จีนยังต้องคงนโยบาย COVID เป็นศูนย์ เพราะจีนมีประชากรอีก 170 ล้านคนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนหรือฉีดไม่ครบ

ปัจจุบันโอมิครอน BA.2 เข้าสู่ประเทศจีนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และมีอัตราการพบผู้ติดเชื้อวันละประมาณ 2-3 พันคน (โดยเฉพาะวันอาทิตย์ที่ 20 ที่ผ่านมา มีคนติดเชื้อในประเทศถึง 3,800 ราย กว่าครึ่งอยู่ในมณฑลจี๋หลินทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน)

ปัจจุบันจีนทำการล็อคดาวน์เมืองใหญ่หลายเมือง ไม่น่าจะเป็นเซี่ยงไฮ้ เสินเจิ้น ฉางชุน และล่าสุดก็ลามมาถึงถังซานแล้ว ซึ่งเมืองเหล่านี้มีประชากรหลักเหยียบสิบล้านคนทั้งสิ้น เพื่อสกัดกั้นการแพร่กระจายของโอมิครอน รวมถึงระดมทำการตรวจประชากรทั้งหมดในเขตล็อคดาวน์เพื่อแยกคนที่ติดเชื้อออกจากประชากรส่วนใหญ่

ล่าสุด NHC และผู้เชี่ยวชาญหลายคนเริ่มออกมาให้ทรรศนะว่า อนาคตน่าจะมีการผ่อนปรนนโยบาย COVID เป็นศูนย์ให้ยืดหยุ่นมากขึ้นเพื่อสอดรับกับสภาพการระบาดที่รวดเร็วของโอมิครอน และจีนก็พบว่าผู้ป่วยส่วนใหญ่ไม่มีอาการหรือมีอาการน้อยมาก (แหล่งข่าวบอกว่ากว่า 70% ของผู้ป่วยไม่มีอาการใดๆ และเกือบ 90% มีอาการเพียงเล็กน้อย)

ทีนี้จีนถือว่าเป็นประเทศที่มีอัตราส่วนการฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มสูงมากๆติดอันดับต้นๆของโลก (เทียบแล้วน่าจะติด TOP20 แน่ๆ หากนับเฉพาะชาติที่มีประชากรเกิน 1 ล้านคนขึ้นไป) แต่แม้จีนจะมีอัตราการฉีดวัคซีนครบสูงถึง 85% ของประชากรแล้วก็ตาม แต่จีนก็ถือเป็นประเทศที่มีประชากรจำนวนมากติด TOP10 ของโลกเช่นกันที่ยังไม่ได้รับวัคซีนครับ

ผมเข้าใจว่ารองจากอินเดียก็เป็นจีนนี่แลที่เป็นประเทศซึ่งมีจำนวนคนที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนสูงที่สุดในโลก ปัจจุบันมีชาวจีนราวๆ 170 ล้านคนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนหรือฉีดไม่ครบสองเข็ม โดยแบ่งเป็น

1) เด็กที่อายุ 0-3 ปี ยังไม่ถึงวัยที่จะฉีดวัคซีนราวๆ 70 ล้านคน คิดเป็นประมาณ 100% ของประชากรอายุต่ำกว่า 3 ปีทั้งประเทศจีน
2) เด็กอายุ 3-18 ปี ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน 40-45 ล้านคน คิดเป็นประมาณ 15% ของประชากรอายุ 3-18 ปี
3) คนวัยทำงานอายุ 18-60 ปี ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนเพราะไม่ยอมไปฉีดราวๆ 5-10 ล้านคน คิดเป็นประมาณ 1% ของประชากรวัยทำงานทั้งประเทศ
4) คนชราอายุเกิน 60 ปี ที่ไม่ยอมไปฉีดหรือตกสำรวจอีกราวๆ 50 ล้านคน คิดเป็นประมาณ 13% ของประชากรอายุเกิน 60 ปี และในกลุ่มนี้คนที่อายุเกิน 80 ปี แต่ยังฉีดไม่ครบมีมากถึง 30 ล้านคน

ดังนั้นรวมๆแล้ว จีนมีประชากรราวๆ 170-180 ล้านคนที่ยังไม่ได้ฉีดหรือยังฉีดวัคซีนไม่ครบ ซึ่งมีจำนวนเท่ากับคนยุโรป (รวมรัสเซีย) ที่ยังไม่ได้วัคซีนทั้งทวีป และมากกว่าประชากรสหรัฐ+แคนนาดาที่ยังไม่ได้รับวัคซีนรวมกันเสียอีกครับ

จึงไม่แปลกที่จีนจะยังไม่กล้าผ่อนคลายนโนบายอยู่ร่วมกับ COVID ในเร็ววันนี้ เพราะจีนยังมีประชากรที่เป็นเป้าหมายให้โจมตีจำนวนมากมายมหาศาล

ไม่รวมถึงการฉีด Booster dose ที่เป็นไปได้อย่างเชื่องช้า แม้ช่วงปลายเดือน กพ ทาง NHC จะประกาศให้ประชาชนทั่วไปสามารถฉีด Booster dose ด้วยวัคซีนของ Cansino และ Anhui Zhifei ได้แล้ว แต่อัตราการฉีดก็ยังช้ามากๆเมื่อเทียบกับจำนวนประชากรของจีนครับ

ล่าสุดจีนพึ่งนำเข้ายาต้านไวรัส Paxlovid จากสหรัฐ และทิศทางการพัฒนายาในจีนของปี 2021 ก็ค่อนข้างโน้มเอียงไปที่การพัฒนายาต้านไวรัสตัวใหม่ๆออกมา (เหมือนในจีนจะได้รับการอนุมัติให้ใช้ฉุกเฉินแล้ว 3 ยี่ห้อ) จึงเป็นไปได้ว่าจีนตระหนักว่าไม่มีทางฉีดวัคซีนให้ประชากรได้มากกว่านี้ และฉีดไปก็อาจจะให้ผลการป้องกันไม่ได้มากเท่าที่ควร รัฐบาลจีนและ NHC เลยไปมุ่งเน้นการจัดหายาต้านไวรัสแทน เพื่อลดความสูญเสียที่จะเกิดขึ้นกับผู้ป่วย ในกรณีที่ไม่สามารถต้านการแพร่ระบาดของโอมิครอนได้ครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่