ผลสำรวจครัวเรือน 70% ไร้เงินออม แถมรายได้ไม่พอกับรายจ่าย
https://www.dailynews.co.th/news/845339/
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดผลสำรวจดัชนีภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพครัวเรือน พบ 70% ไม่มีเงินออมเลย และ 1 ใน 3 มีรายได้ไม่พอกับรายจ่ายต่อเดือน
“ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” รายงานผลสำรวจดัชนีภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพครัวเรือน (KR-ECI) โดยในเดือนก.พ. 65 ภาครัฐมีมาตรการบรรเทาค่าครองชีพของครัวเรือนออกมาต่อเนื่อง ประกอบกับการเปิดให้ลงทะเบียน Test & Go อีกครั้ง ทำให้เกิดความหวังเกี่ยวกับภาคท่องเที่ยวมากขึ้น ปัจจัยดังกล่าวช่วยหนุนมุมมองเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของครัวเรือนให้ปรับดีขึ้นจากระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนก่อน
โดยดัชนี KR-ECI ปัจจุบันอยู่ที่ 33.9 จาก 30.9 และ 3 เดือนข้างหน้า 36.0 จาก 33.2 ในเดือน ม.ค. 65 ดัชนีปรับดีขึ้นในทุกองค์ประกอบ แม้ว่ารายงานดัชนีราคาผู้บริโภคในเดือน ก.พ. จะระบุว่า ระดับดัชนีราคาในหมวดอาหารบริโภคในบ้านและนอกบ้านปรับเพิ่มขึ้นที่ 5.75% และ 5.29% เทียบช่วงเดียวกับปีก่อน แต่ผลสำรวจ KR-ECI บ่งชี้ว่าความกังวลเกี่ยวกับระดับราคาอาหารและเครื่องดื่ม (ของรับประทาน) ลดลงจากเดือนก่อน
ซึ่งคาดว่ามาตรการคนละครึ่งระยะที่ 4 ของภาครัฐช่วยบรรเทาผลกระทบหรือความกังวลจากราคาอาหารที่ปรับขึ้นได้ เนื่องจากพิจารณายอดสะสมแบ่งตามประเภทร้านค้าของมาตรการคนละครึ่งพบว่า เกือบครึ่งหนึ่งของยอดค่าใช้จ่ายทั้งหมด ผู้เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งได้ใช้จ่ายไปกับร้านอาหารและเครื่องดื่ม โดยข้อมูลจากกระทรวงการคลัง ณ วันที่ 8 มี.ค. 65 อยู่ที่ 21,774.6 ล้านบาท จากยอดการใช้จ่ายรวม 51,153.1 ล้านบาท บ่งชี้ว่ามาตรการดังกล่าวเข้ามาช่วยแบ่งเบาและบรรเทาราคาสินค้าที่ปรับเพิ่มขึ้นได้บางส่วน
อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาในส่วนของพฤติกรรมการใช้จ่ายเทียบกับเดือนก่อนพบว่า ครัวเรือนส่วนใหญ่ยังมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ครัวเรือนที่มีค่าใช้จ่ายลดลงกลับมีสัดส่วนเพิ่มขึ้น เนื่องจากปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้จ่าย ไปใช้สินค้าที่มีราคาถูกลงหรือลดค่าใช้จ่ายลงเพราะกังวลเกี่ยวกับเรื่องเงินทองในอนาคต จึงได้เริ่มลดค่าใช้จ่ายในปัจจุบันลง ดังนั้น แม้ดัชนีปรับดีขึ้นจากมาตรการของภาครัฐ แต่ภาพรวมครัวเรือนยังคงมีความกังวลจากสถานการณ์ราคาสินค้าที่ปรับสูงขึ้นในปัจจุบัน
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้สำรวจเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเด็นความสอดคล้องกันระหว่างรายได้และรายจ่ายของครัวเรือน พบว่า มีครัวเรือนจำนวน 33.8% หรือกว่า 1 ใน 3 ที่มีรายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่ายรายเดือน และในสัดส่วนนี้ ครัวเรือนส่วนมาก (35.2%) ต้องการรายได้เพิ่มอีกประมาณ 10-20% เพื่อให้มีรายได้เพียงพอกับรายจ่าย (ยังไม่เหลือเก็บออม) ผลสำรวจดังกล่าวสะท้อนความเปราะบางของครัวเรือนกว่า 70% ของการสำรวจว่าไม่มีเงินเก็บออม (ครัวเรือนที่สำรวจมีรายได้ต่อเดือนส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ที่ไม่เกิน 30,000 บาท)
สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนจะเข้ามาเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า ครัวเรือนมีแนวโน้มเผชิญกับภาวะราคาสินค้าที่สูง ลากยาวจากราคาพลังงานในตลาดโลกที่คาดว่าจะอยู่ในระดับสูงไปจนถึงครึ่งปีหลังนี้
ขณะที่ภาครัฐยังทยอยออกมาตรการมาแบ่งเบาภาระต่าง ๆ ต่อเนื่อง ล่าสุดมีการกล่าวถึงโครงการคนละครึ่งระยะที่ 5 ซึ่งจะมีการประเมินหลังสิ้นสุดระยะที่ 4 (เม.ย. 65) นอกจากนี้ สถานการณ์โควิด-19 ที่จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องยังเป็นอีกหนึ่งความเสี่ยงที่ต้องจับตามอง แม้จะไม่ได้กระทบรุนแรงต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ แต่อาจเป็นตัวซ้ำเติมสถานการณ์เศรษฐกิจให้มีความเปราะบางมากขึ้น.
สอท.ดัชนีเชื่อมั่นอุตฯก.พ.ลดลงแตะ86.7
https://www.innnews.co.th/news/economy/news_303993/
สอท. เผย ดัชนีเชื่อมั่นอุตฯเดือนก.พ. ปรับลดลงแตะ 86.7แนะรัฐบาลยกเลิกมาตรการTest&Go ตรึงราคาพลังงาน ติดตามผลรัสเซียยูเครนใกล้ชิด
นาย
สุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท. เปิดเผยว่า ในเดือนกุมภาพันธ์ ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมปรับตัว ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 86.7 ซึ่งมีปัจจัยมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทำให้ภาครัฐยกระดับการเตือนภัย ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจและความต้องการในประเทศชะลอตัวลงจากเดือนก่อนหน้า
นอกจากนี้ผู้ประกอบการยังเผชิญปัญหาต้นทุนการผลิตสินค้าปรับตัวสูงขึ้นจากราคาวัตถุดิบราคาพลังงานที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูงตามทิศทางราคาในตลาดโลกรวมถึงต้นทุนค่าขนส่งสินค้า ในด้านการส่งออกผู้ประกอบการเผชิญความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนส่งผลกระทบต่อราคาสินค้านำเข้า นอกจากนี้ปัญหาข้อพิพาทระหว่างรัสเซียและยูเครน ส่งผลให้เศรษฐกิจการค้าโลกมีความไม่แน่นอน
โดยข้อเสนอแนะต่อภาครัฐ คือต้องเตรียมความพร้อมด้านสาธารณสุข เพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน ยกเลิกมาตรการ Test & Go โดยให้ผู้เดินทางเข้าประเทศแสดงวัคซีนพาสปอร์ตแทนก่อนเข้าประเทศ พร้อมทั้งจัดให้มีระบบตรวจติดตามผู้เดินทางเข้าประเทศเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวต่างชาติ และเสริมสร้างบรรยากาศด้านการท่องเที่ยวของไทย และออกมาตรการดูแลราคาพลังงาน โดยขอให้มีการจัดตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างภาครัฐ-เอกชน เพื่อติดตามและประเมินสถานการณ์วิกฤตรัสเซีย-ยูเครน รวมทั้งหามาตรการบรรเทาผลกระทบให้แก่ผู้ประกอบการด้านการค้าอย่างมีศักยภาพ
จีนเซ็นเซอร์ต้านศึกยูเครน อาตี๋-อาหมวยโวยแค่กระทู้ขอสันติภาพยังถูกอุ้ม
https://www.khaosod.co.th/around-the-world-news/news_6934442
จีนเซ็นเซอร์ต้านศึกยูเครน – วันที่ 10 มี.ค. รอยเตอร์รายงานว่า เกิดกระแสความไม่พอใจของผู้ใช้อินเตอร์เน็ตชาวจีน หลังทางการจีนเซ็นเซอร์บทสนทนาเกี่ยวกับสงครามยูเครน ไม่ให้แสดงความคิดเห็น ประท้วงทางการรัสเซีย รวมถึงเรียกร้องสันติภาพ
กระแสความคิดเห็นของชาวจีนจากแอพพลิเคชั่น Weibo, WeChat และ Douyin (TiKToK ในจีน) ส่วนใหญ่สนับสนุนการทำสงครามของประธานาธิบดี
วลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ในช่วงหลายวันหลังการรุกรานเมื่อ 24 ก.พ. ที่ผ่านมา
ทว่า มีชาวจีนอีกจำนวนไม่น้อยที่เข้ามาแสดงความไม่เห็นด้วย ทัดทาน ประท้วง ประณาม และเรียกร้องสันติภาพด้วย ล่าสุด ความคิดเห็นเหล่านี้หายไปจากพื้นที่ในโลกออนไลน์จีนแล้ว และมีผู้ใช้หลายคนถูกระงับบัญชีผู้ใช้งานชั่วคราวด้วย
จิน ซิง ดาราสาวประเภทสองจากรายการทอล์กโชว์ชื่อดังในจีน เป็นหนึ่งในผู้ที่ถูกระงับบัญชีผู้ใช้ในแอพ Weibo ภายหลังเผยแพร่เนื้อหาโจมตีประธานาธิบดีปูตินว่าเป็นบุคคลเสียสติ และเรียกร้องให้บรรดาผู้ติดตาม 13.6 ล้านคน สวดภาวนาเพื่อให้สันติภาพบังเกิดในยูเครน
“ดิฉันแค่เขียนว่าอยู่ฝ่ายที่เห็นแก่ชีวิต และยืนอยู่ตรงข้ามการทำสงคราม ไม่ได้บอกด้วยซ้ำว่าสนับสนุนสหรัฐอเมริกา รัสเซีย หรือยูเครน ดิฉันผิดตรงไหนไม่ทราบ” จิน ซิง กล่าวตัดพ้อ
หลาน เค่อ เป็นดาราสาววงการมายาระดับรางวัลทองคำในจีนอีกคนที่ถูกระงับบัญชีผู้ใช้ในแอพ Weibo เนื่องจากละเมิดข้อตกลงการใช้งานและข้อบังคับ หลังกดไลค์และแชร์ภาพเกี่ยวกับสงครามยูเครน แสดงจุดยืนต่อต้านสงคราม รวมถึงแชร์ภาพการประท้วงผู้นำรัสเซียที่นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ประเทศรัสเซีย
ความเคลื่อนไหวนี้สอดคล้องกับท่าทีของทางการจีนที่ไม่ยอมประณามการทำสงครามของประธานาธิบดีปูติน และไม่ยอมเรียกปฏิบัติการพิเศษทางทหารของผู้นำรัสเซียว่าการรุกราน แต่จีนย้ำว่าสนับสนุนการหาทางออกของปัญหาผ่านการเจรจาอย่างสันติ
การเซ็นเซอร์ของทางการจีนยังรวมถึงการลบจดหมายเปิดผนึกของบรรดานักวิชาการในจีนที่พยายามรวบรวมรายชื่อผู้ใช้อินเตอร์เน็ตที่ไม่เห็นด้วยกับการทำสงครามของรัสเซียใน WeChat
ผู้ช่วยศาสตราจารย์
ลู่ เสี่ยวหยู ผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจากมหาวิทยาลัยปักกิ่ง เขียนบทความที่ถูกนำไปเผยแพร่ใน WeChat เตือนสติชาวจีนว่า “
การถูกมองว่าเป็นพันธมิตรของรัสเซียเป็นขั้นหนึ่งในหนทางที่จะนำไปสู่การสูญเสียแรงสนับสนุนจากประชาคมโลก” ล่าสุด ต้นฉบับของบทความดังกล่าวหายไปแล้ว
ด้านบริษัท เทนเซ็นต์ ผู้พัฒนาและดูแลแอพ WeChat รวมถึงบริษัทผู้พัฒนาแอพ Weibo ไม่ตอบรับคำขอสัมภาษณ์จากสำนักข่าวรอยเตอร์ถึงเหตุข้างต้น เช่นเดียวกันกับ สำนักงานควบคุมดูแลกิจการไซเบอร์สเปซของจีน (CAC)
ขณะที่โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวว่า ไม่ได้รับรายงานว่ามีบัญชีผู้ใช้ถูกระงับและการเซ็นเซอร์เกิดขึ้น พร้อมยืนยันว่าจุดยืนของทางการจีนต่อสงครามยูเครนนั้นชัดเจน โปร่งใสและมั่นคงไม่เปลี่ยนแปลง
นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่า การเซ็นเซอร์ที่เกิดขึ้นยังลุกลามไปถึงสื่ออื่นภายนอกโลกออนไลน์ด้วย โดยรอยเตอร์ได้รับการบอกเล่าจากผู้สื่อข่าว 3 คน ในสื่อจีน 2 แห่ง ยืนยันว่าได้รับการร้องขอจากบรรณาธิการให้ลดความร้อนแรงของบทความที่มีเนื้อหาแตกต่างไปจากจุดยืนของทางการจีน
JJNY : ครัวเรือน 70% ไร้เงินออม│ดัชนีเชื่อมั่นอุตฯ ก.พ.ลดลง│จีนเซ็นเซอร์ต้านศึกยูเครน│ทีมศก.เพื่อไทยจี้รัฐเร่งช่วยปชช.
https://www.dailynews.co.th/news/845339/
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดผลสำรวจดัชนีภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพครัวเรือน พบ 70% ไม่มีเงินออมเลย และ 1 ใน 3 มีรายได้ไม่พอกับรายจ่ายต่อเดือน
“ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” รายงานผลสำรวจดัชนีภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพครัวเรือน (KR-ECI) โดยในเดือนก.พ. 65 ภาครัฐมีมาตรการบรรเทาค่าครองชีพของครัวเรือนออกมาต่อเนื่อง ประกอบกับการเปิดให้ลงทะเบียน Test & Go อีกครั้ง ทำให้เกิดความหวังเกี่ยวกับภาคท่องเที่ยวมากขึ้น ปัจจัยดังกล่าวช่วยหนุนมุมมองเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของครัวเรือนให้ปรับดีขึ้นจากระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนก่อน
โดยดัชนี KR-ECI ปัจจุบันอยู่ที่ 33.9 จาก 30.9 และ 3 เดือนข้างหน้า 36.0 จาก 33.2 ในเดือน ม.ค. 65 ดัชนีปรับดีขึ้นในทุกองค์ประกอบ แม้ว่ารายงานดัชนีราคาผู้บริโภคในเดือน ก.พ. จะระบุว่า ระดับดัชนีราคาในหมวดอาหารบริโภคในบ้านและนอกบ้านปรับเพิ่มขึ้นที่ 5.75% และ 5.29% เทียบช่วงเดียวกับปีก่อน แต่ผลสำรวจ KR-ECI บ่งชี้ว่าความกังวลเกี่ยวกับระดับราคาอาหารและเครื่องดื่ม (ของรับประทาน) ลดลงจากเดือนก่อน
ซึ่งคาดว่ามาตรการคนละครึ่งระยะที่ 4 ของภาครัฐช่วยบรรเทาผลกระทบหรือความกังวลจากราคาอาหารที่ปรับขึ้นได้ เนื่องจากพิจารณายอดสะสมแบ่งตามประเภทร้านค้าของมาตรการคนละครึ่งพบว่า เกือบครึ่งหนึ่งของยอดค่าใช้จ่ายทั้งหมด ผู้เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งได้ใช้จ่ายไปกับร้านอาหารและเครื่องดื่ม โดยข้อมูลจากกระทรวงการคลัง ณ วันที่ 8 มี.ค. 65 อยู่ที่ 21,774.6 ล้านบาท จากยอดการใช้จ่ายรวม 51,153.1 ล้านบาท บ่งชี้ว่ามาตรการดังกล่าวเข้ามาช่วยแบ่งเบาและบรรเทาราคาสินค้าที่ปรับเพิ่มขึ้นได้บางส่วน
อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาในส่วนของพฤติกรรมการใช้จ่ายเทียบกับเดือนก่อนพบว่า ครัวเรือนส่วนใหญ่ยังมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ครัวเรือนที่มีค่าใช้จ่ายลดลงกลับมีสัดส่วนเพิ่มขึ้น เนื่องจากปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้จ่าย ไปใช้สินค้าที่มีราคาถูกลงหรือลดค่าใช้จ่ายลงเพราะกังวลเกี่ยวกับเรื่องเงินทองในอนาคต จึงได้เริ่มลดค่าใช้จ่ายในปัจจุบันลง ดังนั้น แม้ดัชนีปรับดีขึ้นจากมาตรการของภาครัฐ แต่ภาพรวมครัวเรือนยังคงมีความกังวลจากสถานการณ์ราคาสินค้าที่ปรับสูงขึ้นในปัจจุบัน
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้สำรวจเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเด็นความสอดคล้องกันระหว่างรายได้และรายจ่ายของครัวเรือน พบว่า มีครัวเรือนจำนวน 33.8% หรือกว่า 1 ใน 3 ที่มีรายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่ายรายเดือน และในสัดส่วนนี้ ครัวเรือนส่วนมาก (35.2%) ต้องการรายได้เพิ่มอีกประมาณ 10-20% เพื่อให้มีรายได้เพียงพอกับรายจ่าย (ยังไม่เหลือเก็บออม) ผลสำรวจดังกล่าวสะท้อนความเปราะบางของครัวเรือนกว่า 70% ของการสำรวจว่าไม่มีเงินเก็บออม (ครัวเรือนที่สำรวจมีรายได้ต่อเดือนส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ที่ไม่เกิน 30,000 บาท)
สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนจะเข้ามาเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า ครัวเรือนมีแนวโน้มเผชิญกับภาวะราคาสินค้าที่สูง ลากยาวจากราคาพลังงานในตลาดโลกที่คาดว่าจะอยู่ในระดับสูงไปจนถึงครึ่งปีหลังนี้
ขณะที่ภาครัฐยังทยอยออกมาตรการมาแบ่งเบาภาระต่าง ๆ ต่อเนื่อง ล่าสุดมีการกล่าวถึงโครงการคนละครึ่งระยะที่ 5 ซึ่งจะมีการประเมินหลังสิ้นสุดระยะที่ 4 (เม.ย. 65) นอกจากนี้ สถานการณ์โควิด-19 ที่จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องยังเป็นอีกหนึ่งความเสี่ยงที่ต้องจับตามอง แม้จะไม่ได้กระทบรุนแรงต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ แต่อาจเป็นตัวซ้ำเติมสถานการณ์เศรษฐกิจให้มีความเปราะบางมากขึ้น.
สอท.ดัชนีเชื่อมั่นอุตฯก.พ.ลดลงแตะ86.7
https://www.innnews.co.th/news/economy/news_303993/
สอท. เผย ดัชนีเชื่อมั่นอุตฯเดือนก.พ. ปรับลดลงแตะ 86.7แนะรัฐบาลยกเลิกมาตรการTest&Go ตรึงราคาพลังงาน ติดตามผลรัสเซียยูเครนใกล้ชิด
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท. เปิดเผยว่า ในเดือนกุมภาพันธ์ ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมปรับตัว ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 86.7 ซึ่งมีปัจจัยมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทำให้ภาครัฐยกระดับการเตือนภัย ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจและความต้องการในประเทศชะลอตัวลงจากเดือนก่อนหน้า
นอกจากนี้ผู้ประกอบการยังเผชิญปัญหาต้นทุนการผลิตสินค้าปรับตัวสูงขึ้นจากราคาวัตถุดิบราคาพลังงานที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูงตามทิศทางราคาในตลาดโลกรวมถึงต้นทุนค่าขนส่งสินค้า ในด้านการส่งออกผู้ประกอบการเผชิญความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนส่งผลกระทบต่อราคาสินค้านำเข้า นอกจากนี้ปัญหาข้อพิพาทระหว่างรัสเซียและยูเครน ส่งผลให้เศรษฐกิจการค้าโลกมีความไม่แน่นอน
โดยข้อเสนอแนะต่อภาครัฐ คือต้องเตรียมความพร้อมด้านสาธารณสุข เพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน ยกเลิกมาตรการ Test & Go โดยให้ผู้เดินทางเข้าประเทศแสดงวัคซีนพาสปอร์ตแทนก่อนเข้าประเทศ พร้อมทั้งจัดให้มีระบบตรวจติดตามผู้เดินทางเข้าประเทศเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวต่างชาติ และเสริมสร้างบรรยากาศด้านการท่องเที่ยวของไทย และออกมาตรการดูแลราคาพลังงาน โดยขอให้มีการจัดตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างภาครัฐ-เอกชน เพื่อติดตามและประเมินสถานการณ์วิกฤตรัสเซีย-ยูเครน รวมทั้งหามาตรการบรรเทาผลกระทบให้แก่ผู้ประกอบการด้านการค้าอย่างมีศักยภาพ
จีนเซ็นเซอร์ต้านศึกยูเครน อาตี๋-อาหมวยโวยแค่กระทู้ขอสันติภาพยังถูกอุ้ม
https://www.khaosod.co.th/around-the-world-news/news_6934442
จีนเซ็นเซอร์ต้านศึกยูเครน – วันที่ 10 มี.ค. รอยเตอร์รายงานว่า เกิดกระแสความไม่พอใจของผู้ใช้อินเตอร์เน็ตชาวจีน หลังทางการจีนเซ็นเซอร์บทสนทนาเกี่ยวกับสงครามยูเครน ไม่ให้แสดงความคิดเห็น ประท้วงทางการรัสเซีย รวมถึงเรียกร้องสันติภาพ
กระแสความคิดเห็นของชาวจีนจากแอพพลิเคชั่น Weibo, WeChat และ Douyin (TiKToK ในจีน) ส่วนใหญ่สนับสนุนการทำสงครามของประธานาธิบดี
วลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ในช่วงหลายวันหลังการรุกรานเมื่อ 24 ก.พ. ที่ผ่านมา
ทว่า มีชาวจีนอีกจำนวนไม่น้อยที่เข้ามาแสดงความไม่เห็นด้วย ทัดทาน ประท้วง ประณาม และเรียกร้องสันติภาพด้วย ล่าสุด ความคิดเห็นเหล่านี้หายไปจากพื้นที่ในโลกออนไลน์จีนแล้ว และมีผู้ใช้หลายคนถูกระงับบัญชีผู้ใช้งานชั่วคราวด้วย
จิน ซิง ดาราสาวประเภทสองจากรายการทอล์กโชว์ชื่อดังในจีน เป็นหนึ่งในผู้ที่ถูกระงับบัญชีผู้ใช้ในแอพ Weibo ภายหลังเผยแพร่เนื้อหาโจมตีประธานาธิบดีปูตินว่าเป็นบุคคลเสียสติ และเรียกร้องให้บรรดาผู้ติดตาม 13.6 ล้านคน สวดภาวนาเพื่อให้สันติภาพบังเกิดในยูเครน
“ดิฉันแค่เขียนว่าอยู่ฝ่ายที่เห็นแก่ชีวิต และยืนอยู่ตรงข้ามการทำสงคราม ไม่ได้บอกด้วยซ้ำว่าสนับสนุนสหรัฐอเมริกา รัสเซีย หรือยูเครน ดิฉันผิดตรงไหนไม่ทราบ” จิน ซิง กล่าวตัดพ้อ
หลาน เค่อ เป็นดาราสาววงการมายาระดับรางวัลทองคำในจีนอีกคนที่ถูกระงับบัญชีผู้ใช้ในแอพ Weibo เนื่องจากละเมิดข้อตกลงการใช้งานและข้อบังคับ หลังกดไลค์และแชร์ภาพเกี่ยวกับสงครามยูเครน แสดงจุดยืนต่อต้านสงคราม รวมถึงแชร์ภาพการประท้วงผู้นำรัสเซียที่นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ประเทศรัสเซีย
ความเคลื่อนไหวนี้สอดคล้องกับท่าทีของทางการจีนที่ไม่ยอมประณามการทำสงครามของประธานาธิบดีปูติน และไม่ยอมเรียกปฏิบัติการพิเศษทางทหารของผู้นำรัสเซียว่าการรุกราน แต่จีนย้ำว่าสนับสนุนการหาทางออกของปัญหาผ่านการเจรจาอย่างสันติ
การเซ็นเซอร์ของทางการจีนยังรวมถึงการลบจดหมายเปิดผนึกของบรรดานักวิชาการในจีนที่พยายามรวบรวมรายชื่อผู้ใช้อินเตอร์เน็ตที่ไม่เห็นด้วยกับการทำสงครามของรัสเซียใน WeChat
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ลู่ เสี่ยวหยู ผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจากมหาวิทยาลัยปักกิ่ง เขียนบทความที่ถูกนำไปเผยแพร่ใน WeChat เตือนสติชาวจีนว่า “การถูกมองว่าเป็นพันธมิตรของรัสเซียเป็นขั้นหนึ่งในหนทางที่จะนำไปสู่การสูญเสียแรงสนับสนุนจากประชาคมโลก” ล่าสุด ต้นฉบับของบทความดังกล่าวหายไปแล้ว
ด้านบริษัท เทนเซ็นต์ ผู้พัฒนาและดูแลแอพ WeChat รวมถึงบริษัทผู้พัฒนาแอพ Weibo ไม่ตอบรับคำขอสัมภาษณ์จากสำนักข่าวรอยเตอร์ถึงเหตุข้างต้น เช่นเดียวกันกับ สำนักงานควบคุมดูแลกิจการไซเบอร์สเปซของจีน (CAC)
ขณะที่โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวว่า ไม่ได้รับรายงานว่ามีบัญชีผู้ใช้ถูกระงับและการเซ็นเซอร์เกิดขึ้น พร้อมยืนยันว่าจุดยืนของทางการจีนต่อสงครามยูเครนนั้นชัดเจน โปร่งใสและมั่นคงไม่เปลี่ยนแปลง
นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่า การเซ็นเซอร์ที่เกิดขึ้นยังลุกลามไปถึงสื่ออื่นภายนอกโลกออนไลน์ด้วย โดยรอยเตอร์ได้รับการบอกเล่าจากผู้สื่อข่าว 3 คน ในสื่อจีน 2 แห่ง ยืนยันว่าได้รับการร้องขอจากบรรณาธิการให้ลดความร้อนแรงของบทความที่มีเนื้อหาแตกต่างไปจากจุดยืนของทางการจีน