วิเคราห์เหตุการณ์ Will Smith ทำไมคนไทย ถึงคิดไม่เหมือนต่างชาติ ?

จากข่าว Will Smith ที่โดน Chris Rock เล่นมุกล้อเลียนทรงผม แล้วเดินไปตบหน้า กลางงาน Oscar
กระแสทางฝั่งคนไทย กว่า 80% บอก Chris Rock สมควรโดนแล้ว อีก 20% บอกผิดทั้งคู่ มี 0.5% หรือน้อยกว่า ที่อยู่ฝ่าย Chris Rock

ในขณะที่ทางฝั่งยุโรป จากที่หาข้อมูลกระแสคนให้กำลังใจ Chris Rock กันล้นหลาม ประมาณ 85% ที่บอก Will Smith ทำผิด และไม่สมควรเป็นอย่างยิ่ง อีก 10% บอก ผิดทั้งคู่ และ 5% หรือ น้อยกว่า ที่อยู่ฝ่าย Will Smith

หากคุณกำลังสงสัยว่าผมไปเอาตัวเลขมาจากไหน ผมทำการสำรวจนับจำนวน จากหลายๆกลุ่มตัวอย่าง จากหลายๆ สื่อมีเดีย แพลตฟอร์ม ในกลายๆวันที่ผ่านมา แล้วจึงคำนวณตัวเลขเฉลี่ยๆ กันออกมาครับ  

ถัดมาเราจะลองเองตัวเลขพี่ไทย กะต่างชาติ มาเทียบกันชัดๆ
คนเข้าข้าง Will Smith    -----------------   ไทย  80%  ต่างชาติ             5% 
คนเข้าข้าง Chris Rock  -----------------    ไทย   < 0.5 %  ต่างชาติ      85%
ผิดทั้งคู่ ไม่เข้าข้างฝ่ายใด  ---------------    ไทย  20 % ต่างชาติ             10%

จากตัวเลขข้างต้น ให้ข้อสรุปอะไรบ้าง อย่างแรกคือ เหตุการณ์เดียวกัน แต่คน 2 กลุ่มต่างเชื้อชาติ ตีความออกมาได้ไม่เหมือนกัน ทำไม ไทยถึง ให้ใจไปทาง Will Smith 
เหตุผลหลักๆของคนไทย
1. อยู่ดีๆก็เอาคนในครอบครัวเราไปพูดล้อเลียนบนเวที เป็นใครก็โกรธทั้งนั้น
2. ตบ 1 ที มันน้อยไปด้วยซ้ำ! ปากสกปรก เพราะมีจิตใจคิดสกปรก!

เหตุผล ที่คนต่างชาติ ไม่เห็นด้วยกับ Will Smith และ ให้ใจ Chris Rock
1. คุณพร้อมที่จะทำร้ายร่างกายใครก็ตาม ที่ทำให้คุณขุ่มเคืองใจหรอ ? มันคือสิ่งที่ควรทำใช่ป่ะ ?
2. ความรุนแรงไม่ใช่วิธีแก้ปัญหา ไม่ว่าคุณจะเจอกับอะไรก็ตาม การควบคุมตัวเองไม่ได้ นั่นแหละปัญหา 

หลังเหตุการณ์ oscar Chris Rock มีรายงานว่า ยอดขายบัตรแสดง พุ่งทะลุ มากกว่าก่อนหน้านี้ที่ขายได้ทั้งเดือน ภายในคืนเดียว !!! 
สิ่งที่ต่างชาติ ชื่นชม Chris Rock คือความสามารถในการดำเนินรายการต่อไปได้อย่างยอดเยี่ยมแม้จะเสื่อมเสีย ศักดิ์ศรี โดนตบหน้า ต่อหน้าคนทั้งโลก ประเด็นนี้สำคัญมาก เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ต่างชาติ เทใจให้ Chris มากกว่าทุกเหตุผล ที่เล่ามา 

ถามว่า Will เสียอะไร ต่างชาติให้ความเห็นว่า มุกตลกเหล่านั้นจะถูกลืม ไปใน 15 วินาที แน่นอน แต่การที่ เดินมาแล้วตบหน้าคนอื่น ก็สมควรไปนอนในคุกนะ 

 -----  แล้วผมมองเห็นอะไร  ผมว่าทุกคนคงตัดสินใจกันไปเองหมดแล้วแหละ แต่อยาก ลองนำเสนอ อีกวิธีหนึ่งให้ลองมองกันดู ผมก็ตัดสินไม่ได้ว่าใครผิดหรือถูก แต่ถ้าลองใช้
กฎ ฟิสิกส์ ง่ายๆ เข้ามาลองคิดดู เช่น กฎของ นิวตัน ที่บอกว่า แรงกระทำ เท่ากับ แรงถูกกระทำ เสมอ 

Chris Rock พูดล้อเลียน มุกตลก ให้ Will Smith  เป็น แรงกระทำ
Will Smith เดินไป ตบหน้า Chris Rock เป็นแรงถูกกระทำ  
เราตัดสินไม่ได้

งั้นลองดูใหม่
Chris Rock เดินไป ตบหน้า ให้ Will Smith เป็นแรงกระทำ  
Will Smith พูดล้อเลียน มุกตลก ให้ Chris Rock  เป็น แรงถูกกระทำ

โอ้ เห็นชัดขึ้นนะ ถ้าอยู่ๆมีใครก็ไม่รู้เดินมาตบหน้าผม ผมเลยสวนคืนด้วยคำพูดเสียดแทงที่เจ็บแสบ ให้สาแก่ใจ  อืมมม มันคุ้มกันไหม น้ำหนักมันดูไม่เท่ากันเลยน้าาา

เลยสรุปกันดื้อๆว่า การกระทำน่าจะให้ผมลัพธ์ที่เป็นน้ำหนักมากกว่าคำพูดแน่นอน  ซึ่งการตบหน้าคน ไม่ว่าก่อนหน้านี้จะ โดนพูดอะไรมาก็ตาม มันก็ผิดมากกว่าจริงๆนั่นแหละ 

สื่งที่ควรจะเป็น 
Chris Rock พูดล้อเลียน มุกตลก ให้ Will Smith  เป็น แรงกระทำ
Will Smith พูดล้อเลียน มุกตลก ให้ Chris Rock  เป็น แรงถูกกระทำ

โอ้เท่ากันเลย งี้เราก็ด่าคืนไปให้เจ็บแสบเลย น่าจะสมน้ำสมเนื้อละกัน 

บทสรุปเรื่องนี้คือ คนต่างชาติคงมีเหตุมีผล มากกว่า คนไทยจริงๆ คนไทยอาจจะพัฒนาคุณภาพยังไม่เท่าต่างชาติ ฝั่งยุโรปจริงๆแหละครับ เลยตัดสินอะไรออกมาบิดเบี้ยวมากเกินไปหน่อย อาจจะอีก 10-20 ปี บางที่เราอาจใกล้กับต่างชาติมากขึ้นนะครับ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 5
- บทสรุปเรื่องนี้คือ คนต่างชาติคงมีเหตุมีผล มากกว่า คนไทยจริงๆ คนไทยอาจจะพัฒนาคุณภาพยังไม่เท่าต่างชาติ ฝั่งยุโรปจริงๆแหละครับ เลยตัดสินอะไรออกมาบิดเบี้ยวมากเกินไปหน่อย -

เป็นบทสรุปที่ออกจะบิดเบี้ยวไปหน่อยนะครับ คนเราแต่ละคนล้วนมีเหตุผลในมุมมองของตนเอง เอาความคิดเห็นส่วนบุคคลของแต่ละคนมาสรุปผลการพัฒนาคุณภาพของคนในประเทศแบบนี้ ดูจะไม่แฟร์เลยนะครับ  แค่เราคิดไม่เหมือนเขา  เท่ากับเราด้อยกว่าเค้า 10-20 ปีเลยหรือครับ

อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ  ผมว่าเรื่องความคิดเห็นที่แตกต่างกันระหว่างคนไทยกับคนต่างชาติที่เห็นอยู่ตอนนี้  มันไม่เกี่ยวกับ " การพัฒนาคุณภาพ " อะไรทั้งนั้นล่ะครับ  มันก็แค่  " ความแตกต่างระหว่างทัศนคติ อุปนิสัยใจคอ และวัฒนธรรมที่ต่างกัน " ระหว่างคนไทยกับคนต่างชาติเท่านั้นล่ะครับ


คนต่างชาติ ( ผมขอเรียกรวมๆว่าคนอเมริกาละกันนะครับ ) ทางคนอเมริกา เค้าจะเน้นด้าน " ผลสัมฤทธิ์ " ของงาน มากกว่า " ความรู้สึกส่วนบุคคล "  งานมาก่อน ความรู้สึกส่วนตัวใว้ทีหลัง  อย่างที่คนอเมริกาชอบพูดบ่อยๆนั่นล่ะว่า " The show must go on "  

เพราะงั้นการที่สมิธขึ้นไปตบคริส จึงเป็นการทำให้งานสะดุด  เสี่ยงให้งานล่ม  ส่วนคริสคุมอารมณ์ได้ดี ดำเนินรายการต่อไปได้  คนอเมริกาจึงเข้าข้างฝั่งคริสมากกว่า  นี่คือทัศนคติและอุปนิสัยของคนอเมริกา


ส่วนคนไทย จะมีทัศนคติและอุปนิสัยใจคอที่ต่างจากคนอเมริกา  คนไทยมีน้ำใจ แคร์ความรู้สึกของคนอื่น   เห็นอกเห็นใจคนอื่น  ชอบเอาใจเขามาใส่ใจเรา  ดังนั้นคนไทยส่วนใหญ่จึงเห็นใจสมิธ ที่เป็นฝ่ายถูกดูหมิ่นด้วยวาจาก่อน  ( ย้ำนะว่า " เห็นใจ "  ไม่ใช่ " เห็นด้วย " กับสิ่งที่สมิธทำ )  เพราะงั้นกระแสของคนไทยจึงโน้มเอียงไปในทางสมิธ เพราะเข้าใจความรู้สึกของฝ่ายที่ถูกกระทำก่อน

( ย้ำอีกที นี่เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ ) อีกอย่างนึงคือคนไทยส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ ซึ่งว่าด้วยหลักของ " เหตุและผล "  ผลเกิดจากเหตุ  ไม่มีเหตุก็ไม่มีผล สมิธไปตบปากคริสเพราะคริสพูดไม่ดี  แต่ถ้าคริสไม่เริ่มพูดจาแย่ๆก่อน  เหตุการณ์แบบนี้ก็คงไม่เกิดขี้น   คนไทยจึงมองว่าคริสเป็นฝ่ายผิดก่อน เพราะเป็น " ต้นเหตุ " ที่ทำให้เกิดเหตุการณ์เสื่อมเสียบนเวทีขึ้น

สรุปแล้วผมว่าเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับว่าใครมีเหตุผลมากกว่า หรือใครมีการพัฒนาคุณภาพมากกว่า  ต่างฝ่ายต่างมีเหตุผลและความคิดของตัวเอง ก็แค่ " ความแตกต่างด้านมุมมองทางความคิด "  เท่านั้นเองครับ

" สมิธผิดที่เดินไปตบปากคริส "  ประโยคนี้เป็นเรื่องจริง

แต่อย่างไรก็ตาม  " ถ้าคริสไม่เริ่มพูดจาแย่ๆก่อน สมิธก็คงไม่โกรธจนเดินขึ้นไปตบปากคริส "  ประโยคนี้ก็เป็นเรื่องจริงเช่นกัน   ขึ้นอยู่กับว่าเราจะมองมุมไหนเท่านั้นล่ะครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่