นั่งอ่านข่าวน้องๆ ตกงาน บางทีก็รู้สึกเห็นใจนะ
อย่างครูอัตราจ้างเงินเดือน 3800 ถ้าพูดแค่มุมในเชิงจบ ป.ตรี ควรได้ค่าเหนื่อยเยอะกว่านี้หรือไม่ มันก็ใช่แหละ ว่าควรได้เยอะกว่านี้จริง แต่ในอีกมุมหนึ่ง ต้องเข้าใจนะว่า...ครูอัตราจ้างไม่ใช่ข้าราชการ เป็นลักษณะลูกจ้างของหน่วยราชการเสียมากกว่า ถ้าคุณสอบบรรจุข้าราชการได้ เรื่องค่าเหนื่อยไม่เป็นธรรมก็ถูกตัดจบไปในทันที
3800 บาท ต่อเดือน ถ้าคิดว่าน้อย ไม่คุ้ม ไม่พอใช้ ก็ไม่ต้องสมัคร ไปอ่านหนังสือสอบบรรจุให้มันได้ นั่นคือวิธีแก้ปัญหา
ก็มีเพื่อนๆ สมาชิกหลายคน บอกว่าการเลือกเรียนอะไร ควรคำนึงถึงว่าจบมาจะมีงานรองรับด้วยหรือไม่ จริงๆ ผมก็ทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย อาชีพที่จบมามีงานทำแน่ๆ มันก็มีไม่กี่อย่าง 1. หมอ 2. ตำรวจ 3. ทหาร สามอาชีพนี้ถ้าเรียนจบยังไงก็มีงานทำ แต่อาชีพที่ว่ามันก็มีเงื่อนไขในการจะได้เป็นด้วย อย่างแรกเลยต้องสอบให้ได้เข้าไปเรียนก่อน อย่างที่สองเป็นอาชีพที่ชอบหรือเปล่า ถ้าสองเงื่อนไขนี้ไม่ได้ก็ต้องมองไปทางอื่น
ถ้าไม่ใช่สามอาชีพที่ว่าอาชีพอื่นๆ ก็ยังมีความเสี่ยงที่จะตกงานเหมือนกัน วิศวกรกับสถาปนิก เอาจริงๆ หลายคนจบมาหางานทำไม่ได้ก็มีนะ คือ...มันมีปัจจัยอื่นประกอบด้วย เช่น ผลการเรียน ชื่อสถาบัน หลายที่มีการทดสอบความสามารถก่อนรับเข้าทำงาน อาจจะไม่ผ่านวิธีทดสอบเขา ก็ต้องตะลอนไปสมัครบริษัทอื่นต่อไป
ส่วนสายอื่นๆ ที่คนจบเยอะๆ อย่าง รัฐศาสตร์ การตลาด วิทยาศาสตร์การกีฬา กระทั่งครุศาสตร์ ก็ต้องยอมรับนะครับ ว่าตอนสอบเข้าเรียน มันไม่ยากเท่าตอนหางาน เพราะแน่นอนว่าจบมากันเยอะ แต่งานมันไม่ได้เยอะพอจะรองรับได้ทั้งหมด
ก่อนผมเรียนมหาลัย ผมเองก็มีปัญหา เพราะต้นตระกูลผมเป็นข้าราชการเกือบทั้งหมด ครู พยาบาล ตำรวจ สาธารณสุข วนๆ อยู่แค่นี้ ผมโดนที่บ้านเป่าหูทุกวันให้ไปเป็นตำรวจทหาร เขาอยากคุยทับชาวบ้านว่า ลูกชายคนโตจบนายร้อย จปร. ลูกชายคนเล็กจบนายร้อยตำรวจ อะไรประมาณแบบนี้ และก็ชอบพูดประมาณว่าจบวิศวะจบสถาปัตย์ต้องมาแย่งงานกันทำ ตกงานกันเป็นว่าเล่นอะไรแบบนั้น
จริงๆ กว่าผมจะได้เรียนวิศวะจนจบมาทำงาน มันก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ผมต้องรบรากับอะไรต่อมิอะไรเยอะแยะ ที่บ้านถึงขนาดไล่ผมไปสมัครทหารเกณฑ์ตอนเรียนวิศวะ พอผมไม่ไปก็ด่าผมอย่างรุนแรงบ้านแทบแตก แค่ได้เป็นทหารน้อยๆ เขาก็พอใจแล้ว ก็คิดดูเอาละกัน ว่าเขาสนับสนุนให้ผมเป็นวิศวกรหรือเปล่า
มันคือความหวังดีนะ เพียงแต่ผมรู้สึกว่านั่นคือความต้องการของที่บ้าน ไม่ใช่ความต้องการของผม
ก็อยากฝากไว้นะครับ จะเรียนอะไรก็คิดดูให้ดีๆ ว่าเราชอบมันจริงๆ หรือเปล่า และจบมาแล้วพร้อมจะต่อสู้แย่งชิงพื้นที่กับคนอื่นที่จบมาในสาขาเดียวกันมากน้อยแค่ไหน ไปให้มันสุดครับผม แล้วก็อย่าเสียใจในสิ่งที่ตัวเองเลือก ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าตัวเราหรอก
เป็นกำลังใจให้ทุกคนที่เลือกสู้และเรียนในสิ่งที่ตัวเองชอบนะครับ
สู้เพื่อตัวเองก่อนค่อยไปสู้เพื่อประเทศ : ดาวดำผู้เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง
อย่างครูอัตราจ้างเงินเดือน 3800 ถ้าพูดแค่มุมในเชิงจบ ป.ตรี ควรได้ค่าเหนื่อยเยอะกว่านี้หรือไม่ มันก็ใช่แหละ ว่าควรได้เยอะกว่านี้จริง แต่ในอีกมุมหนึ่ง ต้องเข้าใจนะว่า...ครูอัตราจ้างไม่ใช่ข้าราชการ เป็นลักษณะลูกจ้างของหน่วยราชการเสียมากกว่า ถ้าคุณสอบบรรจุข้าราชการได้ เรื่องค่าเหนื่อยไม่เป็นธรรมก็ถูกตัดจบไปในทันที
3800 บาท ต่อเดือน ถ้าคิดว่าน้อย ไม่คุ้ม ไม่พอใช้ ก็ไม่ต้องสมัคร ไปอ่านหนังสือสอบบรรจุให้มันได้ นั่นคือวิธีแก้ปัญหา
ก็มีเพื่อนๆ สมาชิกหลายคน บอกว่าการเลือกเรียนอะไร ควรคำนึงถึงว่าจบมาจะมีงานรองรับด้วยหรือไม่ จริงๆ ผมก็ทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย อาชีพที่จบมามีงานทำแน่ๆ มันก็มีไม่กี่อย่าง 1. หมอ 2. ตำรวจ 3. ทหาร สามอาชีพนี้ถ้าเรียนจบยังไงก็มีงานทำ แต่อาชีพที่ว่ามันก็มีเงื่อนไขในการจะได้เป็นด้วย อย่างแรกเลยต้องสอบให้ได้เข้าไปเรียนก่อน อย่างที่สองเป็นอาชีพที่ชอบหรือเปล่า ถ้าสองเงื่อนไขนี้ไม่ได้ก็ต้องมองไปทางอื่น
ถ้าไม่ใช่สามอาชีพที่ว่าอาชีพอื่นๆ ก็ยังมีความเสี่ยงที่จะตกงานเหมือนกัน วิศวกรกับสถาปนิก เอาจริงๆ หลายคนจบมาหางานทำไม่ได้ก็มีนะ คือ...มันมีปัจจัยอื่นประกอบด้วย เช่น ผลการเรียน ชื่อสถาบัน หลายที่มีการทดสอบความสามารถก่อนรับเข้าทำงาน อาจจะไม่ผ่านวิธีทดสอบเขา ก็ต้องตะลอนไปสมัครบริษัทอื่นต่อไป
ส่วนสายอื่นๆ ที่คนจบเยอะๆ อย่าง รัฐศาสตร์ การตลาด วิทยาศาสตร์การกีฬา กระทั่งครุศาสตร์ ก็ต้องยอมรับนะครับ ว่าตอนสอบเข้าเรียน มันไม่ยากเท่าตอนหางาน เพราะแน่นอนว่าจบมากันเยอะ แต่งานมันไม่ได้เยอะพอจะรองรับได้ทั้งหมด
ก่อนผมเรียนมหาลัย ผมเองก็มีปัญหา เพราะต้นตระกูลผมเป็นข้าราชการเกือบทั้งหมด ครู พยาบาล ตำรวจ สาธารณสุข วนๆ อยู่แค่นี้ ผมโดนที่บ้านเป่าหูทุกวันให้ไปเป็นตำรวจทหาร เขาอยากคุยทับชาวบ้านว่า ลูกชายคนโตจบนายร้อย จปร. ลูกชายคนเล็กจบนายร้อยตำรวจ อะไรประมาณแบบนี้ และก็ชอบพูดประมาณว่าจบวิศวะจบสถาปัตย์ต้องมาแย่งงานกันทำ ตกงานกันเป็นว่าเล่นอะไรแบบนั้น
จริงๆ กว่าผมจะได้เรียนวิศวะจนจบมาทำงาน มันก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ผมต้องรบรากับอะไรต่อมิอะไรเยอะแยะ ที่บ้านถึงขนาดไล่ผมไปสมัครทหารเกณฑ์ตอนเรียนวิศวะ พอผมไม่ไปก็ด่าผมอย่างรุนแรงบ้านแทบแตก แค่ได้เป็นทหารน้อยๆ เขาก็พอใจแล้ว ก็คิดดูเอาละกัน ว่าเขาสนับสนุนให้ผมเป็นวิศวกรหรือเปล่า
มันคือความหวังดีนะ เพียงแต่ผมรู้สึกว่านั่นคือความต้องการของที่บ้าน ไม่ใช่ความต้องการของผม
ก็อยากฝากไว้นะครับ จะเรียนอะไรก็คิดดูให้ดีๆ ว่าเราชอบมันจริงๆ หรือเปล่า และจบมาแล้วพร้อมจะต่อสู้แย่งชิงพื้นที่กับคนอื่นที่จบมาในสาขาเดียวกันมากน้อยแค่ไหน ไปให้มันสุดครับผม แล้วก็อย่าเสียใจในสิ่งที่ตัวเองเลือก ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าตัวเราหรอก
เป็นกำลังใจให้ทุกคนที่เลือกสู้และเรียนในสิ่งที่ตัวเองชอบนะครับ