พิษโควิด กำลังซื้อซบยาว ผู้ค้าตลาดนัดจตุจักรถอดใจ ปล่อยเช่า เซ้งแผงเกลื่อน
https://www.matichon.co.th/economy/news_3243134
พิษโควิด กำลังซื้อซบยาว ผู้ค้าตลาดนัดจตุจักรถอดใจ ปล่อยเช่า เซ้ง แผงเกลื่อน
สำรวจบรรยากาศ“ตลาดจตุจักร” ตลาดนัดที่ใหญ่ที่สุดในโลก และสวรรค์นักช้อปของชาวไทยและต่างชาติ ท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 ที่ยังระบาดต่อเนื่องเป็นปีที่3
หลังกรุงเทพมหานคร(กทม.) คลายล็อกให้เปิดเต็มรูปแบบเมื่อปลายปี 2564 ปัจจุบันเริ่มมีร้านค้าโซนรอบนอกหรือโซนริมราง กลับมาเปิดค้าขายหลายร้าน แต่ยังมีอีกหลายโซนด้านในที่ร้านค้าปิดตายมาตั้งแต่โควิดระบาดลอกแรก ขณะเดียวกันมีบางร้านถอดใจ ขึ้นป้ายประกาศให้เช่าและเช้ง หลังแบกภาระค่าใช้จ่ายไม่ไหว
อย่างไรก็ตาม แม้ว่า”พ่อค้า-แม่ขาย”จะกลับมาเปิดร้าน แต่รายได้จากการค้าขายก็ยังไม่กลับมาเหมือนเดิม ในเมื่อ”นักท่องเที่ยวต่างชาติ”ซึ่งเป็นกำลังซื้อหลัก โดยเฉพาะลูกค้าจีน ยังไม่กลับเข้ามา
ผู้ค้ากลับมาเปิดร้านขาย 50%
นาย
สุธน สุวรรณภานนท์ ผู้อำนวยการตลาดนัดจตุจักร เปิดเผยว่า ขณะนี้ร้านค้ากลับมาเปิดขายแล้วกว่า 50% จากทั้งหมดกว่า 13,000 แผงค้า และมีลูกค้าเข้ามาจับจ่ายใช้สอยในตลาดอยู่ที่ 40,000 คนต่อวัน ถือว่ายังน้อยกว่าช่วงก่อนโควิด มีคนมาเดิน 100,000 คนต่อวัน เพราะคนยังกลัวโควิด
“บรรยากาศโดยรวมเริ่มคึกคัก แต่ยังไม่เท่าก่อนมีโควิด ตอนนี้เริ่มมีต่างชาติที่ยังอาศัยอยู่ในเมืองไทย ทั้งยุโรป ตะวันออกกลางและเอเชีย เข้ามาเดินซื้อของวันละ 20% ซึ่งผู้ค้าก็ไม่ถอย ถึงจะไม่เปิดแผง ยังขายผ่านช่องทางอื่น เช่น ไลฟ์สด ออนไลน์ เพราะมีลูกค้าประจำอยู่แล้ว”
กทม.ลดค่าเช่าเหลือ900 บาทถึงเม.ย.นี้
นาย
สุธนกล่าวอีกว่า เพื่อบรรเทาความเดือนร้อนของผู้เช่า กทม.เยียวยาผู้ค้าให้เปิดขายได้ 6 วัน เว้นวันจันทร์ที่ปิดทำความสะอาดตลาด ลดค่าเช่าแผงลง 50% จาก 1,800 บาทต่อแผงต่อเดือน เหลือ 900 บาทต่อแผงต่อเดือนถึงวันที่ 30 เมษายน 2565 หลังจากนั้นจะประเมินสถานการณ์อีกครั้งว่าจะขยายเวลาลดค่าเช่าให้อีกหรือไม่
ทั้งนี้จากการสำรวจผู้ค้าในตลาดบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า
”คนเดินเยอะก็จริง แต่การค้าขายก็ไม่ดีเหมือนเมื่อก่อน”
นาง
แอนนา แซ่หย่าง เปิดร้านขายเครื่องเงินและงานหินมา 10 ปี กล่าวว่า บรรยากาศไม่ค่อยคึกคักตั้งแต่มีโควิด มีต่างชาติเข้ามาบ้าง เช่น ยุโรป ตะวันออกกลาง ส่วนใหญ่มาเดินดู และซื้อน้อย จะไม่เหมือนคนจีนที่จะซื้อจำนวนมาก
จากลูกค้าที่ลดลง ทางร้านไม่ได้ลงทุนผลิตสินค้าใหม่มานานแล้ว เพราะทำมาก็ขายไม่ได้ จึงขายสินค้าเก่าเป็นหลัก เนื่องจากการลงทุนแต่ละครั้งใช้เงินลงทุนมาก ขณะที่ต้นทุนก็เพิ่มขึ้น เช่น เงินวัตถุดิบใช้ผลิตปรับราคาขึ้นจากปีที่แล้วเคยซื้อ 17,000 บาทต่อกิโลกรัม เป็น 20,000 กว่าบาทต่อกิโลกรัม
“หากเทียบกับเมื่อก่อนรายได้หายไปมาก ช่วงก่อนโควิดรายได้ก็น้อยอยู่แล้ว มาเจอโควิดยิ่งน้อยลงไปอีก ตอนนี้รายได้ไม่แน่ไม่นอน บางวันขายได้ 2,000-3,000 บาท บางวันก็ขายไม่ได้เลยก็มี ชั่วโมงนี้ไม่ต้องถามหากำไร ที่เรามาเปิดร้านเพราะของมีอยู่แล้วก็กัดฟันขายไป รอเศรษฐกิจดีถึงจะลงทุนผลิตของใหม่ อยากให้รัฐบาลเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเยอะๆ การค้าขายจะได้คึกคักมากกว่านี้”
ด้าน
”นางสุวรรณา” เจ้าของร้านขายของฝาก กล่าวว่า บรรยากาศค้าขายตลาดจตุจักรเงียบมา 3 ปีแล้ว ตั้งแต่เกิดโควิด ถึงปัจจุบันจะกลับมาเปิดก็ยังไม่คักคักเท่าไหร่ มีต่างชาติเข้ามาเดินน้อย เพราะลูกค้าจีนซึ่งเป็นลูกค้าหลักยังปิดประเทศ คาดว่าคงอีกนานกว่าการค้าขายจะดีขึ้น ปัจจุบันรายได้ต่อเดือนลดลงมาก ขายได้ไม่ถึง 10,000 บาท ยังดีที่กทม.ลดค่าเช่าให้50%
น.ส.
ณัฐพร เจ้าของร้านลานกระเป๋าขายปลีก-ขายส่ง ทั้งออนไลน์และหน้าร้าน กล่าวว่า ออร์เดอร์เริ่มกลับมา 10-20% ทำให้ปัจจุบันมีรายได้ 30,000 บาทต่อเดือน ทั้งจากขายผ่านออนไลน์และหน้าร้าน หลังรัฐบาลเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาแบบเทสต์แอนด์โก ทำให้มียอดสั่งสินค้าจากแหล่งท่องเที่ยว เช่น ภูเก็ต แต่ยังถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับก่อนโควิด
“จากโควิด ตลาดปิด ค้าขายไม่ได้ ตอนนี้ประสบปัญหาต้นทุนวัตถุดิบเพิ่มขึ้น 10-15% เช่น ผ้าฝ้ายถอมือเพิ่มขึ้น 15 บาทต่อเมตร จาก 120 บาทต่อเมตร เป็น 135 บาทต่อเมตร เราไม่ได้ปรับราคาขายขึ้น เพราะขายแพงก็ไม่มีคนซื้อ ใช้วิธีหาวัตถุดิบอื่นที่ใกล้เคียงกันมาทดแทน เพื่อลดต้นทุน ”
ต่างชาติไลฟ์สดขายข้ามประเทศ
สำหรับบรรยากาศในตลาดจตุจักร
”ณัฐพร”บอกว่า ยังไม่คึกคักแต่ก็เริ่มมีคนมาเดินทั้งต่างชาติและคนไทย ส่วนใหญ่มาเดินดูมากกว่าซื้อ ซึ่งมีซื้อบ้างส่วนใหญ่เป็นต่างชาติแต่ซื้อในปริมาณที่น้อยลง ทั้งนี้เริ่มมีลูกค้าต่างชาติเป็นคนสิงคโปร์และไต้หวันมาเปิดไลฟ์สดที่ร้านให้ลูกค้าได้เลือก ซื้อ จากเดิมจะเดินเลือกเองแล้วนำกลับไปขาย ตอนนี้กำลังเป็นเทรนด์ ทำให้ยอดขายของร้านดีขึ้นด้วย
น.ส.
ณัฐพรกล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าเสียดายช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปกติจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวมาก เพื่อมาเล่นน้ำ ทำให้มีรายได้จากตรงนี้ แต่ปีนี้ด้วยสถานการณ์ต่างๆก็ไม่อยากคาดหวังอะไรมาก แต่เชื่อว่าคงจะดีกว่าปีที่แล้ว ขณะที่เราเองก็ต้องใช้ชีวิตอยู่กับโควิดให้ได้ คงไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้อีกแล้ว หวังว่าเมื่อโควิดจะเป็นโรคประจำถิ่นในเดือนกรกฎาคมนี้ จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้น การค้าขายจะได้คึกคัก
ลดราคาเช่าช่วงเหลือ4-6พันบาท/เดือน
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับความเคลื่อนไหวค่าเช่าแผง ล่าสุดเจ้าของแผงได้ลดค่าเช่า อย่างเช่น ทำเลหัวมุมโซน 23 มี 2 ห้อง ปล่อยเช่า 11,000 บาทต่อเดือน รวมค่าน้ำค่าไฟ จากเดิม30,000 บาทต่อเดือน โครงการ 14 ปล่อยเช่า 4,000 บาทต่อแผงต่อเดือน
อีกแผงเจ้าของปล่อยเช่า 6,000 บาทต่อแผงต่อเดือน จากเดิม 6,500 บาทต่อแผงต่อเดือน หากเป็นทำเลโซนด้านนอกที่มีคนเดินมาก ค่าเช่าอยู่ที่ 10,000 กว่าบาทต่อแผงต่อเดือน จากเดิมเคยปล่อยเช่า 20,000-30,000 บาทต่อแผงต่อเดือน
ขณะที่เจ้าของแผงรายหนึ่ง นำแผงมาปล่อยเซ้ง ระบุว่า เดิมเปิดร้านขายเสื้อผ้า ตั้งแต่มีโควิดระบาด ได้กลับไปอยู่บ้านที่ต่างจังหวัด และไม่ได้กลับไปขายของอีกเลย จึงตัดสินใจปล่อยเซ้ง ในราคา 150,000
ม็อบชาวนา ประกาศ ‘โกนหัว-อดข้าว’ หากข้อเรียกร้องไม่ได้เข้า ครม. 22 มี.ค.นี้
https://www.matichon.co.th/politics/news_3243060
ม็อบชาวนา จ่อประท้วงโกนหัว อดอาหาร หากรัฐบาลไม่ทำตามสัญญานำเรื่องเข้าครม.แก้ปัญหาหนี้เกษตร 22 มี.ค. นี้
เมื่อวันที่ 20 มีนาคม บัญชีผู้ใช้ทวิตเตอร์ @Thamboon888 อาสาประชาสัมพันธ์และเคลื่อนไหวช่วยเหลือม็อบชาวนา ได้ออกมาโพสต์ในทวิตเตอร์ขอความช่วยเหลือให้ดันแฮชแท็ก #ม็อบชาวนา เพื่อเป็นการกระจายข่าวให้กำลังใจม็อบชาวนา และหากรัฐบาลที่รับปากไว้ไม่นำเรื่องเข้าครม.ผู้ชุมนุมจะโกนหัวและอดอาหาร ซึ่งเรื่องที่สัญญาคือการนำเรื่องการเเก้ปัญหาหนี้สินทางการเกษตร กองทุนฟื้นฟู ลูกหนี้ธนาคารรัฐ 4 แห่ง เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) โดยม็อบชาวนาได้ปักหลักชุมนุมมาถึง 56 วันแล้ว และโดนเลื่อนการนำเรื่องเข้าคณะรัฐมนตรี(ครม.)แล้วถึง หลายครั้งจนผ่านมาถึงเกือบ 2 เดือน
“ทุกคนคะ เที่ยงนี้ถ้าหากไม่รบกวนมากเกินไป เราจะขอความช่วยเหลือให้ทุกคนมาช่วยกันดันแท็ก #ม็อบชาวนา ให้คุณตาคุณยายกันค่ะ เพื่อกระจายข่าวเชิญชวนคนมาร่วมให้กำลังใจคุณตาคุณยายในวันอังคารที่ 22 นี้ หากรัฐบาลที่รับปากไว้ไม่เอาเรื่องเข้าครม.คุณตาคุณยายจะโกนหัวและอดอาหารกันค่ะ ” บัญชีผู้ใช้ทวิตเตอร์ @Thamboon888 ระบุ
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 9 มีนาคม ม็อบชาวนายื่น 31,629 รายชื่อ รวบรวมผ่านเว็บไซต์ change.org นาย
ไชยยศ จิรเมธากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (ฝ่ายการเมือง) เพื่อเร่งจี้เรื่องช่วยหนี้สินชาวนาเข้าครม. โดยนาย
ไชยยศ ระบุว่าเรื่องนี้จะเข้าครม. คาดว่าเป็นวันที่ 22 มีนาคม ซึ่งเป็นผลจากการเลื่อนประชุม เนื่องจากความล่าช้าทางกระบวนการข้อกฎหมาย เช่น การเจรจากับธนาคารที่ต้องประชุมทุกฝ่ายทั้งฝ่ายธนาคารของรัฐและธนาคารของเอกชน
โดยม็อบชาวนามีข้อเรียกร้องคือ
1. ขอให้สถาบันการเงินเจ้าหนี้ชะลอการฟ้องบังคับคดียึดทรัพย์ขายทอดตลาดทรัพย์สินของสมาชิก เร่งดำเนินการโอนหนี้สินเข้าสู่กระบวนการการจัดการหนี้สินของสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร (กฟก.) พร้อมกับขยายเพดานวงเงินการซื้อหนี้ NPA จาก 2.5 ล้านบาทขยายเป็น 5 ล้านบาทเสนอเข้าสู่เข้ามติครม.
2. ขอให้ลดหนี้ปลดหนี้ให้กับเกษตรกรสมาชิกกฟก. กรณีที่ตาย พิการ ทุพพลภาพ ชราภาพ เจ็บป่วย เป็นโรคเหลือไม่เกิน 25 เปอร์เซ็นต์ตามพระราชบัญญัติกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรที่ได้บัญญัติไว้ช่วยเหลือเกษตรกรสมาชิกกองทุนฟื้นฟูฯ (กฟก.)
3. ขอให้ตรวจสอบปัญหาทุจริตคอรัปชั่นพร้อมกับปฏิรูปการบริหารงานของสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร (กฟก.) ขึ้นราคาพืชผลการเกษตรถูกลงทุกวัน แต่ราคาปุ๋ยกลับแพงขึ้น ประชาชนที่เดือดร้อนที่ทำเกษตรกรจึงขอเรียกร้องต่อรัฐบาลให้ช่วยเหลือและเยียวยารวมถึงพักชำระหนี้
'อุ๊งอิ๊ง' ร่วมพิธีบายศรีสู่ขวัญ ช้อปปิ้งผลิตภัณฑ์ชุมชน
https://www.matichon.co.th/politics/news_3243319
‘อุ๊งอิ๊ง’ ร่วมพิธีบายศรีสู่ขวัญ ช้อปปิ้งผลิตภัณฑ์ชุมชน
เมื่อวันที่ 20 มีนาคม ภายหลังมีการประกาศให้ น.ส.
แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย (พท.) เป็นหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยนั้น เวลา 14.00 น. น.ส.
แพทองธารเดินทางไปยังบ้านโนนกอก อ.เมือง จ.อุดรธานี เพื่อเข้าร่วมพิธีบายศรีสู่ขวัญ และได้รับการผูกข้อมือจากพราหมณ์และผู้สูงอายุในชุมชน
เมื่อแล้วเสร็จได้เดินชมวิธีการทอผ้าแบบโบราณ ร่วมชมผลิตภัณฑ์จากชุมชนที่มีเด็กนักเรียนและกลุ่มผู้สูงอายุมาออกร้าน โดย น.ส.
แพทองธารได้อุดหนุนกิ๊บติดผมที่ทำมาจากผ้าทอ รวมถึงอุดหนุนชุดและผลิตภัณฑ์จากผ้าฝ้ายมัดหมี่ รับชมการสาธิตตำข้าวเหนียวเพื่อนำมาทำข้าวเกรียบ พร้อมพูดคุยสอบถามด้วยความสนใจ
JJNY : 4in1 ผู้ค้าจตุจักรถอดใจ│ม็อบชาวนาประกาศ‘โกนหัว-อดข้าว’│‘อุ๊งอิ๊ง’ร่วมพิธีบายศรีฯ│แชร์สนั่น‘ห้วยขวาง’หรือ‘ห้วยขัง’
https://www.matichon.co.th/economy/news_3243134
พิษโควิด กำลังซื้อซบยาว ผู้ค้าตลาดนัดจตุจักรถอดใจ ปล่อยเช่า เซ้ง แผงเกลื่อน
สำรวจบรรยากาศ“ตลาดจตุจักร” ตลาดนัดที่ใหญ่ที่สุดในโลก และสวรรค์นักช้อปของชาวไทยและต่างชาติ ท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 ที่ยังระบาดต่อเนื่องเป็นปีที่3
หลังกรุงเทพมหานคร(กทม.) คลายล็อกให้เปิดเต็มรูปแบบเมื่อปลายปี 2564 ปัจจุบันเริ่มมีร้านค้าโซนรอบนอกหรือโซนริมราง กลับมาเปิดค้าขายหลายร้าน แต่ยังมีอีกหลายโซนด้านในที่ร้านค้าปิดตายมาตั้งแต่โควิดระบาดลอกแรก ขณะเดียวกันมีบางร้านถอดใจ ขึ้นป้ายประกาศให้เช่าและเช้ง หลังแบกภาระค่าใช้จ่ายไม่ไหว
อย่างไรก็ตาม แม้ว่า”พ่อค้า-แม่ขาย”จะกลับมาเปิดร้าน แต่รายได้จากการค้าขายก็ยังไม่กลับมาเหมือนเดิม ในเมื่อ”นักท่องเที่ยวต่างชาติ”ซึ่งเป็นกำลังซื้อหลัก โดยเฉพาะลูกค้าจีน ยังไม่กลับเข้ามา
ผู้ค้ากลับมาเปิดร้านขาย 50%
นายสุธน สุวรรณภานนท์ ผู้อำนวยการตลาดนัดจตุจักร เปิดเผยว่า ขณะนี้ร้านค้ากลับมาเปิดขายแล้วกว่า 50% จากทั้งหมดกว่า 13,000 แผงค้า และมีลูกค้าเข้ามาจับจ่ายใช้สอยในตลาดอยู่ที่ 40,000 คนต่อวัน ถือว่ายังน้อยกว่าช่วงก่อนโควิด มีคนมาเดิน 100,000 คนต่อวัน เพราะคนยังกลัวโควิด
“บรรยากาศโดยรวมเริ่มคึกคัก แต่ยังไม่เท่าก่อนมีโควิด ตอนนี้เริ่มมีต่างชาติที่ยังอาศัยอยู่ในเมืองไทย ทั้งยุโรป ตะวันออกกลางและเอเชีย เข้ามาเดินซื้อของวันละ 20% ซึ่งผู้ค้าก็ไม่ถอย ถึงจะไม่เปิดแผง ยังขายผ่านช่องทางอื่น เช่น ไลฟ์สด ออนไลน์ เพราะมีลูกค้าประจำอยู่แล้ว”
กทม.ลดค่าเช่าเหลือ900 บาทถึงเม.ย.นี้
นายสุธนกล่าวอีกว่า เพื่อบรรเทาความเดือนร้อนของผู้เช่า กทม.เยียวยาผู้ค้าให้เปิดขายได้ 6 วัน เว้นวันจันทร์ที่ปิดทำความสะอาดตลาด ลดค่าเช่าแผงลง 50% จาก 1,800 บาทต่อแผงต่อเดือน เหลือ 900 บาทต่อแผงต่อเดือนถึงวันที่ 30 เมษายน 2565 หลังจากนั้นจะประเมินสถานการณ์อีกครั้งว่าจะขยายเวลาลดค่าเช่าให้อีกหรือไม่
ทั้งนี้จากการสำรวจผู้ค้าในตลาดบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า”คนเดินเยอะก็จริง แต่การค้าขายก็ไม่ดีเหมือนเมื่อก่อน”
นางแอนนา แซ่หย่าง เปิดร้านขายเครื่องเงินและงานหินมา 10 ปี กล่าวว่า บรรยากาศไม่ค่อยคึกคักตั้งแต่มีโควิด มีต่างชาติเข้ามาบ้าง เช่น ยุโรป ตะวันออกกลาง ส่วนใหญ่มาเดินดู และซื้อน้อย จะไม่เหมือนคนจีนที่จะซื้อจำนวนมาก
จากลูกค้าที่ลดลง ทางร้านไม่ได้ลงทุนผลิตสินค้าใหม่มานานแล้ว เพราะทำมาก็ขายไม่ได้ จึงขายสินค้าเก่าเป็นหลัก เนื่องจากการลงทุนแต่ละครั้งใช้เงินลงทุนมาก ขณะที่ต้นทุนก็เพิ่มขึ้น เช่น เงินวัตถุดิบใช้ผลิตปรับราคาขึ้นจากปีที่แล้วเคยซื้อ 17,000 บาทต่อกิโลกรัม เป็น 20,000 กว่าบาทต่อกิโลกรัม
“หากเทียบกับเมื่อก่อนรายได้หายไปมาก ช่วงก่อนโควิดรายได้ก็น้อยอยู่แล้ว มาเจอโควิดยิ่งน้อยลงไปอีก ตอนนี้รายได้ไม่แน่ไม่นอน บางวันขายได้ 2,000-3,000 บาท บางวันก็ขายไม่ได้เลยก็มี ชั่วโมงนี้ไม่ต้องถามหากำไร ที่เรามาเปิดร้านเพราะของมีอยู่แล้วก็กัดฟันขายไป รอเศรษฐกิจดีถึงจะลงทุนผลิตของใหม่ อยากให้รัฐบาลเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเยอะๆ การค้าขายจะได้คึกคักมากกว่านี้”
ด้าน”นางสุวรรณา” เจ้าของร้านขายของฝาก กล่าวว่า บรรยากาศค้าขายตลาดจตุจักรเงียบมา 3 ปีแล้ว ตั้งแต่เกิดโควิด ถึงปัจจุบันจะกลับมาเปิดก็ยังไม่คักคักเท่าไหร่ มีต่างชาติเข้ามาเดินน้อย เพราะลูกค้าจีนซึ่งเป็นลูกค้าหลักยังปิดประเทศ คาดว่าคงอีกนานกว่าการค้าขายจะดีขึ้น ปัจจุบันรายได้ต่อเดือนลดลงมาก ขายได้ไม่ถึง 10,000 บาท ยังดีที่กทม.ลดค่าเช่าให้50%
น.ส.ณัฐพร เจ้าของร้านลานกระเป๋าขายปลีก-ขายส่ง ทั้งออนไลน์และหน้าร้าน กล่าวว่า ออร์เดอร์เริ่มกลับมา 10-20% ทำให้ปัจจุบันมีรายได้ 30,000 บาทต่อเดือน ทั้งจากขายผ่านออนไลน์และหน้าร้าน หลังรัฐบาลเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาแบบเทสต์แอนด์โก ทำให้มียอดสั่งสินค้าจากแหล่งท่องเที่ยว เช่น ภูเก็ต แต่ยังถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับก่อนโควิด
“จากโควิด ตลาดปิด ค้าขายไม่ได้ ตอนนี้ประสบปัญหาต้นทุนวัตถุดิบเพิ่มขึ้น 10-15% เช่น ผ้าฝ้ายถอมือเพิ่มขึ้น 15 บาทต่อเมตร จาก 120 บาทต่อเมตร เป็น 135 บาทต่อเมตร เราไม่ได้ปรับราคาขายขึ้น เพราะขายแพงก็ไม่มีคนซื้อ ใช้วิธีหาวัตถุดิบอื่นที่ใกล้เคียงกันมาทดแทน เพื่อลดต้นทุน ”
ต่างชาติไลฟ์สดขายข้ามประเทศ
สำหรับบรรยากาศในตลาดจตุจักร”ณัฐพร”บอกว่า ยังไม่คึกคักแต่ก็เริ่มมีคนมาเดินทั้งต่างชาติและคนไทย ส่วนใหญ่มาเดินดูมากกว่าซื้อ ซึ่งมีซื้อบ้างส่วนใหญ่เป็นต่างชาติแต่ซื้อในปริมาณที่น้อยลง ทั้งนี้เริ่มมีลูกค้าต่างชาติเป็นคนสิงคโปร์และไต้หวันมาเปิดไลฟ์สดที่ร้านให้ลูกค้าได้เลือก ซื้อ จากเดิมจะเดินเลือกเองแล้วนำกลับไปขาย ตอนนี้กำลังเป็นเทรนด์ ทำให้ยอดขายของร้านดีขึ้นด้วย
น.ส.ณัฐพรกล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าเสียดายช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปกติจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวมาก เพื่อมาเล่นน้ำ ทำให้มีรายได้จากตรงนี้ แต่ปีนี้ด้วยสถานการณ์ต่างๆก็ไม่อยากคาดหวังอะไรมาก แต่เชื่อว่าคงจะดีกว่าปีที่แล้ว ขณะที่เราเองก็ต้องใช้ชีวิตอยู่กับโควิดให้ได้ คงไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้อีกแล้ว หวังว่าเมื่อโควิดจะเป็นโรคประจำถิ่นในเดือนกรกฎาคมนี้ จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้น การค้าขายจะได้คึกคัก
ลดราคาเช่าช่วงเหลือ4-6พันบาท/เดือน
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับความเคลื่อนไหวค่าเช่าแผง ล่าสุดเจ้าของแผงได้ลดค่าเช่า อย่างเช่น ทำเลหัวมุมโซน 23 มี 2 ห้อง ปล่อยเช่า 11,000 บาทต่อเดือน รวมค่าน้ำค่าไฟ จากเดิม30,000 บาทต่อเดือน โครงการ 14 ปล่อยเช่า 4,000 บาทต่อแผงต่อเดือน
อีกแผงเจ้าของปล่อยเช่า 6,000 บาทต่อแผงต่อเดือน จากเดิม 6,500 บาทต่อแผงต่อเดือน หากเป็นทำเลโซนด้านนอกที่มีคนเดินมาก ค่าเช่าอยู่ที่ 10,000 กว่าบาทต่อแผงต่อเดือน จากเดิมเคยปล่อยเช่า 20,000-30,000 บาทต่อแผงต่อเดือน
ขณะที่เจ้าของแผงรายหนึ่ง นำแผงมาปล่อยเซ้ง ระบุว่า เดิมเปิดร้านขายเสื้อผ้า ตั้งแต่มีโควิดระบาด ได้กลับไปอยู่บ้านที่ต่างจังหวัด และไม่ได้กลับไปขายของอีกเลย จึงตัดสินใจปล่อยเซ้ง ในราคา 150,000
ม็อบชาวนา ประกาศ ‘โกนหัว-อดข้าว’ หากข้อเรียกร้องไม่ได้เข้า ครม. 22 มี.ค.นี้
https://www.matichon.co.th/politics/news_3243060
ม็อบชาวนา จ่อประท้วงโกนหัว อดอาหาร หากรัฐบาลไม่ทำตามสัญญานำเรื่องเข้าครม.แก้ปัญหาหนี้เกษตร 22 มี.ค. นี้
เมื่อวันที่ 20 มีนาคม บัญชีผู้ใช้ทวิตเตอร์ @Thamboon888 อาสาประชาสัมพันธ์และเคลื่อนไหวช่วยเหลือม็อบชาวนา ได้ออกมาโพสต์ในทวิตเตอร์ขอความช่วยเหลือให้ดันแฮชแท็ก #ม็อบชาวนา เพื่อเป็นการกระจายข่าวให้กำลังใจม็อบชาวนา และหากรัฐบาลที่รับปากไว้ไม่นำเรื่องเข้าครม.ผู้ชุมนุมจะโกนหัวและอดอาหาร ซึ่งเรื่องที่สัญญาคือการนำเรื่องการเเก้ปัญหาหนี้สินทางการเกษตร กองทุนฟื้นฟู ลูกหนี้ธนาคารรัฐ 4 แห่ง เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) โดยม็อบชาวนาได้ปักหลักชุมนุมมาถึง 56 วันแล้ว และโดนเลื่อนการนำเรื่องเข้าคณะรัฐมนตรี(ครม.)แล้วถึง หลายครั้งจนผ่านมาถึงเกือบ 2 เดือน
“ทุกคนคะ เที่ยงนี้ถ้าหากไม่รบกวนมากเกินไป เราจะขอความช่วยเหลือให้ทุกคนมาช่วยกันดันแท็ก #ม็อบชาวนา ให้คุณตาคุณยายกันค่ะ เพื่อกระจายข่าวเชิญชวนคนมาร่วมให้กำลังใจคุณตาคุณยายในวันอังคารที่ 22 นี้ หากรัฐบาลที่รับปากไว้ไม่เอาเรื่องเข้าครม.คุณตาคุณยายจะโกนหัวและอดอาหารกันค่ะ ” บัญชีผู้ใช้ทวิตเตอร์ @Thamboon888 ระบุ
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 9 มีนาคม ม็อบชาวนายื่น 31,629 รายชื่อ รวบรวมผ่านเว็บไซต์ change.org นายไชยยศ จิรเมธากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (ฝ่ายการเมือง) เพื่อเร่งจี้เรื่องช่วยหนี้สินชาวนาเข้าครม. โดยนายไชยยศ ระบุว่าเรื่องนี้จะเข้าครม. คาดว่าเป็นวันที่ 22 มีนาคม ซึ่งเป็นผลจากการเลื่อนประชุม เนื่องจากความล่าช้าทางกระบวนการข้อกฎหมาย เช่น การเจรจากับธนาคารที่ต้องประชุมทุกฝ่ายทั้งฝ่ายธนาคารของรัฐและธนาคารของเอกชน
โดยม็อบชาวนามีข้อเรียกร้องคือ
1. ขอให้สถาบันการเงินเจ้าหนี้ชะลอการฟ้องบังคับคดียึดทรัพย์ขายทอดตลาดทรัพย์สินของสมาชิก เร่งดำเนินการโอนหนี้สินเข้าสู่กระบวนการการจัดการหนี้สินของสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร (กฟก.) พร้อมกับขยายเพดานวงเงินการซื้อหนี้ NPA จาก 2.5 ล้านบาทขยายเป็น 5 ล้านบาทเสนอเข้าสู่เข้ามติครม.
2. ขอให้ลดหนี้ปลดหนี้ให้กับเกษตรกรสมาชิกกฟก. กรณีที่ตาย พิการ ทุพพลภาพ ชราภาพ เจ็บป่วย เป็นโรคเหลือไม่เกิน 25 เปอร์เซ็นต์ตามพระราชบัญญัติกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรที่ได้บัญญัติไว้ช่วยเหลือเกษตรกรสมาชิกกองทุนฟื้นฟูฯ (กฟก.)
3. ขอให้ตรวจสอบปัญหาทุจริตคอรัปชั่นพร้อมกับปฏิรูปการบริหารงานของสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร (กฟก.) ขึ้นราคาพืชผลการเกษตรถูกลงทุกวัน แต่ราคาปุ๋ยกลับแพงขึ้น ประชาชนที่เดือดร้อนที่ทำเกษตรกรจึงขอเรียกร้องต่อรัฐบาลให้ช่วยเหลือและเยียวยารวมถึงพักชำระหนี้
'อุ๊งอิ๊ง' ร่วมพิธีบายศรีสู่ขวัญ ช้อปปิ้งผลิตภัณฑ์ชุมชน
https://www.matichon.co.th/politics/news_3243319
‘อุ๊งอิ๊ง’ ร่วมพิธีบายศรีสู่ขวัญ ช้อปปิ้งผลิตภัณฑ์ชุมชน
เมื่อวันที่ 20 มีนาคม ภายหลังมีการประกาศให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย (พท.) เป็นหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยนั้น เวลา 14.00 น. น.ส.แพทองธารเดินทางไปยังบ้านโนนกอก อ.เมือง จ.อุดรธานี เพื่อเข้าร่วมพิธีบายศรีสู่ขวัญ และได้รับการผูกข้อมือจากพราหมณ์และผู้สูงอายุในชุมชน
เมื่อแล้วเสร็จได้เดินชมวิธีการทอผ้าแบบโบราณ ร่วมชมผลิตภัณฑ์จากชุมชนที่มีเด็กนักเรียนและกลุ่มผู้สูงอายุมาออกร้าน โดย น.ส.แพทองธารได้อุดหนุนกิ๊บติดผมที่ทำมาจากผ้าทอ รวมถึงอุดหนุนชุดและผลิตภัณฑ์จากผ้าฝ้ายมัดหมี่ รับชมการสาธิตตำข้าวเหนียวเพื่อนำมาทำข้าวเกรียบ พร้อมพูดคุยสอบถามด้วยความสนใจ