เรื่องเล่าที่ 15 : ชายแก่ ณ ค่ายลูกเสือ : ระดับความหลอน 4 กะโหลก
เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ขอแทนชื่อผู้เล่าว่า ใบไม้
เรื่องนี้เกิดขึ้นสมัยที่ใบไม้เรียนอยู่ชั้นประถมศึกษา ที่โรงเรียนจะกำหนดให้นักเรียนชั้นป.หกทุกคนเข้าร่วมกิจกรรมบังคับลูกเสือ หรือที่เรารู้จักกันดีในชื่อเรียกสั้นๆ ว่าเข้าค่ายลูกเสือ ซึ่งโรงเรียนของใบไม้พิเศษกว่าโรงเรียนอื่นตรงที่ว่า ทางโรงเรียนมีที่ดินอยู่ผืนนึง
ซึ่งผอ.โรงเรียนมักจะใช้ที่ดินผืนนั้นทำเป็นค่ายลูกเสืออยู่เสมอ ทำให้โรงเรียนของใบไม้ไม่ต้องเดินทางไกลเพื่อไปเข้าค่ายลูกเสือรวมกับโรงเรียนอื่น ซึ่งระยะเวลาในการเข้าค่ายครั้งนี้ถูกกำหนดไว้ที่ สี่วันสามคืน
ขึ้นชื่อว่าครั้งแรก มักจะเต็มไปด้วยความตื่นเต้น แน่นอนว่าพอรู้ว่าจะต้องไปเข้าค่ายลูกเสือใบไม้ก็อดที่จะตื่นเต้นไม่ได้
โดยไม่รู้เลยว่า การไปเข้าค่ายครั้งนี้อาจมีเรื่องที่ทำให้ใบไม้จำไม่มีวันลืม...
ใช้เวลาเดินทางสามสิบนาที รถโรงเรียนก็จอดอยู่หน้าทางเข้าไปยังสถานที่เข้าค่าย โดยก่อนที่จะเข้าไปกันนั้น คุณครูและผู้อำนวยการเรียกให้นักเรียนรวมตัวกันที่ปากทางเข้า ก่อนจะเริ่มแจกจ่ายธูปให้คนละหนึ่งดอกและเริ่มพิธีไหว้เจ้าที่เจ้าทาง
ใบไม้แอบเห็นว่า ในบรรดาของที่นำมาเซ่นไหว้ เหล้าแดงดูจะมีจำนวนเยอะที่สุด เลยแอบกระซิบแซวเล่นกับเพื่อนว่า ‘สงสัยเจ้าที่ที่นี่คงชอบกินเหล้าน่าดู’ เพื่อนที่ได้ยินยังแอบหัวเราะกับคำพูดของใบไม้ ก่อนคุณครูจะบอกให้นักเรียนเริ่มทยอยเดินเข้าไปข้างใน
ที่ดินผืนนี้มีลักษณะคล้ายกับป่า หญ้าและต้นไม้ขึ้นเรียงราย มีลานกว้างที่ใช้เป็นที่จัดกิจกรรมรอบกองไฟอยู่ตรงกลาง หลังเดินเข้ามาด้านในกันเสร็จเรียบร้อย คุณครูก็เริ่มให้เหล่าลูกเสือเนตรนารีทำความสะอาดพื้นที่ถัดจากรอบกองไฟที่เป็นหญ้ารกหนาก่อน เพื่อเตรียมสร้างที่พัก ใช้เวลากว่าค่อนวัน หมู่ของใบไม้ถึงจะสามารถสร้างที่พักได้แล้วเสร็จ เพราะทางโรงเรียนเน้นการจำลองการใช้ชีวิตในป่า พวกโต๊ะวางของ ถังขยะหรือแม้แต่โซนทำครัวต่างต้องสร้างขึ้นเอง
หลังจัดการทำความสะอาดเคลียร์พวกเศษไม้เศษตะปูและกางเต็นท์สำหรับเป็นที่พักเรียบร้อยแล้ว คุณครูก็ให้แต่ละหมู่ทำอาหารเย็นไปส่งตรวจ หมู่ไหนส่งแล้วก็สามารถเตรียมตัวไปอาบน้ำที่ธารน้ำด้านหลังได้ หมู่ของใบไม้ตัดสินใจว่าจะกินข้าวกันให้เสร็จก่อนแล้วค่อยไปอาบน้ำ เพราะยังมีเวลาก่อนคุณครูเรียกรวมตัวอีกครั้งอยู่
หลังกินข้าวกันเสร็จ เอ เพื่อนในหมู่ก็กระซิบบอกให้ใบไม้กับแพรเพื่อนอีกคนเดินตามเอไปที่เต็นท์ พอไปถึง เอก็หยิบเอาพวกขนมหวานออกมาแบ่งให้ใบไม้และแพรกิน ใบไม้กินไปได้คำเดียวก็ถามว่าเอเอาขนมพวกนี้มาจากไหน แต่เอกลับถามใบไม้แทนการตอบว่าทำไมหรอ ใบไม้เลยบอกเอไปว่าขนมที่เอเอามาให้กินเห็นสีสวยๆ นึกว่าจะหวานอร่อย แต่ที่ไหนได้กลับจืดสนิท คงไม่ได้เอาของใกล้หมดอายุมาให้กันกินหรอกใช่มั้ย ?
พูดจบใบไม้ก็ลองหยิบอย่างอื่นขึ้นมาชิม แต่ก็ยังมีรสชาติจืดเหมือนเคยเลยเลือกที่จะไม่กินต่อ แพรที่ได้ยินใบไม้บอกแบบนี้ก็ลองชิมขนมดูบ้าง แล้วก็พยักหน้าเห็นด้วยกับใบไม้ที่บอกว่าขนมที่เอเอามาให้กินนั้นจืด เอที่เห็นเพื่อนบอกแบบนี้ก็รีบปฏิเสธ บอกว่าก่อนที่จะเอามาแบ่งให้กินก็ชิมมาก่อนแล้ว ก็หวานตามปกตินะ ก่อนจะหยิบขึ้นมากินบ้าง ก่อนหน้าเอจะเริ่มเปลี่ยนสีแล้วรีบคายขนมออกมาแล้วบอกว่าน่าจะเพราะอากาศร้อน ขนมเลยน่าจะเสียแล้ว ก่อนจะรีบเก็บขนมตรงหน้าไปทิ้ง ใบไม้ที่ได้ยินว่าขนมเสียแล้วก็รีบวิ่งตามเอไปอ้วกเอาขนมที่เพิ่งกินเข้าไปออกมา เพราะกลัวว่าถ้าท้องเสียระหว่างเข้าค่ายขึ้นมามันไม่ดี
หลังเตรียมของสำหรับอาบน้ำเสร็จแล้ว หมู่ของใบไม้ก็ไปต่อคิวอาบน้ำ เพราะการเข้าค่ายครั้งนี้ไม่มีการแยกชายหญิงและที่ๆ ใช้อาบน้ำเป็นเพียงธารน้ำในป่าที่เปิดโล่ง ดังนั้นก่อนเข้าค่าย คุณครูเลยบอกให้เนตรนารีเตรียมกระโจมอกมาด้วยสำหรับอาบน้ำ เพราะเป็นน้ำจากธรรมชาติ อุณหภูมิเลยค่อนข้างเย็น คุณครูจำกัดเวลาในการอาบน้ำให้แค่หมู่ละสิบนาที ดังนั้นพอมาถึงธารน้ำ ทุกคนก็ไม่พูดคุยอะไรกันเลย นอกจากรีบอาบน้ำให้เร็วที่สุด
ในช่วงที่ใบไม้กำลังรีบตักน้ำในธารขึ้นมาสาดใส่ตัวเองอยู่นั้น สายตาก็เหลือบไปเห็นบางอย่างเข้า ที่ป่าด้านหลังธารน้ำ ลึกเข้าไปอีก ใบไม้เห็นเป็นชายแก่สวมใส่ชุดเก่าๆ คนนึงกำลังยืนจ้องมาทางใบไม้อยู่ ด้วยความตกใจ ใบไม้รีบเรียกให้เพื่อนคนอื่นหันไปดู ทุกคนที่เห็นต่างตกใจและรีบหันไปเรียกคุณครูที่เป็นเวรเฝ้า
แต่ทันทีที่คุณครูวิ่งมาดู ชายแก่คนนั้นก็หายไปแล้ว คุณครูได้แต่ปลอบใจว่าคงเป็นชาวบ้านแถวนี้เข้ามาหาของป่าไปขาย และเร่งให้หมู่ของใบไม้รีบขึ้นไปเตรียมตัวรวมพลได้แล้ว แม้จะยังอยู่ในอาการแตกตื่น แต่ทุกคนในหมู่ก็รีบแยกย้ายไปเตรียมตัวกันตามที่คุณครูบอก
ตอนที่กำลังเปลี่ยนชุดเพื่อเตรียมไปรวมพล ใบไม้นึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ ภาพที่ชายแก่คนนั้นจ้องมายังคงติดตาใบไม้อยู่ แล้วคำพูดของคุณแม่ที่เตือนใบไม้ก่อนออกจากบ้านก็ดังขึ้นมาว่า ‘ไปเข้าค่ายในป่าในเขาก็ระวังตัวด้วยนะลูก เจออะไรเห็นอะไรแปลกๆ ก็อย่าร้องทักล่ะ’ ถึงตรงนี้ใบไม้ก็เริ่มรู้สึกว่ามือของตัวเองเริ่มเย็นลง ตอนที่เจอชายแก่คนนั้นแล้วตัวเองเผลอเรียกเพื่อนให้ดูจะเรียกว่าเป็นการร้องทักได้หรือไม่
ขนทั้งร่างของใบไม้ลุกชันขึ้นทั้งตัว แต่ยังไม่ทันได้คิดอะไรต่อ เสียงเป่านกหวีดซึ่งเป็นสัญญาณเรียกรวมพลก็ดังขึ้นมา ใบไม้รีบดึงสติตัวเองก่อนจะรีบเช็คตัวเองและรีบวิ่งออกไปรวมพลทันที
เพราะเป็นคืนแรกของการเข้าค่าย ช่วงหัวค่ำเลยมีเพียงพิธีเปิดและไหว้พระสวดมนต์พร้อมกันเท่านั้น ก่อนคุณครูจะสั่งให้นักเรียนแต่ละคนแยกย้ายกันไปเข้านอน กิจกรรมของวันพรุ่งนี้ค่อนข้างหนัก เพราะเป็นการเดินทางไกลและทำกิจกรรมประจำฐาน ทุกคนเลยรีบเข้าเต็นท์เพื่อพักเอาแรงทันที ใบไม้ที่ได้นอนเต็นท์เดียวกันกับเอก็รีบบอกฝันดีและล้มตัวลงนอน
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน อาจเป็นเพราะนอนบนพื้นดินที่แข็งและสภาพอากาศหนาวเย็นของป่าตอนกลางคืน เลยทำให้ใบไม้รู้สึกไม่สบายตัวเอามากๆ ช่วงที่กำลังสะลึมสะลืออยู่นั้น จู่ๆ ใบไม้ก็ได้กลิ่นเหม็นเปรี้ยวคล้ายกับกลิ่นของเหล้า กลิ่นมันรุนแรงมาก ใบไม้รู้สึกฉุนจมูกจนทนไม่ไหว ลืมตาตื่นขึ้นมาดู เห็นเป็นใบหน้าเหี่ยวย่นของชายแก่เมื่อตอนเย็น!!!
ลักษณะของชายแก่คนนี้คือกำลังยืนโน้มตัวลงมาจ้องหน้าใบไม้สลับกับเอ พอเห็นว่าใบไม้ตื่นแล้วก็ยิ้มหัวเราะออกมา ใบไม้ตกใจจนแหกปากร้องเสียงดัง เอที่นอนอยู่ข้างๆ กันก็สะดุ้งตื่นมาเพราะเสียงร้องของใบไม้ ก่อนจะแหกปากร้องตามเมื่อสังเกตเห็นชายแก่ พอได้ยินเสียงร้องของเอ ชายแก่ก็ยิ่งหัวเราะเสียงดัง ก่อนจะพ่นน้ำที่อยู่ในปากใส่หน้าใบไม้และเอ ก่อนจะรีบวิ่งหนีออกไปจากเต็นท์อย่างรวดเร็ว กลิ่นเหล้าฉุนจมูกยิ่งกว่าเดิม ใบไม้รู้ได้ทันทีว่าน้ำที่ชายแก่คนนี้พ่นใส่หน้าก็คือเหล้า
ตอนนั้นใบไม้รู้สึกกลัวเป็นอย่างมาก ได้แต่ร้องตะโกนเรียกครูมาช่วยและหลับตากอดเอจนแน่น คุณครูที่รับผิดชอบดูแลเนตรนารีรีบวิ่งเข้ามาดูใบไม้และเอทันที คุณครูฝั่งลูกเสือก็รีบวิ่งตามชายแก่คนนั้นไปติดๆ พวกเพื่อนๆ ที่อยู่เต็นท์ข้างๆ ก็พากันตื่นเพราะตกใจเสียงร้องของใบไม้และเอ ทุกอย่างดูวุ่นวายขึ้นมาทันที
เพราะยังไม่เช้า คุณครูเลยพาใบไม้และเอมาปลอบขวัญที่เต็นท์ใหญ่ ซึ่งเป็นเต็นท์ที่พวกคุณครูใช้พักแรมกัน ใบไม้เล่าเหตุการณ์ที่พบเจอให้คุณครูฟัง ในใจตอนนี้คิดแค่ว่าอยากกลับบ้านแล้วเท่านั้น หลังเกิดเรื่อง เอก็ไม่พูดไม่จาอะไรอีกเลย ทำแค่กอดแขนใบไม้แน่นอย่างเดียว คุณครูทุกคนพยายามช่วยกันปลอบใบไม้และเอ ผ่านไปสักพัก คุณครูฝั่งลูกเสือก็กลับมา ครูคนอื่นเห็นก็รีบเดินไปพูดคุยสอบถามความคืบหน้า ใบไม้แอบเห็นว่า ครูคนที่วิ่งตามชายแก่คนนั้นไป ทำหน้าเคร่งเครียดและส่ายหน้าเบาๆ ใบไม้จ้องครูคนนั้นด้วยความสงสัย
หลังคุณครูประชุมกันเสร็จก็ตกลงกันว่าให้ใบไม้และเอเดินทางไกลและทำกิจกรรมประจำของแต่ละฐานให้เสร็จก่อนแล้วค่อยกลับบ้านได้ พอกลับไปรวมกลุ่มกับเพื่อนๆ ในหมู่ ทุกคนก็เข้ามารุมถามใบไม้และเอถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ใบไม้แค่เล่าให้เพื่อนๆ ฟังไม่มาก แค่ว่ามีคนแปลกหน้าเดินมาเปิดเต็นท์ของตัวเองและเอเฉยๆ เพื่อนๆ เลยแยกย้ายไปเตรียมตัวเดินทางไกล
แพรที่คอยจนคนอื่นๆ ไปกันหมดแล้วก็เดินมาหาใบไม้และเอทันที เหมือนแพรกำลังจะพูดอะไร แต่คุณครูก็เดินมาบอกให้หมู่ของใบไม้เตรียมออกเดินทางได้แล้ว แพรเลยเดินมาต่อแถวข้างหน้าใบไม้แทน และกระซิบบอกว่าเดี๋ยวตอนพักกินข้าวเที่ยงแพรมีเรื่องจะคุยด้วย ก่อนหมู่ของใบไม้จะเริ่มออกเดินทางไกล
แม้ว่าจะยังรู้สึกหวาดกลัวจากเหตุการณ์เมื่อคืนอยู่ แต่เพราะการเดินทางไกลครั้งนี้ช่วยเปิดหูเปิดตาให้กับใบไม้เป็นอย่างมาก ใบไม้เลยเริ่มที่จะสนุกสนานกับการมาเข้าค่ายลูกเสือนี้อีกครั้ง เส้นทางที่ใช้สำหรับเดินทางไกลเป็นเส้นทางในป่าเขา ซึ่งเป็นป่าเขาที่ชาวบ้านใกล้เคียงชอบเข้ามาเก็บของป่าไปขาย ซึ่งก่อนหน้านี้ทางคุณครูก็ได้มาเดินสำรวจและเคลียร์เส้นทางให้แล้ว ดังนั้นแม้ว่าจะเป็นป่าเขา แต่ก็ปลอดภัยอย่างแน่นอน
ใช้เวลากว่าค่อนวัน หมู่ของใบไม้ก็มาถึงฐานสำหรับพักเที่ยง หลังพักกินข้าวเที่ยงเสร็จ มีเวลาพักอีกยี่สิบนาทีก่อนที่จะต้องเดินไปยังฐานถัดไป แพรก็เดินมาดึงมือใบไม้ไปคุยกันสองคน เหมือนมั่นใจแล้วว่าจะไม่มีใครได้ยินที่คุยกัน แพรก็กระซิบถามใบไม้ทันทีว่า ‘ใบไม้รู้มั้ยว่าวันนั้นเอเอาขนมอะไรมาให้พวกเรากิน’ พอถูกแพรถามแบบนี้ ใบไม้ก็นึกขึ้นได้ว่าจนถึงตอนนี้เอก็ยังไม่ได้ตอบคำถามของตัวเองเลยว่าไปเอาขนมจากไหน
แพรเห็นใบไม้เงียบไม่พูดอะไรต่อก็เลยเอียงหน้าเข้ามาใกล้แล้วรีบพูดต่อทันทีว่า ‘เอมันแอบไปเอาขนมมาจากเครื่องเซ่นที่ครูเขาเซ่นไว้ให้เจ้าที่มาให้พวกเรากิน’ พอแพรพูดจบ ขนทั้งร่างของใบไม้ก็พากันลุกชันทันที
ใบไม้พูดอะไรไม่ออกได้แต่มองหน้าแพรอย่างไม่อยากจะเชื่อ แต่แพรก็ยืนยันว่าสิ่งที่ตัวเองพูดคือความจริง เพราะหลังจากที่เอเอาขนมไปทิ้งนั้น แพรก็แอบไปได้ยินพวกคุณครูเขาบ่นกันว่ามีขนมหวานหายไปจากกองเครื่องเซ่นไหว้ ตอนแรกแพรก็คิดว่าคงไม่ใช่ แต่เพราะเห็นท่าทางแปลกๆ ของเอ แพรเลยกลับไปเก็บขนมที่เอทิ้งไปแล้วมาถามคุณครูดูว่าใช่ขนมพวกนี้มั้ย ซึ่งคุณครูก็ตอบกลับมาว่าใช่ และก็เริ่มถามแพรต่อว่าไปเจอที่ไหน แพรที่รู้ความจริงก็รู้สึกช็อค แต่ก็ไม่อยากให้เพื่อนโดนครูบ่นเลยโกหกหน้าตายไปว่าเห็นขนมพวกนี้วางทิ้งไว้ที่ป่าแถวๆ นั้นตอนเดินไปเข้าห้องน้ำ คุณครูเลยคิดว่าคงเป็นพวกหมาแมวจรจัดคาบไปกิน เลยไม่อะไรกับแพรต่อ
ได้ยินแบบนี้ใบไม้ก็แอบรู้สึกโกรธเออยู่น้อยๆ ว่าทำไมเอต้องไปขโมยของเซ่นมาให้ตัวเองกินด้วย อยากกินทำไมไม่กินเองไปคนเดียว แล้วเพราะแบบนี้หรือเปล่า ถึงทำให้ต้องเจอกับเหตุการณ์เมื่อคืน ชายแก่ที่เห็นคือเจ้าที่หรือไม่ มีแต่คำถามผุดขึ้นมาเต็มไปหมด
แพรยังเล่าต่ออีกว่า เมื่อคืนก่อนที่จะเกิดเรื่องขึ้นกับใบไม้และเอนั้น แพรเองก็เจอกับเรื่องแปลกๆ เหมือนกัน เพราะรู้สึกปวดท้อง แต่เพื่อนที่นอนเต็นท์เดียวกับแพรเรียกเท่าไหร่ก็ไม่ตื่น แพรเลยจำใจต้องไปเข้าห้องน้ำคนเดียว ในตอนที่กำลังเข้าอยู่นั้น แพรก็ได้ยินเสียงคนเคาะประตูห้องน้ำห้องข้างๆ ตอนแรกก็สงสัยว่าจะเคาะทำไม เพราะตอนที่เดินมาประตูห้องน้ำทุกห้องเปิดทิ้งไว้อยู่ และมีแค่แพรคนเดียวเท่านั้นที่มาเข้า แต่ก็คิดอีกทีว่าอาจจะมีคนมาเข้าต่อจากแพรแล้วก็ได้ แพรก็ไม่ได้ใส่ใจต่อจนกระทั่งเสียงเคาะนั้น เริ่มดังขึ้นติดๆ กัน เหมือนมีใครไล่เคาะประตูห้องน้ำทีละห้อง
จนมาถึงห้องที่แพรเข้าอยู่ จากเสียงเคาะกลายเป็นเสียงทุบ ด้วยความตกใจ แพรเลยรีบตะโกนไปว่า ‘ใช้อยู่ค่ะ!!!’ เสียงทุบเงียบหายไปก่อนแพรจะได้ยินเสียงคนหัวเราะเบาๆ ตอนแรกแพรก็สงสัยว่าคนข้างนอกที่ทุบประตูจะหัวเราะทำไม แต่ยังไม่ทันคิดอะไรมาก ประตูก็ถูกทุบอีกครั้ง และครั้งนี้ประตูถูกทุบติดกันรัวๆ ดัง ปึง! ปึง! ปึง! จนแพรเริ่มตกใจ รีบจัดการตัวเองให้เสร็จก่อนจะรีบเปิดประตูออกไปดูว่าใครเป็นคนทุบประตูรัวขนาดนี้
นิยายชุด : ผลัดกันเล่า by motamad
เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ขอแทนชื่อผู้เล่าว่า ใบไม้
เรื่องนี้เกิดขึ้นสมัยที่ใบไม้เรียนอยู่ชั้นประถมศึกษา ที่โรงเรียนจะกำหนดให้นักเรียนชั้นป.หกทุกคนเข้าร่วมกิจกรรมบังคับลูกเสือ หรือที่เรารู้จักกันดีในชื่อเรียกสั้นๆ ว่าเข้าค่ายลูกเสือ ซึ่งโรงเรียนของใบไม้พิเศษกว่าโรงเรียนอื่นตรงที่ว่า ทางโรงเรียนมีที่ดินอยู่ผืนนึง
ซึ่งผอ.โรงเรียนมักจะใช้ที่ดินผืนนั้นทำเป็นค่ายลูกเสืออยู่เสมอ ทำให้โรงเรียนของใบไม้ไม่ต้องเดินทางไกลเพื่อไปเข้าค่ายลูกเสือรวมกับโรงเรียนอื่น ซึ่งระยะเวลาในการเข้าค่ายครั้งนี้ถูกกำหนดไว้ที่ สี่วันสามคืน
ขึ้นชื่อว่าครั้งแรก มักจะเต็มไปด้วยความตื่นเต้น แน่นอนว่าพอรู้ว่าจะต้องไปเข้าค่ายลูกเสือใบไม้ก็อดที่จะตื่นเต้นไม่ได้
โดยไม่รู้เลยว่า การไปเข้าค่ายครั้งนี้อาจมีเรื่องที่ทำให้ใบไม้จำไม่มีวันลืม...
ใช้เวลาเดินทางสามสิบนาที รถโรงเรียนก็จอดอยู่หน้าทางเข้าไปยังสถานที่เข้าค่าย โดยก่อนที่จะเข้าไปกันนั้น คุณครูและผู้อำนวยการเรียกให้นักเรียนรวมตัวกันที่ปากทางเข้า ก่อนจะเริ่มแจกจ่ายธูปให้คนละหนึ่งดอกและเริ่มพิธีไหว้เจ้าที่เจ้าทาง
ใบไม้แอบเห็นว่า ในบรรดาของที่นำมาเซ่นไหว้ เหล้าแดงดูจะมีจำนวนเยอะที่สุด เลยแอบกระซิบแซวเล่นกับเพื่อนว่า ‘สงสัยเจ้าที่ที่นี่คงชอบกินเหล้าน่าดู’ เพื่อนที่ได้ยินยังแอบหัวเราะกับคำพูดของใบไม้ ก่อนคุณครูจะบอกให้นักเรียนเริ่มทยอยเดินเข้าไปข้างใน
ที่ดินผืนนี้มีลักษณะคล้ายกับป่า หญ้าและต้นไม้ขึ้นเรียงราย มีลานกว้างที่ใช้เป็นที่จัดกิจกรรมรอบกองไฟอยู่ตรงกลาง หลังเดินเข้ามาด้านในกันเสร็จเรียบร้อย คุณครูก็เริ่มให้เหล่าลูกเสือเนตรนารีทำความสะอาดพื้นที่ถัดจากรอบกองไฟที่เป็นหญ้ารกหนาก่อน เพื่อเตรียมสร้างที่พัก ใช้เวลากว่าค่อนวัน หมู่ของใบไม้ถึงจะสามารถสร้างที่พักได้แล้วเสร็จ เพราะทางโรงเรียนเน้นการจำลองการใช้ชีวิตในป่า พวกโต๊ะวางของ ถังขยะหรือแม้แต่โซนทำครัวต่างต้องสร้างขึ้นเอง
หลังจัดการทำความสะอาดเคลียร์พวกเศษไม้เศษตะปูและกางเต็นท์สำหรับเป็นที่พักเรียบร้อยแล้ว คุณครูก็ให้แต่ละหมู่ทำอาหารเย็นไปส่งตรวจ หมู่ไหนส่งแล้วก็สามารถเตรียมตัวไปอาบน้ำที่ธารน้ำด้านหลังได้ หมู่ของใบไม้ตัดสินใจว่าจะกินข้าวกันให้เสร็จก่อนแล้วค่อยไปอาบน้ำ เพราะยังมีเวลาก่อนคุณครูเรียกรวมตัวอีกครั้งอยู่
หลังกินข้าวกันเสร็จ เอ เพื่อนในหมู่ก็กระซิบบอกให้ใบไม้กับแพรเพื่อนอีกคนเดินตามเอไปที่เต็นท์ พอไปถึง เอก็หยิบเอาพวกขนมหวานออกมาแบ่งให้ใบไม้และแพรกิน ใบไม้กินไปได้คำเดียวก็ถามว่าเอเอาขนมพวกนี้มาจากไหน แต่เอกลับถามใบไม้แทนการตอบว่าทำไมหรอ ใบไม้เลยบอกเอไปว่าขนมที่เอเอามาให้กินเห็นสีสวยๆ นึกว่าจะหวานอร่อย แต่ที่ไหนได้กลับจืดสนิท คงไม่ได้เอาของใกล้หมดอายุมาให้กันกินหรอกใช่มั้ย ?
พูดจบใบไม้ก็ลองหยิบอย่างอื่นขึ้นมาชิม แต่ก็ยังมีรสชาติจืดเหมือนเคยเลยเลือกที่จะไม่กินต่อ แพรที่ได้ยินใบไม้บอกแบบนี้ก็ลองชิมขนมดูบ้าง แล้วก็พยักหน้าเห็นด้วยกับใบไม้ที่บอกว่าขนมที่เอเอามาให้กินนั้นจืด เอที่เห็นเพื่อนบอกแบบนี้ก็รีบปฏิเสธ บอกว่าก่อนที่จะเอามาแบ่งให้กินก็ชิมมาก่อนแล้ว ก็หวานตามปกตินะ ก่อนจะหยิบขึ้นมากินบ้าง ก่อนหน้าเอจะเริ่มเปลี่ยนสีแล้วรีบคายขนมออกมาแล้วบอกว่าน่าจะเพราะอากาศร้อน ขนมเลยน่าจะเสียแล้ว ก่อนจะรีบเก็บขนมตรงหน้าไปทิ้ง ใบไม้ที่ได้ยินว่าขนมเสียแล้วก็รีบวิ่งตามเอไปอ้วกเอาขนมที่เพิ่งกินเข้าไปออกมา เพราะกลัวว่าถ้าท้องเสียระหว่างเข้าค่ายขึ้นมามันไม่ดี
หลังเตรียมของสำหรับอาบน้ำเสร็จแล้ว หมู่ของใบไม้ก็ไปต่อคิวอาบน้ำ เพราะการเข้าค่ายครั้งนี้ไม่มีการแยกชายหญิงและที่ๆ ใช้อาบน้ำเป็นเพียงธารน้ำในป่าที่เปิดโล่ง ดังนั้นก่อนเข้าค่าย คุณครูเลยบอกให้เนตรนารีเตรียมกระโจมอกมาด้วยสำหรับอาบน้ำ เพราะเป็นน้ำจากธรรมชาติ อุณหภูมิเลยค่อนข้างเย็น คุณครูจำกัดเวลาในการอาบน้ำให้แค่หมู่ละสิบนาที ดังนั้นพอมาถึงธารน้ำ ทุกคนก็ไม่พูดคุยอะไรกันเลย นอกจากรีบอาบน้ำให้เร็วที่สุด
ในช่วงที่ใบไม้กำลังรีบตักน้ำในธารขึ้นมาสาดใส่ตัวเองอยู่นั้น สายตาก็เหลือบไปเห็นบางอย่างเข้า ที่ป่าด้านหลังธารน้ำ ลึกเข้าไปอีก ใบไม้เห็นเป็นชายแก่สวมใส่ชุดเก่าๆ คนนึงกำลังยืนจ้องมาทางใบไม้อยู่ ด้วยความตกใจ ใบไม้รีบเรียกให้เพื่อนคนอื่นหันไปดู ทุกคนที่เห็นต่างตกใจและรีบหันไปเรียกคุณครูที่เป็นเวรเฝ้า
แต่ทันทีที่คุณครูวิ่งมาดู ชายแก่คนนั้นก็หายไปแล้ว คุณครูได้แต่ปลอบใจว่าคงเป็นชาวบ้านแถวนี้เข้ามาหาของป่าไปขาย และเร่งให้หมู่ของใบไม้รีบขึ้นไปเตรียมตัวรวมพลได้แล้ว แม้จะยังอยู่ในอาการแตกตื่น แต่ทุกคนในหมู่ก็รีบแยกย้ายไปเตรียมตัวกันตามที่คุณครูบอก
ตอนที่กำลังเปลี่ยนชุดเพื่อเตรียมไปรวมพล ใบไม้นึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ ภาพที่ชายแก่คนนั้นจ้องมายังคงติดตาใบไม้อยู่ แล้วคำพูดของคุณแม่ที่เตือนใบไม้ก่อนออกจากบ้านก็ดังขึ้นมาว่า ‘ไปเข้าค่ายในป่าในเขาก็ระวังตัวด้วยนะลูก เจออะไรเห็นอะไรแปลกๆ ก็อย่าร้องทักล่ะ’ ถึงตรงนี้ใบไม้ก็เริ่มรู้สึกว่ามือของตัวเองเริ่มเย็นลง ตอนที่เจอชายแก่คนนั้นแล้วตัวเองเผลอเรียกเพื่อนให้ดูจะเรียกว่าเป็นการร้องทักได้หรือไม่
ขนทั้งร่างของใบไม้ลุกชันขึ้นทั้งตัว แต่ยังไม่ทันได้คิดอะไรต่อ เสียงเป่านกหวีดซึ่งเป็นสัญญาณเรียกรวมพลก็ดังขึ้นมา ใบไม้รีบดึงสติตัวเองก่อนจะรีบเช็คตัวเองและรีบวิ่งออกไปรวมพลทันที
เพราะเป็นคืนแรกของการเข้าค่าย ช่วงหัวค่ำเลยมีเพียงพิธีเปิดและไหว้พระสวดมนต์พร้อมกันเท่านั้น ก่อนคุณครูจะสั่งให้นักเรียนแต่ละคนแยกย้ายกันไปเข้านอน กิจกรรมของวันพรุ่งนี้ค่อนข้างหนัก เพราะเป็นการเดินทางไกลและทำกิจกรรมประจำฐาน ทุกคนเลยรีบเข้าเต็นท์เพื่อพักเอาแรงทันที ใบไม้ที่ได้นอนเต็นท์เดียวกันกับเอก็รีบบอกฝันดีและล้มตัวลงนอน
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน อาจเป็นเพราะนอนบนพื้นดินที่แข็งและสภาพอากาศหนาวเย็นของป่าตอนกลางคืน เลยทำให้ใบไม้รู้สึกไม่สบายตัวเอามากๆ ช่วงที่กำลังสะลึมสะลืออยู่นั้น จู่ๆ ใบไม้ก็ได้กลิ่นเหม็นเปรี้ยวคล้ายกับกลิ่นของเหล้า กลิ่นมันรุนแรงมาก ใบไม้รู้สึกฉุนจมูกจนทนไม่ไหว ลืมตาตื่นขึ้นมาดู เห็นเป็นใบหน้าเหี่ยวย่นของชายแก่เมื่อตอนเย็น!!!
ลักษณะของชายแก่คนนี้คือกำลังยืนโน้มตัวลงมาจ้องหน้าใบไม้สลับกับเอ พอเห็นว่าใบไม้ตื่นแล้วก็ยิ้มหัวเราะออกมา ใบไม้ตกใจจนแหกปากร้องเสียงดัง เอที่นอนอยู่ข้างๆ กันก็สะดุ้งตื่นมาเพราะเสียงร้องของใบไม้ ก่อนจะแหกปากร้องตามเมื่อสังเกตเห็นชายแก่ พอได้ยินเสียงร้องของเอ ชายแก่ก็ยิ่งหัวเราะเสียงดัง ก่อนจะพ่นน้ำที่อยู่ในปากใส่หน้าใบไม้และเอ ก่อนจะรีบวิ่งหนีออกไปจากเต็นท์อย่างรวดเร็ว กลิ่นเหล้าฉุนจมูกยิ่งกว่าเดิม ใบไม้รู้ได้ทันทีว่าน้ำที่ชายแก่คนนี้พ่นใส่หน้าก็คือเหล้า
ตอนนั้นใบไม้รู้สึกกลัวเป็นอย่างมาก ได้แต่ร้องตะโกนเรียกครูมาช่วยและหลับตากอดเอจนแน่น คุณครูที่รับผิดชอบดูแลเนตรนารีรีบวิ่งเข้ามาดูใบไม้และเอทันที คุณครูฝั่งลูกเสือก็รีบวิ่งตามชายแก่คนนั้นไปติดๆ พวกเพื่อนๆ ที่อยู่เต็นท์ข้างๆ ก็พากันตื่นเพราะตกใจเสียงร้องของใบไม้และเอ ทุกอย่างดูวุ่นวายขึ้นมาทันที
เพราะยังไม่เช้า คุณครูเลยพาใบไม้และเอมาปลอบขวัญที่เต็นท์ใหญ่ ซึ่งเป็นเต็นท์ที่พวกคุณครูใช้พักแรมกัน ใบไม้เล่าเหตุการณ์ที่พบเจอให้คุณครูฟัง ในใจตอนนี้คิดแค่ว่าอยากกลับบ้านแล้วเท่านั้น หลังเกิดเรื่อง เอก็ไม่พูดไม่จาอะไรอีกเลย ทำแค่กอดแขนใบไม้แน่นอย่างเดียว คุณครูทุกคนพยายามช่วยกันปลอบใบไม้และเอ ผ่านไปสักพัก คุณครูฝั่งลูกเสือก็กลับมา ครูคนอื่นเห็นก็รีบเดินไปพูดคุยสอบถามความคืบหน้า ใบไม้แอบเห็นว่า ครูคนที่วิ่งตามชายแก่คนนั้นไป ทำหน้าเคร่งเครียดและส่ายหน้าเบาๆ ใบไม้จ้องครูคนนั้นด้วยความสงสัย
หลังคุณครูประชุมกันเสร็จก็ตกลงกันว่าให้ใบไม้และเอเดินทางไกลและทำกิจกรรมประจำของแต่ละฐานให้เสร็จก่อนแล้วค่อยกลับบ้านได้ พอกลับไปรวมกลุ่มกับเพื่อนๆ ในหมู่ ทุกคนก็เข้ามารุมถามใบไม้และเอถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ใบไม้แค่เล่าให้เพื่อนๆ ฟังไม่มาก แค่ว่ามีคนแปลกหน้าเดินมาเปิดเต็นท์ของตัวเองและเอเฉยๆ เพื่อนๆ เลยแยกย้ายไปเตรียมตัวเดินทางไกล
แพรที่คอยจนคนอื่นๆ ไปกันหมดแล้วก็เดินมาหาใบไม้และเอทันที เหมือนแพรกำลังจะพูดอะไร แต่คุณครูก็เดินมาบอกให้หมู่ของใบไม้เตรียมออกเดินทางได้แล้ว แพรเลยเดินมาต่อแถวข้างหน้าใบไม้แทน และกระซิบบอกว่าเดี๋ยวตอนพักกินข้าวเที่ยงแพรมีเรื่องจะคุยด้วย ก่อนหมู่ของใบไม้จะเริ่มออกเดินทางไกล
แม้ว่าจะยังรู้สึกหวาดกลัวจากเหตุการณ์เมื่อคืนอยู่ แต่เพราะการเดินทางไกลครั้งนี้ช่วยเปิดหูเปิดตาให้กับใบไม้เป็นอย่างมาก ใบไม้เลยเริ่มที่จะสนุกสนานกับการมาเข้าค่ายลูกเสือนี้อีกครั้ง เส้นทางที่ใช้สำหรับเดินทางไกลเป็นเส้นทางในป่าเขา ซึ่งเป็นป่าเขาที่ชาวบ้านใกล้เคียงชอบเข้ามาเก็บของป่าไปขาย ซึ่งก่อนหน้านี้ทางคุณครูก็ได้มาเดินสำรวจและเคลียร์เส้นทางให้แล้ว ดังนั้นแม้ว่าจะเป็นป่าเขา แต่ก็ปลอดภัยอย่างแน่นอน
ใช้เวลากว่าค่อนวัน หมู่ของใบไม้ก็มาถึงฐานสำหรับพักเที่ยง หลังพักกินข้าวเที่ยงเสร็จ มีเวลาพักอีกยี่สิบนาทีก่อนที่จะต้องเดินไปยังฐานถัดไป แพรก็เดินมาดึงมือใบไม้ไปคุยกันสองคน เหมือนมั่นใจแล้วว่าจะไม่มีใครได้ยินที่คุยกัน แพรก็กระซิบถามใบไม้ทันทีว่า ‘ใบไม้รู้มั้ยว่าวันนั้นเอเอาขนมอะไรมาให้พวกเรากิน’ พอถูกแพรถามแบบนี้ ใบไม้ก็นึกขึ้นได้ว่าจนถึงตอนนี้เอก็ยังไม่ได้ตอบคำถามของตัวเองเลยว่าไปเอาขนมจากไหน
แพรเห็นใบไม้เงียบไม่พูดอะไรต่อก็เลยเอียงหน้าเข้ามาใกล้แล้วรีบพูดต่อทันทีว่า ‘เอมันแอบไปเอาขนมมาจากเครื่องเซ่นที่ครูเขาเซ่นไว้ให้เจ้าที่มาให้พวกเรากิน’ พอแพรพูดจบ ขนทั้งร่างของใบไม้ก็พากันลุกชันทันที
ใบไม้พูดอะไรไม่ออกได้แต่มองหน้าแพรอย่างไม่อยากจะเชื่อ แต่แพรก็ยืนยันว่าสิ่งที่ตัวเองพูดคือความจริง เพราะหลังจากที่เอเอาขนมไปทิ้งนั้น แพรก็แอบไปได้ยินพวกคุณครูเขาบ่นกันว่ามีขนมหวานหายไปจากกองเครื่องเซ่นไหว้ ตอนแรกแพรก็คิดว่าคงไม่ใช่ แต่เพราะเห็นท่าทางแปลกๆ ของเอ แพรเลยกลับไปเก็บขนมที่เอทิ้งไปแล้วมาถามคุณครูดูว่าใช่ขนมพวกนี้มั้ย ซึ่งคุณครูก็ตอบกลับมาว่าใช่ และก็เริ่มถามแพรต่อว่าไปเจอที่ไหน แพรที่รู้ความจริงก็รู้สึกช็อค แต่ก็ไม่อยากให้เพื่อนโดนครูบ่นเลยโกหกหน้าตายไปว่าเห็นขนมพวกนี้วางทิ้งไว้ที่ป่าแถวๆ นั้นตอนเดินไปเข้าห้องน้ำ คุณครูเลยคิดว่าคงเป็นพวกหมาแมวจรจัดคาบไปกิน เลยไม่อะไรกับแพรต่อ
ได้ยินแบบนี้ใบไม้ก็แอบรู้สึกโกรธเออยู่น้อยๆ ว่าทำไมเอต้องไปขโมยของเซ่นมาให้ตัวเองกินด้วย อยากกินทำไมไม่กินเองไปคนเดียว แล้วเพราะแบบนี้หรือเปล่า ถึงทำให้ต้องเจอกับเหตุการณ์เมื่อคืน ชายแก่ที่เห็นคือเจ้าที่หรือไม่ มีแต่คำถามผุดขึ้นมาเต็มไปหมด
แพรยังเล่าต่ออีกว่า เมื่อคืนก่อนที่จะเกิดเรื่องขึ้นกับใบไม้และเอนั้น แพรเองก็เจอกับเรื่องแปลกๆ เหมือนกัน เพราะรู้สึกปวดท้อง แต่เพื่อนที่นอนเต็นท์เดียวกับแพรเรียกเท่าไหร่ก็ไม่ตื่น แพรเลยจำใจต้องไปเข้าห้องน้ำคนเดียว ในตอนที่กำลังเข้าอยู่นั้น แพรก็ได้ยินเสียงคนเคาะประตูห้องน้ำห้องข้างๆ ตอนแรกก็สงสัยว่าจะเคาะทำไม เพราะตอนที่เดินมาประตูห้องน้ำทุกห้องเปิดทิ้งไว้อยู่ และมีแค่แพรคนเดียวเท่านั้นที่มาเข้า แต่ก็คิดอีกทีว่าอาจจะมีคนมาเข้าต่อจากแพรแล้วก็ได้ แพรก็ไม่ได้ใส่ใจต่อจนกระทั่งเสียงเคาะนั้น เริ่มดังขึ้นติดๆ กัน เหมือนมีใครไล่เคาะประตูห้องน้ำทีละห้อง
จนมาถึงห้องที่แพรเข้าอยู่ จากเสียงเคาะกลายเป็นเสียงทุบ ด้วยความตกใจ แพรเลยรีบตะโกนไปว่า ‘ใช้อยู่ค่ะ!!!’ เสียงทุบเงียบหายไปก่อนแพรจะได้ยินเสียงคนหัวเราะเบาๆ ตอนแรกแพรก็สงสัยว่าคนข้างนอกที่ทุบประตูจะหัวเราะทำไม แต่ยังไม่ทันคิดอะไรมาก ประตูก็ถูกทุบอีกครั้ง และครั้งนี้ประตูถูกทุบติดกันรัวๆ ดัง ปึง! ปึง! ปึง! จนแพรเริ่มตกใจ รีบจัดการตัวเองให้เสร็จก่อนจะรีบเปิดประตูออกไปดูว่าใครเป็นคนทุบประตูรัวขนาดนี้