ปัญหาจากงานเพิ่มและงานเปลี่ยนแปลงจากแบบในสัญญาก่อสร้าง

อยากมาถ่ายทอดประสบการณ์และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ของเพื่อนๆ ในแวดวงการก่อสร้าง (ในมุมมองผู้รับเหมา) 
เรื่อง งานเพิ่มและงานเปลี่ยนแปลงจากแบบจากแบบในสัญญา

ไม่รู้ว่ามีใครเคยเจอแบบนี้บ้าง....
จากประสบการณ์ในการทำงานก่อสร้าง 99% ทุกโครงการมีงานเพิ่ม และมีงานเปลี่ยนแปลงจากแบบเสมอ
เพิ่มเติมเพราะอยากได้เพิ่มซึ่งตามในแบบในสัญญาไม่มีรายการที่อยากจะเพิ่ม อยากเปลี่ยนแปลงเพราะไม่พอใจกับแบบเดิมที่เซ็นสัญญากัน
ถ้าเป็นโครงการใหญ่ๆ ระดับประเทศ ทางเจ้าของงานก็จะมอบหมายให้ทางตัวแทนของผู้ว่าจ้างคอยกำกับดูแลผู้รับจ้าง (ผู้รับเหมา) อีกที
ซึ่งก็จะประกอบไปด้วยทีมผู้ออกแบบและทีมที่ปรึกษา (Consultance) หรือจะขอเรียกว่า ผู้ออกแบบ กับ consult

100% ผู้รับเหมาไม่ว่าจะรายเล็ก รายใหญ่ สิ่งที่ต้องปฏิบัติเลย คือ ต้องทำงานให้ตรงตามแบบ เพราะแบบที่ทำนั้นได้มีการเซ็นรับรองการขออนุญาตต่างๆ มาแล้ว และที่สำคัญเลย คือ เงินค่าจ้างคิดมาจากขอบเขตงานที่อยู่ในแบบตามสัญญาที่ได้เซ็นกัน

พอปฏิบัติจริง ก็จะเกิดอาการของผู้ว่าจ้างหรือตัว consult ที่อยากจะเปลี่ยนแปลงแบบ เพราะ แบบถูกออกแบบยังไม่สมบูรณ์พอ
หรือบางกรณีก็อยากจะเปลี่ยนเพราะไม่สวยงามดั่งใจปรารถนา ตรงที่อยากเปลี่ยนแปลงให้สวยดั่งใจปรารถนานี้แหละ คือ ปัญหา
กลายเป็นคนที่ต้องแบกรับภาระกลายเป็นผู้รับเหมา  เพราะทุกการทำงานมีค่าดำเนินการเสมอและมีกรอบเวลาที่ได้ตกลงกันแล้ว
พอเปลี่ยนแปลงมันก็กระทบไปหมด "แต่ตัวคนจะเปลี่ยนกับไม่สนใจและไม่อยากจะจ่ายเงินเพิ่มสำหรับการเพิ่มเติมเปลี่ยนแปลง"

จุดนี้แหละ คือ ปัญหา ทางผู้ว่าจ้างหรือ consult มักจะใช้ลูกเล่น ให้ทำงานก่อน เอกสารเดี๋ยวตามออกให้ เป็นแบบนี้ตั้งแต่โครงการเล็กจนโครงการใหญ่
จะเอาเปรียบผู้รับเหมาให้ได้มากที่สุด จะเปลี่ยน จะเพิ่ม แต่จะจ่ายเงินให้น้อยที่สุด เป็นพฤติกรรมที่ไร้เหตุผล ไร้คุณธรรม

โดยเฉพาะโครงการใหญ่ระดับประเทศมี consult ควบคุมงาน คนที่เรียกตัวเองว่า เป็น professional หรือ เป็นมืออาชีพ
99% อยากจะเปลี่ยน อยากจะเพิ่ม ไม่เคยสนใจอะไร ไม่เคยคิดก่อนลงมือทำ ต้องรอให้ทำก่อนถึงจะคิดได้
ไม่สามารถออกแบบหรือคิดให้สะเด็ดน้ำ ไม่เคยผ่านการวิเคราะห์ สังเคราะห์ อย่างถี่ถ้วนมาก่อนที่จะอนุมัติแบบให้ลงมือทำงานได้
อนุมัติแล้วก็เปลี่ยนได้ เปลี่ยนคำอนุมัติที่ตัวเองเซ็นแล้วดื้อๆ ไร้ซึ่งการคิดก่อนอนุมัติ แต่พอผู้รับเหมาลงมือทำตามแบบที่ตัวเองอนุมัติ
กลับกลายเป็นไม่พอใจแล้วโยนความผิดไปที่คนงานของผู้รับเหมาว่าไร้ซึ่งความรู้ ทั้งๆ ที่ตัวเองคิดก่อนแล้วทำก็ทำไม่ได้ ทำไม่เป็น
วิชาการดูแน่นๆ ไปหมด แต่ปฏิบัติไม่เป็น ชอบสั่งปากเปล่า ไม่ชอบออกเอกสารใดๆ เพราะกลัวถ้าพลาดขึ้นมาไม่อยากจะต้องรับผิดชอบ
ชอบบีบ ชอบดึง ให้ผู้รับเหมาเป็นผู้แบกรับภาระ อยากได้งาน อยากได้ผลงานแต่ไม่อยากจ่ายเงินเยอะ 
เพราะถ้าต้องจ่ายเงินเพิ่มตัวเองก็จะไม่ได้ผลงาน กลัวผู้ว่าจ้างตำหนิ กลัวตัวเองจะเดือดร้อน 

ถ้าคิดก่อนทำมันดีกว่าเสมอ ไม่ใช่ให้เค้าทำไป ผิดแล้วจึงรู้ แล้วโยนความผิดให้ผู้รับเหมา ทั้งๆ ที่ทั้งวัน ตัว consult เองก็เฝ้าควบคุมงานอยู่
คนประเภทที่เป็นในรูปแบบนี้ ไม่รู้ว่าทนกับความเอาเปรียบคนอื่นของตัวเองได้ยังไงกัน

ส่วนผู้ออกแบบบางคนก็ดี แต่จะขอพูดถึงพวกที่ไม่ดีที่ไม่เคยออกแบบได้สมบูรณ์ อยู่ในโลกของจิตนาการไม่เคยออกไปดูวัสดุตามท้องตลาด
ออกแบบไปจัดให้ลงตัวให้ได้ตามขนาดตามแบบของตัวเองที่ออก วัสดุบางตัวก็ไม่มีผลิตตามท้องตลาดก็ไม่เคยรู้ ใส่เข้าไปในสเปคแบบที่ตัวเองก็ไม่รู้
ต้องรอให้ผู้รับเหมาขออนุมัติไปใหม่ถึงจะรู้ได้ ทำไมตัวเองถึงไม่คิดหรือสำรวจก่อนว่าในท้องตลาดมีหรือไม่ ก่อนจะลงมือออกแบบ
ผู้ออกแบบบางคนก็อีโก้มาก ชอบดูถูกคนอื่นว่าไอเดียไม่สวยหรือความรู้น้อย หรือพูดหยาบๆ ว่าโง่ แต่ตัวเองนั้นเก่ง ฉลาด ออกแบบมาสวยสุดๆ 
สงสัยไม่เคยไปถามคนส่วนใหญ่ว่าแบบที่ตัวเองออกมันสวยโดนใจทุกคนรึเปล่า แบบที่ออกบางทีก็ไม่สามารถสร้างจริงได้
หลงมั่วเมาไปอยู่ในโลกของจินตนาการของตัวเอง ไม่เคยรู้วิธีการติดตั้งจริงๆ ออกเป็นแค่แบบ ต้องรอให้ทำให้ดูถึงจะรู้ว่าอยากได้อะไร
และที่สำคัญแสบสุดๆ คือล็อคสเปควัสดุบางรายการเพื่อให้ตัวเองได้ค่าคอมมิชชั่นส่วนต่าง

ถ้าวงการก่อสร้างไทย คิดทุกอย่างให้สมบูรณ์ตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ ตัวผู้ว่าจ้างเองคิดให้สะเด็ดน้ำมาว่างานที่ตัวเองอยากจะได้มีอะไรบ้าง
หรือถ้าอยากเพิ่มเติม เปลี่ยนแปลงจริงๆ ต้องยอมรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นนอกเหนือจากราคาที่ตกลงกันตามสัญญาให้ได้ 
ไม่มีผู้ว่าจ้างคนไหนอยากถูกผู้รับเหมาโกง ตัวผู้รับเหมาเองก็ไม่อยากถูกโกงเช่นกัน
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่