สื่อมะกัน ชี้ แผนซื้อเรือดำน้ำจีนของรัฐบาลไทยสะดุด เพราะคำสั่งห้ามส่งออกอาวุธของอียู
https://www.matichon.co.th/politics/news_3264808
สื่อมะกัน ชี้ แผนซื้อเรือดำน้ำจีนของรัฐบาลไทยสะดุด เหตุคำสั่งห้ามส่งออกอาวุธของอียู
กรณีข่าวปัญหาการจัดซื้อ”เรือดำน้ำ”ของกองทัพเรือ ที่ส.ส.เพื่อไทย เคยออกมาแถง ว่าเรือดำน้ำลำที่ 1 วงเงิน 12,424 ล้านบาท มีปัญหาเรื่องเครื่องยนต์ เนื่องจากจีนผลิตเครื่องยนต์ดีเซลสำหรับเรือดำน้ำไม่ได้ ต้องซื้อเครื่องยนต์ MTU จากเยอรมนี แต่เยอรมันไม่ขายให้ ซึ่งทาง csoc บริษัทจีนที่ได้รับมอบอำนาจจากรัฐบาลจีน กำลังเจรจาหาเครื่องยนต์ของจีนมาใส่ให้ ขณะที่ทางกองทัพเรือยืนยัน ทุกอย่างต้องเป็นไปตามสัญญาต้องใช้เครื่องยนต์เดิมตามที่ตกลง
เมื่อวันที่ 1 เมษายน VOA NEWS เผยแพร่รายงานข่าวความคืบหน้าของเรื่องนี้ ว่าจีนสั่งระงับโครงการต่อเรือดำน้ำที่ไทยสั่งซื้อไว้ หลังรัฐบาลเยอรมนีปฏิเสธที่จะส่งเครื่องยนต์ชั้นสูงที่จำเป็นสำหรับการสร้างเรือดำน้ำดังกล่าวให้จีน โดย VOA ได้ติดต่อไปยังกองทัพเรือเพื่อขอความชัดเจนในเรื่องนี้ และได้รับการยืนยันจาก พลเรือตรี
อภิชัย สมพลกรัง ผู้อำนวยการสำนักงานจัดหายุทโธปกรณ์ทหารเรือ ว่า เรือดำน้ำที่ไทยสั่งซื้อจากจีนไม่น่าจะมาถึงไทยได้ในปีหน้าตามแผนแล้ว
พล.ร.ต.
อภิชัย เปิดเผยว่า ข้อตกลงที่ทำกับจีนไว้นั้นระบุว่า เรือดำน้ำที่ไทยสั่งจะใช้เครื่องยนต์ดีเซล MTU396 จากบริษัท Motor and Turbine Union ของเยอรมนีเป็นตัวเดินเครื่องจ่ายไฟของเรือ การปฏิเสธการส่งออกของเยอรมนีนั้นเป็นไปตามคำสั่งห้ามส่งออกอาวุธไปยังจีน ที่สหภาพยุโรป (อียู) ประกาศใช้มาตั้งแต่เมื่อปี ค.ศ. 1989 หลังเกิดเหตุสังหารหมู่ที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน โดยฝีมือของกองกำลังความมั่นคงของจีนที่ทำการยิงปืนใส่กลุ่มผู้ประท้วงที่ปราศจากอาวุธในกรุงปักกิ่ง ซึ่งออกมาเรียกร้องขอเสรีภาพทางการเมืองจากรัฐบาล
VOA ยังเผยแพร่บทสัมภาษณ์ของ
จอน เกรวัตต์ นักวิเคราะห์จากนิตยสาร Janes ที่ตีพิมพ์ข่าวสารข้อมูลจากแวดวงอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศ ให้ความเห็นว่า แม้อียูจะสั่งห้ามทำการส่งออกอาวุธไปจีน แต่เยอรมนีและประเทศสมาชิกอื่นๆ จัดส่งเครื่องยนต์และอุปกรณ์ต่างๆ ให้กองทัพจีนมาเป็นเวลาหลายทศวรรษแล้ว สถาบัน Stockholm International Peace Research Institute ในสวีเดน ซึ่งติดตามการจัดส่งอาวุธต่างๆ ทั่วโลก กล่าวว่า บริษัท MTU นั้นเป็นซัพพลายเออร์เครื่องยนต์ เพื่อใช้ในการต่อเรือพิฆาตและเรือดำน้ำจีนมาแล้วกว่า 100 ลำในช่วงระหว่างปี ค.ศ. 1993 และ 2020.
เกรวัตต์ กล่าวเสริมว่า MTU ทำเช่นนั้นด้วยการเน้นส่งออกผลิตภัณฑ์ที่ใช้ได้ทั้งสำหรับงานของกองทัพและการใช้งานของภาคพลเรือน เพราะผลิตภัณฑ์ที่ใช้ได้สองทางดังว่านั้น ไม่ถูกควบคุมภายใต้คำสั่งห้ามส่งออกของอียู แต่สำหรับกรณีที่จีนจะขายเรือดำน้ำ Yuan-class ให้ไทยนั้น ทางบริษัทสัญชาติเยอรมันแห่งนี้ไม่สามารถใช้อุบายแบบเดิมๆ เพื่อหลอกทางการได้
เกรวัตต์ ระบุว่า
“หากเรือดำน้ำลำนี้ไม่ได้จะถูกส่งไปประเทศไทย คงไม่มีใครรู้เรื่อง (เครื่องยนต์ที่ว่า) และทุกอย่างคงเดินหน้าได้สะดวก แต่ความเป็นจริงที่ว่า จะมีการส่งออก และตกเป็นข่าวไปทั่วแล้ว ซึ่งทำให้เยอรมนีต้องออกมาปฏิเสธการส่งออก” เพราะไม่ใครปฏิเสธได้ว่า ระบบที่ว่านี้จะนำไปใช้เพื่อประโยชน์ด้านกลาโหม
คริสตอฟ ริงวอลด์ โฆษกของ MTU ซึ่งเป็นแบรนด์หนึ่งของบริษัท Rolls-Royce Power Systems บอกกับ วีโอเอ ว่า ทางบริษัทจัดส่งเครื่องยนต์ให้โรงต่อเรือของจีนหลายแห่ง แต่ไม่เคยเป็นกรณีของผลิตภัณฑ์ที่ใช้ประโยชน์ได้สองทางเลย
ริงวอลด์ ระบุในอีเมล์ที่ส่งถึง VOA ว่า เครื่องยนต์ต่างๆ ที่ส่งให้จีน และเป็นสินค้าแบรนด์ MTU นั้น ไม่ได้ถูกกำกับภายใต้หมวดผลิตภัณฑ์ที่ใช้ได้ทั้งงานด้านกองทัพและงานฝ่ายพลเรือน ดังนั้น จึงไม่เคยต้องใช้ใบอนุญาตเพื่อส่งออกแต่อย่างใด
อย่างไรก็ดี
ริงวอลด์ ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นว่า ทำไมเยอรมนีถึงสั่งห้ามส่งออกเครื่องยนต์ MTU สำหรับการต่อเรือดำน้ำของ CSOC ที่ประเทศไทยสั่งซื้อในคราวนี้ หลังจากที่ไม่เคยเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการส่งออกใดๆ ให้กับกองทัพเรือจีนมาก่อนเลย
"โอไมครอน" สู้แบบเจ็บ ๆ เข้าสู่ India Model มีทั้งข่าวดี ข่าวร้าย
https://www.komchadluek.net/covid-19/510032
ดร.
สันต์ ศรีอรรฆ์ธำรง อาจารย์พิเศษ นักวิชาการอิสระ โพสต์เฟซบุ๊ก Sunt Srianthumrong เกี่ยวกับโควิด-19 สายพันธุ์ "โอไมครอน" ว่า
Covid-19: Wave#5 Omicron เดินหน้าสู่สงกรานต์ เตรียมพร้อมรับ India Model สู้แบบเจ็บ ๆ อีกนานกว่าจะจบ
เวลาผ่านไป 3 เดือน ใน Wave#5 ของ "โอไมครอน" Omicron คำถามในใจผู้คนมากมาย
1. ไหนว่าจะขาลงมา 2 รอบแล้ว แต่ทำไมยังไม่ถึง Peak สักที
2. ติดเชื้อกันจริง ๆ วันละเท่าไหร่ คนรอบตัวติดเชื้อกันมากมายต่อเนื่อง
3. เมื่อไหร่จะจบสักที จะเข้าโรคประจำถิ่นเมื่อไหร่
4. ทำอย่างไรถึงจะรอด
ผมมีคำตอบครับ จากการคำนวณและประมาณการณ์
สรุปสถานการณ์ที่ผ่านมา และกำลังเป็นไป: Past & Present
1. Wave#5 เป็นขาขึ้นตลอดตั้งแต่ 1 ม.ค. แต่ตรวจ RT-PCR น้อย ตัวเลขเลยขึ้นไม่สุด เห็นไม่ครบ ควบคุมโรคไม่ได้ หางเวฟจึงยาวมาก ๆ ไม่จบจนบัตนี้
2. ATK เริ่มตรวจลดลงไปมาก ตัวเลขรวมที่เคยขึ้น ก็กลับมาทรงตัว แต่ไม่ลงต่อ ทั้ง ๆ ที่สถานการณ์ยังเป็นขาขึ้นต่อเนื่อง
3. ชลบุรีขยันตรวจมาก จังหวัดเดียวเจอรวม PCR+ATK วันละเกือบ 10,000 แล้ว ถ้าขยันแบบนี้ทุกจังหวัด ตัวเลขทั่วประเทศน่าจะข้ามแสนไปแล้ว
4. คนที่ตรวจไม่เจอ ไม่ยอมตรวจ จะเป็นมดงานแพร่เชื้อไปเรื่อย ๆ ทำให้ประเทศไทยค่อยๆเดินหน้าเข้าสู่ India Model แบบ Herd Immunity ที่จบแบบต้องสังเวยชีวิต หลายประเทศเป็นแบบนี้
ตัวเลขและกราฟ:
กทม. :
1. กราฟ %Increase ของ RT-PCR เป็นขาลงช้า ๆ ที่ Time Constant ยาวนานถึง 84 วัน ซึ่งช้าเกินไป
2. กราฟผู้ติดเชื้อสะสมจะยังไม่ถึงจุดอิ่มตัว ใน 4 เดือนข้างหน้านี้
3. เราจะเห็นตัวเลข RT-PCR ระดับ 3,000 ต่อวันไปอีกนาน และอาจยกระดับขึ้นหลังสงกรานต์
4. ผู้ติดเชื้อที่แท้จริงใน กทม. ถ้าดูจากอัตราการเสียชีวิตที่สูงเกินจริงถึง 0.4% ถ้าเทียบกับสิงคโปร์ ที่แค่ 0.05 - 0.1% ตัวเลขผู้ติดเชื้อจริงต่อวันใน กทม.ควรจะอยู่ที่ระดับ 10,000 - 30,000 คน
5. ถ้ากทม.ไม่จบ จังหวัดอื่น ๆ จะกลับมาระบาดซ้ำอย่างต่อเนื่อง
ประเทศไทย: Present & Future
1. กราฟ %Increase ของ RT-PCR เป็นขาลงช้า ๆ ที่ Time Constant ยาวนานถึง 65 วัน
2. กราฟผู้ติดเชื้อสะสมจะยังไม่ถึงจุดอิ่มตัว ใน 4 เดือนข้างหน้านี้
3. เราจะเห็นตัวเลข RT-PCR ต่อวันในระดับมากกว่า 20,000 ไปอีกอย่างน้อยถึง 15 มิ.ย. และยังคงมากกว่า 10,000 ไปจนถึง 1 ส.ค. แต่ตัวเลขอาจยกระดับขึ้นหลังสงกรานต์ และเลวร้ายกว่านี้ ถ้าฉีด Booster ไม่พอ
4. กราฟ %Increase ของ RT-PCR+ATK เปลี่ยนแปลงลดลงเฉียบพลันแบบไม่มีสาเหตุเมื่อ 3 สัปดาห์ที่แล้ว น่าจะมาจากการตรวจที่ลดลงมาก
5. Daily Case RT-PCR+ATK ถ้าคำนวณตามเส้นแนวโน้มเดิม 31/3/2022 ผู้ติดเชื้อน่าจะอยู่ที่ระดับ 130,000 คนต่อวัน ไม่ใช่ 40,000 -50,000 คน
เท่าที่ตรวจพบ
6. อัตราการเสียชีวิตถ้าคำรวณจากฐานกราฟ RT-PCR+ATK 130,000 คน คิด Delay 19 วัน จะได้ อัตราการเสียชีวิต 0.12% สอดคล้องกับระดับวัคซีนที่เป็นจริง และเท่า ๆ กับในต่างประเทศ
7. อัตราการเสียชีวิตเริ่มลดลงจากระดับ 0.2% มาเข้าใกล้เส้น 0.1% ถ้าฉีด Booster ได้เพิ่ม อาจจะลดลงได้ถึง 0.05% ซึ่งจะทำให้ผู้เสียชีวิต ในกรณีเลวร้ายสุดไม่เกิน 200 คนต่อวัน
8. การติดเชื้อยังคงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะตรวจเชื้อน้อย อาจไปถึงระดับวันละ 500,000 คน ช่วงปลายพ.ค. แต่เราจะไม่มีวันได้พิสูจน์ข้อเท็จจริงนี้
9. ถ้าฉีดวัคซีนมากพอ ตัวเลข RT-PCR สำหรับคนที่ต้องเข้ารพ. จะต่ำสุดได้ถึง 2% ของผู้ติดเชื้อทั้งหมด ติดเชื้อจริง 500,000 RT-PCR ก็อาจลงต่ำได้ถึง 10,000 ต่อวัน
10. ถ้าควบคุมไม่ได้เลย เราจะติดเชื้อถึง 70% ของประชากรและเกิด Herd Immunity ในช่วงเดือน ก.ค. - ส.ค. 2022 แล้วการติดเชื้อจะลดลงอย่างรวดเร็ว แต่ก็ต้องแลกด้วยผู้เสียชีวิตประมาณ 20,000 - 40,000 คน
India Model: ข่าวดีและข่าวร้าย
ข่าวดี:
เกิด Herd Immunity แล้ว เพิ่งผ่านเทศกาลละเลงสีมาโดยไม่เกิด Wave ใหม่เลย Omicron สามารถจบได้จริง
ข่าวร้าย:
เสียชีวิตรายงาน 521,159 ตัวเลขจริงจาก Excess Death น่าจะถึง 7 ล้านคน
ติดเชื้อรายงาน 43,024,440 คน ตัวเลขจริงอาจถึงพันล้านคนแล้ว
อายุเฉลี่ยประชากร 28 ปี เด็กกว่าไทยถึง 12 ปี ยังเจ็บขนาดนี้
บทสรุปและทางเลือก:
1. ประเทศไทยตอนนี้เราตรวจเชื้อน้อย ควบคุมโรคไม่ได้แล้ว น่าจะไปทาง Herd Immunity แบบอินเดีย ผสมกับการฉีดวัคซีนให้อัตราการเสียชีวิตต่ำ
2. อาจจะเกิด Herd Immunity ในอีก 4 เดือนข้างหน้า ใครรักสุขภาพขอให้อดทนรอ เพื่อเป็น 30% สุดท้ายที่อาจรอดจากการติดเชื้อ หรืออย่างน้อยก็เสี่ยงต่ำ
3. ความสำเร็จในการชะลอการระบาดและเร่งฉีด Booster ที่ผ่านมาทำให้ผู้เสียชีวิตอาจเพิ่มขึ้นราว ๆ 20,000 -40,000 คน น้อยกว่ากรณีฉีดไม่ทันมากที่ระดับ 1-2 แสนคน 4. คน 3 ประเภท คนรักสุขภาพ ขอให้อดทนเก็บตัวอีก 4 เดือน คนอดทนไม่ไหวก็ไปฉีดวัคซีนให้ครบ แล้วยอมรับความเสี่ยง คนไม่ยอมฉีดวัคซีนและอดทนไม่ไหว ก็จะเสี่ยงตายมากกว่าคนอื่น ๆ 10 - 40 เท่า
พวกเราอยู่ใน Wave Omicron นี้ ที่ใคร ๆ ก็ชอบบอกว่ามันจะสั้น ขึ้นเร็วลงเร็ว แต่เวลา 3 เดือนได้พิสูจน์แล้วว่า Wave มันไม่ลงถ้าไม่ควบคุมโรคจริงจัง ไม่ฉีดวัคซีนที่ดี และมากพอ ไม่ปฏิบัติตามกฎอะไรกันเลย และใช้ชีวิตกันด้วยความประมาทเต็มที่ แต่ถึงอย่างไรมันก็ผ่านมาแล้ว สายเกินกว่าจะแก้ไขหรือกลับไป Lockdown ทุกอย่างจะต้องเดินหน้าต่อไป ถ้าไม่มีสายพันธุ์ใหม่มาอีก มันจะจบภายใน 3-4 เดือนข้างหน้า แต่ละคนก็จะสามารถเลือกวิธีจบได้แตกต่างกันไป ณ วินาทีนี้ ทุกอย่างจะเป็นไปตามธรรมชาติแล้ว ผู้ใดแข็งแกร่ง ผู้นั้นอยู่รอด ผู้ใดโชคดี ผู้นั้นก็อยู่รอด แต่ถ้าไม่อยากเพิ่มโชคมากนัก ก็ไปฉีดวัคซีนให้ครบ แล้วดูแลสุขภาพครับ
ปล. คำว่าจบที่ว่า น่าจะยังมีผู้ติดเชื้อต่อเนื่องวันละหลายหมื่นคน ผู้เสียชีวิตวันละหลายสิบ ในแต่ละปีโควิดจะเป็นสาเหตุการตายหลายหมื่นคน เป็นอันดับ 2 รองจากมะเร็งเท่านั้น แต่ชีวิตพวกเราส่วนใหญ่จะกลับมาเดินหน้าไปได้ตามปกติครับ นี่คือ Endemic ที่อาจไม่ได้สวยหรู แต่ก็ต้องจำใจอยู่กับมันครับ
https://www.facebook.com/suntpower/posts/7578337625540225
JJNY : สื่อมะกันชี้แผนซื้อเรือดำน้ำจีนของไทยสะดุด│โอไมครอนเข้าสู่ India Model│อาหารตามสั่งขยับขึ้น│'ชัชชาติ'เยือนบางพลัด
https://www.matichon.co.th/politics/news_3264808
สื่อมะกัน ชี้ แผนซื้อเรือดำน้ำจีนของรัฐบาลไทยสะดุด เหตุคำสั่งห้ามส่งออกอาวุธของอียู
กรณีข่าวปัญหาการจัดซื้อ”เรือดำน้ำ”ของกองทัพเรือ ที่ส.ส.เพื่อไทย เคยออกมาแถง ว่าเรือดำน้ำลำที่ 1 วงเงิน 12,424 ล้านบาท มีปัญหาเรื่องเครื่องยนต์ เนื่องจากจีนผลิตเครื่องยนต์ดีเซลสำหรับเรือดำน้ำไม่ได้ ต้องซื้อเครื่องยนต์ MTU จากเยอรมนี แต่เยอรมันไม่ขายให้ ซึ่งทาง csoc บริษัทจีนที่ได้รับมอบอำนาจจากรัฐบาลจีน กำลังเจรจาหาเครื่องยนต์ของจีนมาใส่ให้ ขณะที่ทางกองทัพเรือยืนยัน ทุกอย่างต้องเป็นไปตามสัญญาต้องใช้เครื่องยนต์เดิมตามที่ตกลง
เมื่อวันที่ 1 เมษายน VOA NEWS เผยแพร่รายงานข่าวความคืบหน้าของเรื่องนี้ ว่าจีนสั่งระงับโครงการต่อเรือดำน้ำที่ไทยสั่งซื้อไว้ หลังรัฐบาลเยอรมนีปฏิเสธที่จะส่งเครื่องยนต์ชั้นสูงที่จำเป็นสำหรับการสร้างเรือดำน้ำดังกล่าวให้จีน โดย VOA ได้ติดต่อไปยังกองทัพเรือเพื่อขอความชัดเจนในเรื่องนี้ และได้รับการยืนยันจาก พลเรือตรี อภิชัย สมพลกรัง ผู้อำนวยการสำนักงานจัดหายุทโธปกรณ์ทหารเรือ ว่า เรือดำน้ำที่ไทยสั่งซื้อจากจีนไม่น่าจะมาถึงไทยได้ในปีหน้าตามแผนแล้ว
พล.ร.ต.อภิชัย เปิดเผยว่า ข้อตกลงที่ทำกับจีนไว้นั้นระบุว่า เรือดำน้ำที่ไทยสั่งจะใช้เครื่องยนต์ดีเซล MTU396 จากบริษัท Motor and Turbine Union ของเยอรมนีเป็นตัวเดินเครื่องจ่ายไฟของเรือ การปฏิเสธการส่งออกของเยอรมนีนั้นเป็นไปตามคำสั่งห้ามส่งออกอาวุธไปยังจีน ที่สหภาพยุโรป (อียู) ประกาศใช้มาตั้งแต่เมื่อปี ค.ศ. 1989 หลังเกิดเหตุสังหารหมู่ที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน โดยฝีมือของกองกำลังความมั่นคงของจีนที่ทำการยิงปืนใส่กลุ่มผู้ประท้วงที่ปราศจากอาวุธในกรุงปักกิ่ง ซึ่งออกมาเรียกร้องขอเสรีภาพทางการเมืองจากรัฐบาล
VOA ยังเผยแพร่บทสัมภาษณ์ของ จอน เกรวัตต์ นักวิเคราะห์จากนิตยสาร Janes ที่ตีพิมพ์ข่าวสารข้อมูลจากแวดวงอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศ ให้ความเห็นว่า แม้อียูจะสั่งห้ามทำการส่งออกอาวุธไปจีน แต่เยอรมนีและประเทศสมาชิกอื่นๆ จัดส่งเครื่องยนต์และอุปกรณ์ต่างๆ ให้กองทัพจีนมาเป็นเวลาหลายทศวรรษแล้ว สถาบัน Stockholm International Peace Research Institute ในสวีเดน ซึ่งติดตามการจัดส่งอาวุธต่างๆ ทั่วโลก กล่าวว่า บริษัท MTU นั้นเป็นซัพพลายเออร์เครื่องยนต์ เพื่อใช้ในการต่อเรือพิฆาตและเรือดำน้ำจีนมาแล้วกว่า 100 ลำในช่วงระหว่างปี ค.ศ. 1993 และ 2020.
เกรวัตต์ กล่าวเสริมว่า MTU ทำเช่นนั้นด้วยการเน้นส่งออกผลิตภัณฑ์ที่ใช้ได้ทั้งสำหรับงานของกองทัพและการใช้งานของภาคพลเรือน เพราะผลิตภัณฑ์ที่ใช้ได้สองทางดังว่านั้น ไม่ถูกควบคุมภายใต้คำสั่งห้ามส่งออกของอียู แต่สำหรับกรณีที่จีนจะขายเรือดำน้ำ Yuan-class ให้ไทยนั้น ทางบริษัทสัญชาติเยอรมันแห่งนี้ไม่สามารถใช้อุบายแบบเดิมๆ เพื่อหลอกทางการได้
เกรวัตต์ ระบุว่า “หากเรือดำน้ำลำนี้ไม่ได้จะถูกส่งไปประเทศไทย คงไม่มีใครรู้เรื่อง (เครื่องยนต์ที่ว่า) และทุกอย่างคงเดินหน้าได้สะดวก แต่ความเป็นจริงที่ว่า จะมีการส่งออก และตกเป็นข่าวไปทั่วแล้ว ซึ่งทำให้เยอรมนีต้องออกมาปฏิเสธการส่งออก” เพราะไม่ใครปฏิเสธได้ว่า ระบบที่ว่านี้จะนำไปใช้เพื่อประโยชน์ด้านกลาโหม
คริสตอฟ ริงวอลด์ โฆษกของ MTU ซึ่งเป็นแบรนด์หนึ่งของบริษัท Rolls-Royce Power Systems บอกกับ วีโอเอ ว่า ทางบริษัทจัดส่งเครื่องยนต์ให้โรงต่อเรือของจีนหลายแห่ง แต่ไม่เคยเป็นกรณีของผลิตภัณฑ์ที่ใช้ประโยชน์ได้สองทางเลย
ริงวอลด์ ระบุในอีเมล์ที่ส่งถึง VOA ว่า เครื่องยนต์ต่างๆ ที่ส่งให้จีน และเป็นสินค้าแบรนด์ MTU นั้น ไม่ได้ถูกกำกับภายใต้หมวดผลิตภัณฑ์ที่ใช้ได้ทั้งงานด้านกองทัพและงานฝ่ายพลเรือน ดังนั้น จึงไม่เคยต้องใช้ใบอนุญาตเพื่อส่งออกแต่อย่างใด
อย่างไรก็ดี ริงวอลด์ ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นว่า ทำไมเยอรมนีถึงสั่งห้ามส่งออกเครื่องยนต์ MTU สำหรับการต่อเรือดำน้ำของ CSOC ที่ประเทศไทยสั่งซื้อในคราวนี้ หลังจากที่ไม่เคยเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการส่งออกใดๆ ให้กับกองทัพเรือจีนมาก่อนเลย
"โอไมครอน" สู้แบบเจ็บ ๆ เข้าสู่ India Model มีทั้งข่าวดี ข่าวร้าย
https://www.komchadluek.net/covid-19/510032
ดร.สันต์ ศรีอรรฆ์ธำรง อาจารย์พิเศษ นักวิชาการอิสระ โพสต์เฟซบุ๊ก Sunt Srianthumrong เกี่ยวกับโควิด-19 สายพันธุ์ "โอไมครอน" ว่า
Covid-19: Wave#5 Omicron เดินหน้าสู่สงกรานต์ เตรียมพร้อมรับ India Model สู้แบบเจ็บ ๆ อีกนานกว่าจะจบ
เวลาผ่านไป 3 เดือน ใน Wave#5 ของ "โอไมครอน" Omicron คำถามในใจผู้คนมากมาย
1. ไหนว่าจะขาลงมา 2 รอบแล้ว แต่ทำไมยังไม่ถึง Peak สักที
2. ติดเชื้อกันจริง ๆ วันละเท่าไหร่ คนรอบตัวติดเชื้อกันมากมายต่อเนื่อง
3. เมื่อไหร่จะจบสักที จะเข้าโรคประจำถิ่นเมื่อไหร่
4. ทำอย่างไรถึงจะรอด
ผมมีคำตอบครับ จากการคำนวณและประมาณการณ์
สรุปสถานการณ์ที่ผ่านมา และกำลังเป็นไป: Past & Present
1. Wave#5 เป็นขาขึ้นตลอดตั้งแต่ 1 ม.ค. แต่ตรวจ RT-PCR น้อย ตัวเลขเลยขึ้นไม่สุด เห็นไม่ครบ ควบคุมโรคไม่ได้ หางเวฟจึงยาวมาก ๆ ไม่จบจนบัตนี้
2. ATK เริ่มตรวจลดลงไปมาก ตัวเลขรวมที่เคยขึ้น ก็กลับมาทรงตัว แต่ไม่ลงต่อ ทั้ง ๆ ที่สถานการณ์ยังเป็นขาขึ้นต่อเนื่อง
3. ชลบุรีขยันตรวจมาก จังหวัดเดียวเจอรวม PCR+ATK วันละเกือบ 10,000 แล้ว ถ้าขยันแบบนี้ทุกจังหวัด ตัวเลขทั่วประเทศน่าจะข้ามแสนไปแล้ว
4. คนที่ตรวจไม่เจอ ไม่ยอมตรวจ จะเป็นมดงานแพร่เชื้อไปเรื่อย ๆ ทำให้ประเทศไทยค่อยๆเดินหน้าเข้าสู่ India Model แบบ Herd Immunity ที่จบแบบต้องสังเวยชีวิต หลายประเทศเป็นแบบนี้
ตัวเลขและกราฟ:
กทม. :
1. กราฟ %Increase ของ RT-PCR เป็นขาลงช้า ๆ ที่ Time Constant ยาวนานถึง 84 วัน ซึ่งช้าเกินไป
2. กราฟผู้ติดเชื้อสะสมจะยังไม่ถึงจุดอิ่มตัว ใน 4 เดือนข้างหน้านี้
3. เราจะเห็นตัวเลข RT-PCR ระดับ 3,000 ต่อวันไปอีกนาน และอาจยกระดับขึ้นหลังสงกรานต์
4. ผู้ติดเชื้อที่แท้จริงใน กทม. ถ้าดูจากอัตราการเสียชีวิตที่สูงเกินจริงถึง 0.4% ถ้าเทียบกับสิงคโปร์ ที่แค่ 0.05 - 0.1% ตัวเลขผู้ติดเชื้อจริงต่อวันใน กทม.ควรจะอยู่ที่ระดับ 10,000 - 30,000 คน
5. ถ้ากทม.ไม่จบ จังหวัดอื่น ๆ จะกลับมาระบาดซ้ำอย่างต่อเนื่อง
ประเทศไทย: Present & Future
1. กราฟ %Increase ของ RT-PCR เป็นขาลงช้า ๆ ที่ Time Constant ยาวนานถึง 65 วัน
2. กราฟผู้ติดเชื้อสะสมจะยังไม่ถึงจุดอิ่มตัว ใน 4 เดือนข้างหน้านี้
3. เราจะเห็นตัวเลข RT-PCR ต่อวันในระดับมากกว่า 20,000 ไปอีกอย่างน้อยถึง 15 มิ.ย. และยังคงมากกว่า 10,000 ไปจนถึง 1 ส.ค. แต่ตัวเลขอาจยกระดับขึ้นหลังสงกรานต์ และเลวร้ายกว่านี้ ถ้าฉีด Booster ไม่พอ
4. กราฟ %Increase ของ RT-PCR+ATK เปลี่ยนแปลงลดลงเฉียบพลันแบบไม่มีสาเหตุเมื่อ 3 สัปดาห์ที่แล้ว น่าจะมาจากการตรวจที่ลดลงมาก
5. Daily Case RT-PCR+ATK ถ้าคำนวณตามเส้นแนวโน้มเดิม 31/3/2022 ผู้ติดเชื้อน่าจะอยู่ที่ระดับ 130,000 คนต่อวัน ไม่ใช่ 40,000 -50,000 คน
เท่าที่ตรวจพบ
6. อัตราการเสียชีวิตถ้าคำรวณจากฐานกราฟ RT-PCR+ATK 130,000 คน คิด Delay 19 วัน จะได้ อัตราการเสียชีวิต 0.12% สอดคล้องกับระดับวัคซีนที่เป็นจริง และเท่า ๆ กับในต่างประเทศ
7. อัตราการเสียชีวิตเริ่มลดลงจากระดับ 0.2% มาเข้าใกล้เส้น 0.1% ถ้าฉีด Booster ได้เพิ่ม อาจจะลดลงได้ถึง 0.05% ซึ่งจะทำให้ผู้เสียชีวิต ในกรณีเลวร้ายสุดไม่เกิน 200 คนต่อวัน
8. การติดเชื้อยังคงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะตรวจเชื้อน้อย อาจไปถึงระดับวันละ 500,000 คน ช่วงปลายพ.ค. แต่เราจะไม่มีวันได้พิสูจน์ข้อเท็จจริงนี้
9. ถ้าฉีดวัคซีนมากพอ ตัวเลข RT-PCR สำหรับคนที่ต้องเข้ารพ. จะต่ำสุดได้ถึง 2% ของผู้ติดเชื้อทั้งหมด ติดเชื้อจริง 500,000 RT-PCR ก็อาจลงต่ำได้ถึง 10,000 ต่อวัน
10. ถ้าควบคุมไม่ได้เลย เราจะติดเชื้อถึง 70% ของประชากรและเกิด Herd Immunity ในช่วงเดือน ก.ค. - ส.ค. 2022 แล้วการติดเชื้อจะลดลงอย่างรวดเร็ว แต่ก็ต้องแลกด้วยผู้เสียชีวิตประมาณ 20,000 - 40,000 คน
India Model: ข่าวดีและข่าวร้าย
ข่าวดี:
เกิด Herd Immunity แล้ว เพิ่งผ่านเทศกาลละเลงสีมาโดยไม่เกิด Wave ใหม่เลย Omicron สามารถจบได้จริง
ข่าวร้าย:
เสียชีวิตรายงาน 521,159 ตัวเลขจริงจาก Excess Death น่าจะถึง 7 ล้านคน
ติดเชื้อรายงาน 43,024,440 คน ตัวเลขจริงอาจถึงพันล้านคนแล้ว
อายุเฉลี่ยประชากร 28 ปี เด็กกว่าไทยถึง 12 ปี ยังเจ็บขนาดนี้
บทสรุปและทางเลือก:
1. ประเทศไทยตอนนี้เราตรวจเชื้อน้อย ควบคุมโรคไม่ได้แล้ว น่าจะไปทาง Herd Immunity แบบอินเดีย ผสมกับการฉีดวัคซีนให้อัตราการเสียชีวิตต่ำ
2. อาจจะเกิด Herd Immunity ในอีก 4 เดือนข้างหน้า ใครรักสุขภาพขอให้อดทนรอ เพื่อเป็น 30% สุดท้ายที่อาจรอดจากการติดเชื้อ หรืออย่างน้อยก็เสี่ยงต่ำ
3. ความสำเร็จในการชะลอการระบาดและเร่งฉีด Booster ที่ผ่านมาทำให้ผู้เสียชีวิตอาจเพิ่มขึ้นราว ๆ 20,000 -40,000 คน น้อยกว่ากรณีฉีดไม่ทันมากที่ระดับ 1-2 แสนคน 4. คน 3 ประเภท คนรักสุขภาพ ขอให้อดทนเก็บตัวอีก 4 เดือน คนอดทนไม่ไหวก็ไปฉีดวัคซีนให้ครบ แล้วยอมรับความเสี่ยง คนไม่ยอมฉีดวัคซีนและอดทนไม่ไหว ก็จะเสี่ยงตายมากกว่าคนอื่น ๆ 10 - 40 เท่า
พวกเราอยู่ใน Wave Omicron นี้ ที่ใคร ๆ ก็ชอบบอกว่ามันจะสั้น ขึ้นเร็วลงเร็ว แต่เวลา 3 เดือนได้พิสูจน์แล้วว่า Wave มันไม่ลงถ้าไม่ควบคุมโรคจริงจัง ไม่ฉีดวัคซีนที่ดี และมากพอ ไม่ปฏิบัติตามกฎอะไรกันเลย และใช้ชีวิตกันด้วยความประมาทเต็มที่ แต่ถึงอย่างไรมันก็ผ่านมาแล้ว สายเกินกว่าจะแก้ไขหรือกลับไป Lockdown ทุกอย่างจะต้องเดินหน้าต่อไป ถ้าไม่มีสายพันธุ์ใหม่มาอีก มันจะจบภายใน 3-4 เดือนข้างหน้า แต่ละคนก็จะสามารถเลือกวิธีจบได้แตกต่างกันไป ณ วินาทีนี้ ทุกอย่างจะเป็นไปตามธรรมชาติแล้ว ผู้ใดแข็งแกร่ง ผู้นั้นอยู่รอด ผู้ใดโชคดี ผู้นั้นก็อยู่รอด แต่ถ้าไม่อยากเพิ่มโชคมากนัก ก็ไปฉีดวัคซีนให้ครบ แล้วดูแลสุขภาพครับ
ปล. คำว่าจบที่ว่า น่าจะยังมีผู้ติดเชื้อต่อเนื่องวันละหลายหมื่นคน ผู้เสียชีวิตวันละหลายสิบ ในแต่ละปีโควิดจะเป็นสาเหตุการตายหลายหมื่นคน เป็นอันดับ 2 รองจากมะเร็งเท่านั้น แต่ชีวิตพวกเราส่วนใหญ่จะกลับมาเดินหน้าไปได้ตามปกติครับ นี่คือ Endemic ที่อาจไม่ได้สวยหรู แต่ก็ต้องจำใจอยู่กับมันครับ
https://www.facebook.com/suntpower/posts/7578337625540225