ก.พาณิชย์ ยังไร้ข้อสรุป แก้ปัญหาวัตถุดิบอาหารสัตว์แพง
https://ch3plus.com/news/economy/ruangden/285973
สงครามรัสเซีย-ยูเครน ดันราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์พุ่งขึ้นไม่หยุด ขณะที่วงประชุมแก้ไขปัญหาวัตถุดิบอาหารสัตว์แพง ยังไร้ข้อสรุป
โดยการหารือในวันนี้ มีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นั่งหัวโต๊ะ เป็นประธานการประชุม ฯ และมีสมาคมต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น สมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ฯ สมาคมผู้เลี้ยงไก่ฯ ผู้เลี้ยงสุกรฯ ชาวไร่มันสำปะหลัง ชาวนา เข้าร่วมหารือ โดยหารือกันใน 2 ประเด็นๆ แรก คือ ทำอย่างไรไม่ให้ปริมาณวัตถุดิบอาหารสัตว์ขาดแคลน และสอง ทำอย่างไรไม่ให้ราคาพุ่งสูง จนเป็นภาระต้นทุนผู้เลี้ยงสัตว์ และไม่ให้เป็นภาระกับผู้บริโภค
ขณะที่เกษตรกรผู้ปลูกพืชอยู่ได้ ซึ่งเป็นโจทย์ยาก ที่จะต้องดูแลทั้งเรื่องราคา และปริมาณให้สมดุลกัน ซึ่งที่ผ่านมา มีการหารือหลายครั้ง และมาวันนี้ ก็ยังไม่ได้ข้อสรุป โดยมอบให้ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ไปนัดหารือ 3 ฝ่ายให้ได้ข้อสรุป และกลับมาเสนอต่อที่ประชุมอีกครั้งโดยเร็วที่สุด
ขณะที่ สถานการณ์พืชพลังงานสำคัญของโลกยังพุ่งขึ้นยกแผง โดยในปี 65 นี้ ราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ขึ้นไปแล้ว 23% ข้าวสาลี 37% ข้าวบาเล่ 30% จากสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ทำให้ความต้องการพืชพลังงานทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้น
ชมผ่านยูทูบ :
https://youtu.be/L-E7sQBWYP4
เอกชนชี้ ‘สงกรานต์’ ยังเหงา หลังต่างชาติเที่ยวไทยเพิ่มจิ๊บๆ แม้ปลดล็อก RT-PCR ก่อนเข้าประเทศ
https://www.matichon.co.th/economy/news_3277810
เอกชนชี้ ‘สงกรานต์’ ยังเหงา หลังต่างชาติเที่ยวไทยเพิ่มจิ๊บๆ แม้ปลดล็อก RT-PCR ก่อนเข้าประเทศ
นาย
ศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร นายกสมาคมไทยธุรกิจการ ท่องเที่ยว (แอตต้า) เปิดเผยว่า ภาพรวมการท่องเที่ยวในประเทศ หลังจากรัฐบาลปลดล็อกการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ผ่านการไม่ต้องตรวจหาเชื้อโควิด-19 ผ่านวิธี RT-PCR ก่อนเดินทางเข้าประเทศ ขณะนี้ดูตัวเลขในท่าอากาศยานพบว่า มีต่างชาติเข้ามาเพิ่มขึ้นเล็กน้อย จากเดิมประมาณ 8,000-9,000 คนต่อวัน เพิ่มเป็น 12,000-13,000 คนต่อวัน ซึ่งเบื้องต้นมองว่าเราเพิ่งเริ่มปลดล็อกเกณฑ์ดังกล่าว ทำให้ต้องใช้เวลาอีกสักระยะ น่าจะเห็นจำนวนเพิ่มขึ้นกว่านี้ แต่ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ มองว่าแม้มีนักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้น แต่ไม่ได้คึกคักเท่าที่ควร เนื่องจากปกตินักท่องเที่ยวต่างชาติที่นิยมเข้ามาเที่ยวสงกรานต์ในไทย ปกติจะเป็นจีนและไต้หวัน ซึ่ง 2 ประเทศนี้ยังไม่เปิดให้พลเมืองเที่ยวต่างประเทศ รวมถึงเกาหลี มาเลเซีย สิงคโปร์ และฮ่องกง ที่เพิ่งเห็นการเปิดประเทศเช่นกัน ส่วนนักท่องเที่ยวจากยุโรป ประเมินว่าอาจไม่ได้เห็นเข้ามาเที่ยวไทยมากเท่าช่วงที่ผ่านมา เพราะตอนนี้อยู่นอกฤดูกาลท่องเที่ยว (โลว์ซีซั่น) ของยุโรปแล้ว หากจะมีก็เข้ามาแบบประปรายเท่านั้น ไม่ได้มากอย่างที่คาหวังไว้
“ตอนนี้ยังคาดการณ์ว่าเดือนเมษายนนี้ทั้งเดือนจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเท่าใดได้ลำบากมาก เพราะมีสถานการณ์ความไม่แน่นอนสูง บวกกับหลายประเทศก็เริ่มทำตลาดต่างชาติ หรือเปิดประเทศท่องเที่ยวมากขึ้น ทำให้มีการแข่งขันสูงขึ้น โดยในไตรมาส 1/2565 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเที่ยวไทยประมาณ 4 แสนคน ซึ่งหากยังเป็นตัวเลขแบบนี้ในไตรมาส 2/2565 อีก เป้าหมายทั้งปีนี้ที่คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยอยู่ที่ 7 ล้านคน ก็ไม่รู้จะเอาที่ไหนมาให้ถึงเป้าหมาย” นาย
ศิษฎิวัชร กล่าว
นาย
ศิษฎิวัชร กล่าวว่า การปลดล็อกตรวจหาเชื้อผ่าน RT-PCR ก่อนเข้าประเทศ 72 ชั่วโมงนั้น ถือเป็นการปลดล็อกขั้นตอนแรกก่อน จากนั้นจะปลดล็อกเพิ่มหรือไม่ มองว่ารัฐบาลคงประเมินร่วมกับสาธารณสุข ที่ต้องดูสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศเป็นหลัก แต่มองว่าการปลดล็อกแบบไม่ต้องตรวจ RT-PCR เมื่อมาถึงไทย จะเป็นแรงสนับสนุนให้นักท่องเที่ยวต่างชาติมาเที่ยวไทยคึกคักมากขึ้น แต่ในกรณีนี้ก็อาจต้องดูประเทศต้นทางด้วย หากสถานการณ์ประเทศต้นทางยังไม่เอื้อการเดินทางท่องเที่ยว โดยเฉพาะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวดีมากนัก การจะเดินทางท่องเที่ยวก็จะอยู่ในกลุ่มคนมีเงินจริงๆ หรือกลุ่มผู้เข้ามาทำธุรกิจ ทำให้นักท่องเที่ยวแบบแท้จริงอาจมีน้อย
ไปต่อไม่ไหว โรงแรมสงขลา โวย รัฐขูดภาษีโหด ยอมปล่อยแบงก์ยึด ค่อยไปขอเช่า
https://www.matichon.co.th/economy/news_3276509
ไปต่อไม่ไหว โรงแรมสงขลา โวย รัฐขูดภาษี พร้อมปล่อยแบงก์ยึดค่อยไปขอเช่า
เมื่อวันที่ 7 เมษายน นาย
ศิวัฒน์ สุวรรณวงศ์ นายกสมาคมโรงแรม จ.สงขลา ผู้จัดการโรงแรมบุรี ศรีภู เปิดเผยว่า โรงแรมใน จ.สงขลาทั้งเล็กและใหญ่ประมาณ 120 แห่ง ไม่ได้รับอานิสงส์จากการเปิดด่านพรมแดนวันที่ 1 เมษายน มีผู้ที่เดินทางเข้า จ.สงขลา ประมาณ 300-350 คน เป็นคนไทย 40% เดินทางกลับบ้าน ส่วนคนมาเลเซียประมาณ 60% เทศกาลสงกรานต์ 2565 มาเลเซียไม่ได้จองห้องพักเลย เพราะไม่มีกิจกรรมดึงดูดใจ ที่จองห้องพักประมาณ 15% เป็นคนไทย 100%
นาย
ศิวัฒน์เปิดเผยว่า สาเหตุที่นักท่องเที่ยวมาเลเซียยังไม่เข้ามาเที่ยวใน จ.สงขลา เนื่องจากมีหลายขั้นตอน แล้วยังมีค่าใช้จ่ายสูง ค่าตรวจ RT-PCR คนละ 3,000 บาท ค่าใช้จ่ายค่าห้องพัก 1 คืน และค่าประกันคนละ 1,000 บาท แล้วจะมีใครอยากจะเข้ามาเที่ยว ภาครัฐควรลดขั้นตอนและค่าใช้จ่ายลง
นาย
ศิวัฒน์เปิดเผยว่า สถานการณ์ธุรกิจท่องเที่ยว จ.สงขลาไม่ฟื้นแล้ว ยังถูกซ้ำเติมจากการเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด จากที่เคยเสียปีละ 10 บาท ต้องเสีย 100 บาท รู้ว่ารัฐมีรายได้น้อยแต่ควรเก็บค่อยเป็นค่อยไป
นายส
มชาติ พิมพ์ธนพูนพร ผู้จัดการโรงแรมซากุระบัดจัส อ.หาดใหญ่ ตั้งแต่เปิดด่านพรมแดนสะเดา มีนักท่องเที่ยวมาเลเซียเข้ามาประมาณ 10% เพราะไม่มีความสะดวก ยุ่งยากหลายขั้นตอน และหาดใหญ่ไม่มีจุดขาย นิยมเดินทางไปเที่ยว จ.ภูเก็ต กระบี่ พังงา และเกาะสมุย จ.สุราษฏร์ธานี แทน เนื่องจากต้นทุนต่ำและขั้นตอนไม่มาก ควรยกเลิกขั้นตอนและลดค่าใช้จ่ายเข้าเมืองเร็วที่สุดก่อนที่ธุรกิจท่องเที่ยวตายสนิท
“โรงแรมหลายแห่งกำลังประสบปัญหาขาดสภาพคล่อง ปิดกิจการติดต่อเกือบ 2 ปี เพราะแบกรับภาระค่าใช้จ่ายไม่ไหว มีโรงแรม 7 แห่ง ประกาศขายกิจการ แต่ไม่มีคนซื้อ หากจะซื้อก็ซื้อในราคาถูกคือประมาณ 30-40% ของมูลค่าทรัพย์สิน และบางแห่งผู้ประกอบการกำลังเจรจากับสถาบันการเงินให้สถาบันการเงินยึด แล้วขอเช่าจากสถาบันการเงินดำเนินธุรกิจต่ออีก 3-4 ปี หากสถานการณ์ดีขึ้นจะขอซื้อคืน” นาย
สมชาติกล่าว
สหรัฐอเมริกา จับกุม หัวหน้ายากูซ่า-3 คนไทย ค้ายาเสพติด-อาวุธข้ามชาติ
https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_6987278
อัยการ-ป.ป.ส. สหรัฐอเมริกา แถลงจับกุม หัวหน้ายากูซ่า องค์กรอาชญากรรมจัดตั้งข้ามชาติของญี่ปุ่น และ 3 คนไทยในสังกัด ซึ่งถูกกล่าวหาว่าสมคบคิดกันค้ายาเสพติดและอาวุธข้ามชาติ ในจำนวนนี้มี “ขีปนาวุธพื้นสู่อากาศ” ด้วย
กระทรวงยุติธรรมสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 7 เม.ย. ตามเวลาท้องถิ่น (8 เม.ย. ตามเวลาไทย) แจ้งข่าวการจับกุมหัวหน้าองค์กรอาชญากรรมจัดตั้งข้ามชาติของญี่ปุ่น หรือที่รู้จักกันในชื่อยากูซ่า (Yakuza) และ 3 คนไทยในสังกัด ซึ่งถูกกล่าวหาว่าสมคบคิดกันค้ายาเสพติดและอาวุธข้ามชาติขนาดใหญ่ รวมถึงการได้มาซึ่งยาเสพติดและอาวุธ
นาย
เดเมียน วิลเลียมส์ อัยการสหรัฐประจำเขตใต้ของรัฐนิวยอร์ก และน.ส.
แอนน์ มิลแกรม ผู้บริหารแห่งสำนักงานปราบปรามยาเสพติดสหรัฐ (ดีอีเอ – DEA) แถลงการจับกุม นาย
ทาเคชิ เอบิซาวะ อายุ 57 ปี, นาย
สมภพ อายุ 58 ปี, นาย
สุขสันต์ อายุ 53 ปี หรือที่รู้จักกันในชื่อ “
บ๊อบบี้” และ นาย
สมภักดิ์ อายุ 55 ปี ในความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและการค้าอาวุธข้ามชาติ เมื่อวันที่ 7 เม.ย. ตามเวลาท้องถิ่น
นาย
เอบิซาวะ สัญชาติญี่ปุ่น นาย
สุขสันต์ สัญชาติสหรัฐและไทย และนาย
สมภักดิ์ สัญชาติไทย ถูกจับกุมในเขตแมนฮัตตัน เมื่อวันที่ 4 เม.ย. 2565 ส่วนนาย
สมภพ สัญชาติไทย ถูกจับกุมในเขตแมตแฮตตัน เมื่อวันที่ 5 เม.ย. 2565
นาย
เอบิซาวะ นาย
สุขสันต์ และนาย
สมภักดิ์ ถูกนำตัวขึ้นศาลต่อหน้าผู้พิพากษา
เจนนิเฟอร์ วิลลิส เมื่อวันที่ 5 เม.ย. 2565 และมีคำสั่งกักขัง ส่วนนาย
สมภพถูกนำตัวขึ้นศาลต่อหน้าผู้พิพากษา
วิลลิส เมื่อวันที่ 6 เม.ย. 2565 และมีคำสั่งกักขัง
นาย
เดเมียน วิลเลียมส์ อัยการสหรัฐ กล่าวว่า
“เรากล่าวหาว่านายเอบิซาวะและผู้สมรู้ร่วมคิดเป็นนายหน้าตกลงกับเจ้าหน้าที่ DEA นอกเครื่องแบบเพื่อซื้ออาวุธหนักและขายยาผิดกฎหมายจำนวนมาก ยาเสพติดมีจุดหมายปลายทางในรัฐนิวยอร์ก ส่วนอาวุธมีการจัดส่งแก่กลุ่มประเทศที่ไม่มั่นคง สมาชิกขององค์กรสมาคมอาชญากรรมข้ามชาตินี้ไม่สามารถทำให้ชีวิตผู้อื่นตกอยู่ในอันตรายได้อีกต่อไปและจะต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมสำหรับการกระทำผิดกฎหมาย”
น.ส.
แอนน์ มิลแกรม ผู้บริหาร DEA กล่าวว่า
“การเข้าถึงเครือข่ายอาชญากรข้ามชาติในวงกว้าง เช่น ยากูซ่า เป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อความปลอดภัยและสุขภาพของทุกชุมชน นายเอบิซาวะและพรรคพวกตั้งใจที่จำหน่ายเมตแอมเฟตามีน (ไอซ์) และเฮโรอีนหลายร้อยกิโลกรัมเข้ามาสหรัฐ โดยใช้อาวุธร้ายแรงในการก่ออาชญากรรม ในช่วงเวลาที่คนอเมริกันเกือบ 300 รายเสียชีวิตจากการใช้ยาเกินขนาดทุกวัน การจับกุมครั้งนี้แสดงถึงความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ของ DEA ร่วมกับพันธมิตรในสหรัฐและระหว่างประเทศในการกำหนดเป้าหมายและนำตัวอาชญากรร้ายแรง ซึ่งเป็นผู้นำองค์กรการค้ายาเสพติดข้ามชาติที่ยังหลั่งไหลเข้ามาในสหรัฐพร้อมยาอันตราย เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม”
ตั้งแต่อย่างน้อยหรือราวปี 2562 เป็นต้นมา DEA ดำเนินการสืบสวนนาย
เอบิซาวะ หัวหน้ายากูซ่า ที่มีความเชื่อมโยงกับการค้ายาเสพติดและอาวุธขนาดใหญ่ ยากูซ่าเป็นเครือข่ายของครอบครัวอาชญากรรมข้ามชาติที่มีการจัดระเบียบแบบแผนสูง ที่มีพรรคพวกในสังกัด ในเอเชีย ยุโรป และอเมริกา ยากูซ่ายังมีส่วนร่วมในการก่ออาชญากรรมต่างๆ รวมถึงการค้าอาวุธ การค้ายาเสพติด การค้ามนุษย์ การฉ้อโกง และการฟอกเงิน
ระหว่างการสอบสวน นาย
เอบิซาวะแนะนำให้ เจ้าหน้าที่ DEA นอกเครื่องแบบ (UC-1) ซึ่งปลอมตัวเป็นนักค้ายาเสพติดและอาวุธ รู้จักกับพรรคพวกในเครือข่ายอาชญากรข้ามชาติของนาย
เอบิซาวะ ซึ่งครอบคลุม ญี่ปุ่น ไทย เมียนมา ศรีลังกา และ สหรัฐ รวมถึงประเทศอื่นๆ เพื่อวัตถุประสงค์ในการจัดการซื้อขายยาเสพติดและอาวุธขนาดใหญ่
นาย
เอบิซาวะ และพรรคพวก รวมถึงนาย
สมภพ นาย
สุขสันต์ และนาย
สมภักดิ์ เจรจาการค้ายาเสพติดและอาวุธกับ UC-1 หลายครั้ง
นาย
เอบิซาวะ นาย
สุขสันต์ และนาย
สมภักดิ์ สมคบคิดกันเป็นนายหน้าซื้อ ขีปนาวุธพื้นสู่อากาศ (Surface-to-air missiles – SAMs) ที่ผลิตในสหรัฐจาก UC-1 รวมถึงอาวุธหนักอื่นๆ เพื่อนำไปขายกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์หลายกลุ่มในเมียนมา ทั้งสามยังรับเฮโรอีนและไอซ์ในปริมาณมากเพื่อจำหน่ายเป็นค่าอาวุธบางส่วน
นาย
เอบิซาวะ นาย
สุขสันต์ และนาย
สมภักดิ์ เข้าใจว่า อาวุธดังกล่าวผลิตในสหรัฐและนำมาจากฐานทัพสหรัฐในอัฟกานิสถาน ทั้งสามยังวางแผนที่จะจำหน่ายยาเสพติดในตลาดรัฐนิวยอร์ก
JJNY : ไร้ข้อสรุป วัตถุดิบอาหารสัตว์│เอกชนชี้‘สงกรานต์’ยังเหงา│โรงแรมสงขลาโวยขูดภาษี│USAจับหน.ยากูซ่า-3คนไทยค้ายา-อาวุธ
https://ch3plus.com/news/economy/ruangden/285973
สงครามรัสเซีย-ยูเครน ดันราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์พุ่งขึ้นไม่หยุด ขณะที่วงประชุมแก้ไขปัญหาวัตถุดิบอาหารสัตว์แพง ยังไร้ข้อสรุป
โดยการหารือในวันนี้ มีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นั่งหัวโต๊ะ เป็นประธานการประชุม ฯ และมีสมาคมต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น สมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ฯ สมาคมผู้เลี้ยงไก่ฯ ผู้เลี้ยงสุกรฯ ชาวไร่มันสำปะหลัง ชาวนา เข้าร่วมหารือ โดยหารือกันใน 2 ประเด็นๆ แรก คือ ทำอย่างไรไม่ให้ปริมาณวัตถุดิบอาหารสัตว์ขาดแคลน และสอง ทำอย่างไรไม่ให้ราคาพุ่งสูง จนเป็นภาระต้นทุนผู้เลี้ยงสัตว์ และไม่ให้เป็นภาระกับผู้บริโภค
ขณะที่เกษตรกรผู้ปลูกพืชอยู่ได้ ซึ่งเป็นโจทย์ยาก ที่จะต้องดูแลทั้งเรื่องราคา และปริมาณให้สมดุลกัน ซึ่งที่ผ่านมา มีการหารือหลายครั้ง และมาวันนี้ ก็ยังไม่ได้ข้อสรุป โดยมอบให้ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ไปนัดหารือ 3 ฝ่ายให้ได้ข้อสรุป และกลับมาเสนอต่อที่ประชุมอีกครั้งโดยเร็วที่สุด
ขณะที่ สถานการณ์พืชพลังงานสำคัญของโลกยังพุ่งขึ้นยกแผง โดยในปี 65 นี้ ราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ขึ้นไปแล้ว 23% ข้าวสาลี 37% ข้าวบาเล่ 30% จากสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ทำให้ความต้องการพืชพลังงานทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้น
ชมผ่านยูทูบ : https://youtu.be/L-E7sQBWYP4
เอกชนชี้ ‘สงกรานต์’ ยังเหงา หลังต่างชาติเที่ยวไทยเพิ่มจิ๊บๆ แม้ปลดล็อก RT-PCR ก่อนเข้าประเทศ
https://www.matichon.co.th/economy/news_3277810
เอกชนชี้ ‘สงกรานต์’ ยังเหงา หลังต่างชาติเที่ยวไทยเพิ่มจิ๊บๆ แม้ปลดล็อก RT-PCR ก่อนเข้าประเทศ
นายศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร นายกสมาคมไทยธุรกิจการ ท่องเที่ยว (แอตต้า) เปิดเผยว่า ภาพรวมการท่องเที่ยวในประเทศ หลังจากรัฐบาลปลดล็อกการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ผ่านการไม่ต้องตรวจหาเชื้อโควิด-19 ผ่านวิธี RT-PCR ก่อนเดินทางเข้าประเทศ ขณะนี้ดูตัวเลขในท่าอากาศยานพบว่า มีต่างชาติเข้ามาเพิ่มขึ้นเล็กน้อย จากเดิมประมาณ 8,000-9,000 คนต่อวัน เพิ่มเป็น 12,000-13,000 คนต่อวัน ซึ่งเบื้องต้นมองว่าเราเพิ่งเริ่มปลดล็อกเกณฑ์ดังกล่าว ทำให้ต้องใช้เวลาอีกสักระยะ น่าจะเห็นจำนวนเพิ่มขึ้นกว่านี้ แต่ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ มองว่าแม้มีนักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้น แต่ไม่ได้คึกคักเท่าที่ควร เนื่องจากปกตินักท่องเที่ยวต่างชาติที่นิยมเข้ามาเที่ยวสงกรานต์ในไทย ปกติจะเป็นจีนและไต้หวัน ซึ่ง 2 ประเทศนี้ยังไม่เปิดให้พลเมืองเที่ยวต่างประเทศ รวมถึงเกาหลี มาเลเซีย สิงคโปร์ และฮ่องกง ที่เพิ่งเห็นการเปิดประเทศเช่นกัน ส่วนนักท่องเที่ยวจากยุโรป ประเมินว่าอาจไม่ได้เห็นเข้ามาเที่ยวไทยมากเท่าช่วงที่ผ่านมา เพราะตอนนี้อยู่นอกฤดูกาลท่องเที่ยว (โลว์ซีซั่น) ของยุโรปแล้ว หากจะมีก็เข้ามาแบบประปรายเท่านั้น ไม่ได้มากอย่างที่คาหวังไว้
“ตอนนี้ยังคาดการณ์ว่าเดือนเมษายนนี้ทั้งเดือนจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเท่าใดได้ลำบากมาก เพราะมีสถานการณ์ความไม่แน่นอนสูง บวกกับหลายประเทศก็เริ่มทำตลาดต่างชาติ หรือเปิดประเทศท่องเที่ยวมากขึ้น ทำให้มีการแข่งขันสูงขึ้น โดยในไตรมาส 1/2565 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเที่ยวไทยประมาณ 4 แสนคน ซึ่งหากยังเป็นตัวเลขแบบนี้ในไตรมาส 2/2565 อีก เป้าหมายทั้งปีนี้ที่คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยอยู่ที่ 7 ล้านคน ก็ไม่รู้จะเอาที่ไหนมาให้ถึงเป้าหมาย” นายศิษฎิวัชร กล่าว
นายศิษฎิวัชร กล่าวว่า การปลดล็อกตรวจหาเชื้อผ่าน RT-PCR ก่อนเข้าประเทศ 72 ชั่วโมงนั้น ถือเป็นการปลดล็อกขั้นตอนแรกก่อน จากนั้นจะปลดล็อกเพิ่มหรือไม่ มองว่ารัฐบาลคงประเมินร่วมกับสาธารณสุข ที่ต้องดูสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศเป็นหลัก แต่มองว่าการปลดล็อกแบบไม่ต้องตรวจ RT-PCR เมื่อมาถึงไทย จะเป็นแรงสนับสนุนให้นักท่องเที่ยวต่างชาติมาเที่ยวไทยคึกคักมากขึ้น แต่ในกรณีนี้ก็อาจต้องดูประเทศต้นทางด้วย หากสถานการณ์ประเทศต้นทางยังไม่เอื้อการเดินทางท่องเที่ยว โดยเฉพาะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวดีมากนัก การจะเดินทางท่องเที่ยวก็จะอยู่ในกลุ่มคนมีเงินจริงๆ หรือกลุ่มผู้เข้ามาทำธุรกิจ ทำให้นักท่องเที่ยวแบบแท้จริงอาจมีน้อย
ไปต่อไม่ไหว โรงแรมสงขลา โวย รัฐขูดภาษีโหด ยอมปล่อยแบงก์ยึด ค่อยไปขอเช่า
https://www.matichon.co.th/economy/news_3276509
ไปต่อไม่ไหว โรงแรมสงขลา โวย รัฐขูดภาษี พร้อมปล่อยแบงก์ยึดค่อยไปขอเช่า
เมื่อวันที่ 7 เมษายน นายศิวัฒน์ สุวรรณวงศ์ นายกสมาคมโรงแรม จ.สงขลา ผู้จัดการโรงแรมบุรี ศรีภู เปิดเผยว่า โรงแรมใน จ.สงขลาทั้งเล็กและใหญ่ประมาณ 120 แห่ง ไม่ได้รับอานิสงส์จากการเปิดด่านพรมแดนวันที่ 1 เมษายน มีผู้ที่เดินทางเข้า จ.สงขลา ประมาณ 300-350 คน เป็นคนไทย 40% เดินทางกลับบ้าน ส่วนคนมาเลเซียประมาณ 60% เทศกาลสงกรานต์ 2565 มาเลเซียไม่ได้จองห้องพักเลย เพราะไม่มีกิจกรรมดึงดูดใจ ที่จองห้องพักประมาณ 15% เป็นคนไทย 100%
นายศิวัฒน์เปิดเผยว่า สาเหตุที่นักท่องเที่ยวมาเลเซียยังไม่เข้ามาเที่ยวใน จ.สงขลา เนื่องจากมีหลายขั้นตอน แล้วยังมีค่าใช้จ่ายสูง ค่าตรวจ RT-PCR คนละ 3,000 บาท ค่าใช้จ่ายค่าห้องพัก 1 คืน และค่าประกันคนละ 1,000 บาท แล้วจะมีใครอยากจะเข้ามาเที่ยว ภาครัฐควรลดขั้นตอนและค่าใช้จ่ายลง
นายศิวัฒน์เปิดเผยว่า สถานการณ์ธุรกิจท่องเที่ยว จ.สงขลาไม่ฟื้นแล้ว ยังถูกซ้ำเติมจากการเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด จากที่เคยเสียปีละ 10 บาท ต้องเสีย 100 บาท รู้ว่ารัฐมีรายได้น้อยแต่ควรเก็บค่อยเป็นค่อยไป
นายสมชาติ พิมพ์ธนพูนพร ผู้จัดการโรงแรมซากุระบัดจัส อ.หาดใหญ่ ตั้งแต่เปิดด่านพรมแดนสะเดา มีนักท่องเที่ยวมาเลเซียเข้ามาประมาณ 10% เพราะไม่มีความสะดวก ยุ่งยากหลายขั้นตอน และหาดใหญ่ไม่มีจุดขาย นิยมเดินทางไปเที่ยว จ.ภูเก็ต กระบี่ พังงา และเกาะสมุย จ.สุราษฏร์ธานี แทน เนื่องจากต้นทุนต่ำและขั้นตอนไม่มาก ควรยกเลิกขั้นตอนและลดค่าใช้จ่ายเข้าเมืองเร็วที่สุดก่อนที่ธุรกิจท่องเที่ยวตายสนิท
“โรงแรมหลายแห่งกำลังประสบปัญหาขาดสภาพคล่อง ปิดกิจการติดต่อเกือบ 2 ปี เพราะแบกรับภาระค่าใช้จ่ายไม่ไหว มีโรงแรม 7 แห่ง ประกาศขายกิจการ แต่ไม่มีคนซื้อ หากจะซื้อก็ซื้อในราคาถูกคือประมาณ 30-40% ของมูลค่าทรัพย์สิน และบางแห่งผู้ประกอบการกำลังเจรจากับสถาบันการเงินให้สถาบันการเงินยึด แล้วขอเช่าจากสถาบันการเงินดำเนินธุรกิจต่ออีก 3-4 ปี หากสถานการณ์ดีขึ้นจะขอซื้อคืน” นายสมชาติกล่าว
สหรัฐอเมริกา จับกุม หัวหน้ายากูซ่า-3 คนไทย ค้ายาเสพติด-อาวุธข้ามชาติ
https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_6987278
อัยการ-ป.ป.ส. สหรัฐอเมริกา แถลงจับกุม หัวหน้ายากูซ่า องค์กรอาชญากรรมจัดตั้งข้ามชาติของญี่ปุ่น และ 3 คนไทยในสังกัด ซึ่งถูกกล่าวหาว่าสมคบคิดกันค้ายาเสพติดและอาวุธข้ามชาติ ในจำนวนนี้มี “ขีปนาวุธพื้นสู่อากาศ” ด้วย
กระทรวงยุติธรรมสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 7 เม.ย. ตามเวลาท้องถิ่น (8 เม.ย. ตามเวลาไทย) แจ้งข่าวการจับกุมหัวหน้าองค์กรอาชญากรรมจัดตั้งข้ามชาติของญี่ปุ่น หรือที่รู้จักกันในชื่อยากูซ่า (Yakuza) และ 3 คนไทยในสังกัด ซึ่งถูกกล่าวหาว่าสมคบคิดกันค้ายาเสพติดและอาวุธข้ามชาติขนาดใหญ่ รวมถึงการได้มาซึ่งยาเสพติดและอาวุธ
นายเดเมียน วิลเลียมส์ อัยการสหรัฐประจำเขตใต้ของรัฐนิวยอร์ก และน.ส.แอนน์ มิลแกรม ผู้บริหารแห่งสำนักงานปราบปรามยาเสพติดสหรัฐ (ดีอีเอ – DEA) แถลงการจับกุม นายทาเคชิ เอบิซาวะ อายุ 57 ปี, นายสมภพ อายุ 58 ปี, นายสุขสันต์ อายุ 53 ปี หรือที่รู้จักกันในชื่อ “บ๊อบบี้” และ นายสมภักดิ์ อายุ 55 ปี ในความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและการค้าอาวุธข้ามชาติ เมื่อวันที่ 7 เม.ย. ตามเวลาท้องถิ่น
นายเอบิซาวะ สัญชาติญี่ปุ่น นายสุขสันต์ สัญชาติสหรัฐและไทย และนายสมภักดิ์ สัญชาติไทย ถูกจับกุมในเขตแมนฮัตตัน เมื่อวันที่ 4 เม.ย. 2565 ส่วนนายสมภพ สัญชาติไทย ถูกจับกุมในเขตแมตแฮตตัน เมื่อวันที่ 5 เม.ย. 2565
นายเอบิซาวะ นายสุขสันต์ และนายสมภักดิ์ ถูกนำตัวขึ้นศาลต่อหน้าผู้พิพากษาเจนนิเฟอร์ วิลลิส เมื่อวันที่ 5 เม.ย. 2565 และมีคำสั่งกักขัง ส่วนนายสมภพถูกนำตัวขึ้นศาลต่อหน้าผู้พิพากษาวิลลิส เมื่อวันที่ 6 เม.ย. 2565 และมีคำสั่งกักขัง
นายเดเมียน วิลเลียมส์ อัยการสหรัฐ กล่าวว่า “เรากล่าวหาว่านายเอบิซาวะและผู้สมรู้ร่วมคิดเป็นนายหน้าตกลงกับเจ้าหน้าที่ DEA นอกเครื่องแบบเพื่อซื้ออาวุธหนักและขายยาผิดกฎหมายจำนวนมาก ยาเสพติดมีจุดหมายปลายทางในรัฐนิวยอร์ก ส่วนอาวุธมีการจัดส่งแก่กลุ่มประเทศที่ไม่มั่นคง สมาชิกขององค์กรสมาคมอาชญากรรมข้ามชาตินี้ไม่สามารถทำให้ชีวิตผู้อื่นตกอยู่ในอันตรายได้อีกต่อไปและจะต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมสำหรับการกระทำผิดกฎหมาย”
น.ส.แอนน์ มิลแกรม ผู้บริหาร DEA กล่าวว่า “การเข้าถึงเครือข่ายอาชญากรข้ามชาติในวงกว้าง เช่น ยากูซ่า เป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อความปลอดภัยและสุขภาพของทุกชุมชน นายเอบิซาวะและพรรคพวกตั้งใจที่จำหน่ายเมตแอมเฟตามีน (ไอซ์) และเฮโรอีนหลายร้อยกิโลกรัมเข้ามาสหรัฐ โดยใช้อาวุธร้ายแรงในการก่ออาชญากรรม ในช่วงเวลาที่คนอเมริกันเกือบ 300 รายเสียชีวิตจากการใช้ยาเกินขนาดทุกวัน การจับกุมครั้งนี้แสดงถึงความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ของ DEA ร่วมกับพันธมิตรในสหรัฐและระหว่างประเทศในการกำหนดเป้าหมายและนำตัวอาชญากรร้ายแรง ซึ่งเป็นผู้นำองค์กรการค้ายาเสพติดข้ามชาติที่ยังหลั่งไหลเข้ามาในสหรัฐพร้อมยาอันตราย เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม”
ตั้งแต่อย่างน้อยหรือราวปี 2562 เป็นต้นมา DEA ดำเนินการสืบสวนนายเอบิซาวะ หัวหน้ายากูซ่า ที่มีความเชื่อมโยงกับการค้ายาเสพติดและอาวุธขนาดใหญ่ ยากูซ่าเป็นเครือข่ายของครอบครัวอาชญากรรมข้ามชาติที่มีการจัดระเบียบแบบแผนสูง ที่มีพรรคพวกในสังกัด ในเอเชีย ยุโรป และอเมริกา ยากูซ่ายังมีส่วนร่วมในการก่ออาชญากรรมต่างๆ รวมถึงการค้าอาวุธ การค้ายาเสพติด การค้ามนุษย์ การฉ้อโกง และการฟอกเงิน
ระหว่างการสอบสวน นายเอบิซาวะแนะนำให้ เจ้าหน้าที่ DEA นอกเครื่องแบบ (UC-1) ซึ่งปลอมตัวเป็นนักค้ายาเสพติดและอาวุธ รู้จักกับพรรคพวกในเครือข่ายอาชญากรข้ามชาติของนายเอบิซาวะ ซึ่งครอบคลุม ญี่ปุ่น ไทย เมียนมา ศรีลังกา และ สหรัฐ รวมถึงประเทศอื่นๆ เพื่อวัตถุประสงค์ในการจัดการซื้อขายยาเสพติดและอาวุธขนาดใหญ่
นายเอบิซาวะ และพรรคพวก รวมถึงนายสมภพ นายสุขสันต์ และนายสมภักดิ์ เจรจาการค้ายาเสพติดและอาวุธกับ UC-1 หลายครั้ง
นายเอบิซาวะ นายสุขสันต์ และนายสมภักดิ์ สมคบคิดกันเป็นนายหน้าซื้อ ขีปนาวุธพื้นสู่อากาศ (Surface-to-air missiles – SAMs) ที่ผลิตในสหรัฐจาก UC-1 รวมถึงอาวุธหนักอื่นๆ เพื่อนำไปขายกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์หลายกลุ่มในเมียนมา ทั้งสามยังรับเฮโรอีนและไอซ์ในปริมาณมากเพื่อจำหน่ายเป็นค่าอาวุธบางส่วน
นายเอบิซาวะ นายสุขสันต์ และนายสมภักดิ์ เข้าใจว่า อาวุธดังกล่าวผลิตในสหรัฐและนำมาจากฐานทัพสหรัฐในอัฟกานิสถาน ทั้งสามยังวางแผนที่จะจำหน่ายยาเสพติดในตลาดรัฐนิวยอร์ก