รถยนต์ญี่ปุ่น EV 100% ราคาต่ำกว่าล้าน

กระทู้คำถาม
เราจะได้เห็นขายในไทยประมาณปีไหนครับ  ขอเป็นแบรนด์ญี่ปุ่นทั่วไปที่ขายกันอยู่ทุกวันนี้ พวก T H N M
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 16
ออกตัวก่อนเลยว่า ไม่ได้โปรจีนนะครับ นี่ก็รอดู spec และ ราคาของ bz4x ของโตโยต้าอยู่ ว่าจะสู้ไหวไหม
ที่จะตอบ ก็ขอตอบไปตามความเป็นจริงที่เห็น และ ข้อมูลที่ได้รับมานะครับ

สาเหตุที่หลายคนมองว่ารถ EV ญี่ปุ่นยังตามจีนอยู่ ด้วยเหตุผลหลายๆข้อครับ

1. ชิ้นส่วนที่สำคัญที่สุดในรถ EV คือ แบตเตอรี่ ซึ่งเทคโนโลยีการผลิตแบตของจีน(CATL) เหนือกว่า ญี่ปุ่น(Panasonic) หรือ พูดง่ายๆว่า จีนเป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่อันดับ 1 ในโลกอยู่ตอนนี้ นำฝั่งญี่ปุ่นอยู่มากพอสมควร และ แนวโน้มในอนาคตก็ดูเหมือนจะค่อยๆทิ้งห่างออกไปเรื่อยๆ แล้วจีนยังวางแผนไปร่วมมือกับเกาหลีใต้ในการพัฒนาแบตอีก นี่ยังไม่รวมถึง วัตถุดิบ และ ต้นทุนที่ต้องใช้ในการผลิต ยิ่งทำให้ญี่ปุ่นลำบากหนักกว่าเดิม

2. นโยบายและการส่งเสริมจากรัฐบาลจีน ที่มีเป้าหมายที่ชัดเจน และ เร่งทำอย่างรวดเร็ว ในการทำให้ประชาชนเปลี่ยนมาใช้รถ EV
เมื่อมีจำนวนผู้ใช้มาก ผู้ผลิตก็ได้รับ Feedback จากผู้ใช้จริง รวมถึงข้อดี ข้อเสีย ประสบการณ์จริงบนถนน กลับมาเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นข้อมูลที่สำคัญมากต่อผู้ผลิต ในการนำมาพัฒนารถรุ่นต่อๆไป ซึ่งถ้าเทียบผู้ใช้รถ EV 100% ระหว่างจีน กับ ญี่ปุ่น มีความแตกต่างกันเป็นร้อยเท่าครับ

3. จีนมีองค์ความรู้ในการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆสูงกว่าญี่ปุ่นมาก รวมถึง ความสามารถในการลดต้นทุนในการผลิตอันดับต้นๆของโลก
ชิพเซ็ต หรือ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ในปัจจุบัน ถ้าไม่ประกอบ ก็ผลิตที่จีน Made in China แทบทั้งนั้นครับ เพราะ จีนตั้งตัวเป็นฐานการผลิต องค์ความรู้ต่างๆที่จีนได้รับในการรับผลิตสิ่งต่างๆ จึงกลายเป็นสิ่งที่มีค่ามากที่สุดในการส่งเสริมให้จีนเพิ่มขีดความสามารถในการพัฒนาต่อยอดสินค้าต่างๆ ยกตัวอย่างง่ายๆ เหมือนมีคนมาจ้างคุณทำกล่องกระดาษใส่ขนม คุณก็จะรู้ว่าการทำกล่องกระดาษ มันมีกรรมวิธียังไง ใช้เครื่องมืออะไรบ้าง ต่อให้ในสัญญาเขียนว่า คุณห้ามผลิตกล่องขนม แต่วันข้างหน้าคุณก็อาจจะทำ เก้าอี้ หรือ เตียงจากกล่องกระดาษ เพราะ คุณมีเครื่องมือ และ พื้นฐานจากการทำกล่องใส่ขนมแล้ว คุณก็เอาความรู้เดิมที่มีมาปรับปรุงพัฒนาต่อยอดได้ ด้วยวิธีแบบนี้ จึงไม่น่าแปลกใจที่มือถือจีนถึงแซงมือถือญี่ปุ่นขึ้นไปทำตลาดสู้กับ Apple หรือ Samsung ในระดับโลกได้ไงครับ

ย้ำอีกครั้ง ว่าไม่ได้โปรจีน หรือ รังเกียจรถญี่ปุ่น แต่ประการใด ทุกวันนี้ เบี้ยน้อย หอยน้อย รายได้ไม่ได้เยอะ วันนี้ไม่สนหรอกว่าใครจะผลิต หรือ ผลิตจากที่ไหน อะไรที่มันคุ้มค่ากับเม็ดเงินที่จ่ายไปมากที่สุด ก็จำเป็นต้องเลือกสิ่งนั้นไว้ก่อน ความเป็นจริงมันเป็นแบบนี้ เทียบสิ่งที่ได้กับสิ่งที่จ่าย ญี่ปุ่นดูจะสู้ไม่ได้จริงๆ ก็ต้องรอดูว่าญี่ปุ่นจะแก้เกมยังไง แต่ที่แน่ๆ แข่งกันแบบนี้ ลูกค้ามีแต่ได้ประโยชน์ครับ

สุดท้าย รถ EV ดูเหมือนง่าย แต่ไม่ง่าย ชิ้นส่วนน้อยก็จริง แต่ว่า แต่ละ module ที่อยู่ในรถ ต้องใช้ know-how เยอะกว่ารถสันดาปมากๆ มันไม่ได้มีเพียงแค่ ฟันเฟือง ข้อต่อ หรือ น็อต แต่มันเต็มไปด้วย ชิพเซ็ต หน่วยประมวลผล หน่วยความจำ สายไฟ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ Software และ ระบบ AI สารพัดอัดแน่นอยู่ในนั้น ซึ่งสเกลการทำงานใหญ่กว่า ECU ที่ถูกใช้ในรถทุกวันนี้มาก ทุกอย่างในรถเป็นข้อมูลที่ต้องประมวลผลตลอดเวลา และ ต้องทำให้ดีกว่าที่รถสันดาปทำได้ และ ไม่ใช่แค่ต้องทำได้ดีกว่า แต่ต้องทำได้ดีขึ้นเรื่อยๆแม้ว่ารถคันนั้นจะถูกขายไปแล้ว รถสันดาปขายแล้วก็จบ อย่างมากก็กลับมาจูนกล่องนิดๆหน่อยๆ แต่รถ EV ไม่ใช่ อย่าลืมว่า รถ EV ส่วนใหญ่ มันไม่ใช่ขายแล้วจบ มันมีการ Update software เพื่อปรับปรุงให้รถทำงานดีขึ้นได้เรื่อยๆ แก้ไขข้อผิดพลาด หรือ แม้แต่เพิ่มคำสั่งใหม่ๆให้มันเรียนรู้เพิ่มเติม ได้ตลอดเวลาแบบ Online โดยที่ไม่ต้องมาที่ศูนย์เลย

เรียกได้ว่า รถสันดาป หรือ รถ hybrid กับ รถ EV แท้ๆ 100% เป็นสินค้าที่ดูภายนอกหน้าตาก็เหมือนๆกัน แถมดูแล้วก็ไม่น่าจะมีอะไรซับซ้อน แต่ข้างในมันแทบไม่มีอะไรเหมือนกันซักนิดเลยครับ ญี่ปุ่นไม่ใช่ไม่เก่ง หรือ ทำไม่ได้ แต่ต่อให้เร่งพัฒนาแบต หรือ module ต่างๆจนแซงหน้า สุดท้ายก็ไปติดคอขวดเรื่องต้นทุนการผลิตอยู่ดี ซึ่งเรื่องต้นทุนการผลิตเนี่ย ใครๆก็รู้ ว่าจีนเขาเบอร์ต้นๆของโลกเลย และ สินค้าจีนก็มีการปรับปรุง แก้ไขเรื่องคุณภาพสินค้าที่ใครๆก็เคยดูถูกมาตลอดหลาย 10 ปี จนสินค้าหลายๆแบรนด์เป็นที่ยอมรับในระดับโลกแล้ว เรื่องรถจีนในไทย ถ้าชะล่าใจ ปล่อยให้จีนสะสมฐานเสียง สร้างความเชื่อมั่นไปอีก 5-6 ปี อย่างที่แบรนด์ Xiaomi เคยทำกับคนไทย และ คนทั้งโลกมาแล้ว อะไรก็ไม่แน่ครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่