คู่ชีวิตหรือแค่ชีวิตคู่

สวัสดีค่ะขอแนะนำตัวเองก่อนนะคะชื่อรอยยิ้มค่ะ
ไม่รู้จะพูดหรือธิบายแบบไหนดีเกี่ยวกับชีวิตคู่ฉัน
ย้อนไปเมื่อ12ปี
เริ่มแรกที่รู้จักกับแฟนคนนี้คือเมื่อสมัยตอนเรียนปวช.
ได้รู้จักกับแฟนคนนี้เพราะรุ่นพี่เหมือนเราเจอเขาอยู่กับรุ่นพี่ที่เรารู้จักและเราก็เป็นคนเริ่มจีบเขาก่อน
เราก็ได้คุยกับเขาได้มาสักระยะหนึ่งเขาค่อนข้างที่จะเจ้าชู้และคบคนเยอะมากก็วัยรุ่น แล้วเราก็ได้แยกทางกัน  แล้วจะการแยกทางกันและในตอนนั้นช่วงวัยรุ่นเราก็เหมือนยังรักเขาอยู่ก็ยังติดต่อเขาอยู่ยังคอยแอบสอง Facebook และช่องทางอื่นๆที่สามารถติดต่อเขาได้เราก็แอบมองแอบคอยดูเขาตลอดเพราะว่าเราชอบเขามาก
เวลาผ่านไปได้สักพักนึงหลายปีแล้วล่ะช่วงประมาณปี55 เขาได้แต่งงานมีครอบครัว มีลูกหนึ่งคน เราก็เลยตัดใจจากเขาโดยทิ้งทุกอย่างที่เป็นเขา อย่างเช่นตุ๊กตาที่เขาเคยให้ไว้งานต่างๆกระเป๋าสตางค์หรืออะไรที่เขาให้เราตัดใจทิ้ง เพราะรู้ว่าเขาได้แต่งงานมีครอบครัวจึงคิดว่าเขาคงไม่กลับมาหาเราแล้ว
เวลาผ่านไปได้หนึ่งปีช่วงปี 56 เขาได้กลับมาทักเราโดยผ่านทาง Facebook สะกิดเราทักกันไปทักกันมา
หลังจากนั้นเราก็ได้คุยกันผ่านทางแชท Facebook ก็ได้ถามตามปกติว่าเป็นยังไงบ้างสบายดีไหมครอบครัวเป็นยังไงมีลูกสาวหรือลูกชาย  หลังจากที่คุยแชทกันวันนั้นเวลาผ่านไปก็ประมาณสัก7-8เดือน
เขาก็กลับมาติดต่อและทักเราผ่านช่องทาง Facebook เหมือนเดิมว่าตอนนี้เราเป็นยังไงบ้างสบายดีไหมและคบกับใครอยู่  เราก็เลยตอบไปว่าเราไม่ได้คบกับใครเพราะช่วงนั้นก็ไม่ได้คุยกับใครจริงๆมัวแต่ทำงานเขาก็เลยบอกว่าเขาได้เลิกกับทางครอบครัวนี้แล้วนะเขาโสดแล้ว
ทีแรกเราก็ไม่เชื่อหรอกเราก็ไปแอบสอ่ง Facebook เขาอีกทีนึงก็จริงๆเขาก็ได้แยกทางกับครอบครัวทางนั้น
เรา เลยถามว่าทำไมล่ะมีปัญหาอะไรกัน  เขาก็ไม่ตอบ ได้แค่ตอบว่า ทางนั้นเชื่อเพื่อน
พอเรื่องเป็นแบบนั้นรู้ว่าเขาได้เลิกกับครอบครัวเขาแล้วด้วยความที่เรายังรักเค้าอยู่เราก็สงสารเขา
เขาเลยถามเราว่าถ้ายังไม่ได้คบใครเรากลับมาคบกันไหม
ในตอนนั้นเราก็ตอบไปว่าใจเย็นๆมีอะไรค่อยค่อยพูดค่อยค่อยจากับครอบครัวก่อนเพราะว่าอย่างน้อยก็มีลูกด้วยกัน  
เขาก็ตอบมาว่าคงเป็นเหมือนเดิมไม่ได้แล้วเพราะทางบ้านเขาต่างกีดกันไม่ให้คบกัน
พอหลังจากนั้นได้กลับไปคุยกับเขาได้ประมาณสองเดือนก็เริ่มกลับมาคบกันแบบจริงจังโดยที่ย้ายมาอยู่ด้วยกันที่บ้านผู้ชาย
ช่วงสองเดือนแรกทางบ้านเขาก็ไม่ยอมรับเราหรอกหาว่าเราไปแย่งครอบครัวหรือทำให้เขาแตกแยกกัน
เราก็ใช้ความเป็นตัวตนของเราพิชิตใจครอบครัวนั้น
ทุกทุกอย่างเราสอนผู้ชายให้รู้จักทำงานฝากงานทำให้ในหน่วยงานของภาครัฐแห่งหนึ่ง
จนทางบ้านผู้ชายรับเราเป็นลูกสะใภ้หลังตอนนั้นเราคบกันได้ประมาณสามปีแล้ว
เรื่องทุกเรื่องภายในบ้านเราจะเป็นคนส่วนใหญ่ที่คอยช่วยและแนะนำไม่ว่าจะเป็นงานบ้านถูบ้านหรือเรื่องของฝากงานให้พี่น้องเขา
หลังจากนั้นภาระทุกอย่างก็เพิ่มมากขึ้นอย่างเช่นเรามีเงินเดือนจำนวน 20,000 บาท 20,000 บาทนั้นเราต้องออกจ่ายค่าผ่อนรถซึ่งเป็นของผู้ชายส่วนนึงค่าน้ำค่าไฟค่ากินไม่ว่าจะเป็นค่าอะไรก็แล้วแต่ส่วนใหญ่เราออก เป็นแบบนี้มาได้สักพักแล้วตั้งแต่คบกันก็เข้าปีที่สี่ที่ห้าที่ดูทุกอย่างเราออก  
เข้าปีที่หกปัญหาทั้งเรื่องของการเงินก็เพิ่มมากขึ้นเราหมุนเงินไม่ทันแต่เราไม่เคยบอกผู้ชายเลยว่าเรามีภาระหนี้สินอะไรบ้างก็แล้วแต่ส่วนใหญ่ก็หลงระเริงเริ่มจากเรานี่แหละที่ไม่รู้จักใช้เงิน
จริงๆแล้วผู้ชายคนเนี่ยลักษณะเหมือนรักเรานะเพราะเวลาไปไหนช่วงเวลาที่คบกันหกถึงเจ็ดปีเราไปไหนมาไหนด้วยกันไปทำงานด้วยกันหรือแม้กระทั่งไปหาเพื่อน
เพื่อนเราเพื่อนเขาก็จะมีกันและกันคือไม่เคยห่างกันเลย
พอช่วงหลังหลังเราเกิดทะเลาะกันเรื่องเงินบ่อยขึ้นเขาเริ่มทำร้ายร่างกายเราครั้งแรกรายการต่อยหน้าเรา
พอทะเลาะกันเสร็จทำร้ายร่างกายกันเค้าก็ร้องไห้เสียใจที่เค้าลงไม้ลงมือกับเราร้องไห้เราให้เราขอโทษเราว่าเค้าจะไม่ทำอีกครั้งนั้นเราโกหกเพราะเรื่องเงินเราหมุนเงินไม่ทันเราเลยไปแอบไปกดบัตรเงินสดเค้าจำนวน 20,000 บาท เค้าจับได้เราก็ผ่อนบัตร 20,000 บาทผ่อนไปได้ประมาณปีกว่ากว่าแฟนบอกให้ปิดเราไม่ได้ปิดบัตรให้เพราะว่าจำนวนที่เราหมุนเงินนั้นน่ะไม่พอเราจึงยังไม่ปิดบัตร  
ครั้งที่สองทำร้ายร่างกายเราในรถเพราะเงินเหมือนกันเหมือนเราไม่มีเงินจะใช้กันจำไม่ได้เรื่องนี้เพราะโดนเลยแต่เราโดนในรถเจ็บมากช่วงเดือนมกรา65
ครั้งที่สามเราโดนเรื่องเงินเหมือนกันแต่อันนี้เราโดนที่บ้านเค้าทุบตีเราเหมือนเดิม
ครั้งที่สี่โดนเรื่องเงินเหมือนเดิมแต่ครั้งเนี่ยเราเอาเงินที่ต้องจ่ายค่ารถซึ่งเป็นเงินเรานั่นแหละไปใช้และก็ไม่มีตังจ่ายค่ารถในที่สุดเค้าโทรมาตามจริงๆแล้วกำหนดต้องจ่ายต้นเดือนแต่เค้าโทรมาตามช่วงสิ้นเดือนแฟนเรารับพอดี  เราก็โกหกแฟนเหมือนเดิมว่าเราจ่ายไปแล้วแต่ที่เนี่ยแฟนเราจับได้ว่าเราไม่ได้จ่ายเราโกหกแฟนคิดว่าเราเงินที่เราได้ทุกๆเดือนน่ะไปให้คนอื่นเลี้ยงคนอื่นมีผู้ชายอื่นแต่จริงๆแล้วอ่ะมันเริ่มมาจากว่าเราใช้เงินเกินตัวอย่างเช่นเรามีเงิน 20,000 แต่เรากลับใช้ไปแล้วอ่ะ 15,000เหลืออีก 5000 เราไม่พอใช้ไม่พอที่จะจ่ายค่ารถแต่เราก็ไม่เคยบอกปัญหาเรื่องเงินกับแฟนเราเลยสักกะครั้งหนึ่งเพราะคิดว่าบอกไปเค้าก็ไม่ได้ช่วยอะไรเราแถมจะมีแต่คอยจะซ้ำเติมเราตลอดเวลา  ครั้งนี้แหละที่เราโดนกระทืบโดนหนักที่สุดก็คือโดนเท้าเหยียบหน้าเหยียบไปประมาณสี่ถึงห้าครั้งแล้วก็เตะเข้าที่หัว ยังดีที่เรายังกันไว้แต่ถามว่าเจ็บไหมมันก็เจ็บแหละ
หลังจากนั้นเราก็คุยกันว่าเราเงินเราไม่พอเราไม่มีเงินหรอกเพราะบอกไปก็ไม่เคยเชื่อเคยรับรู้ปัญหาอะไรไหมเหมือนครั้งนี้ที่เราทะเลาะกันตัวเราก็พูดทุกอย่างที่เราปิดบังเค้ามาตั้งแต่ต้นตั้งแต่เริ่มคบกันเรื่องเงินว่าจริงๆแล้วอ่ะบางเดือนมันก็ไม่พอใช้เราต้องไปหยิบยืมตรงนั้นมาปิดตรงนี้ตั้งแต่คบกันมาหกถึงเจ็ดปี
เค้าไม่เคยรู้เลยว่าเราเงินพอไม่พอแล้วเค้าก็ไม่เคยถามว่าเราพอใช้ไหมจริงๆแล้วว่าเงินเค้าอ่ะเราสามารถหยิบได้ในส่วนใดกระเป๋าตังค์นะแต่ส่วนในแอพพลิเคชั่นธนาคารเราไม่สามารถกดได้ เราก็ไม่ใช่คนดีหรอกเราเคยแอบกดเงินเค้าโอนเงินจากธนาคารเค้ามาให้เราตอนนั้นเราติดพนันออนไลน์เหมือนเราเอามาหมุนมันก็เล่นได้ไปได้สักพักนึงเหมือนรถเริ่มติดมาเรื่อยเรื่อยบางวันเสียถึง20,000
แล้วแต่เราก็ไม่เคยขอเงินแฟนเรา จนมาครั้งสุดท้ายเนี่ยแหละมีทุกอย่างก็เลยพูดหมดเราก็เลยตกลงกันว่าผ่อนรถ 18,000ให้เค้าช่วยออก5000
จริงๆแล้วเค้าอ่ะเป็นคนแบบไหนกัน

เวลาเค้าไม่ได้ดั่งใจเค้าก็จะโมโหทำประชดประชันขับรถเร็วบ้างปิดประตูกระแทกใส่บ้างนี่คือไม่ได้ดั่งใจ
ถามว่าเขารักเราไหมรักนะเวลาเราไม่สบายเขาก็ดูแลเราเวลาเราอยากได้อะไรเค้าก็จะพยายามหามาให้แต่พยายามหาในที่นี้ก็เงินเราอยู่ดีแหละเราก็ไม่รู้ว่าทุกวันนี้ที่เราอยู่กันคบกันเรารักกันหรือเปล่าหรือว่าเค้ารักเราหรือเปล่าบางทีก็น้อยใจโชคชะตาตัวเองทำไมต้องมีเรื่องเงินเป็นหลักทำไมเค้าไม่รักเราในแบบที่เรารักเขาทำไมไม่ช่วยกันถามว่าท้อไหมฉันก็ท้อนะตอนนี้
ส่วนตัวแล้วอ่ะในมุมมองคนอื่นเราไม่รู้ว่าเค้าคิดแบบคนนี้แบบไหนแต่ส่วนตัวเราอ่ะเราคิดว่าทุกอย่างเค้าดีหมดเค้าช่วยเราก็ทำให้เราทุกทุกอย่างแต่เสียอย่างเดียวคือเรื่องเงินเงินเท่านั้นที่เป็นปัจจัยหลักในการใช้ชีวิตคู่ของเราสองคน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่