ผมมีเรื่องปรึกษา ปัญหาชีวิตส่วนตัวผมหน่อยครับ คือตอนนี้ผมมีปัญหาอยู่ 2 เรื่อง
คือ 1 เรื่องต้องหาเงินมาส่งรถ ตก ๆราว ๆ ก็ประมาณ 15000-17000 ต่อเดือนครับ หมายถึงที่ต้องหามาต่อเดือน ซึ่งผมมีความคิดแก้ปัญหาด้วยตัวเองก่อนนะครับ คือไป กู้สหกรณ์มาแล้วปิดรถคันเก่า ซึ่งตอนนี้เหลือประมาณ แสนสี่หมื่นบาท แล้วขายรถคันเก่าไปเลยมาส่งแต่รถคันใหม่ ผมคิดว่าน่าจะพอไหว
กับ วิธีที่ 2 คือ ไม่ต้องส่งรถคันใหม่ปล่อยให้ ธนาคารมายึดไปเองครับ
วิธีที่ 3 คือดิ้นรนหาเงินต่อเดือนโดยการดูดวง ทำอาชีพเสริมนั่นนี่ต่อไป ซึ่งผมก็ยังคิดไม่ออกว่าจะได้รายได้ต่อเดือนขนาดนั้นได้ยังไงเพราะผมลองคำนวณการดูดวงย้อนหลังแล้วตกประมาณ 4-5 พันบาทต่อเดือนซึ่งเป็นยอดที่คนมาดูเอง ยังไม่ได้ประชาสัมพันธ์อะไรมากมายอย่างเต็มตัวที่คิดไว้ครับ
เรื่องใหญ่ที่ 2 (อันนี้ผมยังไม่บอกใครเลย) คือตอนนี้ผมโดน ฟ้องคดีอาญา ซึ่งศาลรับฟ้องไปเมื่อเดือนกุมภา แล้วเหมือนจะต้องไปขึ้นศาลถ้าจะสู้คดีอีก โดยต้องประกันตัว ตอนเดือน พฤษภาคมครับ ไม่แน่ใจว่าต้องใช้เงินหรือตำแหน่งอะไรยังไง ให้ทนายดำเนินการให้ผมยังไม่ได้คุยเลยครับ
สำหรับคดีนี้ ที่มาคือ ผมไปลงหุ้นกับพี่คนนึงทำธุรกิจรายการทีวีเขาเป็นผู้บริหาร ซึ่งเป็นเงิน 2 หุ้น 2 รายการ รายการละ 1 แสนบาท ซึ่งเขาประมาณการให้ฟังว่า ถ้ามาทำจะได้ปันผลต่อเดือน ประมาณ 2-3 หมื่น เขาจึงชวนผมไปออกรถ ทั้ง ๆ ที่ผมบอกเขาไปว่า เงินตอนนี้ที่ผมมีคือ เงินที่กู้ธนาคารบ้านกับสหกรณ์มาเพื่อมาจ่ายค่าอื่น ๆ ผมก็ตัดสินใจง่ายเองเพราะความโลภของผมด้วยครับ ว่าเขาจะปันผลให้แบบนั้นแต่ตั้งแต่ตอนนั้นมายังไม่มีปัญผลอะไรตามที่บอก เพราะรายการยังไม่มีรายได้คุ้มรายจ่าย มีแต่ติดลบเท่าที่เขาบอกนะครับ ผมก็เข้าใจว่าการทำธุรกิจต้องลงทุนก่อนค่อยปันผล
แต่มีช่วงนึง ที่รายการเริ่มไปไม่ไหว ผมต้องหาเงินมาเพื่อที่จะให้รายการอยู่รอด เขาจึงให้ผมไปเป็นหุ้นส่วนบริษัทแทนครับ ซึ่งผมไม่รู้ว่าหุ้นส่วนไรพวกนี้มีหลายแบบ และไม่รู้ว่าใครเป็นก่อนหลังยังไง พอประมาณ ตุลาก็มีศาลถึงบ้านว่าผมเป็นจำเลยที่ 3 โดยฟ้องคดีอาญา หลายข้อหามากก็งง ๆ อ่าน ๆ ก็เหมือนไปแจ้งความเท็จต่อเจ้าหน้าที่ เรื่องหุ้นที่กล่าวมาๆ ซึ่งผมไม่เคยทำธุรกิจอะไรมาก่อนในชีวิตเลยครับ เลยไม่รู้กระบวนการพวกนี้เท่าไหร่ คิดแต่ว่าอยากให้รายการอยู่รอดไปได้ เพราะมีช่วงนึงเหมือนจะไปไม่รอดเพราะไม่มีสปอนเซอร์เข้ามาเลยครับ ซึ่งผลจากการโดนฟ้องคดีอาญาอาจะทำให้ผมต้องออกจากราชการเลยหรือไม่ครับ
สำหรับเรื่องที่สอง ทำให้ผมคิดต่อไปว่า
1. ลาออกจากราชการก่อนเลย แล้วไปทำร้านยาที่มีรายได้ดีกว่าอีกใจก็คิดว่าไม่มีอะไรจะมั่นคงไปกว่าราชการอีกแล้วนะครับตอนนี้ แต่ก็เสี่ยงเรื่องคดีที่ผมโดนฟ้องจะเป็นยังไง
2. คือผมรู้จักพี่คนนึง ผมเลยลองปรึกษาจะไปทำงานที่อเมริกา คือเอาตรง ๆก็ดูจะหนีปัญหาไปเลย แต่เพื่อที่จะรักษาทั้งรถ ทั้งบ้าน ของผมไว้ แต่ผมต้องทิ้งวิชาชีพ งานราชการของผมไปครับแล้วไปเริ่มใหม่ที่นู้นเลย (ตอนนี้กำลังอยู่ขั้นติดต่อนะคับ)
ผมตัดสินใจยังไม่ได้สักทีเลยครับว่าจะทำยังไงดีเลยมาลองถาม พี่ ๆ ดูครับ
ขอความคิดเห็นปัญหาชีวิตผมหน่อยได้ไหมครับ
คือ 1 เรื่องต้องหาเงินมาส่งรถ ตก ๆราว ๆ ก็ประมาณ 15000-17000 ต่อเดือนครับ หมายถึงที่ต้องหามาต่อเดือน ซึ่งผมมีความคิดแก้ปัญหาด้วยตัวเองก่อนนะครับ คือไป กู้สหกรณ์มาแล้วปิดรถคันเก่า ซึ่งตอนนี้เหลือประมาณ แสนสี่หมื่นบาท แล้วขายรถคันเก่าไปเลยมาส่งแต่รถคันใหม่ ผมคิดว่าน่าจะพอไหว
กับ วิธีที่ 2 คือ ไม่ต้องส่งรถคันใหม่ปล่อยให้ ธนาคารมายึดไปเองครับ
วิธีที่ 3 คือดิ้นรนหาเงินต่อเดือนโดยการดูดวง ทำอาชีพเสริมนั่นนี่ต่อไป ซึ่งผมก็ยังคิดไม่ออกว่าจะได้รายได้ต่อเดือนขนาดนั้นได้ยังไงเพราะผมลองคำนวณการดูดวงย้อนหลังแล้วตกประมาณ 4-5 พันบาทต่อเดือนซึ่งเป็นยอดที่คนมาดูเอง ยังไม่ได้ประชาสัมพันธ์อะไรมากมายอย่างเต็มตัวที่คิดไว้ครับ
เรื่องใหญ่ที่ 2 (อันนี้ผมยังไม่บอกใครเลย) คือตอนนี้ผมโดน ฟ้องคดีอาญา ซึ่งศาลรับฟ้องไปเมื่อเดือนกุมภา แล้วเหมือนจะต้องไปขึ้นศาลถ้าจะสู้คดีอีก โดยต้องประกันตัว ตอนเดือน พฤษภาคมครับ ไม่แน่ใจว่าต้องใช้เงินหรือตำแหน่งอะไรยังไง ให้ทนายดำเนินการให้ผมยังไม่ได้คุยเลยครับ
สำหรับคดีนี้ ที่มาคือ ผมไปลงหุ้นกับพี่คนนึงทำธุรกิจรายการทีวีเขาเป็นผู้บริหาร ซึ่งเป็นเงิน 2 หุ้น 2 รายการ รายการละ 1 แสนบาท ซึ่งเขาประมาณการให้ฟังว่า ถ้ามาทำจะได้ปันผลต่อเดือน ประมาณ 2-3 หมื่น เขาจึงชวนผมไปออกรถ ทั้ง ๆ ที่ผมบอกเขาไปว่า เงินตอนนี้ที่ผมมีคือ เงินที่กู้ธนาคารบ้านกับสหกรณ์มาเพื่อมาจ่ายค่าอื่น ๆ ผมก็ตัดสินใจง่ายเองเพราะความโลภของผมด้วยครับ ว่าเขาจะปันผลให้แบบนั้นแต่ตั้งแต่ตอนนั้นมายังไม่มีปัญผลอะไรตามที่บอก เพราะรายการยังไม่มีรายได้คุ้มรายจ่าย มีแต่ติดลบเท่าที่เขาบอกนะครับ ผมก็เข้าใจว่าการทำธุรกิจต้องลงทุนก่อนค่อยปันผล
แต่มีช่วงนึง ที่รายการเริ่มไปไม่ไหว ผมต้องหาเงินมาเพื่อที่จะให้รายการอยู่รอด เขาจึงให้ผมไปเป็นหุ้นส่วนบริษัทแทนครับ ซึ่งผมไม่รู้ว่าหุ้นส่วนไรพวกนี้มีหลายแบบ และไม่รู้ว่าใครเป็นก่อนหลังยังไง พอประมาณ ตุลาก็มีศาลถึงบ้านว่าผมเป็นจำเลยที่ 3 โดยฟ้องคดีอาญา หลายข้อหามากก็งง ๆ อ่าน ๆ ก็เหมือนไปแจ้งความเท็จต่อเจ้าหน้าที่ เรื่องหุ้นที่กล่าวมาๆ ซึ่งผมไม่เคยทำธุรกิจอะไรมาก่อนในชีวิตเลยครับ เลยไม่รู้กระบวนการพวกนี้เท่าไหร่ คิดแต่ว่าอยากให้รายการอยู่รอดไปได้ เพราะมีช่วงนึงเหมือนจะไปไม่รอดเพราะไม่มีสปอนเซอร์เข้ามาเลยครับ ซึ่งผลจากการโดนฟ้องคดีอาญาอาจะทำให้ผมต้องออกจากราชการเลยหรือไม่ครับ
สำหรับเรื่องที่สอง ทำให้ผมคิดต่อไปว่า
1. ลาออกจากราชการก่อนเลย แล้วไปทำร้านยาที่มีรายได้ดีกว่าอีกใจก็คิดว่าไม่มีอะไรจะมั่นคงไปกว่าราชการอีกแล้วนะครับตอนนี้ แต่ก็เสี่ยงเรื่องคดีที่ผมโดนฟ้องจะเป็นยังไง
2. คือผมรู้จักพี่คนนึง ผมเลยลองปรึกษาจะไปทำงานที่อเมริกา คือเอาตรง ๆก็ดูจะหนีปัญหาไปเลย แต่เพื่อที่จะรักษาทั้งรถ ทั้งบ้าน ของผมไว้ แต่ผมต้องทิ้งวิชาชีพ งานราชการของผมไปครับแล้วไปเริ่มใหม่ที่นู้นเลย (ตอนนี้กำลังอยู่ขั้นติดต่อนะคับ)
ผมตัดสินใจยังไม่ได้สักทีเลยครับว่าจะทำยังไงดีเลยมาลองถาม พี่ ๆ ดูครับ