3
ระวังตัวจากคนอื่นๆด้วยล่ะ
คำเตือนของโอลิเวียทำให้เอมิลี่สะดุ้ง ตื่นขึ้นมาจากห้วงความคิดของตนเอง
เธอกะพริบตา มองออกไปยังความมืดนอกหน้าต่างรถไฟ และบรรดาเงาต้นไม้ที่ทอดยาวเป็นรูปร่างประหลาดเหล่านั้น
ค่ำแล้ว -- เธอบอกตัวเอง ก่อนจะก้มลงมองซุปตรงหน้า -- เธอควรรีบทานอาหาร แล้วเข้านอนให้เร็วที่สุด
ตอนนั้นเองที่เธอสัมผัสได้ถึงสายตาของใครคนหนึ่งที่จับจ้องมองมา
เด็กชายคนหนึ่งกำลังจ้องมองเธอนิ่ง
เอมิลี่สบตามองเด็กชายคนนั้น ก่อนจะส่งยิ้มไปให้ -- ทว่ารอยยิ้มของเธอกลับทำให้เขาเขินอาย จนต้องยกมือขึ้นมาปิดหน้า
เอมิลี่นึกขำกับท่าทีของเด็กชาย เธอยกมือขึ้นปิดหน้าบ้าง แล้วมองเด็กชายผ่านช่องว่างระหว่างนิ้วตนเอง
เด็กชายกำลังลอบมองเธอผ่านช่องว่างระหว่างนิ้วตนเองเช่นเดียวกัน
เอมิลี่ผายมือออก แล้วทำหน้าเศร้า -- เด็กชายดูแปลกใจ
เอมิลี่ปิดหน้าอีกครั้ง ผายมือออก แล้วทำหน้าโมโห -- เด็กชายแอบตกใจ
คราวนี้เอมิลี่ปิดหน้า ผายมือออก แล้วทำหน้ายิ้ม -- คราวนี้เด็กชายหัวเราะอย่างชอบใจ
หากแต่แม่ของเด็กชายก็ทานอาหารเสร็จ แล้วพาเขากลับไปยังตู้รถไฟของตัวเอง
เอมิลี่ยังคงนั่งยิ้ม มองแผ่นหลังของเด็กชายอย่างเงียบๆ จนกระทั่งร่างของเขาหายไปหลังประตู -- ตอนนั้นเองที่เสียงกระแอมดังขึ้นมาจากทางด้านข้างของเธอ
ชายคนหนึ่งนั่งอยู่ที่อีกทางด้านหนึ่งของตู้เสบียง ใบหน้าที่ซ่อนอยู่ภายใต้หมวกสีดำนั้นหันมาทางเธอ จ้องมองมาอย่างเปิดเผย จนทำให้เธอรู้สึกอึดอัดขึ้นมาในทันที
“คุณเข้ากับเด็กได้ดี” เขาชม “และแสดงสีหน้าได้ดีอีกด้วย ทั้งเศร้า โกรธ และมีความสุข”
เอมิลี่ยังคงมองเขา
“มันหกแล้ว” เขาพูดขึ้น
เอมิลี่นิ่งไปเล็กน้อย
“ซุปของคุณ” เขาพูดย้ำ “มันหกหมดแล้ว”
ตอนนั้นเองที่เอมิลี่มองช้อนในมือของตนเองที่กำลังยกค้างกลางอากาศ แรงกระแทกจากขบวนรถไฟ ทำให้ซุปในช้อนของเธอหกลงบนโต๊ะเล็กน้อย
“ผมเห็นคุณเหม่อ เอมม่า” ชายคนนั้นพูดขึ้นอีกครั้ง “อะไรทำให้คุณเหม่อได้นานขนาดนั้นกัน”
เอมิลี่วางช้อนลง ดวงตาสีเขียวจับจ้องไปทางอีกฝ่ายนิ่ง
“ฉันไม่ใช่เอมม่า” เธอพูดช้าๆ “คุณคงจำคนผิด”
ชายคนนั้นมองเธออยู่ครู่หนึ่ง “งั้นหรือ” เขาว่า
เอมิลี่ยักไหล่ “ฉันขอตัวก่อนนะคะ” เธอพูดอย่างสุภาพ เดินออกไปจากตู้เสบียง
หากแต่ชายคนนั้นยังคงไม่ยอมแพ้ เขาลุกขึ้น เดินตามติดเธอมาอย่างเงียบๆในทันที
เอมิลี่หยุดเดิน ตัดสินใจหมุนตัวไปเผชิญหน้ากับเขา
และนั่นทำให้ชายหนุ่มดูแปลกใจ
“คุณกลัวผมหรือ” เขาขยับหมวกเล็กน้อย จนเผยให้เห็นใบหน้าที่ดูเจ้าเล่ห์ และดวงตาสีดำที่เป็นประกายเจิดจ้า
เอมิลี่เอนร่างพิงประตูตู้รถไฟ ท้าวสะเอวขึ้นมาข้างหนึ่ง “ฉันเพิ่ง
หยุดเดินหนีคุณ” เธอบอก “นั่นห่างไกลจากคำว่า
กลัวเยอะเลยล่ะ คุณว่าไหม”
“ผมไม่คิดอย่างนั้น” เขาว่า เดินเข้ามาใกล้มากขึ้น จนอยู่ห่างจากเธอไปไม่กี่คืบ “ผมคิดว่าคุณกำลังกลัวผม
จริงๆ”
คราวนี้เอมิลี่เป็นฝ่ายที่ดูแปลกใจ
“แล้วคุณคือใครกัน” เธอเลิกคิ้ว ริมฝีปากอิ่มยิ้มเล็กน้อย “เราเคยเที่ยวด้วยกันมาก่อนหรือเปล่า”
“คุณจำผมไม่ได้จริงๆน่ะหรือ”
“ขอฉันคิดก่อนนะ” เอมิลี่นิ่งคิด “อย่าบอกนะว่าคุณคือหนุ่มที่ฉันเคยทิ้งเมื่อตอนเป็นเด็ก --” จากนั้นจึงพึมพัมต่อในทันทีว่า “โอ -- ไม่ใช่ -- คุณอายุมากกว่าฉัน -- ฉันไม่เคยคบใครที่แก่กว่าตัวเอง --”
ชายหนุ่มมองเธอด้วยสายตาเย็นชา
“ไม่ใช่” เขาตอบ “คุณกำลังกลัวว่าผมคือนักข่าวที่คุณหนีมาตลอดหลายเดือนนี้”
คำว่า
นักข่าวคล้ายจะทำให้ดวงตาของเอมิลี่สว่างวาบขึ้นมาในทันที
“นักข่าว” เธอพูดอย่างทึ่งๆ “คุณคือนักข่าวหรือ”
“ใช่” ชายหนุ่มตอบสั้นๆ
เอมิลี่นิ่งเงียบไปเล็กน้อย ก่อนจะกระแอมออกมาเบาๆ “คุณจะไม่บอกชื่อคุณให้ฉันรู้หน่อยหรือ”
“พีเตอร์ แฮม”
“พีเตอร์ แฮม” เอมิลี่ทวนช้าๆ ก่อนจะยักไหล่ “ฉันไม่คุ้นชื่อนี้นะ”
พีเตอร์ แฮมไม่สนใจท่าทีของอีกฝ่าย
“อะไรทำให้คุณเดินทางด้วยรถไฟธรรมดาๆแบบนี้กัน เอมม่า” เขาถาม “อะไรทำให้คุณตีตั๋วรถไฟรอบดึกไปเมืองเล็กๆแบบนี้ แทนที่จะนั่งเครื่องบินหรูหรา ไปพักร้อนที่โรงแรมห้าดาวบนเกาะสวรรค์กันล่ะ”
เอมิลี่เลิกคิ้ว
“ใครคือเอมม่า” เธอถามตรงๆ น้ำเสียงดูสงสัยขึ้นมาจริงๆ “คนรักเก่าของคุณหรือ”
“ผม
หวังว่าเธอจะเป็นคนรักเก่าผมนะ -- แต่เปล่า เธอไม่ใช่แฟนเก่าผม” เขาหัวเราะเบาๆ “เธอเป็นนักแสดงชื่อดังต่างหากล่ะ”
เอมิลี่สบตามองดวงตาสีดำที่เป็นประกายกว่าเดิมของอีกฝ่าย
“สรุปคุณเป็นผู้ชายที่อยากเป็นคนรักกับดาราอย่างงั้นหรือ” เธอถามอย่างไม่แน่ใจ “นั่นคือเหตุผลที่คุณมาก่อกวนฉันแบบนี้หรือ -- เพราะฉันเหมือนดาราในดวงใจของคุณอย่างนั้นหรือ -- เพราะคุณ
หวังว่าจะเป็นคนรักเก่าของเอมม่าน่ะหรือ”
“เข้าใจพยายามหลอกผมนะ แต่มันไม่ได้ผลหรอก คุณทำผมไขว้เขวไม่ได้ -- มีผู้หญิงหลายคนคล้ายดาราชื่อดัง แต่สำหรับคุณแล้ว คุณไม่ใช่แค่
คล้าย แต่คุณ
เหมือนเธอเลยทีเดียว” ชายหนุ่มดูพอใจ “และคุณเป็นคนตรงไปตรงมามากกว่าที่ผมคิด -- แต่คุณจะตรงไปตรงมากับทุกเรื่องจริงๆหรือเปล่า”
“คุณต้องไปถามเอมม่าเอาเอง” เอมิลี่ตัดบท
“แต่ผมอยากถามคุณ” พีเตอร์ว่า
“ฟังนะ” เอมิลี่พูดเสียงจริงจัง “ถ้าคุณสนใจฉันจริงๆ ฉันคงคิดว่านี่เป็นหนึ่งในวิธีที่เข้าหาผู้หญิงที่ดูบ้า แต่อาจจะเข้าท่า และฉันอาจจะใจเต้นกับคุณสักสองสามวินาที -- แต่จากท่าทีของคุณตั้งแต่ห้านาทีก่อนมาจนถึงตอนนี้ คุณทำให้มันดูบ้าเพียงอย่างเดียว และฉันรับความบ้าเพิ่มมากไปกว่านี้อีกไม่ได้แล้ว --”
“ผมไม่ได้ตามจีบคุณ เอมม่า อย่าหลงตัวเองไปหน่อยนักเลย” น้ำเสียงพีเตอร์ดูไม่พอใจเล็กน้อย “และที่แน่ๆ ผมไม่ยอมนั่งรถไฟรอบดึกแบบนี้ เพื่อกลับไปมือเปล่าแน่นอน”
“ไม่เอาน่า” เอมิลี่พูดเสียงยานคาง หมุนตัวเดินไปทางประตูตู้รถไฟข้างๆตนเอง “คุณเพิ่งบอก ว่าคุณหวังว่าจะเป็นคนรักกับยายเอมม่านั่น แต่คุณจีบหล่อนไม่ติด -- ทีนี้คุณก็อย่าหวังเลยว่าจะจีบฉันติดด้วยวิธีนี้”
โครม!
ตอนนั้นเองที่ท่อนแขนของพีเตอร์กระแทกเข้ากับประตูตู้รถไฟเบื้องหน้าเธอ ร่างสูงปราดเข้ามาประชิด ใบหน้าโน้มเข้ามาใกล้ จนอยู่ห่างจากเธอไปเพียงไม่กี่คืบ
“ไม่เอาน่า อย่าเลี่ยงคำถามผมหน่อยนักเลย คุณจะหนีผมไปไหนได้บนรถไฟเล็กๆแบบนี้”
และนั่นทำให้ใบหน้าของเอมิลี่ฉายความขุ่นเคืองออกมาเป็นครั้งแรก
“คุณขู่ฉันหรือ” เธอถามเสียงเย็น
ปฏิกิริยาของเธอทำให้พีเตอร์ดูพึงพอใจในบางอย่าง
“คุณหนีผมไม่ได้หรอก” พีเตอร์บอก “ต่อให้คุณจะปลอมตัว แล้วย้อมผมเป็นสีดำแบบนี้ก็ตาม”
เอมิลี่หัวเราะออกมา
“ฉันผมดำตั้งแต่เกิด” เธอออกแรงผลักร่างสูงที่ขยับตัวเข้ามาใกล้อย่างป้องกันตัว “อย่าเข้ามาใกล้ฉัน! --”
“ถ้าคุณไม่ใช่เอมม่าจริงๆ คุณจะกรีดร้องตอนนี้ก็ได้นะ” เขากระซิบ ท่าทีดูราวกับกำลังถือไพ่เหนือกว่า “แต่นั่นไม่ใช่ความคิดที่เข้าท่าจริงไหม เพราะมันจะทำให้คนอื่นๆพากันรู้ ว่า
เอมม่า โจนส์ผู้ฉาวโฉ่กำลังอยู่บนรถไฟขบวนนี้ -- คุณถึงไม่กล้าเรียกให้ใครมาช่วยจนถึงตอนนี้”
ผัวะ!
เอมิลี่ฟาดหลังมือเข้ากับสันกรามนั่นเต็มแรง ดวงตาสีเขียวคู่โตคล้ายจะสว่างวาบขึ้นมาด้วยเพลิงโทสะ
“รู้ไหม ถ้าคุณทำข่าวแบบนี้จริงๆ ฉันไม่แปลกใจเลยว่าทำไมฉันไม่รู้จักชื่อคุณ!” เธอเชิดหน้าขึ้น “เพราะนอกจากคุณจะเป็นนักข่าวชั้นเลว ที่ตามติดผู้หญิงได้โรคจิตสุดๆแล้ว นามสกุลคุณมันยังห่วยแตกสิ้นดี!” เธอชี้หน้าอีกฝ่ายอย่างท้าทาย “ลองไปเปลี่ยนนามสกุลเป็นเบคอนดูสิ ชีวิตคุณอาจจะดีขึ้นกว่านี้ เจ้าแฮมเน่า!”
พีเตอร์ แฮมมองเอมิลี่ด้วยดวงตาเบิกโพลง มือข้างหนึ่งยังคงกุมสันกรามตนเองแน่น
“รู้ไหม -- คุณอาจจะไม่ใช่เอมม่าจริงๆก็ได้” เขาบอก “เพราะในระยะหลังๆมานี้ เอมม่าตัวจริง เป็นนักแสดงที่ความสามารถต่ำกว่ามาตรฐานความเป็นจริงมาก เธออาจจะโด่งดัง แต่ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าเธอแสดงได้แย่มาก -- มากถึงขั้นที่แสดงเรื่องอะไรๆก็แทบจะไม่มีสีหน้าอะไรเลย ไม่ว่าจะโกรธ รัก เศร้า หรือหัวเราะ -- เธอกำลังเผชิญกับขาลงสุดๆ” เขายักไหล่ “แต่นี่คุณแสดงอารมณ์โกรธได้ชัดเจนมาก -- มากจนแทบไม่เหมือนเอมม่าเลย --”
“นักวิจารณ์ไม่ได้ว่าแบบนั้นกับผลงานล่าสุดของเธอนะ” เอมิลี่สวนกลับเสียงเบา
พีเตอร์ แฮมยิ้มออกมาอีกครั้ง “ทำไมคุณถึงรู้เรื่องนี้ล่ะ ทั้งๆที่มันเพิ่งเข้าฉายงานปฐมทัศน์เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ล่ะ
เอมิลี่ --” เขาถาม “ยังไม่มีใครได้ดูมันนอกจากพวกสื่อ นักวิจารณ์ ค่ายหนัง ทีมงาน นักแสดง --
และเอมม่า -- จริงไหม”
ตอนนั้นเองที่เสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากทางด้านหลังของพวกเขาทั้งสอง
“เอมิลี่” เสียงทุ้มดังขึ้น พร้อมกับร่างสูงที่ปรากฏตัวออกมาจากตู้รถไฟข้างๆ
เขาเดินมาตามทางเดินแคบๆแห่งนี้ แล้วหยุดตรงเบื้องหน้า
หากแต่ดวงตาสีฟ้าเข้มคู่นั้นยังคงมองมายังเอมิลี่นิ่ง
“เอมิลี่! ใช่คุณจริงๆด้วย” ร่างสูงทักออกมา พร้อมกับรอยยิ้มกว้าง “ไม่เจอคุณนานมากเลย!”
SHE,SUMMER เธอ,ฤดูร้อน (3)
คำเตือนของโอลิเวียทำให้เอมิลี่สะดุ้ง ตื่นขึ้นมาจากห้วงความคิดของตนเอง
เธอกะพริบตา มองออกไปยังความมืดนอกหน้าต่างรถไฟ และบรรดาเงาต้นไม้ที่ทอดยาวเป็นรูปร่างประหลาดเหล่านั้น
ค่ำแล้ว -- เธอบอกตัวเอง ก่อนจะก้มลงมองซุปตรงหน้า -- เธอควรรีบทานอาหาร แล้วเข้านอนให้เร็วที่สุด
ตอนนั้นเองที่เธอสัมผัสได้ถึงสายตาของใครคนหนึ่งที่จับจ้องมองมา
เด็กชายคนหนึ่งกำลังจ้องมองเธอนิ่ง
เอมิลี่สบตามองเด็กชายคนนั้น ก่อนจะส่งยิ้มไปให้ -- ทว่ารอยยิ้มของเธอกลับทำให้เขาเขินอาย จนต้องยกมือขึ้นมาปิดหน้า
เอมิลี่นึกขำกับท่าทีของเด็กชาย เธอยกมือขึ้นปิดหน้าบ้าง แล้วมองเด็กชายผ่านช่องว่างระหว่างนิ้วตนเอง
เด็กชายกำลังลอบมองเธอผ่านช่องว่างระหว่างนิ้วตนเองเช่นเดียวกัน
เอมิลี่ผายมือออก แล้วทำหน้าเศร้า -- เด็กชายดูแปลกใจ
เอมิลี่ปิดหน้าอีกครั้ง ผายมือออก แล้วทำหน้าโมโห -- เด็กชายแอบตกใจ
คราวนี้เอมิลี่ปิดหน้า ผายมือออก แล้วทำหน้ายิ้ม -- คราวนี้เด็กชายหัวเราะอย่างชอบใจ
หากแต่แม่ของเด็กชายก็ทานอาหารเสร็จ แล้วพาเขากลับไปยังตู้รถไฟของตัวเอง
เอมิลี่ยังคงนั่งยิ้ม มองแผ่นหลังของเด็กชายอย่างเงียบๆ จนกระทั่งร่างของเขาหายไปหลังประตู -- ตอนนั้นเองที่เสียงกระแอมดังขึ้นมาจากทางด้านข้างของเธอ
ชายคนหนึ่งนั่งอยู่ที่อีกทางด้านหนึ่งของตู้เสบียง ใบหน้าที่ซ่อนอยู่ภายใต้หมวกสีดำนั้นหันมาทางเธอ จ้องมองมาอย่างเปิดเผย จนทำให้เธอรู้สึกอึดอัดขึ้นมาในทันที
“คุณเข้ากับเด็กได้ดี” เขาชม “และแสดงสีหน้าได้ดีอีกด้วย ทั้งเศร้า โกรธ และมีความสุข”
เอมิลี่ยังคงมองเขา
“มันหกแล้ว” เขาพูดขึ้น
เอมิลี่นิ่งไปเล็กน้อย
“ซุปของคุณ” เขาพูดย้ำ “มันหกหมดแล้ว”
ตอนนั้นเองที่เอมิลี่มองช้อนในมือของตนเองที่กำลังยกค้างกลางอากาศ แรงกระแทกจากขบวนรถไฟ ทำให้ซุปในช้อนของเธอหกลงบนโต๊ะเล็กน้อย
“ผมเห็นคุณเหม่อ เอมม่า” ชายคนนั้นพูดขึ้นอีกครั้ง “อะไรทำให้คุณเหม่อได้นานขนาดนั้นกัน”
เอมิลี่วางช้อนลง ดวงตาสีเขียวจับจ้องไปทางอีกฝ่ายนิ่ง
“ฉันไม่ใช่เอมม่า” เธอพูดช้าๆ “คุณคงจำคนผิด”
ชายคนนั้นมองเธออยู่ครู่หนึ่ง “งั้นหรือ” เขาว่า
เอมิลี่ยักไหล่ “ฉันขอตัวก่อนนะคะ” เธอพูดอย่างสุภาพ เดินออกไปจากตู้เสบียง
หากแต่ชายคนนั้นยังคงไม่ยอมแพ้ เขาลุกขึ้น เดินตามติดเธอมาอย่างเงียบๆในทันที
เอมิลี่หยุดเดิน ตัดสินใจหมุนตัวไปเผชิญหน้ากับเขา
และนั่นทำให้ชายหนุ่มดูแปลกใจ
“คุณกลัวผมหรือ” เขาขยับหมวกเล็กน้อย จนเผยให้เห็นใบหน้าที่ดูเจ้าเล่ห์ และดวงตาสีดำที่เป็นประกายเจิดจ้า
เอมิลี่เอนร่างพิงประตูตู้รถไฟ ท้าวสะเอวขึ้นมาข้างหนึ่ง “ฉันเพิ่งหยุดเดินหนีคุณ” เธอบอก “นั่นห่างไกลจากคำว่ากลัวเยอะเลยล่ะ คุณว่าไหม”
“ผมไม่คิดอย่างนั้น” เขาว่า เดินเข้ามาใกล้มากขึ้น จนอยู่ห่างจากเธอไปไม่กี่คืบ “ผมคิดว่าคุณกำลังกลัวผมจริงๆ”
คราวนี้เอมิลี่เป็นฝ่ายที่ดูแปลกใจ
“แล้วคุณคือใครกัน” เธอเลิกคิ้ว ริมฝีปากอิ่มยิ้มเล็กน้อย “เราเคยเที่ยวด้วยกันมาก่อนหรือเปล่า”
“คุณจำผมไม่ได้จริงๆน่ะหรือ”
“ขอฉันคิดก่อนนะ” เอมิลี่นิ่งคิด “อย่าบอกนะว่าคุณคือหนุ่มที่ฉันเคยทิ้งเมื่อตอนเป็นเด็ก --” จากนั้นจึงพึมพัมต่อในทันทีว่า “โอ -- ไม่ใช่ -- คุณอายุมากกว่าฉัน -- ฉันไม่เคยคบใครที่แก่กว่าตัวเอง --”
ชายหนุ่มมองเธอด้วยสายตาเย็นชา
“ไม่ใช่” เขาตอบ “คุณกำลังกลัวว่าผมคือนักข่าวที่คุณหนีมาตลอดหลายเดือนนี้”
คำว่านักข่าวคล้ายจะทำให้ดวงตาของเอมิลี่สว่างวาบขึ้นมาในทันที
“นักข่าว” เธอพูดอย่างทึ่งๆ “คุณคือนักข่าวหรือ”
“ใช่” ชายหนุ่มตอบสั้นๆ
เอมิลี่นิ่งเงียบไปเล็กน้อย ก่อนจะกระแอมออกมาเบาๆ “คุณจะไม่บอกชื่อคุณให้ฉันรู้หน่อยหรือ”
“พีเตอร์ แฮม”
“พีเตอร์ แฮม” เอมิลี่ทวนช้าๆ ก่อนจะยักไหล่ “ฉันไม่คุ้นชื่อนี้นะ”
พีเตอร์ แฮมไม่สนใจท่าทีของอีกฝ่าย
“อะไรทำให้คุณเดินทางด้วยรถไฟธรรมดาๆแบบนี้กัน เอมม่า” เขาถาม “อะไรทำให้คุณตีตั๋วรถไฟรอบดึกไปเมืองเล็กๆแบบนี้ แทนที่จะนั่งเครื่องบินหรูหรา ไปพักร้อนที่โรงแรมห้าดาวบนเกาะสวรรค์กันล่ะ”
เอมิลี่เลิกคิ้ว
“ใครคือเอมม่า” เธอถามตรงๆ น้ำเสียงดูสงสัยขึ้นมาจริงๆ “คนรักเก่าของคุณหรือ”
“ผมหวังว่าเธอจะเป็นคนรักเก่าผมนะ -- แต่เปล่า เธอไม่ใช่แฟนเก่าผม” เขาหัวเราะเบาๆ “เธอเป็นนักแสดงชื่อดังต่างหากล่ะ”
เอมิลี่สบตามองดวงตาสีดำที่เป็นประกายกว่าเดิมของอีกฝ่าย
“สรุปคุณเป็นผู้ชายที่อยากเป็นคนรักกับดาราอย่างงั้นหรือ” เธอถามอย่างไม่แน่ใจ “นั่นคือเหตุผลที่คุณมาก่อกวนฉันแบบนี้หรือ -- เพราะฉันเหมือนดาราในดวงใจของคุณอย่างนั้นหรือ -- เพราะคุณหวังว่าจะเป็นคนรักเก่าของเอมม่าน่ะหรือ”
“เข้าใจพยายามหลอกผมนะ แต่มันไม่ได้ผลหรอก คุณทำผมไขว้เขวไม่ได้ -- มีผู้หญิงหลายคนคล้ายดาราชื่อดัง แต่สำหรับคุณแล้ว คุณไม่ใช่แค่คล้าย แต่คุณเหมือนเธอเลยทีเดียว” ชายหนุ่มดูพอใจ “และคุณเป็นคนตรงไปตรงมามากกว่าที่ผมคิด -- แต่คุณจะตรงไปตรงมากับทุกเรื่องจริงๆหรือเปล่า”
“คุณต้องไปถามเอมม่าเอาเอง” เอมิลี่ตัดบท
“แต่ผมอยากถามคุณ” พีเตอร์ว่า
“ฟังนะ” เอมิลี่พูดเสียงจริงจัง “ถ้าคุณสนใจฉันจริงๆ ฉันคงคิดว่านี่เป็นหนึ่งในวิธีที่เข้าหาผู้หญิงที่ดูบ้า แต่อาจจะเข้าท่า และฉันอาจจะใจเต้นกับคุณสักสองสามวินาที -- แต่จากท่าทีของคุณตั้งแต่ห้านาทีก่อนมาจนถึงตอนนี้ คุณทำให้มันดูบ้าเพียงอย่างเดียว และฉันรับความบ้าเพิ่มมากไปกว่านี้อีกไม่ได้แล้ว --”
“ผมไม่ได้ตามจีบคุณ เอมม่า อย่าหลงตัวเองไปหน่อยนักเลย” น้ำเสียงพีเตอร์ดูไม่พอใจเล็กน้อย “และที่แน่ๆ ผมไม่ยอมนั่งรถไฟรอบดึกแบบนี้ เพื่อกลับไปมือเปล่าแน่นอน”
“ไม่เอาน่า” เอมิลี่พูดเสียงยานคาง หมุนตัวเดินไปทางประตูตู้รถไฟข้างๆตนเอง “คุณเพิ่งบอก ว่าคุณหวังว่าจะเป็นคนรักกับยายเอมม่านั่น แต่คุณจีบหล่อนไม่ติด -- ทีนี้คุณก็อย่าหวังเลยว่าจะจีบฉันติดด้วยวิธีนี้”
โครม!
ตอนนั้นเองที่ท่อนแขนของพีเตอร์กระแทกเข้ากับประตูตู้รถไฟเบื้องหน้าเธอ ร่างสูงปราดเข้ามาประชิด ใบหน้าโน้มเข้ามาใกล้ จนอยู่ห่างจากเธอไปเพียงไม่กี่คืบ
“ไม่เอาน่า อย่าเลี่ยงคำถามผมหน่อยนักเลย คุณจะหนีผมไปไหนได้บนรถไฟเล็กๆแบบนี้”
และนั่นทำให้ใบหน้าของเอมิลี่ฉายความขุ่นเคืองออกมาเป็นครั้งแรก
“คุณขู่ฉันหรือ” เธอถามเสียงเย็น
ปฏิกิริยาของเธอทำให้พีเตอร์ดูพึงพอใจในบางอย่าง
“คุณหนีผมไม่ได้หรอก” พีเตอร์บอก “ต่อให้คุณจะปลอมตัว แล้วย้อมผมเป็นสีดำแบบนี้ก็ตาม”
เอมิลี่หัวเราะออกมา
“ฉันผมดำตั้งแต่เกิด” เธอออกแรงผลักร่างสูงที่ขยับตัวเข้ามาใกล้อย่างป้องกันตัว “อย่าเข้ามาใกล้ฉัน! --”
“ถ้าคุณไม่ใช่เอมม่าจริงๆ คุณจะกรีดร้องตอนนี้ก็ได้นะ” เขากระซิบ ท่าทีดูราวกับกำลังถือไพ่เหนือกว่า “แต่นั่นไม่ใช่ความคิดที่เข้าท่าจริงไหม เพราะมันจะทำให้คนอื่นๆพากันรู้ ว่าเอมม่า โจนส์ผู้ฉาวโฉ่กำลังอยู่บนรถไฟขบวนนี้ -- คุณถึงไม่กล้าเรียกให้ใครมาช่วยจนถึงตอนนี้”
ผัวะ!
เอมิลี่ฟาดหลังมือเข้ากับสันกรามนั่นเต็มแรง ดวงตาสีเขียวคู่โตคล้ายจะสว่างวาบขึ้นมาด้วยเพลิงโทสะ
“รู้ไหม ถ้าคุณทำข่าวแบบนี้จริงๆ ฉันไม่แปลกใจเลยว่าทำไมฉันไม่รู้จักชื่อคุณ!” เธอเชิดหน้าขึ้น “เพราะนอกจากคุณจะเป็นนักข่าวชั้นเลว ที่ตามติดผู้หญิงได้โรคจิตสุดๆแล้ว นามสกุลคุณมันยังห่วยแตกสิ้นดี!” เธอชี้หน้าอีกฝ่ายอย่างท้าทาย “ลองไปเปลี่ยนนามสกุลเป็นเบคอนดูสิ ชีวิตคุณอาจจะดีขึ้นกว่านี้ เจ้าแฮมเน่า!”
พีเตอร์ แฮมมองเอมิลี่ด้วยดวงตาเบิกโพลง มือข้างหนึ่งยังคงกุมสันกรามตนเองแน่น
“รู้ไหม -- คุณอาจจะไม่ใช่เอมม่าจริงๆก็ได้” เขาบอก “เพราะในระยะหลังๆมานี้ เอมม่าตัวจริง เป็นนักแสดงที่ความสามารถต่ำกว่ามาตรฐานความเป็นจริงมาก เธออาจจะโด่งดัง แต่ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าเธอแสดงได้แย่มาก -- มากถึงขั้นที่แสดงเรื่องอะไรๆก็แทบจะไม่มีสีหน้าอะไรเลย ไม่ว่าจะโกรธ รัก เศร้า หรือหัวเราะ -- เธอกำลังเผชิญกับขาลงสุดๆ” เขายักไหล่ “แต่นี่คุณแสดงอารมณ์โกรธได้ชัดเจนมาก -- มากจนแทบไม่เหมือนเอมม่าเลย --”
“นักวิจารณ์ไม่ได้ว่าแบบนั้นกับผลงานล่าสุดของเธอนะ” เอมิลี่สวนกลับเสียงเบา
พีเตอร์ แฮมยิ้มออกมาอีกครั้ง “ทำไมคุณถึงรู้เรื่องนี้ล่ะ ทั้งๆที่มันเพิ่งเข้าฉายงานปฐมทัศน์เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ล่ะ เอมิลี่ --” เขาถาม “ยังไม่มีใครได้ดูมันนอกจากพวกสื่อ นักวิจารณ์ ค่ายหนัง ทีมงาน นักแสดง -- และเอมม่า -- จริงไหม”
ตอนนั้นเองที่เสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากทางด้านหลังของพวกเขาทั้งสอง
“เอมิลี่” เสียงทุ้มดังขึ้น พร้อมกับร่างสูงที่ปรากฏตัวออกมาจากตู้รถไฟข้างๆ
เขาเดินมาตามทางเดินแคบๆแห่งนี้ แล้วหยุดตรงเบื้องหน้า
หากแต่ดวงตาสีฟ้าเข้มคู่นั้นยังคงมองมายังเอมิลี่นิ่ง
“เอมิลี่! ใช่คุณจริงๆด้วย” ร่างสูงทักออกมา พร้อมกับรอยยิ้มกว้าง “ไม่เจอคุณนานมากเลย!”