สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 4
มิใช่เช่นนั้นเจ้าค่ะ อย่าเอาไปปนกัน
ต้องย้อนหลังไปตั้งแต่ทฤษฎีฟิสิกส์ยุคนิวตัน ที่ค้นพบว่า แรงกับมวลมีความสัมพันธ์กันแนบแน่น
ที่ใดมีมวล ที่นั่นมีแรง ซึ่งนิวตันก็ได้สรุปมาเป็นกฎข้อ 2 ว่า F = ma นั่นเอง อันเป็นผลมาจาก
การที่พี่แกเห็นแอปเปิ้ลหล่นจากต้นสู่พื้นโลก ซึ่งแรงโน้มถ่วงที่ว่า ก็เป็นผลมาจากมวลของโลกนั่นเอง
แต่พอมาถึงยุคฟิสิกส์สมัยใหม่ ก็เริ่มมีแนวคิดลึกซึ้งลงไปอีก ว่าทำไมมวลถึงทำให้เกิดแรงได้
มันน่าแปลกเสียนี่กระไร มวลอยู่เฉยๆของมันดีๆก็มีแรงได้ ช่างน่าแปลกเอามากๆ
แค่เอามวลสองก้อนมาวางใกล้กัน ก็เกิดแรงดึงดูดระหว่างกันได้ ประหลาดมหัศจรรย์มาก
มันมีอะไรซ่อนอยู่ในมวลรึอย่างไร แล้วมวลที่ว่า ไม่ได้จำกัดด้วยว่ามวลของอะไร
จะเป็นมวลของก้อนดิน มวลของน้ำ มวลของโลหะ ก็ก่อให้เกิดแรงทั้งสิ้น ไม่มีอะไรต่างกันเลย
มันแปลกสุดแสนจะบรรยาย
ไอน์สไตน์ จึงเสนอแนวคิดอีกทางนึงว่า แท้จริงแล้ว มวล เป็นผลมาจากการที่สนาม space-time
ที่บิดเบี้ยว (หรือโค้งงอ) จึงก่อให้เกิดแรงกระทำต่อกัน ดังตามรูปที่เห็นบ่อยๆคือ ลูกกลมๆวางบนพื้นตาข่ายที่ยุบเป็นหลุม
คือไอน์สไตน์ แกคิดกลับทางกับคนอื่นๆ (รวมทั้งนิวตันด้วย) เรียกว่าย้อนศรกันเลยทีเดียว
ยิ่งนักวิทยาศาสตร์คิดพิเคราะห์ ศึกษาลงไปเรื่อยๆ ก็ยิ่งพบว่า ที่ไอน์สไตน์เสนอ มันน่าจะเป็นความจริง
เป็นวิธีอธิบายปรากฎการณ์ธรรมชาติที่แยบยลมากๆ และใช้คำนวณอันตรกิริยาในธรรมชาติ ตั้งแต่ระดับอะตอม
ไปจนถึงเทหวัตถุขนาดใหญ่ในอวกาศได้อย่างแม่นยำ
เรื่องมันก็เป็นแบบนี้แหละเจ้าค่ะ ท่านกำนัน
ต้องย้อนหลังไปตั้งแต่ทฤษฎีฟิสิกส์ยุคนิวตัน ที่ค้นพบว่า แรงกับมวลมีความสัมพันธ์กันแนบแน่น
ที่ใดมีมวล ที่นั่นมีแรง ซึ่งนิวตันก็ได้สรุปมาเป็นกฎข้อ 2 ว่า F = ma นั่นเอง อันเป็นผลมาจาก
การที่พี่แกเห็นแอปเปิ้ลหล่นจากต้นสู่พื้นโลก ซึ่งแรงโน้มถ่วงที่ว่า ก็เป็นผลมาจากมวลของโลกนั่นเอง
แต่พอมาถึงยุคฟิสิกส์สมัยใหม่ ก็เริ่มมีแนวคิดลึกซึ้งลงไปอีก ว่าทำไมมวลถึงทำให้เกิดแรงได้
มันน่าแปลกเสียนี่กระไร มวลอยู่เฉยๆของมันดีๆก็มีแรงได้ ช่างน่าแปลกเอามากๆ
แค่เอามวลสองก้อนมาวางใกล้กัน ก็เกิดแรงดึงดูดระหว่างกันได้ ประหลาดมหัศจรรย์มาก
มันมีอะไรซ่อนอยู่ในมวลรึอย่างไร แล้วมวลที่ว่า ไม่ได้จำกัดด้วยว่ามวลของอะไร
จะเป็นมวลของก้อนดิน มวลของน้ำ มวลของโลหะ ก็ก่อให้เกิดแรงทั้งสิ้น ไม่มีอะไรต่างกันเลย
มันแปลกสุดแสนจะบรรยาย
ไอน์สไตน์ จึงเสนอแนวคิดอีกทางนึงว่า แท้จริงแล้ว มวล เป็นผลมาจากการที่สนาม space-time
ที่บิดเบี้ยว (หรือโค้งงอ) จึงก่อให้เกิดแรงกระทำต่อกัน ดังตามรูปที่เห็นบ่อยๆคือ ลูกกลมๆวางบนพื้นตาข่ายที่ยุบเป็นหลุม
คือไอน์สไตน์ แกคิดกลับทางกับคนอื่นๆ (รวมทั้งนิวตันด้วย) เรียกว่าย้อนศรกันเลยทีเดียว
ยิ่งนักวิทยาศาสตร์คิดพิเคราะห์ ศึกษาลงไปเรื่อยๆ ก็ยิ่งพบว่า ที่ไอน์สไตน์เสนอ มันน่าจะเป็นความจริง
เป็นวิธีอธิบายปรากฎการณ์ธรรมชาติที่แยบยลมากๆ และใช้คำนวณอันตรกิริยาในธรรมชาติ ตั้งแต่ระดับอะตอม
ไปจนถึงเทหวัตถุขนาดใหญ่ในอวกาศได้อย่างแม่นยำ
เรื่องมันก็เป็นแบบนี้แหละเจ้าค่ะ ท่านกำนัน
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
วิทยาศาสตร์
ฟิสิกส์
แรงโน้มถ่วง( Gravitational Force)
นักวิทยาศาสตร์
คลื่นความโน้มถ่วง (Gravitational Wave)
ไอน์สไตน์ บอกว่า โลกไม่มีแรงดึงดูด แต่ที่วัตถุไม่หลุดอแกจากโลกเนื่องจากโลกมีสันฐานทรงโค้ง?