JJNY : 5in1 ไข่ขยับ10สต.อีกครั้ง│ค่ายรถยนต์ส่อวุ่น│“ชูศักดิ์”โต้“สมชาย"│ศิริกัญญาอัด10มาตรการ│รัสเซียพร้อมใช้นิวเคลียร์

ประกาศ! ไข่ขยับ 10 สตางค์ ขึ้นราคา อีกครั้ง มีผลทันที พรุ่งนี้
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_6958070
  


  
ช่วงเวลาแห่งการขึ้นราคา ถึงเวลาไข่ขยับอีกครั้ง แพงอีกฟองละ 10 สตางค์ หลังมีประกาศมีผลทันที พรุ่งนี้ เผยเมื่อไม่กี่วัน ก็ปรับขึ้นมาแล้ว
 
วันที่ 23 มี.ค.2565 สมาคมผู้ผลิตผู้ค้าและส่งออกไก่แจ้งว่า ทางสมาคมฯ ประกาศปรับราคาแนะนำไข่ไก่คละหน้าฟาร์มขึ้นอีกฟองละ 10 สตางค์ โดยปรับขึ้นเป็น 3.40 บาทต่อฟอง มีผลพรุ่งนี้ (24 มี.ค.) เป็นต้นไป
  
จากการประกาศดังกล่าว ส่งผลให้ราคา ไข่ เบอร์ 0 ฟองละ 4.20 บาท เบอร์ 1 ฟองละ 4.00 บาท เบอร์ 2 ฟองละ3.80บาท เบอร์ 3 ฟองละ3.50บาท เบอร์ 4 ฟองละ3.30บาท เบอร์ 5ฟองละ3.10บาท และ เบอร์6 ฟองละ 2.90 บาท
 
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 16 มี.ค.ที่ผ่านมากรมการค้าภายในได้อนุมัติให้มีการปรับราคาไข่คละหน้าฟาร์มไปแล้วครั้งหนึ่งเพื่อลดภาระต้นทุนให้กับเกษตรกร และวันนี้ก็จะมีการปรับขึ้นอีกครั้ง


ค่ายรถยนต์ส่อวุ่น พิษสงครามทำชิป-ชิ้นส่วนขาดตลาด
https://ch3plus.com/news/economy/ruangden/283993

สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เผย สงครามรัสเซีย-ยูเครน กระทบการผลิตรถยนต์บางรุ่น ขาดชิ้นส่วน และเซมิคอนดักส์เตอร์ที่ใช้สินแร่จาก 2 ประเทศ

นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ โฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดยอดการผลิตรถยนต์ในเดือนกุมภาพันธ์ มีจำนวน 1.55 แสนคัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 0.30 จากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยเพิ่มขึ้นจากการผลิตรถกระบะ ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 27.82 แต่การผลิตรถยนต์นั่งลดลง โดยผลิตได้ 41,898 คัน ลดลงถึงร้อยละ 28.64
 
ซึ่งเป็นผลจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ทำให้เกิดปัญหาการขาดแคลนชิปและชิ้นส่วน ที่ส่งผลกระทบกับการผลิตรถในบางรุ่น และยังกังวลว่าปัญหาจะรุนแรงขึ้นอีก และยังส่งผลไปยังการส่งออกรถยนต์ ที่เดือนกุมภาพันธ์ ส่งออกได้ 79,451 คัน ลดลง 0.02% จากเดือนเดียวกันปีก่อน และลดลงถึง 13.77% จากเดือนมกราคม
 
ขณะที่เลขาธิการ EEC ยอมรับ สถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครน กระทบการลงทุนใน EEC โดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุนรัสเซียที่เคยติดต่อเข้าลงทุนใน EEC ได้ชะลอการตัดสินใจออกปอย่างไม่มีกำหนด เพื่อดูสถานการณ์ แต่ยืนยันการลงทุนในประเทศอื่น ๆ ทั้ง ญี่ปุ่น จีน และยุโรป ยังเป็นไปตามแผน
 
รับชมผ่านยูทูบ : https://youtu.be/JczJmnGy_mg 
 
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
 

 
“ชูศักดิ์” โต้ “สมชาย" ไม่มีอะไรต้องกังวล ปม หัวหน้าครอบครัว "เพื่อไทย"
https://www.thairath.co.th/news/politic/2349197
 
“ชูศักดิ์” ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายเพื่อไทย โต้ “สมชาย แสวงการ” พรรคไม่มีอะไรต้องกังวล ปม ครอบงำพรรค ชี้ ครอบครัวเพื่อไทย กับสมาชิกเพื่อไทย แยกกันชัดเจน ยัน ศึกษากฎหมายมาดีแล้ว
 
นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณี นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ระบุการตั้งหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ไม่ผิดกฎหมายปัจจุบัน แต่ต้องพิจารณาพฤติกรรมหลังจากนี้ ว่าเข้าข่ายจะมีปัญหาหรือไม่ เช่น หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย มีอำนาจครอบงำพรรค หรือไม่ ว่า 
 
เขาพูดชัดเจนว่า โครงการครอบครัวเพื่อไทยทำได้ ซึ่งทำได้อยู่แล้ว เพราะข้อบังคับของพรรคก็บอกชัดเจนว่า สามารถมีผู้สนับสนุนพรรคโดยไม่เป็นสมาชิกได้ ที่ นายสมชาย บอกไม่ผิดกฎหมายอะไรนั้นถูกต้องแล้ว ส่วนที่ตั้งข้อสังเกตเรื่องการครอบงำนั้น เป็นเรื่องบุคคลที่มิได้เป็นสมาชิกเข้ามาครอบงำ สั่งการให้ทำนั่นนี่จนพรรคขาดอิสระ
 
"เบื้องต้น น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เป็นสมาชิกพรรค ไม่ใช่คนนอก เป็นคนใน จึงไม่เข้าเกณฑ์ครอบงำอะไรอยู่แล้ว ส่วนที่กังวลเรื่องการออกค่าใช่จ่ายสมัครสมาชิกพรรคนั้น เราไม่ได้บังคับให้สมาชิกครอบครัวเพื่อไทยเป็นสมาชิกพรรค ถ้าใครจะสมัครคงไม่มีคนออกเงินให้ เพราะรู้ดีว่าผิดกฎหมาย และใครก็ตามที่ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค ก็ไม่มีส่วนเกี่ยวกับการคัดเลือกผู้สมัคร ส.ส. เพราะต้องเป็นตามกฎหมายพรรคการเมืองอยู่แล้ว สิ่งที่นายสมชายกังวลจึงไม่มีทางเกิดขึ้น" นายชูศักดิ์ กล่าว...
 
ด้าน นายจักรพงษ์ แสงมณี นายทะเบียนสมาชิกพรรค ในฐานะผู้รับผิดชอบโครงการครอบครัวเพื่อไทย กล่าวว่า ขอบคุณ นายสมชาย ที่ห่วงใย แต่พรรคเพื่อไทย แบ่งชัดเจนระหว่างการสมัครสมาชิกพรรค กับสมาชิกครอบครัวเพื่อไทย โดยต้องมีการกรองเอกสารรายละเอียดต่างๆ ตามที่กฎหมายกำหนด เช่น เคยต้องคดีหรือไม่อย่างไร ต้องมีการจ่ายเงินบำรุงพรรค แต่ครอบครัวเพื่อไทย จุดประสงค์หลัก คือ การให้ประชาชนที่ชื่นชอบพรรคเพื่อไทย ได้มีส่วนร่วมอย่างเปิดกว้าง ไม่มีการผูกมัด ไม่มีการกำหนดอายุ การทำนโยบายของพรรคการเมืองควรรับฟังปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน
เพื่อมาหาวิธีแก้ปรับปรุงให้เป็นนโยบาย หากไม่รับฟังประชาชน จะได้ข้อมูลความเดือดร้อนจากไหน และที่สำคัญ น.ส.แพทองธาร ก็เป็นสมาชิกพรรค จึงตัดประเด็นเรื่องการครอบงำพรรคไปได้เลย ถ้าสมาชิกครอบครัวเพื่อไทย อยากเป็นสมาชิกพรรค ก็ต้องทำตามขั้นตอน ต้องจ่ายค่าบำรุงพรรคไม่มีการจ่ายแทนอย่างแน่นอน และประเด็น ไพรมารีโหวต สมาชิกครอบครัวเพื่อไทย ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอยู่แล้ว เป็นเรื่องของสมาชิกพรรคเท่านั้น ยืนยันว่าข้อห่วงใยต่างๆ นั้น เราได้ศึกษามาอย่างดีแล้วว่าสามารถทำได้


 
ศิริกัญญา อัดรัฐบาล 10 มาตรการ ช่วยปชช. ขอไปที สะท้อนเงินหมด
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_6957677
 
ศิริกัญญา ซัดรัฐบาล 10 มาตรการช่วยเหลือประชาชน ทำแบบขอไปที ช่วยแบบกระปริบกะปรอย แก้ขัด เผยรัฐบาลเงินหมดหน้าตักแล้ว เตือนกองทุนประกันสังคม เสี่ยงล้ม
  
วันที่ 23 มี.ค.2565 น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงการที่ครม.อนุมัติ 10 มาตรการเร่งด่วนช่วยเหลือประชาชนว่า เป็นการรับสารภาพว่ารัฐบาลเงินหมดหน้าตัก ทำแบบขอไปที ทั้งนี้รัฐบาลไม่สามารถตรึงราคาน้ำมันดีเซลที่ 30 บาทต่อลิตรได้ถึงเดือนพ.ค. ตามที่เคยให้สัญญาไว้ และจะสิ้นสุดการตรึงราคาสิ้นเดือนเม.ย.นี้ รวมถึงจะทยอยขึ้นราคาก๊าซหุงต้มตามมา จึงออกมาตรการช่วยเหลือแบบกะปริบกะปรอยแก้ขัด
 
ส่วนใหญ่แล้วเป็นการต่ออายุมาตรการเดิม ก้อนใหญ่สุดคือลดเงินสมทบประกันสังคม แต่รัฐบาลไม่ยอมใช้คืนกองทุน ทำสถานะการเงินกองทุนง่อนแง่น เสี่ยงขาดทุนเร็วขึ้น โดบการเลิกตรึงราคาน้ำมันดีเซลตามมาตรการข้อ 7 ต้องไม่ปล่อยลอยตัวทันที เพราะจะเท่ากับลอยแพประชาชน ราคาจะปรับขึ้นไปประมาณ 10 บาททันที จะกระทบกับประชาชนอย่างหนักและเศรษฐกิจอาจจะหยุดชะงักได้ จึงต้องสอบถามทางรัฐบาลว่าจะมีแนวทางการปรับราคาดีเซลขึ้นอย่างไร
 
สำหรับก๊าซหุงต้มที่จะมีการทยอยปรับขึ้นเช่นกัน มาตรการช่วยเหลือเน้นไปที่ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐทั้งที่เป็นคนทั่วไป (100 บาทต่อ 3 เดือน) และผู้ค้าหาบเร่แผงลอย (100 บาทต่อเดือน) ก็เป็นเพียงการต่ออายุมาตรการเดิมที่เคยได้รับการอุดหนุนจากกลุ่ม ปตท. ที่สิ้นสุดลงไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา
 
ส่วนมาตรการผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ นอกจากจะเป็นการช่วยเหลือเพียงน้อยนิดแล้ว ยังไม่ครอบคลุมด้วย เพราะผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในปัจจุบัน เป็นฐานรายชื่อที่ลงทะเบียนมาตั้งแต่ปี 2560 หลังเกิดวิกฤตโควิดมีคนจนหน้าใหม่เกิดขึ้นมากมาย แต่ยังไม่เคยมีการอัปเดตฐานข้อมูลอีกเลย
 
ด้านการลดเงินสมทบประกันสังคมที่จะช่วยให้ผู้ประกันตนเหลือเงินในกระเป๋าเพิ่มขึ้นได้ แต่เนื่องจากรัฐบาลไม่เคยชดใช้เงินคืนกองทุนประกันสังคมเลย ขณะนี้เงินกองทุนน่าจะหายไปกว่าแสนล้านบาท ทั้งจากการลดเงินสมทบ ทั้งที่ควักกระเป๋าจ่ายแทนรัฐบาล กรณีว่างงานด้วยเหตุสุดวิสัยจากมาตรการล็อกดาวน์
 
สถานะกองทุนประกันสังคมจึงง่อนแง่นเสี่ยงจะล้ม หากรัฐบาลต้องการช่วยค่าครองชีพผ่านช่องทางนี้ ควรต้องเติมเงินสมทบให้กองทุนด้วย เพราะเป็นเงินของผู้ประกันตนในยามเกษียณไม่ใช่เงินงบประมาณจากภาษีของคนทั้งประเทศ
 
การเปลี่ยนจากการตรึงราคาน้ำมันและก๊าซหุงต้ม มาช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง จำเป็นต้องช่วยให้ได้น้ำได้เนื้อ บรรเทาภาระค่าครองชีพได้จริง ไม่ใช่ช่วยแบบขอไปที เพราะเศรษฐกิจของประเทศคงฟื้นตัวไม่ได้จริง หากกำลังซื้อยังถูกกดไว้ด้วยค่าครองชีพที่แพง แต่ค่าแรงไม่ขึ้น จึงหวังว่าการแถลงของกระทรวงการคลังที่กำลังจะมีขึ้น จะมีมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติมที่จะช่วยเหลือประชาชนได้จริง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่