สืบเนื่องจากเป็นลูกคนที่ 2 ในบรรดาพี่น้อง 4 คน เรียนถึง ปวส. จบก็ตัดสินใจทำงานเพื่อแบ่งเบาภาระพ่อแม่ ในสมัยเมื่อ 29 ปีก่อน สตาร์ทด้วยเงินเดือน 7,500 บาท หลังพ้นทดลองงานได้ 8,000 บาท ก็ให้เงินแม่ 5,000 บาท ตั้งแต่นั้นมา แถมเงินเก็บที่ปล่อยกู้ ดอกเบี้ยก็ให้แม่ โบนัสออกก็แบ่งให้แม่ส่วนหนึ่ง ตรุษจีนก็ให้แต๊ะเอีย พอเปลี่ยนงานเงินเดือนขยับขึ้นก็ให้ 8,000 บาท แล้วก็ลดลงเป็น 5,000 บาท และขยับเป็น 10,000 บาทมา 5-6 ปีแล้ว (ให้มาขนาดนี้ เราในสายตาแม่คือคนสุร่ยสุร่าย) โชคดีที่แม่ไม่ใช่คนฟุ่มเฟือย ก็สมัยขายของก็เอาไว้จ่ายเงินเดือนลูกจ้าง ปัจจุบัน แม่ไม่ทำงานแล้ว รายรับก็มาจากเรา 10,000 บาท และพี่สาวที่แต่งงานไปแล้วอีก10,000 บาท (พี่สาวเพิ่งมาเพิ่มให้เท่าเราเมื่อ 2 ปีก่อน) แต่น้องชายไม่เคยให้เลย และตอนนี้ เราว่างงาน เพราะว่าบริษัทไม่ได้ต่อสัญญา ประกอบกับอายุมากแล้ว เริ่มเห็นอนาคตที่ไม่แน่นอนเอามาก ๆ ...
อยากถามว่า ถ้าอนาคตแม่เราไปสวรรค์ เงินที่เรากับพี่สาวที่ให้แม่ บวกกับเงินเก็บเขาต่างหาก เป็นกองกลาง แบ่งให้ลูก 4 คนเท่า ๆ กัน เราในฐานะที่ให้เงินมากกว่าคนอื่นใน 5-6 ปีที่ผ่านมา (เราไม่สนใจนะว่าแม่เอาไปใช้อะไรบ้าง เช่น กินอยู่ในบ้าน ค่าใช้จ่ายทั่วไป และการหาหมอ) ถือว่าเสียเปรียบกว่าคนอื่นมั้ย
น้องชายที่ต่อจากเรา ไม่เคยให้เงินแม่ แค่จ่ายค่าไฟค่าเน็ทในบ้าน พอว้นนึงซื้อบ้านเพื่อเป็นอสังหาฯ ไว้ปล่อยเช่า แม่ก็ควักเงินให้ยืม เพราะแม่ไม่อยากให้ไปเสียดอกธนาคาร ให้กู้ให้น้อยที่สุด แต่น้องก็ไม่เคยจ่ายคืนแม่เลย ตอนที่เรากับพี่สาวรู้ว่าแม่จะให้เงินน้องชายยืม พี่สาวก็พูดเชิงปลอบใจว่า ถือว่าเป็นเงินที่แม่ให้น้องก็แล้วก้น
เราไม่เคยคืดน้อยใจหรือติดใจเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ เลย แต่พอมาอยู่ ณ จุดนี้ ที่ไม่มีงานในสถานการณ์แบบนี้ พอคำนวนเงินที่ตัวเองให้ไปตั้งแต่ 5-6 ปีก่อนที่ให้เดือนละ 10,000 บาท แล้วกลายเป็นส่วนหนึ่งของกองกลางที่แม่จะแบ่งให้ลูกทุก ๆ คนเท่ากัน ซึ่งคนที่ไม่เคยให้เลย ก็จะได้ส่วนนั้นของเราไปด้วย เรารู้สึกไม่แฟร์
คำถาม
1. ควรลดการให้เงินน้อยลง เพื่อเก็บเป็นเงินของเราเองในอนาคตดีมั้ย เผื่ออนาคตได้งานใหม่
2. เราคิดแบบนี้ ถือว่าเราใจแคบมั้ย
3. เราควรจัดการความรู้สึกตรงนี้ยังไง
4. สิ่งที่เราเจอมันไม่ยุติธรรมสำหรับเรามั้ย (เราไม่ได้หวัง ว่าแม่จะให้เรา 100% เต็มนะ แค่รู้สึกว่า คนที่ไม่เคยให้เงินแม่ ทำไมต้องได้เงินส่วนของเราไปด้วย)
ขอความคิดเห็นเรื่องการให้เงินบุพการี
อยากถามว่า ถ้าอนาคตแม่เราไปสวรรค์ เงินที่เรากับพี่สาวที่ให้แม่ บวกกับเงินเก็บเขาต่างหาก เป็นกองกลาง แบ่งให้ลูก 4 คนเท่า ๆ กัน เราในฐานะที่ให้เงินมากกว่าคนอื่นใน 5-6 ปีที่ผ่านมา (เราไม่สนใจนะว่าแม่เอาไปใช้อะไรบ้าง เช่น กินอยู่ในบ้าน ค่าใช้จ่ายทั่วไป และการหาหมอ) ถือว่าเสียเปรียบกว่าคนอื่นมั้ย
น้องชายที่ต่อจากเรา ไม่เคยให้เงินแม่ แค่จ่ายค่าไฟค่าเน็ทในบ้าน พอว้นนึงซื้อบ้านเพื่อเป็นอสังหาฯ ไว้ปล่อยเช่า แม่ก็ควักเงินให้ยืม เพราะแม่ไม่อยากให้ไปเสียดอกธนาคาร ให้กู้ให้น้อยที่สุด แต่น้องก็ไม่เคยจ่ายคืนแม่เลย ตอนที่เรากับพี่สาวรู้ว่าแม่จะให้เงินน้องชายยืม พี่สาวก็พูดเชิงปลอบใจว่า ถือว่าเป็นเงินที่แม่ให้น้องก็แล้วก้น
เราไม่เคยคืดน้อยใจหรือติดใจเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ เลย แต่พอมาอยู่ ณ จุดนี้ ที่ไม่มีงานในสถานการณ์แบบนี้ พอคำนวนเงินที่ตัวเองให้ไปตั้งแต่ 5-6 ปีก่อนที่ให้เดือนละ 10,000 บาท แล้วกลายเป็นส่วนหนึ่งของกองกลางที่แม่จะแบ่งให้ลูกทุก ๆ คนเท่ากัน ซึ่งคนที่ไม่เคยให้เลย ก็จะได้ส่วนนั้นของเราไปด้วย เรารู้สึกไม่แฟร์
คำถาม
1. ควรลดการให้เงินน้อยลง เพื่อเก็บเป็นเงินของเราเองในอนาคตดีมั้ย เผื่ออนาคตได้งานใหม่
2. เราคิดแบบนี้ ถือว่าเราใจแคบมั้ย
3. เราควรจัดการความรู้สึกตรงนี้ยังไง
4. สิ่งที่เราเจอมันไม่ยุติธรรมสำหรับเรามั้ย (เราไม่ได้หวัง ว่าแม่จะให้เรา 100% เต็มนะ แค่รู้สึกว่า คนที่ไม่เคยให้เงินแม่ ทำไมต้องได้เงินส่วนของเราไปด้วย)