รับคำท้า(หัวใจ)ยัยตัวแสบ ตอนที่ 55 แบบนี้เรียกว่าง้อกันใช่ไหม?

รับคำท้าฯ
ตอนที่ 55
 
ปริวัฒน์มองหน้าคนฟังที่นิ่งเงียบไปด้วยความตกใจไม่น้อย

“ตอนนี้เธอคบกับปริมในฐานะไหน?”  เขาอยากรู้ว่า ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไปถึงขั้นไหนกันแล้ว

“เพื่อนครับ  เธอเป็นเพื่อนของผม  แต่ผมอยากเป็นแฟนของเธอครับ”

คำตอบของหนุ่มหน้าหวานทำให้คนฟังต้องทึ่งอีกครั้งในชัดเจนเหลือเกิน หนุ่มคนนี้ช่างกล้าพูดตรง ๆ กับเขา และดูมั่นใจในตัวเองกับทุกคำตอบที่พูดออกมา

“ฉันไม่ได้รังเกียจเธอหรอกนะ  ถึงเธอจะเป็นลูกชายของปัณณวัตร์ก็ตาม  ตรงกันข้ามฉันชื่นชมเธอ ที่เป็นคนตรงไปตรงมาดี แต่การที่สองครอบครัวจะเกี่ยวดองกัน ควรจะต้องมีความรู้สึกที่ดีต่อกันด้วย  เธอคงเข้าใจนะ”  

หนุ่มผมยาวนิ่งไปกับถ้อยคำที่ได้ยินนั้น  มันยิ่งทำให้เขารู้สึกหนักใจเพิ่มขึ้นอีก แม้ว่า ตอนแรกจะยังไม่ค่อยเข้าใจ  แต่เมื่อมาคิดทบทวนดูแล้ว  เขาเข้าใจความรักของคนเป็นพ่อที่รักลูกมาก  จนมองถึงอนาคตของลูก ซึ่งการแต่งงานในความจริงไม่ได้มีแค่คนสองคน  แต่ยังมีครอบครัวของอีกฝ่าย ซึ่งถ้าต่างคนต่างไม่ชอบกันแล้ว  ครอบครัวจะมีความสุขจริง ได้อย่างไร  และจะมีปัญหาตามมาอีกแน่นอน
 
เด็กสาวร่างเล็กกระทัดรัด  หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสวิ่งผมกระจายมาหาชายหนุ่มที่กำลังเดินท่อม ๆ  ผ่านมาทางโรงอาหารของมหาวิทยาลัย

“พี่การ  สวัสดีค่ะ”

ปฏิการสะดุ้ง!  ความคิดต้องหยุดชะงักลงกะทันหัน  เมื่อเด็กสาวหน้าตาน่ารักเข้ามาทักทายอย่างใกล้ชิด  จับมือของเขาบีบไว้แน่นอย่างดีอกดีใจสุดขีด

“สะ..หวัด..ดีครับ”  หนุ่มหน้าหวานรีบก้าวถอยหลังให้ห่างจากตัวเด็กสาว  ที่ยื่นหน้าเข้ามาใกล้

“วันก่อนที่พี่จัดดนดรีเพื่อการกุศล  ปิงยังไปซื้อบัตรชมคอนเสริทของพี่เลยค่ะ  จัดได้ดีมากนะคะ  สนุกมากเลย  โดยเฉพาะ  พี่การค่ะ  ร้องเพลงเพราะมาก ๆ เลย”  น้ำเสียงใสแจ๋วที่แฝงความขี้อ้อนพร้อมกับรอยยิ้มหวานฉ่ำ  อาจจะละลายหัวใจหนุ่ม ๆ ได้ แต่เขากลับรู้สึกว่า  “น่ารำคาญ”  มากกว่า

“ขอบคุณมากครับ  เราก็ช่วย ๆ กันนะครับ”  หนุ่มนักดนตรีมองมือเด็กสาวที่ยังเกาะแขนของเขาแจยังกับตังเม  รู้สึกอึดอัดอยู่ในใจว่าจะทำอย่างไรดี  ไม่อยากให้สาว ๆ สมัยนี้ทำกิริยาอย่างนี้เลย  จะเตือนดีหรือเปล่า?   จะทำให้เสียความรู้สึกไหม   ถ้าปล่อยอย่างนี้ต่อไปจะดีหรือ  และอดไม่ได้ที่จะชื่นชมคนที่เขาแสนคิดถึงที่ไม่เคยทำอะไรอย่างนี้เลย

มองการแต่งตัวของเด็กสาวหน้าสวยคนนี้แล้ว  ต้องแอบลอบถอนหายใจ  เกิดคำถามขึ้นกับตัวเองอย่างสงสัย  ทำไมนักศึกษาสาวสมัยนี้ชอบใส่เสื้อนักศึกษาตัวเล็กรัดรูป  บางคนกระดุมปริแล้วปริอีก   ใส่กระโปรงสั้น  แถมยังผ่า  แหวกซ้ายแหวกขวา  ผ่าหน้า  ผ่าหลัง  เป็นน้องนุ่ง  เขาจะจับมาตีและอบรมสั่งสอนเสียให้เข็ด   ไม่อยากจะคิดเลยว่าเธอเหล่านั้นคิดอย่างไรถึงกล้าแต่งตัวแบบนี้   แล้วบรรดาผู้ชายที่มองจะคิดอะไร?  อย่างไร?  กับเธอเหล่านั้นบ้าง?

“ขอโทษนะครับน้อง  ยืนห่าง ๆ นิดหนึ่งนะครับ  มือด้วยนะครับ  พี่ไม่รับฝากครับ  เดี๋ยวใคร ๆ จะเข้าใจผิด  จะมองไม่ดีนะครับ”  เขาพยายามดึงมือตัวเองออกจากการกุมไว้ของอีกฝ่าย  ตัดสินใจเตือนมากกว่าที่จะปล่อยไป   และเด็กสาวคนนี้ไม่ใช่คนแรกที่ถูกเขาเตือน  

เด็กสาวหน้าจ๋อยลงไปทันที  “แหม…พี่การก้อ…กลัวแฟนมาเห็นหรอคะ”  เสียงหวานใสขี้อ้อนเปลี่ยนโทนเสียงเป็นเสียงสูงและแหลมขึ้นมาทันที 

ปฏิการอึ้งไปชั่วขณะ  เพราะคนที่เขาแสนคิดถึงกำลังเดินมาพอดี  ช่างบังเอิญอะไรอย่างนี้  ความรู้สึกดีใจเป็นที่สุด ไม่ได้เห็นหน้าเธอ ไม่ได้คุยกันมาหลายวันแล้ว เขามองยัยตัวแสบก้มหน้าก้มตาเดินมา   พร้อมกับค้นหาอะไรบางอย่างในถุงกระดาษที่หอบหนังสือแนบอกมาหนาปึ้ก  ปริมาอยู่ในชุดนักศึกษาเรียบร้อยมาก  เสื้อตัวโตพลางสายตาจากทรวดทรงองเอวที่แท้จริง  กระโปรงทรงเอสีดำยาวคลุมเข่าเสมอ  รองเท้าผ้าใบสีขาวคู่เก่งที่เธอใส่มาตลอดไม่เคยเปลี่ยน ถ้าไม่ขาดไม่พังกันไปข้างหนึ่งเสียก่อน   

ถ้าเธอเห็นเขากับเด็กผู้หญิงคนนี้จะรู้สึกโกรธเขาบ้างรึเปล่า?  จะรู้สึกอย่างไรบ้าง...? จะหึงเขาบ้างไหม?

เด็กสาวที่ยืนอยู่ข้าง ๆ  มองตามสายตาชายหนุ่มที่ยืนตะลึงงันอยู่กับที่  มองไปยังหญิงสาวที่กำลังเดินตรงมา  แววตาของชายหนุ่มเป็นประกายสดใส  ริมฝีปากค่อย ๆ โค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มหวานมาก แตกต่างจากที่มองเธอโดยสิ้นเชิง

“ปริม….”

เขารีบเรียกสาวบัญชี เมื่อเธอเดินเข้ามาใกล้

ปริมาเงยหน้าขึ้นมามองคนเรียกชื่อของเธอ

“คนนี้ไงแฟนพี่จ้ะ  พี่ขอตัวก่อนนะครับ”   หนุ่มหน้าหวานรีบแนะนำให้เด็กสาวรับทราบ  แล้วคว้ามือปริมาเดินหนีไปทันที

สาวชาวสวนถูกเขาลากออกมาจนพ้นสายตาเด็กสาวคนนั้นด้วยความงุนงงสุดขีดกับคำแนะนำตัวระหว่างเขากับเธอต่อคนอื่นแบบนั้น  เธอยอมรับเขาเป็นแฟนแล้วตั้งแต่เมื่อไหร่กัน

“นี่! นายปฏิการ  ปล่อยมือเรานะ”  เธอมองมือของตัวเองที่ตกอยู่ในมืออุ่นของชายหนุ่ม  แล้วพยายามยื้อเอามือของตัวเองคืนมา

“แล้วนายพูดออกไปอย่างนั้นได้ยังไง  ฉันเสียหายนะ”  หญิงสาวเอาเรื่องกับการที่เขาอ้างชื่อเธอกับเขาเป็นแฟนกันหน้าตาเฉย

“ปริม…ฉันขอโทษ  ช่วยเพื่อนซักครั้งเถอะนะ”  เขายังไม่ยอมปล่อยมือ  แถมยกมืออีกข้างมากุมมือของเธอไว้อย่างขอร้องและอ้อนวอน

“เพื่อนคนนี้ช่วยเหลือนายได้ทุกเรื่องนะ  แต่ยกเว้นเรื่องนี้”  น้ำเสียงนั้นชัดถ้อยชัดคำ  เธอยังไม่ได้ยอมรับเขาเป็นแฟนเลย  เขาจะเอาเธอไปเที่ยวบอกใครต่อใครว่าเป็นแฟนกันแบบนี้ไม่ได้ 

ปริมามองหน้าชายหนุ่มที่เงียบขรึมไม่พูดอะไรซักคำเดียวหลังจากสิ้นเสียงของเธอ  ใจคอรู้สึกไม่ค่อยดี  รู้สึกเป็นห่วงความรู้สึกของเขา  ทั้ง  ๆ ที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยนึกแคร์ความรู้สึกของเขาเลย  มองเขาค่อย ๆ ปล่อยมือของเธออย่างเสียไม่ได้

“ฉันขอโทษนะปริม…ต่อไป...จะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว...”  พูดจบเขามองหน้าคนที่เขาแสนคิดถึง อดน้อยใจไม่ได้  เธอคงไม่เคยรู้สึกอะไรกับเขาเลย  มีแต่เขาที่ละเมอไปเองอยู่ฝ่ายเดียว

“ฉันขอตัวก่อนนะ” 

เขาตัดสินใจหันหลังเดินจากไปอย่างเศร้าสร้อย  สีหน้าสลดลงอย่างเห็นได้ชัด  เขาคงเป็นได้แค่เพื่อนของเธอเท่านั้น...

“เดี๋ยว!  ปฏิการ”

หนุ่มผมยาวหันกลับมาที่ต้นเสียง  มองหน้าเธออีกครั้ง  เขามองเห็นในแววตาเธอมีความเป็นห่วงเขาซ่อนอยู่

“ไม่เจอกันนานนะ  นาย...สบายดีเหรอ”  เธอรู้สึกไม่อยากให้เขาจากไปด้วยความรู้สึกไม่ค่อยดีแบบนี้เลย

“สบายดี  ปริมล่ะเป็นไง”  เขารู้สึกใจชื้นขึ้นมาบ้าง  เมื่อได้ยินเธอถามไถ่

“ไม่เจ็บไม่ไข้จ้ะ  งานดนตรีของนายจัดได้เยี่ยมมากเลย  นายร้องเพลงได้เพราะเหมือนเดิมนะ” เธอพยายามชวนคุยเปลี่ยนบรรยากาศ
ปฏิการขมวดคิ้วเข้มอย่างแปลกใจ

“ปริมไปดูด้วยเหรอ  ไหนบอกว่าไม่ไปไงล่ะ”

“ก็…มาคิดดูอีกที  เพื่อนเราจัดทั้งที  ไม่ไปดูได้ไง  จริงมั้ย”  ที่จริงเธอกลัวคนอื่นจะว่าเธอใจอ่อนสนใจเขา  เลยต้องแอบไปดูคนเดียวต่างหาก

คำว่า  “เพื่อน”  ที่ได้ยิน  ทำให้รู้สึกเจ็บแปลบในหัวใจของคนหนุ่ม  อยากบอกเธอเหลือเกินว่า  เขาไม่ได้คิดเป็นเพื่อนกับเธอ   เขาทำไม่ได้  เขาพยายามทำแล้วจริง ๆ  แต่ไม่อาจโกหกตัวเอง  ปฏิเสธความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองได้เลย    เขาได้แต่เก็บคำพูดเหล่านั้นเอาไว้ในใจ  เพราะรู้ดีว่า  พูดออกไปคงไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้ว…ต่อไปนี้เขาจะไม่บอกเธออีก  จะเก็บทุกความรู้สึกที่เกี่ยวกับเธอเอาไว้ในใจ…

“ปริม  อยู่นี่เอง”  เสียงหนุ่มหล่อดังออกมาจากหน้าต่างรถสีบลอนด์ป้ายแดงคันหรู  ที่เข้ามาจอดอยู่ใกล้ ๆ

“อ้าว…หวัดดีค่ะพี่ป้อง”

ปฏิการมองหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา  พี่รหัสที่ดูสนอกสนใจปริมาเหลือเกิน  นัยต์ตาของชายหนุ่มเป็นประกายวิบวับอย่างที่ผู้ชายด้วยกันดูออกว่าหมายถึงอะไร 
  
ข่าวลือนั้นเป็นความจริงหรือ? เพื่อนเคยบอกว่า สองคนนี้ไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อย ๆ

หัวใจเริ่มเต้นแรงผิดปกติ  ความร้อนภายในกำลังเพิ่มอุณหภูมิสูงขึ้น  พอ ๆ กับความเครียด  ความไม่พอใจที่เริ่มก่อร่างสร้างตัวอย่างรวดเร็ว    แต่เขาทำได้เพียงยืนเงียบ ๆ  ไม่แสดงอะไรออกทางสีหน้าและท่าทาง   เพราะคำควณผลดูแล้วว่า  ไม่มีอะไรดีเลยที่เขาจะแสดงความอึดอัดขัดเคือง  ความหึงหวงเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ  ความไม่พอใจเธอกับหมอนั่น!!  และเขาคงมีแต่จะเสียคะแนน  จึงต้องอดทนยืนฟังข้อความน่ารำคาญนั้น

“ปริมจะไปเยี่ยมพี่ปรามไหม  ให้พี่ป้องไปส่งนะ”

“ไม่เป็นไรค่ะ  เผอิญปริมเจอเพื่อนเก่า”  ปริมาบ้ายหน้าหันมาทางหนุ่มผมยาว

ปฏิการฝืนยิ้มให้เล็กน้อย 

ปกป้องหันมาฝืนยิ้มให้เช่นกัน  ก่อนจะละสายตาไปคุยปริมาต่อ

“ปริม  ไม่เคยให้พี่ป้องได้ทำหน้าที่สารถีให้ซักทีเลยนะ”

“ก็เป็นสารถีให้คนอื่นก่อนสิคะ  แล้วไงค่อยเจอกันที่คณะนะคะ”

“ไม่เป็นไรครับ  งั้นพี่ป้องไปก่อนนะ”  จบคำพูดนั้น  หน้าต่างค่อย ๆ เลื่อนขึ้นจากด้านล่างของขอบประตูจนถึงด้านบน  แล้วรถสีบลอนด์ก็ขับจากไป

ปฏิการมีสีหน้าดีขึ้น  เมื่อรู้ว่าเธอไม่ไปกับหมอนั่น!!  เธอไม่ได้เป็นตามข่าวลือที่เพื่อนของเขาโมเมเลย ที่สำคัญเธอเลือกเขาไม่ไปกับหมอนั่น!  นึกในใจ  คำว่า  “เพื่อน”  ก็มีประโยชน์เหมือนกันนะ

“ฉันขอโทษด้วยนะ ที่หายไปไม่ได้ติดต่อปริมเลย”  หนุ่มหน้าหวานจ้องหน้าอีกฝ่ายอย่างรู้สึกผิดที่อยู่ ๆ ก็หายไปเฉย ๆ

“นายโกรธ...ฉัน...เหรอ...”  เธอถามเขาด้วยน้ำเสียงเบามากจนเกือบไม่ได้ยิน

เขามองหน้าสาวบัญชี คำถามนี้หมายถึง เธอแคร์เขาอยู่ใช่ไหม...?

“เธอ...แคร์...ด้วยเหรอ...”  เขาหลบตาอีกฝ่าย พลางก้มหน้าทำหน้างอเล็กน้อย

“แคร์สิ!” สาวชาวสวนมองหน้าชายหนุ่ม พบคนงอนหนึ่งอัตรา ทำหน้าตูมเชียว อยากหยิกแก้มคนงอนให้หายหมั่นเขี้ยวจริง ๆ

“ไม่เห็นโทรมาง้อเลย...รอ...ตั้งหลายวัน...”

ปริมาอดยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ขำคนหน้าตูมไม่ได้ ความรู้สึกบอกว่า ทำไมเขาน่ารักขนาดนี้

“ฉัน...ขอโทษน้า...ที่พูดไม่ดีกับนาย” เธอเอียงตัวลงต่ำให้คนก้มหน้ามองเห็นหน้าเธอ

ใบหน้างอ ๆ ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นอมยิ้มน้อย ๆ แบบนี้เรียกว่า ง้อกันใช่รึเปล่า? รู้สึกดีที่เธอแคร์เขาบ้าง แถมยอมง้อเขาอีกต่างหาก 

"ขอบใจนะ" 

“ก็...นาย...เป็นเพื่อนของฉัน ก็ต้องแคร์กันสิ”  คนง้อพูดเน้นคำ

หนุ่มหน้าหวานถอนหายใจ  เพื่อนอีกแล้ว!! เป็นอะไรก็ได้ตามใจเธอเลย  เขายอมทุกอย่าง

“ปริม…หิวข้าวยัง  ไปกินข้าวกันเถอะ  เดี๋ยวฉันเป็นเจ้ามือเลี้ยงเองนะ” 

“ได้เลย  ระวังกระเป๋าฉีกล่ะ  ฉันกินจุนะ”

“ไม่กลัวหรอก  เดี๋ยวจะเลี้ยงให้อ้วนกลมเลย”  เขาพูดพลางหัวเราะอย่างมีความสุข  ไม่ว่าจะฐานะไหนก็ตาม  ขอให้มีโอกาสได้อยู่ใกล้ ๆ เธอเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว…
 
                *********************
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่