คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 64
สวัสดีค่ะ
ตอบจากที่คบหากับแฟนได้ไม่ถึงปีแล้วตัดสินใจแต่งงานกัน เมื่อ
15 มีนาคม ที่ผ่านมา
มีเพื่อนหลายคนๆ ที่ถามถึงว่า อะไรที่ทำให้สามารถตัดสินใจ ใช้ชีวิตร่วมทางกับสามี
เราอายุ 26 สามีอายุ 28
เริ่มจาก วันแรกที่เจอกันเราดูจากการพูดคุยที่เข้าใจกันก่อน
พอนัดเจอกันครั้งแรก ก็ดูจากรสนิยม สไตล์การกิน การฟังเพลง แนวความคิด
และก็การพูดคุยถึงความชอบและความฝัน
การวางแผนชีวิต ลงลึกหน่อย ก็เริ่มคุยถึงครอบครัวแต่ละฝ่าย พามาพบครอบครัวเราก่อนเลย ถ้าครอบครัวเราชอบ จะสร้างความสบายใจให้เราไปอีกระดับ
เรากับเขาต่างถามกันว่า อะไรคือสิ่งสำคัญในการเลือกคู่ครอง
ทั้งเราและเขาเหมือนกันเลยคือ
ต้องเข้ากับครอบครัวของพวกเราได้ เพราะพวกเราจัดให้พ่อแม่พวกเราเป็นอันดับหนึ่งเสมอ
สักพักก็ไปเจอครอบครัวฝ่ายชาย เราทั้งสองต่างเข้ากับครอบครัวของแต่ละฝ่ายได้เป็นอย่างดี และเริ่มคุยเรื่องความรับผิดชอบที่ต้องจัดการ และเรื่องหนี้ และทรัพย์สินที่หลังสุด
เรื่องการมีลูก เรื่องเป้าหมายการตั้งตัว
สำหรับสามีเราปัจจุบัน
ทางบ้านอาจฐานะไม่ดีเท่าเรา และก็ไม่ได้เป็นคนชอบวางแผนชีวิตมากนัก แต่เป็นคนตั้งใจและขยัน ทำงานหนัก โฟกัสที่ปัจจุบัน ที่สำคัญยอมอ่อนข้อและตามใจเรา ยอมตามใจในเรื่องงี่เง่าบ้าง ไม่เจ้าชู้
ยอมรับฟังความคิดเห็นของเราเสมอ สนับสนุนทุกๆความคิดของเรา
จนพวกเราฝ่าฟันจาก วางแผนร่วมกันตั้งแต่คบกันสามเดือนแรก พวกเราต่างเก็บเงินร่วมกัน
โดยเขาไว้ใจให้เราเป็นคนถือเงินและควบคุม ส่วนเราก็จะบอกเขาตลอดว่าเงินเราคือเงินเขาตั้งแต่แรก เช่นกัน และเรายอม ถึงจะเป็นตัวเราที่หาเงินได้มากกว่า
เพื่อมีเงินเก็บร่วมกัน
เพราะสำหรับเราทีมเวิร์คไม่มีคำว่า เธอหาได้เยอะ เราหาได้น้อย หรืออะไรก็ตาม
แต่เป็น พวกเราจะมีวิธีอะไรในการหาได้มากขึ้น
มีบางครั้งที่สามีนอยด์ว่าเงินหาได้จากเราเยอะ เราจะบอกเขาเสมอว่า คุณมีค่ามากที่สุด ถึงคุณไม่ถนัดหาตัง แต่สิ่งที่คุณถนัด คือการเป็นเพื่อนคู่คิด เป็นที่ปรึกษา รับฟังความคิดเห็น หรือใต้เตียงเก่ง เอ้ะ (พูดอันนี้ทีไร แฟนแอบขำจนหายนอยด์5555 😆)
พวกเราต่างสร้างเติมเต็มในสิ่งที่พวกเราไม่มี
สักพักเกิดเหตุการณ์จังหวะพลิกผัน แฟนออกจากงาน เราออกจากงาน เมื่อ 7 เดือนที่แล้ว แต่ยังคงต้องการสร้างครอบครัวและแต่งงานกัน
เราจึงดิ้นสุดตัวหาเงินได้ 100k มาเปิดร้านให้แฟน
ขายอย่างเดียวไม่ได้ ยอดไม่ขึ้นก็หาอย่างอื่นมาขายเพิ่ม ส่วนตัวเรากลับมารับเงินเดือนที่น้อยลงมากๆ แต่ดีใจที่พอคุยกะแฟนทุกครั้ง แฟนยอมรับความคิดเห็นของเราเสมอ เพื่อหาวิธีเพิ่มเงิน ถึงแม้จะยอมเหนื่อยมากขึ้น
เช่น การขายโจ๊กกับก่วยจั้บญวณในช่วงเย็น ตั้งแต่ 5 โมง จนถึง 4 ทุ่ม หลังจากต่างคนต่างทำงานหลักเสร็จแล้ว โดยมีเราเป็นคนเตรียมวัตถุดิบ ขนของตั้งร้าน แฟนยืนขาย และล้างจาน (เพราะเราแพ้น้ำยาล้างจาน) เราเก็บร้าน และเราหาลูกค้าทำอาชีพเสริม ขายชุดตรวจ สินค้ากระแส หาลูกค้าและให้แฟนวิ่งส่งออเดอร์ ตามหมู่บ้าน
ทำงานเป็นทีมเวิร์ค
คอยถามกันตลอดว่าเหนื่อยไหมวันนี้ เมื่อมีคนใดคนนึงเหนื่อย
ก็ผลัดกันนวด ไม่พอใจกันคุยกันวันนั้นเลย
ยอมรับว่าพวกเราสองคนเหนื่อยกันมาก แอบทะเลาะกันเพราะเราเอง อยากให้อาหารทุกจนออกมาดีที่สุด เลยจุกจิกแฟนเสมอ
แต่แฟนก็ยังคงสนับสนุนความคิด และช่วยกันทำและสร้าง จนตอนนี้พวกเรามีเงินพอที่จะแต่งงานกัน จึงได้รู้ว่าความลำบากก็ช่วยคัดกรองจิตใจได้พอสมควร
และขอบคุณลูกค้าทุกคนที่อุดหนุนพวกเราจนได้แต่งงานกันนะคะ ขอบคุณมากๆค่ะ
ที่สำคัญ เคล็บลับที่ไม่ทำให้เลิกกันไปก่อน ระหว่างจัดงานแต่งคือ พวกเรามักหาจุดกึ่งกลางยอมกันคนละครึ่งทาง อาทิเช่น
เราอยากได้ช่างแต่งหน้าคนนี้
เขาอยากได้ช่างแต่งหน้าอีกคน
เราจะกำหนดเกณฑ์รวมกัน เพื่อตัดสิน ราคา ผลงาน สไตล์ เป็นต้นค่ะ และทุกครั้งที่เราจะใช้เงิน เราจะขออนุญาตเขาทุกครั้งเพื่อให้เกียรติเขาเสมอ ส่วนเขาจะไว้ใจและตามใจเราทุกครั้ง
เราจะโชว์เงินในบัญชีที่เราถือให้เขาดูตลอด ว่าพวกเรามีเงินเก็บขนานนี้แล้วนะ สามีก็ภูมิใจน่าดู
สุดท้ายนี้ขอแก้ไขโดยเพิ่มเติมเนื้อหาเพื่อแชร์เรื่องราวดีๆและความรักดีๆยังมีอยู่จริงค่ะ
ตอบจากที่คบหากับแฟนได้ไม่ถึงปีแล้วตัดสินใจแต่งงานกัน เมื่อ
15 มีนาคม ที่ผ่านมา
มีเพื่อนหลายคนๆ ที่ถามถึงว่า อะไรที่ทำให้สามารถตัดสินใจ ใช้ชีวิตร่วมทางกับสามี
เราอายุ 26 สามีอายุ 28
เริ่มจาก วันแรกที่เจอกันเราดูจากการพูดคุยที่เข้าใจกันก่อน
พอนัดเจอกันครั้งแรก ก็ดูจากรสนิยม สไตล์การกิน การฟังเพลง แนวความคิด
และก็การพูดคุยถึงความชอบและความฝัน
การวางแผนชีวิต ลงลึกหน่อย ก็เริ่มคุยถึงครอบครัวแต่ละฝ่าย พามาพบครอบครัวเราก่อนเลย ถ้าครอบครัวเราชอบ จะสร้างความสบายใจให้เราไปอีกระดับ
เรากับเขาต่างถามกันว่า อะไรคือสิ่งสำคัญในการเลือกคู่ครอง
ทั้งเราและเขาเหมือนกันเลยคือ
ต้องเข้ากับครอบครัวของพวกเราได้ เพราะพวกเราจัดให้พ่อแม่พวกเราเป็นอันดับหนึ่งเสมอ
สักพักก็ไปเจอครอบครัวฝ่ายชาย เราทั้งสองต่างเข้ากับครอบครัวของแต่ละฝ่ายได้เป็นอย่างดี และเริ่มคุยเรื่องความรับผิดชอบที่ต้องจัดการ และเรื่องหนี้ และทรัพย์สินที่หลังสุด
เรื่องการมีลูก เรื่องเป้าหมายการตั้งตัว
สำหรับสามีเราปัจจุบัน
ทางบ้านอาจฐานะไม่ดีเท่าเรา และก็ไม่ได้เป็นคนชอบวางแผนชีวิตมากนัก แต่เป็นคนตั้งใจและขยัน ทำงานหนัก โฟกัสที่ปัจจุบัน ที่สำคัญยอมอ่อนข้อและตามใจเรา ยอมตามใจในเรื่องงี่เง่าบ้าง ไม่เจ้าชู้
ยอมรับฟังความคิดเห็นของเราเสมอ สนับสนุนทุกๆความคิดของเรา
จนพวกเราฝ่าฟันจาก วางแผนร่วมกันตั้งแต่คบกันสามเดือนแรก พวกเราต่างเก็บเงินร่วมกัน
โดยเขาไว้ใจให้เราเป็นคนถือเงินและควบคุม ส่วนเราก็จะบอกเขาตลอดว่าเงินเราคือเงินเขาตั้งแต่แรก เช่นกัน และเรายอม ถึงจะเป็นตัวเราที่หาเงินได้มากกว่า
เพื่อมีเงินเก็บร่วมกัน
เพราะสำหรับเราทีมเวิร์คไม่มีคำว่า เธอหาได้เยอะ เราหาได้น้อย หรืออะไรก็ตาม
แต่เป็น พวกเราจะมีวิธีอะไรในการหาได้มากขึ้น
มีบางครั้งที่สามีนอยด์ว่าเงินหาได้จากเราเยอะ เราจะบอกเขาเสมอว่า คุณมีค่ามากที่สุด ถึงคุณไม่ถนัดหาตัง แต่สิ่งที่คุณถนัด คือการเป็นเพื่อนคู่คิด เป็นที่ปรึกษา รับฟังความคิดเห็น หรือใต้เตียงเก่ง เอ้ะ (พูดอันนี้ทีไร แฟนแอบขำจนหายนอยด์5555 😆)
พวกเราต่างสร้างเติมเต็มในสิ่งที่พวกเราไม่มี
สักพักเกิดเหตุการณ์จังหวะพลิกผัน แฟนออกจากงาน เราออกจากงาน เมื่อ 7 เดือนที่แล้ว แต่ยังคงต้องการสร้างครอบครัวและแต่งงานกัน
เราจึงดิ้นสุดตัวหาเงินได้ 100k มาเปิดร้านให้แฟน
ขายอย่างเดียวไม่ได้ ยอดไม่ขึ้นก็หาอย่างอื่นมาขายเพิ่ม ส่วนตัวเรากลับมารับเงินเดือนที่น้อยลงมากๆ แต่ดีใจที่พอคุยกะแฟนทุกครั้ง แฟนยอมรับความคิดเห็นของเราเสมอ เพื่อหาวิธีเพิ่มเงิน ถึงแม้จะยอมเหนื่อยมากขึ้น
เช่น การขายโจ๊กกับก่วยจั้บญวณในช่วงเย็น ตั้งแต่ 5 โมง จนถึง 4 ทุ่ม หลังจากต่างคนต่างทำงานหลักเสร็จแล้ว โดยมีเราเป็นคนเตรียมวัตถุดิบ ขนของตั้งร้าน แฟนยืนขาย และล้างจาน (เพราะเราแพ้น้ำยาล้างจาน) เราเก็บร้าน และเราหาลูกค้าทำอาชีพเสริม ขายชุดตรวจ สินค้ากระแส หาลูกค้าและให้แฟนวิ่งส่งออเดอร์ ตามหมู่บ้าน
ทำงานเป็นทีมเวิร์ค
คอยถามกันตลอดว่าเหนื่อยไหมวันนี้ เมื่อมีคนใดคนนึงเหนื่อย
ก็ผลัดกันนวด ไม่พอใจกันคุยกันวันนั้นเลย
ยอมรับว่าพวกเราสองคนเหนื่อยกันมาก แอบทะเลาะกันเพราะเราเอง อยากให้อาหารทุกจนออกมาดีที่สุด เลยจุกจิกแฟนเสมอ
แต่แฟนก็ยังคงสนับสนุนความคิด และช่วยกันทำและสร้าง จนตอนนี้พวกเรามีเงินพอที่จะแต่งงานกัน จึงได้รู้ว่าความลำบากก็ช่วยคัดกรองจิตใจได้พอสมควร
และขอบคุณลูกค้าทุกคนที่อุดหนุนพวกเราจนได้แต่งงานกันนะคะ ขอบคุณมากๆค่ะ
ที่สำคัญ เคล็บลับที่ไม่ทำให้เลิกกันไปก่อน ระหว่างจัดงานแต่งคือ พวกเรามักหาจุดกึ่งกลางยอมกันคนละครึ่งทาง อาทิเช่น
เราอยากได้ช่างแต่งหน้าคนนี้
เขาอยากได้ช่างแต่งหน้าอีกคน
เราจะกำหนดเกณฑ์รวมกัน เพื่อตัดสิน ราคา ผลงาน สไตล์ เป็นต้นค่ะ และทุกครั้งที่เราจะใช้เงิน เราจะขออนุญาตเขาทุกครั้งเพื่อให้เกียรติเขาเสมอ ส่วนเขาจะไว้ใจและตามใจเราทุกครั้ง
เราจะโชว์เงินในบัญชีที่เราถือให้เขาดูตลอด ว่าพวกเรามีเงินเก็บขนานนี้แล้วนะ สามีก็ภูมิใจน่าดู
สุดท้ายนี้ขอแก้ไขโดยเพิ่มเติมเนื้อหาเพื่อแชร์เรื่องราวดีๆและความรักดีๆยังมีอยู่จริงค่ะ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 8
รูปร่างหน้าตาคือแว้บแรกที่เห็น โดนใจก็มองให้ความสนใจด่านแรกค่ะ
งานมีทำหรือไม่ ขยันขนาดไหน
ความสะอาด เสื้อผ้า หน้าผม
ความคิดต่อเรื่องต่างๆ แนวทางใช้ชีวิต
การพูดจา
อารมณ์ดี ใจเย็นหรือใจร้อน มองไปถึงการแก้ปัญหาด้วยค่ะ
ครอบครัว พ่อแม่พี่น้องเป็นอย่างไร วุ่นวาย หรือรักกัน เราก็ดูค่ะ
อีกข้อที่เราชอบสังเกต เขากระทำ ดูแล พูดกับพ่อแม่ยังไงค่ะ ดูไปถึงพ่อแม่ของเขาพูดคุยกับเรายังไงด้วยค่ะ
งานมีทำหรือไม่ ขยันขนาดไหน
ความสะอาด เสื้อผ้า หน้าผม
ความคิดต่อเรื่องต่างๆ แนวทางใช้ชีวิต
การพูดจา
อารมณ์ดี ใจเย็นหรือใจร้อน มองไปถึงการแก้ปัญหาด้วยค่ะ
ครอบครัว พ่อแม่พี่น้องเป็นอย่างไร วุ่นวาย หรือรักกัน เราก็ดูค่ะ
อีกข้อที่เราชอบสังเกต เขากระทำ ดูแล พูดกับพ่อแม่ยังไงค่ะ ดูไปถึงพ่อแม่ของเขาพูดคุยกับเรายังไงด้วยค่ะ
แสดงความคิดเห็น
สมัยนี้สาว พิจารณาในการเลือก ผู้ชายที่อะไรกันมั้ง ไม่ต้องโลกสวยกันนะขอโลกความจริง
สิ่งที่ผู้หญิงมองถัดมาก็คือ ทรัพย์สิน ปฎิเสธ ไม่ได้เลยว่ายุคนี้เขามองที่วัตถุกันจริงๆ
หรือใครคิดว่า เขามองอะไรใส่เพิ่มมากันได้นะ
ไม่ต้องดราม่ากันนะ อยากรู้ว่า สมัยนี้อะไรเป็นตัวชี้วัดว่าน่าคบรึไม่
__________________________________________________
จากที่อ่านที่ทุกคนตอบกัน ขอขอบคุณทุกท่าน บอกก่อน จขกท ไมไ่ด้จะตั้งเพื่อหาคำตอบ
เพื่อไปจีบใคร ไม่ได้มี Objective ส่วนตัว แต่ดูจากคำตอบแล้วทุกท่านไม่ได้เลือกคำตอบเลยขออนุญาตลบทิ้งไป
__________________________________________________
เหตุที่ตั้งเพราะตอนนี้คนเราเริ่มมองที่วัตถุกันมากขึ้น ผู้ชายหลายท่านที่เริ่มสร้างตัวก็ไม่รู้ว่า ควรจะมีรถ หรือเช่าห้อง หรือ ควรมีบ้าน
จะเริ่มต้นมีอะไรก่อนดีเพื่อให้ผู้หญิงสนใจ นอกจากที่บอกมาข้างต้น เพราะ First Implession ยุคนี้ก็มาจาก Social Network ว่ามีอะไรบ้างเป็นอันดับแรก
เป็นการสืบหลังจากผู้หญิงสนใจในตัว ผู้ชายคนนั้นแล้ว
ที่ทุกท่านตอบกันมาผมสรุปให้คร่าวๆดังนี้เลยครับ
1. รูปร่างหน้าตา
2. ทัศนคติ หรือ Mindset เป็นยังไง
3. หน้าที่การงาน
4. ฐานะทางบ้าน รวยหรือ (ขอขยายบางมุม บางคนต้องรับภาระที่บ้านจนไม่สามารถสร้างครอบครัวได้ เช่นใช้หนี้ที่คนในบ้านก่อขึ้น)
5. นิสัย ส่วนตัว หรือ Life style ใกล้เคียงกัน (หรือเรียกว่า ศีลเสมอแล้วเจอกันจ้า)
- การศึกษา
- ประวัติเครดิต บูโร หรือไม่เป็นหนี้เสียที่ไม่เกิดประโยชน์
- ความขยัน
- ไม่เล่นการพนัน
- รักครอบครัว
- ไม่ทำร้าย ตบตีคนอื่น (อันนี้ถ้ารู้ว่าตัวเองเป็นคนที่ เคยทำร้ายแฟนต้องบอกว่าถ้าเปลี่ยนไม่ได้อย่ามีแฟนเลย) ผมไม่สนับสนุนความรุนแรง
- ความสะอาด (หมายถึงทั้งการแต่งตัวและบ้านหรือห้องนอนที่อยู่)
- พึ่งพาหรือดูแลได้ (คำพูดนี้ผมเจอมาเยอะ มันค่อนข้าง กำกวม เพราะบางคนตีความหมายว่า ดูแล
คือคอยช่วยเหลือเรื่องค่าใช้จ่ายประจำ หรือบางคนคิดว่า ค่อย Support อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่เรื่องเงิน
- บริหารการใช้จ่ายเป็น
ขอบคุณทุกท่านอีกครั้ง