JJNY : ติดเชื้อ25,140 เสียชีวิต89│อินเดียผวาพบติดโควิด‘XE’รายแรก│CIMBหั่นคาดจีดีพีเหลือ3.1%│"วิโรจน์" เดินตลาดห้วยขวาง

โควิดไม่แผ่ว ติดเชื้อใหม่ 25,140 ราย เสียชีวิต 89 ราย กำลังรักษา 248,254 ราย
https://www.matichon.co.th/covid19/thai-covid19/news_3277865
 
 
โควิดไม่แผ่ว ติดเชื้อใหม่ 25,140 ราย เสียชีวิต 89 ราย กำลังรักษา 248,254 ราย
 
เมื่อวันที่ 8 เมษายน สถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ประจำวัน ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค.รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 รวม 25,140 ราย จำแนกเป็น ผู้ป่วยจากในประเทศ 25,040 ราย ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 100 ราย ผู้ป่วยสะสม 1,609,613 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) หายป่วยกลับบ้าน 24,854 ราย หายป่วยสะสม 1,390,423 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) ผู้ป่วยกำลังรักษา 248,254 ราย เสียชีวิต 89 ราย จำนวนผู้ป่วยปอดอักเสบ รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 1,899 ราย เฉลี่ยจังหวัดละ 24 ราย อัตราครองเตียง ร้อยละ 28.4


 
อินเดียผวา พบคนติดโควิด ‘โอมิครอนลูกผสม XE’ รายแรกแล้ว
https://www.thairath.co.th/news/foreign/2362526

อินเดียตรวจพบคนติดเชื้อโอมิครอนลูกผสม XE รายแรกแล้ว เดินทางจากแอฟริกาใต้มายังนครมุมไบ
 
7 เมษายน 2565 สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (6 เม.ย.) สื่ออินเดียอ้างอิงเจ้าหน้าที่สาธารณสุขท้องถิ่น รายงานการตรวจพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ที่ก่อโรคโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน เอ็กซ์อี (Omicron XE) เป็นรายแรกของอินเดียแล้ว
 
รายงานระบุว่า ผู้ป่วยโรคโควิด-19 เพศหญิงรายดังกล่าว ซึ่งติดเชื้อโอมิครอนสายพันธุ์ย่อยใหม่ XE ได้เดินทางจากแอฟริกาใต้มายังนครมุมไบ เมืองหลวงทางการเงินของอินเดีย เมื่อวันที่ 10 ก.พ. ที่ผ่านมา โดยขณะนี้ยังไม่แสดงอาการป่วยรุนแรงแต่อย่างใด
 
เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเสริมว่ามีการเก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งในมุมไบ จำนวน 230 รายการ และพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน 228 ราย สายพันธุ์คัปปา 1 ราย และสายพันธุ์โอมิครอน เอ็กซ์อี 1 ราย
 
ทั้งนี้ เชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน เอ็กซ์อี มีแนวโน้มแพร่ติดเชื้อง่ายขึ้นราวร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับสายพันธุ์โอมิครอน สายพันธุ์ย่อยบีเอ.2 (BA.2) ซึ่งแพร่ระบาดได้ง่ายที่สุดในขณะนี้ และกลายเป็นสายพันธุ์หลักที่แพร่ระบาดทั่วโลก
 
ขอบคุณ ข้อมูล-ภาพ : Xinhuathai



ซีไอเอ็มบี ไทยหั่นคาดการณ์ปรับลดจีดีพีเหลือ 3.1%
https://www.nationtv.tv/news/378869370

ซีไอเอ็มบีไทยปรับลดจีดีพีปีนี้ลงเหลือโต 3.1% หลังเศรษฐกิจไทยเผชิญความผันผวนจากความไม่แน่นอน จากการระบาดของโอมิครอน สงครามรัสเซีย-ยูเครน ทำราคาน้ำมันพุ่งดันเงินเฟ้อคาดไตรมาส 2 แตะ 5%

ดร.อมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสำนักวิจัย และที่ปรึกษาการลงทุน ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ระบุ เศรษฐกิจไทยเผชิญความผันผวนจากความไม่แน่นอน ทั้งจากการระบาดของไวรัสโควิด 19 สายพันธุ์โอมิครอน ตามมาด้วยสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนที่นำไปสู่ปัญหาราคาน้ำมันพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว และสร้างความกังวลต่อการเร่งขึ้นของเงินเฟ้อทั่วโลกไม่แค่เฉพาะไทย

โดยเฉพาะการเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟด รวมทั้งการลดงบดุลเพื่อสกัดเงินเฟ้อที่จะยิ่งทำให้การใช้จ่ายและการลงทุนภาคเอกชนชะลอชต่อเนื่องได้ในปีนี้ สำนักวิจัยฯ ได้ปรับลดการคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจปีนี้ลงจาก 3.8% เหลือ 3.1% หลังจากที่เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ 1.6% ในปี 2564 การส่งออกโต 5-8% อัตราเงินเฟ้อช่วงไตรมาสสองอาจเฉียดระดับ 5% และทั้งปีอยู่ที่ 4.5% จากสมมติฐานราคาน้ำมันจะถึงจุดสูงสุดที่ 120 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในช่วงไตรมาสสอง ก่อนปรับตัวลดลงในช่วงครึ่งปีหลังและเฉลี่ยปีนี้จะอยู่ที่ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

สำหรับในช่วงไตรมาสสอง เศรษฐกิจไทยน่าจะขยายตัวในอัตราที่เร่งขึ้นกว่าช่วงไตรมาสแรก โดยคาดว่าจีดีพีไทยในช่วงไตรมาสสองจะขยายตัว 2.3% จากช่วงเวลาเดียวกันปีก่อนหรือ 0.8% เทียบไตรมาสต่อไตรมาสหลังปรับฤดูกาล

ทั้งนี้ เศรษฐกิจไทยไตรมาสแรกมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องจากปีก่อน การส่งออกยังคงขยายตัวโดดเด่น แม้มีปัญหาค่าระวางเรือสูง การขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ และปัญหาการขาดแคลนชิปเซมิคอนดักเตอร์ที่กระทบภาคการผลิตกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์และยานยนต์ แต่เศรษฐกิจประเทศสำคัญยังมีความต้องการสินค้าที่สูง แม้อาจไม่ได้เร่งแรงเหมือนปีก่อนตามปัญหาเงินเฟ้อในแต่ละประเทศที่กดดันการบริโภคและการลงทุน แต่เศรษฐกิจในหลายประเทศยังเติบโตได้สูงกว่าศักยภาพ ซึ่งเป็นผลดีต่อการส่งออกไทยในปีนี้

นอกจากนี้ การบริโภคภาคเอกชนของไทยช่วงไตรมาสแรกยังน่าจะประคองตัวได้ โดยได้รับแรงสนับสนุนจากกำลังซื้อระดับกลางถึงบนที่มีความเชื่อมั่นและความมั่นคงทางการเงิน ตลอดจนมาตรการภาครัฐที่สนับสนุนการบริโภคผ่านการลดหย่อนภาษีน่าจะช่วยให้การใช้จ่ายไม่ได้ชะลอแม้จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันพุ่งสูง อีกทั้งรัฐได้มีมาตรการประคองกำลังซื้อผ่านมาตรการคนละครึ่ง ซึ่งน่าจะช่วยสนับสนุนการใช้จ่ายในหมวดอาหารและเครื่องดื่มได้บ้าง

ส่วนการท่องเที่ยวยังไม่ได้ฟื้นตัวมากนักในช่วงไตรมาสแรก เนื่องจากการระบาดของสายพันธุ์โอมิครอนได้ทำให้รัฐบาลเพิ่มความเข้มงวดในการรับชาวต่างชาติเข้าประเทศ รวมถึงความเชื่อมั่นนักเดินทางที่ลดลงจากปัญหารัสเซียและยูเครน โดยเฉพาะเมื่อค่าเงินของรัสเซียอ่อนค่าลงแรงก็กระทบความสามารถในการใช้จ่ายของคนรัสเซียและมีผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวลดลง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่