มาตั้งกระทู้อีกครั้ง หลังจากกระทู้เมื่อ 2.5ปีก่อน ที่เรามาตั้งถามเรื่องต้องการหย่ากับสามี
ขอเล่าอัพเดทก่อนว่า เรายังไม่ได้หย่าค่ะ เหตุเพราะ "เขา" ต้องการแย่งสิทธิ์เรื่องลูกเช่นกัน และเราก็ไม่มั่นใจพอว่าจะชนะมั้ย เราไม่มีงานประจำ มีแต่ขายของเล็กน้อยที่บ้าน ง่ายๆ ไม่มีเงินเดือนมั่นคง แต่เขามีรายได้150,xxxx ทุกเดือนเรากลัวฟ้องกันขึ้นมาเราจะไม่ได้สิทธิ์ดูแลลูกค่ะ ถึงแม้จะเป็นเราที่ดูแลลูกตลอดมาก็ตาม (ขอพิมพ์ว่าเขาแทนสามีนะคะ เพราะคำว่าสามีมันน่าคลื่นไส้สำหรับเรามาก)
โดยที่ผ่านมา เราทั้งคู่อยู่กันเหมือนอากาศธาตุ ไม่มีคุยปรึกษาเรื่องใดๆ ของกันและกัน หากเรามีเรื่องกลุ้มใจหรือเสียใจแค่ไหน ทำได้อย่างเดียวคือกลืนมันเข้าไปแล้วลืมซะ ไม่แม้แต่จะคุยเรื่องทั่วไปในชีวิต เพราะจะจบลงที่การทะเลาะ ด้วยทัศนคติในการใช้ชีวิตต่างกันสิ้นเชิง......เขาเป็นคนญี่ปุ่นที่โตในอเมริกา และเราคนไทยอยู่แต่ไทย จะถูกเขาดูถูกความคิดเสมอ ว่าล้าหลัง ไร้เหตุผลที่ดี ไม่เมคเซนส์ เพราะเราคือคนไทย ประเทศด้อยพัฒนา ง่ายๆ ดูถูกคนไทยจึงไม่รับฟังเราเลย (เขาไม่ให้ลูกพูดไทยด้วย บอกว่าภาษานี้ไร้ประโยชน์ ใช้ได้แค่ในไทย เปลืองพื้นที่สมอง)
ประกอบเรากับสามี ไม่มีเพศสัมพันธ์กันมา 5 ปีแล้ว (ลูก 4.3 ปี ว่าง่ายๆ ครั้งสุดท้ายที่มีคือตอนที่ตรวจเจอวันตกไข่เพื่อทำลูก) ไม่มีการกอด สัมผัส จับมือ แตะตัว ตั้งแต่ลูกอายุ 3 เดือน หากเรามีอารมณ์ก็ช่วยตัวเองไป ซึ่งเรามีอารมณ์ทางเพศสูงและ ชตอ มาทุกวันตลอด 5 ปีนี้ ด้วยเหตุนี้เราจึงบอกตอนต้นว่า ขอแทนคำว่าสามีด้วย เขา เพราะเราคลื่นไส้เมื่อต้องใช้คำนี้มาก
ช่วง 2 ปีแรก หลังลูกคลอด เราทั้งร้องไห้ เสียใจเรื่องที่ถูกเมิน เราขอตลอดแต่ก็ถูกปฏิเสธ มาพีคตอนที่ไปญี่ปุ่นบรรยากาศดีมาก เราจึงรวบรวมความกล้าอีกครั้งแล้วขอมีอะไรกัน แต่กลับถูกเขาผลักตัวเราดันออก พร้อมทำหน้าซีเรียสถามว่า “มันจำเป็นขนาดนั้นหรอ?” “เขาไม่รู้สึกกับเราเหมือนเดิม” “หากต้องมีอะไรกับเรา ขอมีกับเคอรี่ง่ายกว่า”....หลังจากวันนั้น เราบอกตัวเราว่าคนนี้ไม่ใช่สามี แต่คืออริ คนที่เราเกลียด คนที่ทำให้ชีวิตเราต้องมาอยู่จุดนี้
ค่ะก็ผ่านมาอีก 2 ปี ที่เราต้องทนกับเขา อยู่ในบ้านเดียวกันแต่ก็เหมือนอากาศธาตุ เราชินแล้วกับชีวิตที่ต้องอยู่ให้ได้ด้วยตัวคนเดียว ถึงแม้ความสุข = 0 แต่ลูกเรามีความสุขเกินร้อย เห็นพ่อแม่อยู่ด้วยกัน เราก็สามารถทนไปได้ แต่ช่วงนี้เราเริ่มไม่ไหว เพราะเริ่มจะรับไม่ได้ ที่คนนั้นคนนี้ เรียกเขาว่า สามีเรา หรือเขาเรียกเราว่า ภรรยา คำนี้มันกัดกินหัวใจเรา เพราะเราต้องฝืนทนมากจริงๆ ในการอยู่จุดนี้ จึงอยากหย่ากันให้จบๆ จะได้ไม่ต้องมีใครมาใช้คำเหล่านี้ให้เราได้ยินอีก (แม้แต่พ่อแม่เราก็ยังใช้คำว่า ผัวเรา ทั้งที่รู้สถานภาพเราดีว่าเป็นอย่างไร)
มาสู่จุดสำคัญแล้วค่ะ
เมื่อวานเราขอหย่า เขาไม่ใช่สามีเรามาตั้งนานแล้ว จะคงสถานะนี้เพื่ออะไร เราไม่มีอะไรกันด้วยซ้ำมา 5 ปีแล้ว เขาตอบว่าไม่ต้องการหย่า สำหรับเขา เราคือภรรยา นิยามสามีภรรยา ไม่ได้มีแค่เรืองมีอะไรกัน และตอนนี้ เขาพร้อมมีอะไรกับเราแล้ว หากเราไปฟ้องทนาย ขอให้จำไว้ว่า ตั้งแต่วันนี้ คือเราที่ปฏิเสธการมีเพศสัมพันธ์.....ฟังประโยคนี้ บอกเลยว่าเราช๊อกค่ะ หากให้เราฝืนมีเพศสัมพันธ์ มันก็ไม่ต่างถูกข่มขืนจากคนแปลกหน้า เพราะเขาคือคนแปลกหน้าสำหรับเราไปแล้วจริงๆ ตลอดหลายปีที่เราต้องอยู่ตัวคนเดียว
คำถามค่ะ เราควรไปหย่าตามที่เราต้องการมาหลายปี จะได้จบเรื่องราวที่อดทนมานาน หรือยอมฝืนใจมีอะไรกัน เผื่ออะไรดีขึ้น? ที่คิดไว้ จะขอให้เขาโอนมาให้เราสัก 2 ล้าน เป็นค่าซื้อความรู้สึกเรา ลูกจะได้แฮปปี้ด้วยพ่อแม่ยังอยู่ด้วยกัน แต่ใจก็ยังระแวงหากเราเปิดใจ เรื่องราวมันจะวนลูปเหมือนเดิมอีกมั้ย.....และแค่คิดก็คลื่นไส้รังเกียจเมื่อนึกถึงสิ่งนั่นรุกล้ำเข้ามาในตัวเรา....
ปัญหาเรื่องสามี เราควรทำอย่างไรดีคะ
ขอเล่าอัพเดทก่อนว่า เรายังไม่ได้หย่าค่ะ เหตุเพราะ "เขา" ต้องการแย่งสิทธิ์เรื่องลูกเช่นกัน และเราก็ไม่มั่นใจพอว่าจะชนะมั้ย เราไม่มีงานประจำ มีแต่ขายของเล็กน้อยที่บ้าน ง่ายๆ ไม่มีเงินเดือนมั่นคง แต่เขามีรายได้150,xxxx ทุกเดือนเรากลัวฟ้องกันขึ้นมาเราจะไม่ได้สิทธิ์ดูแลลูกค่ะ ถึงแม้จะเป็นเราที่ดูแลลูกตลอดมาก็ตาม (ขอพิมพ์ว่าเขาแทนสามีนะคะ เพราะคำว่าสามีมันน่าคลื่นไส้สำหรับเรามาก)
โดยที่ผ่านมา เราทั้งคู่อยู่กันเหมือนอากาศธาตุ ไม่มีคุยปรึกษาเรื่องใดๆ ของกันและกัน หากเรามีเรื่องกลุ้มใจหรือเสียใจแค่ไหน ทำได้อย่างเดียวคือกลืนมันเข้าไปแล้วลืมซะ ไม่แม้แต่จะคุยเรื่องทั่วไปในชีวิต เพราะจะจบลงที่การทะเลาะ ด้วยทัศนคติในการใช้ชีวิตต่างกันสิ้นเชิง......เขาเป็นคนญี่ปุ่นที่โตในอเมริกา และเราคนไทยอยู่แต่ไทย จะถูกเขาดูถูกความคิดเสมอ ว่าล้าหลัง ไร้เหตุผลที่ดี ไม่เมคเซนส์ เพราะเราคือคนไทย ประเทศด้อยพัฒนา ง่ายๆ ดูถูกคนไทยจึงไม่รับฟังเราเลย (เขาไม่ให้ลูกพูดไทยด้วย บอกว่าภาษานี้ไร้ประโยชน์ ใช้ได้แค่ในไทย เปลืองพื้นที่สมอง)
ประกอบเรากับสามี ไม่มีเพศสัมพันธ์กันมา 5 ปีแล้ว (ลูก 4.3 ปี ว่าง่ายๆ ครั้งสุดท้ายที่มีคือตอนที่ตรวจเจอวันตกไข่เพื่อทำลูก) ไม่มีการกอด สัมผัส จับมือ แตะตัว ตั้งแต่ลูกอายุ 3 เดือน หากเรามีอารมณ์ก็ช่วยตัวเองไป ซึ่งเรามีอารมณ์ทางเพศสูงและ ชตอ มาทุกวันตลอด 5 ปีนี้ ด้วยเหตุนี้เราจึงบอกตอนต้นว่า ขอแทนคำว่าสามีด้วย เขา เพราะเราคลื่นไส้เมื่อต้องใช้คำนี้มาก
ช่วง 2 ปีแรก หลังลูกคลอด เราทั้งร้องไห้ เสียใจเรื่องที่ถูกเมิน เราขอตลอดแต่ก็ถูกปฏิเสธ มาพีคตอนที่ไปญี่ปุ่นบรรยากาศดีมาก เราจึงรวบรวมความกล้าอีกครั้งแล้วขอมีอะไรกัน แต่กลับถูกเขาผลักตัวเราดันออก พร้อมทำหน้าซีเรียสถามว่า “มันจำเป็นขนาดนั้นหรอ?” “เขาไม่รู้สึกกับเราเหมือนเดิม” “หากต้องมีอะไรกับเรา ขอมีกับเคอรี่ง่ายกว่า”....หลังจากวันนั้น เราบอกตัวเราว่าคนนี้ไม่ใช่สามี แต่คืออริ คนที่เราเกลียด คนที่ทำให้ชีวิตเราต้องมาอยู่จุดนี้
ค่ะก็ผ่านมาอีก 2 ปี ที่เราต้องทนกับเขา อยู่ในบ้านเดียวกันแต่ก็เหมือนอากาศธาตุ เราชินแล้วกับชีวิตที่ต้องอยู่ให้ได้ด้วยตัวคนเดียว ถึงแม้ความสุข = 0 แต่ลูกเรามีความสุขเกินร้อย เห็นพ่อแม่อยู่ด้วยกัน เราก็สามารถทนไปได้ แต่ช่วงนี้เราเริ่มไม่ไหว เพราะเริ่มจะรับไม่ได้ ที่คนนั้นคนนี้ เรียกเขาว่า สามีเรา หรือเขาเรียกเราว่า ภรรยา คำนี้มันกัดกินหัวใจเรา เพราะเราต้องฝืนทนมากจริงๆ ในการอยู่จุดนี้ จึงอยากหย่ากันให้จบๆ จะได้ไม่ต้องมีใครมาใช้คำเหล่านี้ให้เราได้ยินอีก (แม้แต่พ่อแม่เราก็ยังใช้คำว่า ผัวเรา ทั้งที่รู้สถานภาพเราดีว่าเป็นอย่างไร)
มาสู่จุดสำคัญแล้วค่ะ
เมื่อวานเราขอหย่า เขาไม่ใช่สามีเรามาตั้งนานแล้ว จะคงสถานะนี้เพื่ออะไร เราไม่มีอะไรกันด้วยซ้ำมา 5 ปีแล้ว เขาตอบว่าไม่ต้องการหย่า สำหรับเขา เราคือภรรยา นิยามสามีภรรยา ไม่ได้มีแค่เรืองมีอะไรกัน และตอนนี้ เขาพร้อมมีอะไรกับเราแล้ว หากเราไปฟ้องทนาย ขอให้จำไว้ว่า ตั้งแต่วันนี้ คือเราที่ปฏิเสธการมีเพศสัมพันธ์.....ฟังประโยคนี้ บอกเลยว่าเราช๊อกค่ะ หากให้เราฝืนมีเพศสัมพันธ์ มันก็ไม่ต่างถูกข่มขืนจากคนแปลกหน้า เพราะเขาคือคนแปลกหน้าสำหรับเราไปแล้วจริงๆ ตลอดหลายปีที่เราต้องอยู่ตัวคนเดียว
คำถามค่ะ เราควรไปหย่าตามที่เราต้องการมาหลายปี จะได้จบเรื่องราวที่อดทนมานาน หรือยอมฝืนใจมีอะไรกัน เผื่ออะไรดีขึ้น? ที่คิดไว้ จะขอให้เขาโอนมาให้เราสัก 2 ล้าน เป็นค่าซื้อความรู้สึกเรา ลูกจะได้แฮปปี้ด้วยพ่อแม่ยังอยู่ด้วยกัน แต่ใจก็ยังระแวงหากเราเปิดใจ เรื่องราวมันจะวนลูปเหมือนเดิมอีกมั้ย.....และแค่คิดก็คลื่นไส้รังเกียจเมื่อนึกถึงสิ่งนั่นรุกล้ำเข้ามาในตัวเรา....