีทางการทหารอย่างเดียว เป็นสงครามข้อมูลข่าวสารระหว่างสื่อกระแสหลักตะวันตก ยุโรป อเมริกา หรือสื่อรัสเซีย จีน หรืออิหร่าน ที่รายงานข่าวกันแบบหน้ามือ-หลังมือ ผู้ที่รับข่าวสารต้องใช้ปัญญาให้มากในการคิดวิเคราะห์ ว่าใครได้อะไรจากการรายงานข่าวแบบนี้?

/////////

วันที่ 5 มีนาคม รัฐสภารัสเซียลงมติเป็นเอกฉันท์ อนุมัติร่างกฎหมายใหม่ที่กำหนดให้เผยแพร่ข้อมูลที่รัสเซียมองว่าเป็นข้อมูลปลอมโดยเจตนา มีความผิดทางกฎหมาย อาจจะต้องโทษจำคุก 3-15 ปี นอกจากนั้นแล้ว หน่วยกำกับสื่อรัสเซีย ชื่อRoskomnadzor สั่งบล็อกเว็บไซต์สำนักข่าวต่างประเทศรัสเซีย 5 สำนัก โดยอ้างว่าสำนักข่าวเหล่านี้ได้เผยแพร่ข้อมูลเท็จ เช่น ข่าวการโจมตีพลเรือนยูเครนจนมีผู้เสียชีวิตจำนวนการสูญเสียของกองทัพรัสเซีย 

การบล็อกข่าวดังกล่าวกระทบกระเทือนพวก BBC, Voice of America, Radio Free Europe, Radio Liberty, สถานีวิทยุเยอรมนี, สถานีวิทยุ Deutsche Welle (DW), เว็บไซต์ Meduza ในลัตเวีย ทั้งหมดนี้เป็นสื่อต่างประเทศและมีอิทธิพลในรัสเซีย อเมริกาเองก็ไม่ใช่ย่อย นี่คือประเทศที่อ้างว่ามีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น (Freedom of Speech) สั่งปิดสำนักข่าว RT ของรัสเซีย และสปุตนิก ของรัสเซีย แล้วไล่ปิดบัญชีนักข่าวจำนวนมาก ทั้งจากเฟซบุ๊ก จากทวิตเตอร์ และทั้งจากยูทูบ ที่เสนอข่าวตรงข้าม พอมีคนติดตามมากๆ ก็เลยสั่งปิดไปเลย

รัฐบาลอเมริกากำหนดว่า เฟกนิวส์ คืออะไร? โทษสถานเบาคือปิดบัญชี ตอนหลัง CIA เอาทฤษฎีสมรู้ร่วมคิดมาใช้ เพื่อมุ่งประเด็นว่าแผนต่างๆแค่ทฤษฎีสมคบคิด

ที่สำคัญคือ สำนักข่าวสถานีโทรทัศน์ไทย หรือเพจของคนไทย อาจตกเป็นเหยื่อของสำนักข่าว

/////////

วันที่ 9 มีนาคม สื่อหลักตะวันตก รวมทั้งสำนักข่าวต่างประเทศ รายงานข่าวว่า รัสเซียโจมตีทางอากาศโรงพยาบาลแม่และเด็กในเมืองมาริอูโปล ทางตอนใต้ของยูเครน ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 17 คน หลังจากนั้น สื่อรายงานว่า อเมริกาถือโอกาสออกมาประณามการทิ้งระเบิดของกองทัพรัสเซีย นางเจน ซาร์กี โฆษกทำเนียบขาว พูด มันน่าสยดสยอง ได้เห็นรูปแบบการใช้กำลังทหารอันป่าเถื่อนไล่ล่าพลเรือนผู้บริสุทธิ์ในประเทศอธิปไตยหนึ่ง

ข่าวอีกด้านหนึ่งของฝั่งรัสเซีย เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำสหประชาชาติ และสถานทูตรัสเซียในสหราชอาณาจักร โพสต์ทวิตเตอร์ยืนยันว่า เรื่องของโรงพยาบาลเด็กนี้เป็นเรื่องข่าวปลอม เพราะโรงพยาบาลเด็กนี้ถูกกลุ่มหัวรุนแรงในยูเครนเข้าควบคุมเพื่อใช้เป็นฐานทัพนานแล้ว ไม่มีเด็ก ไม่มีหมออยู่ ไม่มีผู้ป่วยอยู่ รัสเซียได้รับคำเตือนเมื่อวันที่ 7 มีนาคม ที่ผ่านมา ว่า โรงพยาบาลแห่งนี้ได้ถูกเปลี่ยนวัตถุประสงค์ไปเพื่อใช้ในการทหาร จะเห็นรถถังจอดหน้าโรงพยาบาลเด็ก

/////////

วันที่ 11 มีนาคม ทวิตเตอร์ลบโพสต์ภาพสถานเอกอัครราชทูตรัสเซียประจำอังกฤษที่ทวิตออกมา บอกว่าข่าวนี้เป็นข่าวปลอม พร้อมกับรูปภาพ ว่าเหตุการณ์โจมตีโรงพยาบาลแม่และเด็กในเมืองมาริอูโปล เป็นข่าวปลอม ทวิตเตอร์บอกว่า โพสต์ของสถานทูตรัสเซียเป็นการละเมิดข้อตกลงของทวิตเตอร์เรื่องเกี่ยวกับการสร้างพฤติกรรมที่มุ่งร้ายและไม่ถูกต้องที่เกี่ยวกับการปฏิเสธอย่างรุนแรง

มาทางฝั่งรัสเซียบ้าง โฆษกกระทรวงกลาโหม นายอิกอร์ โคนาเชนคอฟ ระบุว่า เหตุระเบิดที่สร้างความเสียหายให้กับอาคารโรงพยาบาล เกิดจากอุปกรณ์ระเบิดที่ฝ่ายยูเครนติดตั้งขึ้นบริเวณใกล้เคียง และเขายืนยันว่า เป็นการจัดฉากยั่วยุเพื่อปลุกระดมการต่อต้านรัสเซียในตะวันตก สถานที่สำคัญในยูเครนส่วนใหญ่จะไม่มีประชาชนอยู่เลย ทุกคนอพยพออก ที่มีคือกองกำลังติดอาวุธกลุ่มนีโอนาซี เตรียมก่อเหตุ บางครั้งบังคับให้คนเข้าไปใต้อาคาร เตรียมสังหารประชาชนหากรัสเซียบุก แล้วสร้างสถานการณ์ให้ผู้ก่อเหตุคือทหารรัสเซีย หรือทหารรัสเซีย ระเบิดสถานที่นั้นจริง เป้าหมายก็เพื่อสังหารกลุ่มนีโอนาซี ข่าวแบบนี้ช่องข่าวรัสเซียเสนอทุกวัน

พอกองทัพรัสเซียถล่มสถานที่เหล่านี้ สื่อตะวันตกก็รวมตัวกัน BBC CNN VOA (Voice of America) Voice of Free Europe ก็ว่ากองทัพรัสเซียเหี้ยมโหด ยิงใส่แม้กระทั่งโรงเรียนเด็กอนุบาล เป็นข่าวปลอมเฟกนิวส์

/////////

วันที่13 มีนาคม 2565 หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทมส์ และวอชิงตันโพสต์ รายงานโดยอ้างคำบอกเล่าจากเจ้าหน้าที่อเมริกันที่ไม่ต้องการเปิดเผยตัวตนว่า รัสเซียขออุปกรณ์และการสนับสนุนทางการทหาร ตลอดจนความช่วยเหลือด้านเศรษฐกิจ จากจีน

โฆษกสถานทูตจีนประจำกรุงวอชิงตัน นายหลิว เผิงหยู ตอบกลับประเด็นนี้ว่า เป็นข่าวบิดเบือน ผมไม่เคยได้ยินมาก่อน

/////////

วันที่ 14 มีนาคม นายจ้าว ลี่เจียน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน แถลงว่า อเมริกามีเจตนาร้ายในการเผยแพร่ข้อมูลผิดๆ เกี่ยวกับบทบาทของจีนในวิกฤตยูเครน โดยนายจ้าว ยืนยันว่า ปักกิ่งเรียกร้องให้รัสเซีย และยูเครน แก้ปัญหาด้วยการเจรจา และพร้อมเป็นตัวกลางให้ นอกจากจีนไม่เคยประณามการบุกยูเครนของรัสเซียโดยตรงแล้ว จีนยังย้ำว่า การพยายามขยายอิทธิพลด้านตะวันออกขององค์การนาโต เป็นต้นเหตุให้ความตึงเครียดระหว่างยูเครน กับรัสเซียลุกลามเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และยังยืนยันว่า มิตรภาพจีน-รัสเซีย ยังคงแข็งแกร่ง รัสเซียเป็นประเทศที่ผลิตอาวุธอันดับต้นๆ ของโลก มีทรัพยากรทางทหารเพียงพอ ผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ออกไปหลายประเทศ มีทั้งรถถัง เครื่องบินขับไล่ เครื่องบินรบ จรวด ขีปนาวุธ จีนรายงานว่า หลักฐานต่างๆ ที่เปิดโปงโดยรัสเซียดังกล่าว จากการค้นพบแล็บอาวุธชีวภาพ แสดงว่าอเมริกากำลังพยายามหาวิธีปล่อยอาวุธเคมีชีวภาพ โดยทำความสัมพันธ์ระหว่าง นกอพยพกับการกระจายของไวรัส บอกว่า โรคซาร์สนั้นเกิดขึ้นที่ยูเครน รวมทั้งเอาค้างคาวมาเป็นตัวทดลองไวรัส นอกจากนั้นแล้ว อเมริกา และประเทศตะวันตกบางประเทศรวบรวมและจัดส่งตัวอย่างทางชีวภาพไปทางยูเครน วิจัยด้านชีววิทยา มีเป้าหมายต่อกลุ่มประชากรต่างเชื้อชาติหลายกลุ่ม ทางจีนยืนยันว่า เมื่อเผชิญกับหลักฐานที่เปิดเผยโดยรัสเซีย

อเมริกาปฏิเสธ ว่าความกังวลดังกล่าวเป็นข้อมูลผิดๆ

/////////

BBC ของอังกฤษ
NHK ของญี่ปุ่น
VOA (Voice of America)อเมริกา 
Reuters
AFP
AP
The Economist
Washington Post
CNN
Fox News
CNBC
อัลจาซีรอ (Al Jazeera)
เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ (South China Morning Post)
แพลตฟอร์ม เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ ยูทูบ อินสตาแกรม กูเกิล อเมริกา 
เว็บไซต์ของรัสเซีย RT (Russia Today)
เว็บไซต์Global Times ของจีน

จากเหตุการณ์สงคราม และตัวอย่างข่าวส่วนน้อยเหล่านี้ ถือเป็นบทพิสูจน์ว่าสื่อนั้นๆ เลือกยืนข้างใด?
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่